4 เทคนิคเอาตัวรอดในสภาวะตลาดขาลง

Chawakorn Lertrungsi
Bitkub.com
Published in
2 min readSep 20, 2018

--

ตลาดคริปโตขณะนี้อยู่ในช่วงภาวะขาลง ซึ่งจะทดสอบบรรดาเทรดเดอร์ และนักลงทุน ให้นึกถึงแผนการและวัตถุประสงค์การลงทุนของพวกเขา และเรียนรู้บทเรียนต่างๆตลอดเส้นทาง

หลังจากที่ราคา Bitcoin ปรับตัวลงมาตั้งแต่ต้นปี จนถึงวันนี้ ลงมาประมาณ 70% ราคา Ethereum ลงมา 85% และเหรียญตัวอื่นๆก็หนักเอาเรื่องอยู่ แล้วยังไงต่อหล่ะ.. มันจะลงอีกไหม? คำตอบคือ… ไม่รู้ครับ แล้วนักลงทุนควรทำอะไรในตอนนี้?

1. HODL

“Hold on for dear life!” (HODL) มาจากคำว่า Hold หรือแปลเป็นไทยก็คือ การถือเหรียญไว้ ไม่ขายไม่ขาดทุน ส่วนใหญ่แล้วจะได้ยินคำนี้เวลาติดดอย ถ้ามองราคาของคริปโตตั้งแต่ต้นปีนี้ การ “HODL” นั้นอาจไม่ใช่แผนการที่ดีนักเทียบกับคนที่ขายไปตั้งแต่ต้นปีแล้วเข้ามาซื้อใหม่ในช่วงนี้ (ใครจะรู้ว่ามันจะลง ฮ่าๆ) แต่ถ้าเทียบกับคนที่ซื้อคริปโต เช่น bitcoin มาตั้งแต่ต้นปี 2017 แล้วไม่ขายเลย จะมีมูลค่ามากขึ้น 600%

การ “HODL”อาจเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเชื่อมั่นในอนาคตของ cryptocurrency และสิ่งสำคัญสำหรับกลยุทธ์นี้คือ อย่าลงทุนมากเกินกว่าที่จะเสียได้ ดังนั้นเงินลงทุนควรเป็นเงินเย็น ซึ่งแปลว่าเงินก้อนนี้เรายอมเสียได้ โดยที่ไม่ส่งผลกระทบ หรือ เดือดร้อนอะไรกับเรามากมาย

2. Averaging down (Dollar Cost Average)

การลงทุนแบบ DCA (dollar-cost averaging) คือการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน โดยที่เราจะกำหนดการซื้อคริปโตเป็นงวดๆ เช่น ลงทุน 5000 บาท ซื้อ bitcoin ทุกๆต้นเดือน โดยไม่สนใจว่าราคา bitcoin ที่เราจะซื้อตอนนั้นเป็นราคาเท่าไร การลงทุนแบบนี้ จะสามารถตัดเอาอารมณ์ความรู้สึกออกไป

วิธี DCA จะทำให้เราสามารถซื้อคริปโตในจำนวนที่มากขึ้นในเวลาที่ราคาปรับตัวลง และจะซื้อได้น้อยลงในเวลาที่ราคาปรับตัวสูงขึ้น ข้อดีของการทำ DCA ก็คือ ในช่วงตลาดขาลง โอกาสขาดทุนจะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการซื้อในจำนวนเยอะๆในครั้งเดียว แต่ในช่วงตลาดขาขึ้น วิธีนี้จะให้ผลตอบแทนเป็นค่าเฉลี่ย หรืออย่างน้อยก็เท่ากับผลตอบแทนของตลาด ซึ่งไม่ว่าตลาดจะอยู่ช่วงภาวะแบบไหน เราก็สามารถเอาชนะตลาดได้

นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงแล้ว ยังช่วยลดความเครียดลงไปด้วยครับ

3. Swing Trading (For Experienced Trader)

วิธี swing trade หมายถึงการซื้อและขายภายในระยะสั้น เช่น ภายในสัปดาห์ เพื่อทำกำไรจากความผันผวนของตลาดในระยะสั้น กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ในตลาดอยู่แล้ว รวมถึง การควบคุมอารมณ์ อ่านกราฟเป็น (technical analysis) รู้จังหวะเข้า วิธีการตั้ง stop loss และ take profit และต้องมีวินัยสูงมาก

จากรูปด้านบน ทั้งสองครั้งที่ราคา bitcoin ลงมาแตะ $5800 มีการเด้งกลับทั้งสองครั้ง เพราะฉะนั้นตัวอย่างของการทำ swing trade คือ ถ้าราคาลงมาแตะที่ระดับ $5800 อีกครั้ง แล้วเริ่มมีการเด้งกลับ เราสามารถเข้าซื้อได้โดยกำหนดจุดตัดขาดทุนหากราคาลงมาตํ่ากว่า $5800

4. Arbitrage

Arbitrage (อาร์บิทราจ) คือการทำกำไรจากส่วนต่างราคาในสินค้าชนิดเดียวกันระหว่าง 2 ตลาด ซึ่งส่วนใหญ่ราคาในแต่ละตลาดจะไม่ต่างกันมาก แต่จะมีบางจังหวะที่ราคาอาจต่างกันมาก โดยเฉพาะในช่วงที่มี volatility สูงๆ

สิ่งสำคัญสำหรับการทำ arbitrage คือต้องคำนวณค่าธรรมเนียมต่างๆให้ดี เช่นค่าธรรมเนียมในการซื้อและขาย ค่าธรรมเนียมการโอน และเปรียบเทียบกับกำไรจากส่วนต่างราคาว่าคุ้มหรือไม่

อย่างไรก็ตาม การแสวงหากำไรแบบ Arbitrage นี้จะต้องทำอย่างรวดเร็ว เพราะว่านักลงทุนคนอื่นๆก็จะเข้ามาทำกำไรจากส่วนต่างนี้ จนช่องราคาจะถูกปิดไปอย่างรวดเร็ว

--

--