นักวิจัย World Economic Forum เผย Blockchain เพิ่มการเทรดได้ 1 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ
นักวิจัยระบุ Blockchain สามารถเติมช่องว่างระหว่างอุปสงค์และอุปทานของการเทรดในระบบการเงินโลกได้ 1.5 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือเกือบ 50 ล้านล้านบาท โดยการช่วยจัดหาเงินให้กับธุรกิจขนาดกลางและเล็กหรือ SME ในตลาดเกิดใหม่
ในการแถลงร่วมระหว่าง World Economic Forum และ ain & Company ระบุจากงานวิจัยพบว่าการใช้ Blockchain จะทำให้เกิดการเทรดเพิ่มขึ้น 1 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในตลาดการเงินของธุรกิจโลก
อิงตามผลการคำนวณของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank) ช่องว่างทางการเงินโลก ปัจจุบันมีขนาด 1.5 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ และจะเพิ่มเป็น 2.4 ล้านล้าน ภายในปี 2025 งานวิจัยอธิบายต่อว่าปัญหานี้เกิดมาจากการไม่สามารถเข้าถึงเครดิตและแหล่งเงินกู้ของภาค SME ที่มีความต้องการจะขยายธุรกิจ
นักวิจัยโต้แย้งว่า อย่างไรก็ดี การระดมทุนที่หายไปนี้ สามารถลดลงได้ 1 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ หากมีการใช้ Blockchain อย่างกว้างขวางกว่านี้ เนื่องจากเครือข่ายแบบแพร่กระจาย สามารถแบ่งปันบันทึกรายการธุรกิจระหว่างสถาบันการเงินตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานและช่วยทำให้เครดิตของธุรกิจมีความโปร่งใสมากขึ้น
นักวิจัยระบุว่า
“พวกเขาจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงเครดิต ค่าธรรมเนียมที่น้อยลง และเอาอุปสรรคการเทรดออกไปได้ ”
“หากดำเนินการได้ ผู้ได้ประโยชน์หลัก คือ SMEs และตลาดเกิดใหม่ ซึ่งเป็นผู้ประสบเคราะห์จากการขาดการเข้าถึงเครดิตและมีที่ว่างมากพอให้การซื้อขายจะเติบโต”
นักวิจัยเสริมอีกว่า ระบบการเงินที่เทรดอยู่บนฐานของ Blockchain จะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจเอเชีย ซึ่งคิดเป็น 7% (1.05 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือ 3.3 ล้านล้านบาท) ของช่องว่างทางการเงิน และ 75% ของธุรกรรมโลกที่เป็นเอกสาร ทั่วทั้งห่วงโซ่อุปทาน
ก่อนหน้านี้ จีน และ ฮ่องกง ได้ริเริ่มระบบเทรดการเงินที่มีพื้นฐานบน Blockchain เพื่อพยายามให้ช่วย SME เข้าถึงเครื่องมือทางการเงินและป้องกันการทุจริตได้มากขึ้น