สรุปประเด็นสำคัญจากงาน Bitkub Meetup ครั้งที่ 5

Napisa Wisuttipun
Bitkub.com
Published in
6 min readAug 26, 2024
Bitkub Meetup ครั้งที่ 5 หัวข้อ 3 Generations of Entrepreneurs งานเสวนาที่นำผู้บริหารของทางเครือบิทคับ และผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จในหลากหลายธุรกิจ ร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นและถ่ายทอดความรู้ และเส้นทางสู่ความสำเร็จของการเป็นผู้ประกอบการ

เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด, บริษัท บิทคับ แล็บส์ จำกัด และ บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ร่วม จัดงานเสวนา Bitkub Meetup 2024 ครั้งที่ 5 ในหัวข้อ “3 Generations of Entrepreneurs” งานเสวนาที่นำผู้บริหารของทางเครือบิทคับ และผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จในหลากหลายธุรกิจ ร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นและถ่ายทอดความรู้ และเส้นทางสู่ความสำเร็จของการเป็นผู้ประกอบการ โดยแบ่งการเสวนาออกเป็น 2 ช่วง คือ The Next-Gen Rising Stars และ 3 Generations of Entrepreneurs

Bitkub Meetup 2024 ครั้งที่ 5

ช่วงที่ 1 : หัวข้อ The Next-Gen Rising Stars
.
ร่วมเสวนา โดย
.
1.คุณ CK Cheong ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟาสต์เวิร์ค เทคโนโลยีส์ จำกัด แพลตฟอร์มสำหรับคนทำงาน Freelance
.
2.คุณกานต์ อรรถกร รัตนารมย์ และ คุณซารต์ ปัทมพร ปรีชาวุฒิเดช ผู้ก่อตั้ง BEARHOUSE แบรนด์ชานมและเยลลี่บุกชื่อดัง
.
3.คุณระริน ธรรมวัฒนะ และ คุณนที จรัสสุริยงค์ ผู้ก่อตั้ง GUSS DAMN GOOD ไอศกรีมคราฟต์
.
4.คุณหนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ พิธีกรด้านไอทีและผู้ผลิตคอนเทนต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โชว์ไร้ขีด จำกัด (SHOW NO LIMIT)

.
.

CK Cheong เส้นทาง Fastwork และสร้างงานโดยคนไทย กระจายรายได้ให้คนไทยทั่วทุกภูมิภาคและทั่วโลก

— โอกาสของการทำธุรกิจในแบบของ CK Cheong
“ในวันที่ไม่มีใครเชื่อคุณ ไม่มีใครเชื่อในธุรกิจ แต่เรายังเชื่อ นี่คือโอกาส” —

.

คุณ CK Cheong เริ่มต้นเล่าเส้นทางการก่อตั้ง Fastwork ที่ต้องเข้ามากอบกู้บริษัทที่เงินทุนจำนวน 250 ล้านบาทกำลังจะหมด ทั้งยังเป็นช่วงการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ที่ทำให้ผู้ร่วมลงทุนหายไปทั้งหมด จนนำมาสู่การทำ convertible note ระยะ 1 ปี เพื่อกอบกู้สถานการณ์ของบริษัท (convertible note คือ หุ้นกู้ที่ให้สิทธิแก้ผู้ลงทุน ที่ไม่ได้มีการคืนเงินต้นเมื่อครบอายุ แต่จะให้สิทธิแก้ผู้ถือในการแปลงหุ้นกูเเป็นหุ้นสามัญ)

.

สิ่งสำคัญของการธุรกิจในวันนั้นที่ทำให้ Fastwork อยู่มาได้จนทุกวันนี้ คือ “ในวันที่ไม่มีใครเชื่อคุณ ไม่มีใครเชื่อในธุรกิจ แต่เรายังเชื่อ นี่คือโอกาส” นี้คือส่ิงที่คุณ CK กล่างไว้ รวมถึงในช่วงที่บริษัทอยู่ช่วงย่ำแย่ที่สุด คุณ CK กล่าวว่า “คนที่ช่วยบริษัทมากที่สุด และรักบริษัทมากที่สุด คือ พนักงาน ที่คอยช่วยกันทำแคมเปญตั้งใจทำงานกันอย่างมากเพื่อให้บริษัทอยู่ต่อได้”

.

สิ่งที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จของคุณ CK คือ การที่เขามีจุดแข็งของเป็นนักลงทุน คิดแบบนักลงทุน เน้นย้ำถึงการสร้างแบรนด์ในแบบระยะยาว การสร้างแบรนด์แบบระยะสั้นอาจจะเห็นผลเร็ว แต่ต้องแลกมาด้วยความไม่ยั่งยืน เราสามารถทำการตลาดแบบไม่ต้องเสียเงินได้เพราะมีการอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย โดยเขายกตัวอย่างการทำ TikTok ในช่องของเขาเองที่มีการโพสวิดีโอ 3 คลิป มาตลอด 3 ปี

.

ในยุคนี้ AI กำลังเป็น S-curve หรืออุตสาหกรรมใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต ที่จะเข้ามาเป็นตัวกลางในการสื่อข้ามระหว่างคนต่างภาษาลดอุปสรรคทางด้านภาษา ซึ่งจะเข้ามาช่วยคนไทยที่เก่งเรื่องการบริการมากๆ ได้เป็นที่รู้จัก และช่วยให้คนไทยไปทำงานให้กับคนทั่วโลก ซึ่งคุณ CK มองว่า ปัจจุบันงานยังกระจุกอยู่เพียงแค่ในกรุงเทพมหานคร ถ้าหากการเติบโตของงานต่างๆ สามารถกระจายไปตามจังหวัดต่างๆ จะสามารถช่วยกระจายความเจริญและการเติบโตไปยังพื้นที่อื่นๆ ได้อีกด้วย

.

สำหรับความฝันของคุณ CK ที่อยากจะไปให้ถึง คือ ต้องการเป็นตัวอย่างธุรกิจไทยสำหรับฟรีแลนซ์ชาวไทย สร้างโอกาสให้เป็น Softpower ให้กับประเทศไทย และสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับคนไทยทั้งประเทศ

.

— — — — — — — — — — — — — — — — — —

.

คุณกานต์ อรรถกร รัตนารมย์ และ คุณซารต์ ปัทมพร จาก Youtuber สู่เจ้าของกิจกรรมชานม BEARHOUSE มุ่งเป้าสร้างสาขาทั่วโลก

— โอกาสของการทำธุรกิจในแบบของ คุณกานต์ และ คุณซารต์ BEARHOUSE
“การไม่หยุดมองหาโอกาสใหม่ๆ และ กล้าออกจาก Safe Zone กล้าที่จะทำผิด กล้าที่รู้สึกผิดหวัง” —

.

ทางด้านของคุณกานต์ อรรถกร รัตนารมย์ และ คุณซารต์ ปัทมพร ปรีชาวุฒิเดช ผู้ก่อตั้ง BEARHOUSE เล่าให้ฟังว่า จุดเริ่มต้นของการธุรกิจจากการเป็น Youtuber นำเงินที่ได้จากการทำช่องของตัวเตรียมจะไปซื้อแฟรนไชส์ชาไข่มุกเจ้าดังเจ้าหนึ่งจากไต้หวัน แต่ด้วยเงื่อนไขที่สูงมากๆ ทำให้ทั้งสองคนตัดสินใจมาทำแบรนด์ของตัวเอง เริ่มเปิดสาขาแรกที่สยาม ด้วยการไม่ทำประชาสัมพันธ์เปิดเผยตัว จึงทำให้การขายในวันแรกๆ ไม่มีลูกค้าเลย จึงตัดสินใจโพสต์เชิญชวนให้คนเข้ามาลองชิมพร้อมรับ feedback จนทำให้เสียงตอบรับจากแบรนด์ดีขึ้นมากๆ โดยคุณซารต์กล่าวว่า “การไม่หยุดมองหาโอกาสใหม่ๆ และ กล้าออกจาก safe zone กล้าที่จะทำผิดกล้าที่รู้สึกผิดหวัง” เพราะที่ผ่านมา ทำมาแล้วทั้งหมด 4 บริษัทแต่ก็เจ๊งไปหมด แต่ก็ไม่ยอมหยุดไม่ยอมแพ้

.

สำหรับการทำงานในบริษัทของ BEARHOUSE มีการนำ AI มาใช้ในคาดการณ์ปริมาณวัตถุดิบและสินค้าที่มีความต้องการ เนื่องจากสินค้าของบริษัทมีหลายผลิตภัณฑ์และออกสินค้าใหม่อยู่ตลอดเวลา ซึ่งการนำเทคโนโลยีมาใช้จะช่วยลดการทำงานของพนักงานได้เยอะมากๆ และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ทาง BEARHOUSE ยังสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้พนักงานทุกคนมีเวลาส่วนตัวเป็นของตัวเอง แยกแอปพลิเคชันการสนทนาระหว่างเรื่องส่วนตัวออกจากการทำงาน เช่น การใช้ Slack, Notion

.

ในปัจจุบันทาง BEARHOUSE มีทั้งหมด 36 สาขาแล้ว แต่ทั้งคุณกานต์และคุณซารต์ ต่างก็มองว่าทางแบรนด์จะยังไม่หยุดพยายามขยายสาขา อยากเปิดสาขาในต่างประเทศ มีเฟรนไชส์ทั่วโลก อยากให้คนทั้งโลกได้ลองชิมชานมและเยลลี่บุกสินค้าจากคนไทย ที่ตอนนี้เริ่มขยายการส่งออกเยลลี่บุกไปยังลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย

.

— — — — — — — — — — — — — — — — — —

.

คุณระริน ธรรมวัฒนะ และ คุณนที จรัสสุริยงค์ เส้นทาง Guss Damn Good เริ่มจากศูนย์สู่ไอศกรีมคราฟต์เปิดสวิชต์ความรู้สึกโคตรดีที่ได้กินไอติม

— โอกาสของการทำธุรกิจในแบบของ คุณระริน และ คุณนที Guss Damn Good
“อะไรที่ไม่เวิร์ค ก็น่าจะเสี่ยงดู แทงสวน” จุดกำเนิดของไอศกรีมเป็นมากกว่าไอศกรีม —

.

สำหรับ คุณระริน ธรรมวัฒนะ และ คุณนที จรัสสุริยงค์ ผู้ก่อตั้ง Guss Damn Good ไอศกรีมคราฟต์ ตอบด้วยความภาคภูมิใจในเรื่องการทำแบรนด์ที่แตกต่างจากทั้งของคุณ CK คุณกานต์ และคุณซารต์ โดยเริ่มต้นจากเงินทุนเพียง 500,000 บาท ไม่มีช่องทางโซเชียลมีเดีย ไม่มีความรู้เรื่องอาหารเลย มีเพียงเครื่องทำไอศกรีมและส่วนผสมที่ดีที่สุดเท่านั้น โดยความสนใจเริ่มทำธุรกิจไอศกรีม คือ ตอนไปเรียนปริญญาโทที่ Boston มองว่าไอศครีมที่ Boston กับที่ไทย มีลักษณะที่แตกต่างกันมากๆ ไอศกรีมในไทยเน้นการใส่ท็อปปิ้งที่หลากหลาย แต่ของที่โน้นจะเป็นไอศครีมลูกกลมๆ ที่ไม่มีการใส่อะไรลงไปเลย จนทำให้คุณระรินและคุณนทีเริ่มออกชิมและศึกษาไอศกรีทที่ต้องการให้ทุกรสชาติมีเรื่องราว สามารถมีบทสนทนาร่วมกันได้ระหว่างลูกค้าและทางร้าน คุณระรินบอกว่าตอนเริ่มทำ Guss Damn Good ออกมาใหม่ๆ ใครก็ต่างบอกว่า “ไม่เวิร์คหรอก ก็น่าจะสี่ยงดู แทงสวน” ทางคุณระรินและคุณนทีจึงมองนี้เป็นโอกาสสำคัญ เหตุผลหนึ่ง คือ ต้องการทำไอศครีมต้องเป็นจุดเด่น ไม่อยากให้ไอศกรีมมีองค์ประกอบอื่นๆ อยากสร้างไอศกรีมที่เป็นมากกว่าไอศกรีม

.

ภายใต้การบริหารของคุณระริน มีจุดเด่นที่แตกต่างจากของ Fastwork และ BEARHOUSE คือการยังพัฒนาแบรนด์โดยการใช้คนเป็นส่วนใหญ่อยู่ เพราะมองว่าการทำไอศกรีมของ Guss Damn Good เป็นเหมือนงานศิลปะมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม การทำงานหลังบ้านก็มีการใช้เทคโนโลยีบางตัวเข้ามาเชื่อมต่อพนักงานหน้าบ้านและหลังบ้านมากขึ้นด้วยเช่นกัน

.

สำหรับแบรนด์ Guss Damn Good ที่ตอนนี้มีทั้งหมด 16 สาขา และ BALCONY Cream Tea 1 สาขา ด้วยการทำงานที่เข้าปีที่ 10 แล้วยังมีเป้าหมายที่ไม่เหมือนใคร คือ การทำมิชชั่นของการทำไอศกรีม “อยากเปิดสวิชต์ความรู้สึกโคตรดีที่ได้กินไอศกรีม”

.

— — — — — — — — — — — — — — — — — —

.

.

ช่วงที่ 2 : 3 Generations of Entrepreneurs
.
ร่วมเสวนา โดย
.
1.คุณท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด
.
2.คุณตัน ภาสกรนที ผู้ก่อตั้ง และ CEO อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
.
3.คุณยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่และผู้ร่วมก่อตั้ง LINE MAN Wongnai
.
4.คุณหนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ พิธีกรด้านไอทีและผู้ผลิตคอนเทนต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โชว์ไร้ขีด จำกัด (SHOW NO LIMIT)

.

— — — — — — — — — — — — — — — — — —

.

อะไร คือ ความสำเร็จของคนทำธุรกิจ

เคล็ดลับการทำธุรกิจแบบ คุณตัน ภาสกรนที แห่ง อิชิตัน กรุ๊ป
“ไม่ว่าจะทำอะไร ต้องทำให้วิกฤตเป็นโอกาส อย่าโทษใครถ้าเราไม่พยายามให้ถึงที่สุด และต้องทำให้มากที่สุด อดทนมากๆ” —

.

สำหรับคุณตัน ภาสกรนที ผู้ก่อตั้ง และ CEO อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ถือได้ว่าเป็นเจ้าพ่อคอนเทนต์ในยุคก่อน เป็นคนแรกๆ ที่มี Like แฟนเพจมากถึง 1 ล้านคน โดยคุณตันมองว่า การทำธุรกิจที่ยากที่สุด คือ การเริ่มจากศูนย์ ซึ่งการทำเครื่องดื่มชาขวดทั้งแบรนด์โออิชิและอิชิตันนั้นประสบความสำเร็จได้ เป็นเพราะ “สื่อโฆษณา” ที่ต้องทำสื่อโฆษณาและสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เป็นธรรมชาติ ไม่ต้องคิดจนเกินไป จึงจะทำให้มีคนมาติดตาม

.

เบื้องหลังของการทำยอดขายให้กับโออิชิที่คุณตันไม่เคยเล่าที่ไหน คือ โฆษณาที่เป็นหนอนชาเขียว ของ Unif (ยูนิฟ) จากเดิมที่ Unif เคยครองอันดับ 1 บน Market Share แต่เมื่อโฆษณาชิ้นนั้นออกมา ทำให้ยอดขายของโออิชิสามารถทำตลอดและขายได้อย่างถล่มทยาย จึงกลายมาเป็นบทเรียนสำคัญที่คุณตันบอกว่า การทำสื่อโฆษณา “ต้องบอกด้วยว่าสินค้านี้เป็นของใคร”

.

ในการทำธุรกิจของคุณตัน มีสูตรสำเร็จที่ใช้ติดต่อกันมาเกือบ 20 ปี คือ การแจกน้ำ แจกสินค้า เน้นการทำการตลาดแบบ Spider marketing ที่เริ่มต้นด้วยการแจกคูปองให้คนเข้ามาใช้บริการ แม้ในช่วงแรกจะเป็นการแจกให้รับประทานฟรี ยอมขาดทุน รวมถึงการทำแคมเปญ ซื้อของในเซเว่นอีเลฟเว่น ครบ 40 บาท แลกซื้อชาเขียว 2 ขวด 25 บาท เป็นแคมเปญที่ทำให้โออิชิสามารถทำยอดขายได้มากมายจนต้องเพิ่มกำลังการผลิตให้มากขึ้น

.

เบื้องหลังของความสำเร็จไม่ได้มีเพียงเรื่องการทำแคมเปญ แจกสินค้าแจกคูปองหรือทำส่วนลดจากการซื้อขายเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของความกล้า “ต้องกล้าทำ กล้าเสี่ยง กล้า ลองผิดลองถูก” ต้องทำงานแบบ “ซามูไร ที่ต้องทำให้สำเร็จ ไม่เกี่ยงงาน ไม่เกี่ยงเงิน ถ้าทำไม่สำเร็จ ก็ต้องทำให้สำเร็จ” (เพราะถ้าไม่สำเร็จจะต้องคว้านท้อง ในส่วนนี้คุณตันเปรียบเปรยเอาไว้) ความกล้านั้นคือ ต้องลงทุนมาทำโรงงานที่ไม่รู้จักเลย เพราะยอดขายชาเขียวเพิ่มขึ้นมากๆ ถึงกับบอกกับผู้ถือที่ลงทุนว่า ถ้ายอดขายไม่ดีใน 6 เดือน ก็ต้องปิดโรงงาน เป็นการเดิมพันครั้งสำคัญที่เทหมดหน้าตัก

.

คุณตันเน้นย้ำเรื่องการลงทุน คือ ไม่ว่าจะลงทุนอะไร “จะต้องลงทุนในจำนวนที่ยอมรับได้” และ ความสำคัญของ “ของการคิด” ถ้าหากสามารถเปลี่ยนวิธีคิดได้ การทำงานบางอย่างจะสามารถทำได้ง่ายขึ้นและเห็นผลขึ้น เพราะการคิดบ้างครั้งทำให้ติดกรอบมากเกินไป

.

สำหรับคำแนะนำสำหรับอนาคต คุณตันให้ความเห็นว่า “ไม่ว่าจะทำอะไร ต้องทำให้วิกฤตเป็นโอกาส ถ้าหามันให้เจอ ทุกวิกฤต ก็คือโอกาส อย่าโทษใครถ้าเราไม่พยายามให้ถึงที่สุด และต้องทำให้มากที่สุด อดทนมากๆ”

สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องมี ในแบบ ของ คุณยอด ชินสุภัคกุล LINE MAN Wongnai
“ต้องมีความอดทนต่อความเจ็บปวดความเครียด นึกภาพตัวเองเป็นลูฟี่
มีร่างกายเป็นยาง ยิงไม่เข้าฟันไม่เจ็บ”

.

คุณยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่และผู้ร่วมก่อตั้ง LINE MAN Wongnai บอกว่าสำหรับการสื่อโฆษณาทาง LINE MAN Wongnai ไม่เคยใช้ตัวของคุณยอดเป็นพรีเซนเตอร์แบบคุณท๊อปและคุณตัน แต่สูตรของทาง LINE MAN จะเป็นเรื่อง Digital Marketing มากกว่า เน้นเรื่องการวัดผลทางการตลาด โดยแบ่งผู้ใช้งานออกเป็น segment และทำการเปรียบเทียบและทดสอบ เช่นเดียวกับการทำการตลาดของกลุ่ม E-commerce เจ้าอื่นๆ

.

การเริ่มทำธุรกิจในช่วงแรกของคุณยอดเป็นอะไรที่ค่อนข้างยาก เพราะตอนนั้นเริ่มทำเว็บไซต์รีวิวอาหารชื่อว่า “Wongnai (วงใน)” มีคู่แข่งกับเว็บไซต์จากฮ่องกงที่ชื่อว่า “OpenRice” ทั้งยังเป็นยุคที่โซเชียลมีเดียวยังไม่ดังมาก ยังเป็นยุคที่ทุกคนยังใช้มือถือ BlackBerry ผู้คนยังเข้าเว็บไซต์ หรือในด้านของการเป็น Food Delivery มีคู่แข่งรายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Grab, Lazada, Shopee ซึ่งทาง LINE MAN Wongnai ยังคงต้องเพิ่มขีดความสามารถกับคู่แข่งกับต่างชาติให้ได้ โดยคุณยอดเชื่อว่าอาหารไทยเป็นจุดเด่นของไทย แต่ยังขาดเรื่องการชูวัตถุดิบ เรายังขาดการชูด้าน geographical identity เพื่อสร้างการเป็นที่รู้จักในวงกว้าง หาจุดเด่นให้คนมาซื้อ ซึ่งทางแพลตฟอร์มเองก็ต้องเพิ่มศักยภาพในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องมี ในแบบ คุณท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา แห่ง Bitkub
“ต้องมีความเสียสละ ความสำเร็จมีราคาเสมอ และต้องรับความเจ็บปวดให้ได้” —

.

คุณท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด เริ่มต้นด้วยการเล่าถึงการเข้ามาอยู่ในอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีตั้งแต่ปี 2013 จาก coins.co.th แล้วจากนั้นมาเปิดบิทคับเมื่อปี 2018 เป็น startups ไม่ระดมทุนผ่าน VC และทำงานอยู่บนกำไรของบริษัท โดยแบ่งช่วงของการทำบิทคับเป็น 3 ช่วง คือ

.

ช่วงที่ 1 War time เป็นช่วงพยายามทำกำไร
.
ช่วงที่ 2 เป็นช่วง Scale up คือการทำให้บริษัทเติบโตขึ้น ในขณะนั้นบิทคับเติบโต 1,000%
.
ช่วงที่ 3 เป็นช่วงที่ทำให้บริษัทมีความยั่งยืน

.

แต่อย่างไรก็ตามการทำบริษัทก็มีความยากและเป็นบทเรียนสำคัญให้กับชีวิตเหมือนกัน จุดหนึ่งที่เห็นชัดเจนที่สุด คือ การ over value ในช่วงเริ่มต้นบริษัทไว้มากเกินไป ทำให้การทำงานในช่วง 10 เดือนแรกต้องเสียสละอย่างมาก เพื่อทำให้บริษัทเติบโต และบิทคับเองก็สามารถเติบโตได้มากถึง 1,000% ถึงแม้บิทคับจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่ก็มีช่วงเวลายากลำบากที่เงินสำหรับจ่ายพนักงานเหลือเพียง 2 เดือนเท่านั้น หลังจากที่ผ่านมาได้บิทคับเองก็ยังมีต้องประสบปัญหาอยู่ไม่น้อย เพราะที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้จากอดีต แต่ลืมคิดถึงเรื่องอนาคต เช่น ช่วงเวลาที่บิทคับเติบโตมากที่สุดถึง 2,000% เราก็ลืมเตรียมการรับมือให้ทันการเพราะที่ผ่านมา เราเอาแต่กลัวว่าเกินเหตุการณ์ซ้ำรอยจากอดีต

.

ข้อเสียอีกประการ คือ การที่บิทคับไม่ทุ่มงบประชาสัมพันธ์ให้คนอื่นช่วยทำ แต่เลือกใช้คนภายใน นั้นคือ คุณท๊อป ที่ภายหลังทำให้ใบหน้าของคุณท๊อปเป็นที่จดจำว่าเป็นบุคคลด้านคริปโต ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไร เหรียญจะตก คนก็ว่าเป็นเพราะคุณท๊อป

.

คำแนะนำสำหรับอนาคต คุณท๊อปบอกว่า เราไม่ควร apply สิ่งเก่าๆ มาใช้กับปัจจุบันหรืออนาคต ต้องกล้าทำส่ิงใหม่ๆ ถ้าไม่รีบทำเราจะทางตามคนอื่นไม่ทัน โอกาสที่จะเป็นผู้ชนะมีเยอะมาก ต้องเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ในโลกของความเป็นจริงคนที่ประสบความสำเร็จบางครั้งไม่ใช่เพียงเพราะเขาเก่ง แต่เพราะเขาเริ่มทำเป็นคนแรกๆ ยิ่งปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ๆ วิธีการทำงานก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ไม่สามารถนำสูตรเก่าๆ มาใช้ได้อีก ในโลกมีเทคโนโลยีที่จะช่วยทำงานให้ดีขึ้นเร็วขึ้น เพียงต้องคิดและตัดสินใจให้ถูก โอกาสที่จะสำเร็จก็จะมีมากขึ้น

.

— — — — — — — — — — — — — — — — — —

.

คำถามจากผู้ฟัง “ในแต่ละ Generation มีผลกับความสำเร็จหรือไม่”

.

คุณตัน กล่าว แต่ละยุคเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว คนในยุคของคุณตันอยู่ได้เพราะความเชื่อและจิตนาการ ยังคงยึดติดอยู่กับธุรกิจแบบเดิม ที่ต้องมีพนักงาน มีโรงงาน ซึ่งคนรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้ได้เปรียบกว่า ถึงแม้จะไม่มีต้นทุนก็เริ่มหาลู่ทางการขายได้เลย และคนรุ่นใหม่จะทำได้ดีกว่าคนรุ่นเก่า

.

คุณยอด แนะนำว่า สิ่งสำคัญ คือ “การมี Self-awareness” คือ การเข้าใจคนใน generation ที่แตกต่าง ต้องเข้าใจคนรุ่นข้างบนเรา รุ่นที่อยู่ข้างล่างเรา และรุ่นถัดไปด้วย เพราะเมื่อแต่ยุคเปลี่ยนไปความถนัดของเราก็ไม่ใช่สิ่งเดิมอีกต่อไปแล้ว

.

คุณท๊อป กล่าวว่า เราจะต้องมี “beginner’s mindset” เปรียบเหมือนน้ำที่ไม่เต็มแก้ว ต้องเปิดกว้างที่จะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา สำหรับคุณท๊อปในแต่ละปี จะแบ่งเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อไปเรียนหนังสือกับคนทำธุรกิจต่างๆ เป็นการสร้างแรงบันดาลใจ และเมื่อได้แรงบันดาลใจมาแล้วต้องรีบลงมือทำ เพราะแรงบันดาลใจนั้นมาเร็วไปเร็ว ทุกอย่างวัดที่การลงมือทำ ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา ทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้ว และเราสามารถทำผิดพลาดได้ ต้องแก้ไขและเรียนรู้

Bitkub Meetup 5 คุณหนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ คุณหนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ พิธีกรด้านไอทีและผู้ผลิตคอนเทนต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โชว์ไร้ขีด จำกัด (SHOW NO LIMIT) ที่ทำหน้าเป็นผู้ดำเนินรายการตลาดทั้งงานให้กับการเสวนา Bitkub Meetup 2024 ครั้งที่ 5 ที่ทำให้งานครั้งประสบความสำเร็จลุล่วงได้อย่างราบรื่น และเต็มไปด้วยความประทับใจ ขอขอบคุณในความทุ่มเทและการทำงานอย่างเต็มที่ มา ณ ที่นี้

.
.

— — — — — — — — — — — — — — — — — —

เรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวสินทรัพย์ดิจิทัลได้ที่ Bitkub Blog — Bitkub.com

— — — — — — — — — — — — — — — — — —

คำเตือน

*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

**สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

***ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต”

--

--