50 เปอร์เซนต์ ของเหรียญคริปโตท็อป 10 อันดับแรกมีเกณฑ์เป็นหลักทรัพย์ จาก ก.ล.ต. สหรัฐ
อ้างอิงจาก Multicoin Capital ซึ่งเป็นบริษัทเฮดจ์ฟันด์คริปโต และ มีพาร์ทเนอร์เป็นคุณ Kyle Samani ได้ใช้คำแถลงล่าสุดจากผู้อำนวยการฝ่ายการคลังของ ก.ล.ต. คุณ William Hinman, ที่ได้วิเคราะห์ 10 อันดับท็อปของเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ว่ามีเกณฑ์เข้าข่ายเป็นหลักทรัพย์หรือไม่
อ้างอิงจากทวีตของ คุณ Kyle Samani ได้ข้อสรุปว่าเหรียญคริปโตต่อไปนี้ถือว่าเป็นหลักทรัพย์
- Ripple (XPR)
- Stellar (XLM)
- IOTA (MIOTA)
- Tron (TRX)
- Cardano (ADA)
คุณ Samani ได้เน้นว่าเค้าได้ใช้คำพูดของผู้อำนวยการ Hinman ในการพิจารณาแต่ละเหรียญ
“ถ้าเครือข่ายของโทเค็นหรือเหรียญไหนที่มีการกระจายอำนาจในการทำงานเพียงพอ พอที่ผู้ซื้อไม่ได้คาดหวังให้บุคคลหรือกลุ่มไหนมาดูแลจัดการ สินทรัพย์นั้นไม่เป็นตัวแทนของสัญญาการลงทุน”
นอกจากนี้ Samani ยังกล่าวต่อว่า
“ผู้ซื้อไม่จำเป็นที่ต้องคาดหวังบุคคลหรอกลุ่มคนไหนมาจัดการ หรือ บริหารให้”
จากข้อความข้างต้นจึงสรุปได้ว่า XRP, XLM, IOTA, TRX และ ADA ถือว่าเป็นหลักทรัพย์ เพราะโปรเจ็คดังกล่วงนั้นมีบริษัทที่ครอบครองโทเค็นส่วนใหญ่ไว้ที่บริษัทเอง
ในกรณีของ Ripple, เป็นที่รู้กันว่าองค์กรจะถือครอง XRP ไว้สำหรับการซื้อฝาก อาจจะมีการให้ XRP หรือขาย XRP ให้กับตลาดบ้าง Samani เล่าว่า Stella Foundation ครอบครองมากกว่า 90% ของเหรียญทั้งหมด เช่นเดียวกับ IOTA และ TRX สาเหตุเดียวที่ทำให้ ADA อยู่ในลิสเหรียญที่เป็นหลักทรัพย์ ก็เนื่องจากแพลทฟอร์มยังไม่มีความกระจายศูนย์อย่างสมบูรณ์แบบ และ ไม่มีใครรู้ว่า ADA มีการครอบครองเหรียญอยู่เท่าไหร่
ในขณะที่ Bitcoin, Bitcoin Cash, Litecoin, Ethereum Classic และ EOS นั้นไม่ถือว่าเป็ฯหลักทรัพย์ เพราะทั้ง 5 เหรียญไม่มีเจ้าของของเหรียญเป็น องค์กรใดองค์กรนึง หรือ บุคคลใดบุคคลนึง นอกจากนี้ในเรื่องการขุด ยังทำให้บล๊อกเชนมีความกระจายศูนย์มากขึ้น
เขายังให้คำแนะนำกับ EOS community
EOS — มีเพียงการใช้งานแค่อย่างเดียว, B1 ถือ 10% ของเหรียญทั้งหมด B1 ไม่ได้ปล่อยเชนออกมา ถ้าชั้นเป็น B1 ฉันจะสนับสนุนให้ชุมชนสร้าง EOS อีกรอบ ทำให้รู้ว่า BPs เป็นธุรกิจอิสระที่จะสร้าง EOS ได้
คุณ Samani กล่าวในทวีตว่า
“อีกไม่กี่เดือนจะมีเรื่องที่น่าตื่นเต้น”