สรุปงาน Digital Economy & Trends 2024 สาระที่นักลงทุนห้ามพลาด!

Waranyu Suknantee
Bitkub.com
Published in
2 min readJan 8, 2024

เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2023 ที่ผ่านมา Bitkub Exchange ร่วมกับ Bitkub Academy ได้ร่วมกันจัดงาน Digital Economy & Trends 2024 งานเสวนาที่นำผู้บริหารของเครือบิทคับ และผู้นำในวงการสินทรัพย์ดิจิทัลมาร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นและความรู้เกี่ยวกับทิศทางของเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในปี 2024 นี้ โดยมีวิทยากรในงานคือ

1.คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ปส์ โฮลดิ้งส์

2.คุณอรรถกฤต ชิมผลาพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด

3.คุณพงศกร สุตันตยาวลี ประธานเจ้าหน้าที่ด้านผลิตภัณฑ์

4.ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียล เอสเตท เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด

5.คุณณัฐ จูงวงศ์ ผู้ก่อตั้งเพจพ่อบ้านคริปโต และ Wagyu lab

สำหรับประเด็นแรกที่ต้องพูดถึงคือ Digital Green Revolution ซึ่งเป็น 3 คำ ที่คุณท๊อป จิรายุสมองว่าจะเป็นคีย์เวิดสำคัญสำหรับกฎของเกมเศรษฐกิจในอนาคต เริ่มจากคำว่า Digital

Digital

เราน่าจะคุ้นเคยกับคำว่า Digital กันเป็นอย่างดี ซึ่งต่อจากนี้มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจดิจิทัลจะเติบโตขึ้นอีก โดยเฉพาะการมาเทคโนโลยี AI ที่อาจทำให้เกิดโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ได้ หากนำไปใช้ร่วมกับเทคโนโลยีอย่าง Big Data หรือ Blockchain

ยกตัวอย่างวงการแพทย์ ในอนาคตเราอาจมีโมเดลธุรกิจที่ให้คุณหมอทั่วโลกช่วยกับวินิจฉัยอาการของคนไข้ และให้ส่งผลการวินิจฉัยกลับมา จากนั้นก็จะมี AI ช่วยประมวลผลและสรุปอาการกับแนวทางการรักษาออกมา

โมเดลนี้ใช้หลักการกระจายอำนาจของบล็อกเชน เพราะความเห็นจากคุณหมอทั่วโลกย่อมครอบคลุมมากกว่าความเห็นของคุณหมอคนเดียวอยู่แล้ว จากนั้นคุณหมอที่เข้ามาช่วยวินิจฉัยก็จะได้รางวัลไป อาจจะ 5–10 ดอลลาร์

ไม่เพียงเท่านี้ ข้อมูลที่รวบรวมมาก็สามารถนำไปขายต่อให้กับคุณหมอท่านอื่นได้อีก โดยให้ AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากคุณหมอทั่วโลกและสรุปข้อมูลออกมาเป็นกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นเพื่อช่วยให้คุณหมอทั่วโลกสามารถรักษาคนไข้ได้เร็วและตรงจุดยิ่ง โดยอาจจะจ่ายค่าบริการเป็น Subcription ให้กับโรงพยาบาลที่ต้องการใช้ เป็นต้น

ซึ่งนี่เป็นไอเดียจาก Chairman ของ Google ที่คุณท๊อปได้มีโอกาสไปคุยด้วย โดยไอเดียนี้ยังไม่มีชื่อเลย อาจจะคล้าย ๆ กับ Grab หรือ Uber ที่ตอนนั้นยังไม่มีใครรู้ว่าโมเดลธุรกิจแบบนี้เค้าเรียกว่าอะไร

Green

มาจาก Green Economy หรือการผลักดันเศรษฐกิจให้มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

หากติดตามคุณท๊อปก็จะเห็นว่าเค้าพูดเรื่องมาตั้งแต่ปี 2022 ตั้งแต่กลับมาจากการประชุม World Economic Forum ในปีนั้น ซึ่งการผลักดัน Green Economy คราวนี้เค้าไม่น่าพูดลอย ๆ แน่นอน เพราะว่ากองทุนยักษ์ใหญ่อย่าง BlackRock หรือว่า Temasek เค้าประกาศชัดเจาว่าจะไม่ลงทุนในบริษัทที่ไม่เป็น Net Zero อย่าง BlackRock เค้าขีดเดดไลน์ไว้ในปี 2030 แล้ว

Net Zero คือปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นตัวการของภาวะเรือนกระจก จากกระบวนผลิตให้เป็นศูนย์ เพื่อที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ดังนั้นผู้ประกอบการต้องเริ่มหาวิธีแล้วว่าทำอย่างไรบริษัทเป็น Net Zero ได้ ซึ่งตรงนี้ก็อาจทำให้เกิดเทคโนโลยีหรือตำแหน่งงานแบบใหม่ ๆ เข้ามา เช่น บริษัทที่ทำให้เกี่ยวกับ Green Technology หรือเทคโนโลยีที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือตำแหน่งงานอย่างคนที่จะคอยตรวจสอบสิ่งแวดล้อมและเขียนรายงานให้ เป็นต้น

นอกจากพวกกองทุนใหญ่ ๆ หรือบริษัทระดับโลกแล้ว รัฐบาลเค้าก็มีแนวโน้มจะช่วยผลักดัน Green Economy เต็มที่ด้วยเช่นกัน อย่างในอนาคต รัฐบาลอาจกำหนดให้บริษัทที่จะส่งออกสินค้ามายังประเทศของเค้าได้ต้องมี Emission Report หรือรายงานการปล่อยมลพิษ หากบริษัทไหนไม่มีรายงานตัวนี้หรือไม่ผ่านเกณฑ์ก็อาจไม่สามารถทำการค้าขายกับประเทศเค้าได้เลย หรืออาจมีการเก็บภาษีนำเข้าที่สูงกว่ามาก ๆ

ถ้ารัฐบาลเริ่มใช้กฎแบบนี้จริง ๆ ตลาดหลักทรัพย์ก็ต้องปฏิบัติตาม บริษัทไหนที่ไม่มี Emission Report ก็จะไม่สามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ เรียกว่าเสียโอกาสไปอย่างมหาศาล อย่างตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงก็ประกาศว่าให้มี Emission Report ภายในมกราคมปี 2024 นี้แล้ว

จึงสรุปได้ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ธุรกิจที่กำลังจะมาแรงในอนาคตก็คือธุรกิจที่ทำเกี่ยวกับ Green Technology เพราะหลายบริษัทต้องหาวิธีที่จะทำให้เค้าเป็น Net Zero ให้ได้โดยเร็ว ไม่เช่นนั้นก็จะถูกกีดกันในการค้าขายกับต่างประเทศ

Revolution

แน่นอนว่าการมาของ AI มันจะเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมอีกรอบแน่นอน โดยคุณท๊อปเรียกการปฏิวัติรอบนี้ว่า Fourth Industrial Evolution หรือปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4

ถ้ามี 4 ก็หมายความว่าต้องมี 1 2 3 ซึ่งครั้งที่ 1 2 3 มันจะเป็นการปฏิวัติในแง่ของการใช้แรงงานมากกว่า เช่น การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรกก็คือการนำเครื่องจักรไอน้ำมาใช้ ต่อมาอีกหน่อยก็เป็นการนำพลังงานไฟฟ้ากับน้ำมันมาใช้ และก็เกิดเป็นเครื่องจักรที่มาช่วยทุ่นแรงมนุษย์ อย่างในสายการผลิตก็จะมีเครื่องจักรมาช่วย การขนส่งก็มีรถยนต์ สังเกตได้ว่ามันจะมาช่วยทุ่นแรงให้กับมนุษย์

ในภาษาอังกฤษจะคำที่เรียกแบ่งกลุ่มของแรงงานของเป็น 2 ประเภทก็คือ Blue-collar Worker กับ White-collar Worker

Blue-collar หมายถึงแรงงานที่ไม่ได้ทำงานในออฟฟิศ ไม่ได้อยู่กับเอกสาร และมักใช้ทักษะทางร่างกาย อย่างผู้รับเหมาก่อสร้าง คนขุดเจาะน้ำมัน คนขับรถ เป็นต้น

White-collar หมายถึงแรงงานที่ใช้ทักษะด้านการบริหารจัดการ หรือทำงานเอกสารในออฟฟิศ

ซึ่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 1 2 3 มักจะกระทบคนในกลุ่ม Blue-collar มากกว่า เพราะมันเป็นเครื่องทุ่นแรงออกมาทำงานแทนมนุษย์

แต่ใน Fourth Industrial Evolution เทคโนโลยี AI จะเข้ามาแทนที่ White-collar หมายความงานที่ใช้ทักษะทางความคิดจากนี้จะมีเทคโนโลยีมาช่วยทำแทนแล้ว

แต่ว่า AI ก็เปรียบเสมือนเครื่องมืออย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้น เราต้องศึกษา AI และใช้งานมันให้เป็น ไม่ควรปล่อยให้มันมาแทนที่เรา

ซึ่งนี่ก็คือ Digital Green Revolution เรียกว่าเป็นกฎของเกมเศรษฐกิจที่จะคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตจากแนวคิดของบรรดาผู้นำที่ไปร่วมงาน World Economic Forum ครั้งที่ผ่าน ๆ มา และคุณท๊อปก็ได้นำ Insight เหล่านี้มาแชร์ให้กับทุกคน

เทรนด์เศรษฐกิจตั้งปี 2024 เป็นต้นไป

เมื่อกี้พูดเรื่องของกฎเกมเศรษฐกิจที่น่าจะเปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้ ต่อมาเรามาพูดถึงเรื่องเทรนด์เศรษฐกิจในปี 2024

กระแสตอนนี้คือผู้นำโลกหลายคนมองว่าเศรษฐกิจจะเริ่มกลับมาคึกคักในปี 2024 โดยเฉพาะในเอเชียที่จะคึกคักเป็นพิเศษ

นั่นเป็นเพราะหลังจากวิกฤตโควิดที่จีนต้องปิดประเทศไป ซึ่งบริษัทหลายแห่งเค้ามีโรงงานอยู่ในประเทศจีน ทำให้เค้าได้บทเรียนกันไปแล้ว เค้าเริ่มเห็นความสำคัญของการกระจายความเสี่ยงแล้ว โดยเค้าจะกระจายโรงงานสำรองออกไปยังประเทศอื่น ๆ และไทยกับเวียดนามก็เป็นประเทศที่ได้โบนัสไป

สังเกตไหมครับว่าช่วงนี้คนที่เป็นนักลงทุนมักจะสนใจหรือพูดถึงหุ้นที่เกี่ยวกับเวียดนามกันค่อนข้างเยอะ

และก็อย่างที่พูดถึง Green Economy ไปว่า เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจะได้รับความสนใจมากขึ้น เห็นได้ชัดที่สุดเลยก็คือ EV หรือรถไฟฟ้าที่วิ่งมากขึ้นแล้วในปัจจุบัน

ในอีกปีสองปีข้างหน้าคาดว่ามันจะเหมือนตอนคนเปลี่ยนจาก Blackberry เป็น iPhone ตอนแรก ๆ ก็มีรถน้ำมันวิ่งเต็มถนน เผลอสักพักอาจจะกลายมาเป็นรถไฟฟ้าเต็มถนนแทน การเปลี่ยนแปลงมันอาจเกิดขึ้นเร็วมาก เพราะว่าอย่างตอนนี้ Tesla ก็มาตีตลาดไทยแล้ว รถ EV จีนอย่าง Neta, BYD ก็มาไทยแล้วเหมือนกัน

เทรนด์สินทรัพย์ดิจิทัลในปี 2024

ปีหน้าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลน่าจะคึกคัก เพราะว่ามี Spot Bitcoin ETF ที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งตรงนี้จะสามารถดึงดูดเงินลงทุนจากสถาบันการเงินได้มหาศาล และก็จะมี Bitcoin Halving ที่จะเกิดขึ้นประมาณปลายเดือนเมษายน 2024 อีกด้วย

ตามสถิติแล้ว ราคา BTC มักจะขึ้นหลังจากเกิดการ Halving ไปได้ประมาณ 6 เดือน แต่อันนี้ก็เป็นข้อมูลจากสถิติที่ผ่านมา ไม่สามารถยืนยันได้แบบ 100% ว่าราคาจะขึ้นหลังจาก Halving ครั้งต่อไป แต่เชื่อว่านักลงทุนหลายคนน่าจะมีประสบการณ์กันมากขึ้นแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าลืมบริหารความเสี่ยง อย่ากู้เงินมาลงทุน อย่าขายบ้านขายรถมาลงทุน เพราะว่าการลงทุนมีเสี่ยงเสมอ

และที่สำคัญก็คือการ Tokenization คือการนำสินทรัพย์ในโลกแห่งความจริงมาเปลี่ยนให้อยู่ในรูปแบบของโทเคน ซึ่งทำให้สินทรัพย์เข้าถึงสภาพคล่องจากทั่วโลกได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างที่เกิดขึ้นในปีนี้ก็คือ RealX ที่เป็นการ Tokenize คอนโด และในอนาคตก็คาดว่าจะสามารถ Tokenize สินทรัพย์อื่น ๆ ได้อีก เช่น ตราสารหนี้ ที่น่าสนใจในการนำมา Tokenize เช่นกัน

สรุป

ทิศทางเศรษฐกิจโลกในภาพรวมมีแนวโน้มที่จะเริ่มหันไปในฝั่ง Green Economy มากขึ้น หากผู้ประกอบการไม่ปรับตัวตามก็อาจเผชิญความเสียเปรียบอย่างมากในอนาคต และต้องไม่ลืมศึกษาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อนำมาปรับใช้กับการทำงาน โดยเฉพาะเทคโนโลยี AI ที่อาจเปลี่ยนรูปแบบการทำงานไปได้อย่างสิ้นเชิง

สำหรับทิศทางของสินทรัพย์ดิจิทัลในปี 2024 มีแนวโน้มจะเป็นปีที่สดใส เนื่องจากมีปัจจัยที่สนับสนุนมากมาย เช่น Spot Bitcoin ETF, Bitcoin Halving, รวมถึงการลดดอกเบี้ยของ FED แต่ในโลกการลงทุน ไม่มีคำว่า 100% เหตุการณ์ไม่คาดฝันอาจตเกิดขึ้นและกระทบการลงทุนได้เสมอ นักลงทุนจึงควรบริหารความเสี่ยงอยู่เสมอนะครับ

_________________________________________

มาเรียนรู้เรื่อง บิตคอยน์ (Bitcoin) และ Cryptocurrency ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจโลกของคริปโทฯ ได้ดีขึ้น ที่ Bitkub Blog

หากคุณยังเป็นมือใหม่ ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในบทความ “แหล่งความรู้ มือใหม่หัดเทรดคริปโต เริ่มต้นที่นี่

*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

**สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

***ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต”

--

--