50+ Apps ที่บิทคับใช้ ตัวช่วย Work from home ให้มีประสิทธิภาพ
บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือที่รู้จักกันดีในนาม “บิทคับ” เป็นเครือบริษัทที่มีชื่อเสียงด้านการนำแอปพลิเคชันเข้ามาประยุกต์ใช้กับการทำงาน เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน เราอยู่ในยุคดิจิทัลที่มีเทคโนโลยีต่าง ๆ ช่วยอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งในด้านการใช้ชีวิต การเดินทาง และด้านการทำงาน เพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัย เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และเพื่อลดต้นทุนในการทำงานลง ประกอบกับวิสัยทัศน์ของคุณท็อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้บริหารกลุ่มเครือบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และเหล่าผู้บริหารในเครือ บิทคับจึงนำแอปพลิเคชันเข้ามาประสานกับการทำงานรวมกันกว่า 50 แอปพลิเคชัน!
นอกจากนี้ ท่ามกลางวิกฤติ COVID-19 ที่ทุกคนกำลังเผชิญ ทำให้มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำการ Work-from-Home เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสระบาดไปมากกว่านี้ การประยุกต์ใช้แอปพลิเคชันที่อยู่บนระบบออนไลน์ ช่วยให้บิทคับสามารถรักษาประสิทธิภาพในการทำงานไว้ได้เป็นอย่างดี
ในบทความนี้ เราจะมาดูตัวอย่างกันว่าในบรรดา 50 กว่าแอปพลิเคชันที่บิทคับใช้ มีแอปไหนที่น่าสนใจบ้าง!
1.Jira & Trello — บริหารงานจากที่ไหนก็ได้
เคยไหม? มีงานหรือโปรเจคที่ต้องติดตามพร้อมกันหลายงาน โปรเจคนี้ถึงไหนแล้วนะ? ใครเป็นคนดูแล? ต้องติดต่อใครเป็นหลัก? ควรทำโปรเจคไหนก่อนดีนะ? ปัญหาเหล่านี้ Jira กับ Trello สามารถช่วยได้
Jira และ Trello คือแอปพลิเคชันสำหรับการติดตามงานหรือโปรเจค ทั้ง 2 แอปมีผู้ให้บริการเดียวกันคือ Atlassian บริษัทที่ตั้งอยู่ในเมืองซิดนีย์ ออสเตรเลีย
จุดเด่นของ ทั้ง 2 แอปนี้ คือการรวมรวมข้อมูลโปรเจคที่ทีมกำลังทำหรือได้รับมอบหมายออกมาเป็นรูปภาพที่เข้าใจง่าย ๆ (Visualization) สามารถเห็นได้ว่า โปรเจคนี้คืบหน้าไปกี่ % แล้ว ใครเป็นผู้ดูแลหรือผู้ประสานงานหลัก ติดปัญหาตรงไหนบ้าง เป็นต้น
เมื่อเห็นภาพรวมคร่าว ๆ แล้ว หัวหน้าทีมก็จะสามารถกระจายงานออกไปให้สมาชิกในทีมได้อย่างเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ สมาชิกยังสามารถแสดงความคิดเห็น หรือเพิ่มสมาชิกในทีมให้เข้ามาช่วยดูแลโปรเจค และยังมีฟังก์ชันอื่น ๆ ที่ช่วยให้การบริหารงานเป็นเรื่องง่ายขึ้นอย่างมาก เช่น การดึงข้อมูลการทำงานออกเป็น Work Performance Report เป็นต้น
จุดแตกต่างระหว่าง 2 แอปนี้คือ Jira เป็นแอปพลิเคชันที่ต้องเสียเงิน มีฟังก์ชันเหมาะสำหรับการบริหารงานที่เป็นสเกลใหญ่ในระดับ Enterprise ส่วน Trello เป็นแอปฟรี เหมาะสำหรับการบริหารงานที่มีสเกลเล็ก แต่ก็สามารถซื้อแพ็คเกจ Business Class หรือ Enterprise ที่จะมีฟังก์ชันเพิ่มเติมให้ในแต่ละแพ็คเกจ
2.BambooHR — ทุกอย่างที่พนักงานต้องการในแอปเดียว
มาต่อกันที่แอปพลิเคชันที่พนักงานทุกคนต้องชอบ นั่นคือ BambooHR แม้จะมีชื่อลงท้ายว่า HR แต่ประโยชน์ของมันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ทีม HR แต่อย่างใด!
BambooHR คือแอปพลิเคชันเกี่ยวกับการบริหารบุคลากร เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการเซ็นเอกสารออนไลน์ เป็นแหล่งรวมข้อมูลสวัสดิการของพนักงาน และอื่น ๆ อีกมากมาย ได้รับการพัฒนาโดยบริษัทเทคโนโลยีชื่อ BambooHR ตั้งอยู่ในรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา
ประโยชน์ของ BambooHR เริ่มตั้งแต่ที่พนักงานทำการสมัครเข้ามา โดยหัวหน้าทีมหรือผู้เกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบประวัติและเอกสารของผู้สมัคร หากสนใจก็สามารถทำการนัดสัมภาษณ์ผ่านแอปได้ทันที โดยทีม HR ก็จะรับทราบและเตรียมการต่าง ๆ ได้โดยทันที
เมื่อได้เข้ามาเป็นพนักงานแล้ว พนักงานยังสามารถตรวจสอบสวัสดิการต่าง ๆ ที่เขาจะได้รับผ่าน BambooHR ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวันลา สิทธิประโยชน์ แผนผังองค์กร และข้อมูลอื่น ๆ
พนักงานยังสามารถกรอกและเซ็นเอกสารต่าง ๆ แบบออนไลน์ผ่าน BambooHR เมื่อเซ็นแล้ว เอกสารจะถูกส่งต่อไปยังหัวหน้าทีมหรือผู้ที่เกี่ยวข้องให้เซ็นต่อตามลำดับขั้น เรียกว่าได้ว่าสะดวกสุด ๆ แทบไม่ต้องเสียเวลาเดินไปหาทีม HR เลยทีเดียว
3.Adobe Creative Cloud — ครบเครื่องเรื่องงาน Creative
มาต่อกันที่แอปสำหรับสาย Creative กันบ้าง Adobe Creative Cloud คือแพลตฟอร์มที่รวบรวมแอปพลิเคชันสำหรับงานกราฟฟิก ตัดต่อวิดีโอ ออกแบบเว็บ แต่งภาพ และงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์อีกมากมาย
Adobe Creative Cloud พัฒนาโดยพัฒนาบริษัทซอร์ฟแวร์ยักษ์ใหญ่ที่หลาย ๆ คนน่าจะคุ้นเคยกันดีอย่าง Adobe ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
แอปพลิเคชันบน Adobe Creative Cloud ประกอบด้วย Photoshop, Illustrator, Premiere Pro, After Effect และอื่น ๆ อีกมากมาย
สำหรับจุดเด่นของแอปพลิเคชันของ Adobe ผู้ที่ทำงานสาย Creative ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกับคุณสมบัติของแอปเหล่านี้ดีอยู่แล้ว ด้วยฟังก์ชันที่ครบครัน ตอบทุกโจทย์จินตนาการของนักออกแบบมืออาชีพ และด้วยการที่แอปพลิเคชันเหล่านี้อยู่บนระบบ Cloud จึงมั่นใจได้ว่าแอปพลิเคชันจะได้รับการอัปเดทเป็นเวอร์ชันล่าสุด และไฟล์งานจะถูกเก็บอย่างเป็นระเบียบอยู่ในรูปแบบออนไลน์ ทำให้การทำงานเป็นทีมราบรื่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม
4.Figma — แอปที่สาย UXUI ต้องมี
Figma คือแอปพลิเคชันที่สร้างขึ้นมาสำหรับ Web Designer โดยเฉพาะ โดยมีผู้เปรียบเทียบ Figma เป็นเหมือนกับ Google doc สำหรับนักออกแบบ
ด้วยหน้าตาที่เรียบง่าย แต่อัดแน่นด้วยฟังก์ชันที่เพียบพร้อม Web Designer สามารถใช้ Figma ในการออกแบบเว็บไซต์ในจินตนาการออกมาได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะจัดภาพ จัดปุ่ม หรือจัดเนื้อหาต่าง ๆ ก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องโค้ดคำสั่งที่วุ่นวาย และยังสามารถให้เพื่อนร่วมงานเข้ามาแสดงความเห็นหรือช่วยกันออกแบบได้แบบ Real-time
เมื่อได้หน้าตาเว็บไซต์อย่างที่ต้องการแล้วก็สามารถส่งต่อให้กับทีม Web Developer ในการสร้างและนำเว็บขึ้นไปอยู่บนโลกอินเทอร์เน็ตได้อย่างสะดวกสบาย
5.Discord — ใกล้ชิดเพื่อนร่วมงานได้ แม้ตัวจะห่างกัน
Discord คือแพลตฟอร์มสำหรับการส่งข้อความหรือติดต่อกับผ่าน Text message, Voice calls, หรือ Video calls คล้ายกับ Line แต่ Discord จะเหมาะกับการติดต่อกันแบบเป็นกลุ่มขนาดใหญ่มากกว่า
Discord สามารถสร้าง Channel ที่เป็นช่องทางการติดต่อสื่อสารสำหรับชุมชนนั้น ๆ โดยเฉพาะได้ สามารถตั้งได้ว่าจะให้ Channel นั้นเป็น Private Channel ที่จะต้องมีลิ้งค์ถึงจะเข้าร่วมได้ หรือจะเป็น Public Channel ที่ใครก็สามารถค้นหาเจอได้
นอกจากนี้ ภายใน Channel ยังสามารถแบ่งออกเป็นห้องต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์หรือตามทีมต่าง ๆ ได้ ดังนั้น ใครที่ต้องการประสานงานกับทีมใดเป็นการพิเศษก็จะสามารถเข้าร่วมห้องนั้นได้โดยทันที แถมยังสามารถสร้าง Bot ให้มาช่วยดูแลอำนวยความสะดวกด้านข้อมูลให้กับผู้ที่อยู่ใน Channel ได้อีกด้วย
6.Google Services — แอปสารพัดประโยชน์ที่ต้องมีติดเครื่อง
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด แอปพลิเคชันพื้นฐานที่ต้องมีติดเครื่องไว้เสมอกับ Google Services พัฒนาโดยบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่ทุกคนรู้จักกันดีอย่าง Google
Google Services สามารถแบ่งฟังก์ชันออกมาได้คือ Gmail, GDrive, Google Calendar, Google Doc, Google Sheet และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งสามารถครอบคลุมการทำงานพื้นฐานได้เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอีเมล งานเอกสาร งานพรีเซนท์ งานด้านสถิติ การประชุมออนไลน์ ฯลฯ
จุดเด่นของ Google Services คือการที่เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ งานด้านเอกสารต่าง ๆ ที่บันทึกไว้บน Google Doc หรือ Google Sheet สามารถแชร์ให้เพื่อนร่วมงานได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ส่งลิ้งค์ให้ จากนั้นเพื่อนร่วมงานก็สามารถเข้ามาช่วยตรวจทาน แก้ไข หรือเสนอความเห็นได้เลย ไม่ต้องโหลดไฟล์เก็บไว้ให้เปลืองพื้นที่เครื่อง
แล้วฮาร์ดแวร์ที่บิทคับเลือกใช้ล่ะ?
ต่อให้แอปพลิเคชันหรือซอท์ฟแวร์เหล่านี้จะมีประสิทธิภาพในการทำงานมากแค่ไหน หากขาดฮาร์ดแวร์ที่ได้มาตรฐานไปก็คงจะไม่สามารถแสดงศักยภาพออกมาได้เต็มที่
ด้วยเหตุนี้ บิทคับจึงเลือก MacBook Air และ Macbook Pro รุ่นล่าสุดอย่าง M1 ของ Apple ให้กับพนักงานทุกคนในบริษัทฯ
อย่างที่ทราบกันดี Apple มีชื่อเสียงด้านการผลิตอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์คุณภาพสูง วัสดุที่ทนทาน ชิปประมวลผลที่ตอบสนองได้ทุกการใช้งาน Macbook จึงเป็นตัวเลือกอันดับแรก ๆ ของบริษัททั่วโลก
ไม่ใช่แค่เรื่องของดีไซน์หรือวัสดุเท่านั้น Macbook ยังมาพร้อมกับ macOS ระบบปฏิบัติการที่ได้รับการยอมรับในเรื่องของเสถียรภาพ การออกแบบ UI ที่ใช้งานง่าย และที่สำคัญที่สุดคือมาตรฐานความปลอดภัย ล่าสุด macOS ยังได้รับการอัปเดทในชื่อ Big sur ที่ยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน และการประหยัดพลังงานขึ้นไปอีกขั้น
นี่เป็นเพียงบางส่วนจาก 50 กว่าแอปพลิเคชันที่บิทคับใช้ ทำให้ไม่ว่าอยู่ที่ไหน แม้จะไม่ได้เข้าออฟฟิศก็สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้อ่านสามารถเลือกนำไปปรับใช้กับการทำงานที่บ้าน (Work from home) หรือผู้ประกอบการ สตาร์ทอัพก็สามารถเลือกนำไปประยุกต์ใช้กับองค์กรของตนเองเพื่อประโยชน์ในการทำงานได้เช่นกัน
เราจะมีบทความแนะนำแอปพลิเคชันที่บิทคับใช้เพิ่มเติมอีกแน่นอน อย่าลืมติดตาม Facebook Bitkub Official!
หากคุณเป็นอีกคนที่มีความมุ่งมั่นที่จะร่วมพัฒนาวงการเทคโนโลยีในประเทศไทยให้ก้าวสู่ระดับโลก สามารถติดต่อสมัครงานกับบิทคับได้ทาง: https://careers.bitkub.com/