การกู้ยืนเงินบนบล็อกเชนนั้นเป็นไปได้จริงหรือ?

Minyarinn Chaotrakul
Bitkub.com
Published in
1 min readNov 11, 2019

Lending platform on Blockchain.

ปัจจุบันเทคโนโลยีบล็อกเชนนั้นได้รับการยอมรับจากทั่วโลกและมีการนำมาปรับใช้งานอย่างกว้างขวางมากขึ้น ขณะเดียวกันประเทศไทยเองก็เริ่มใช้บล็อกเชนในทางธุรกิจเพื่อเพิ่มความสะดวก ปลอดภัย สามารถลดภาระและเวลาในการจัดการเอกสารที่เป็นกระดาษได้อีกค่อนข้างมาก

การกู้ยืมเงินผ่านบล็อกเชนเป็นเรื่องใหม่ในประเทศไทยหรือไม่?

การกู้ยืมเงินผ่านบล็อกเชนนั้นเป็นอะไรที่ยังใหม่อยู่มาก และด้วยความที่เทคโนโลยีบล็อกเชนและคริปโตเคอเรนซี่ยังคงอยู่ในช่วงที่กำลังเติบโต และข่าวสารการรับรู้จากช่องทางสื่อหลักต่างๆ ยังไม่แพร่หลายและหาดูได้ยาก ส่งผลให้การกู้ยืมเงินผ่านบล็อกเชนยังไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรนัก ทั้งในเรื่องรายละเอียดต่างๆ ที่หาได้ยากและข้อมูลที่ยังมีจำนวนไม่มากพอ จึงไม่สามารถดึงดูดให้สื่อต่างๆ และประชาชนคนทั่วไปหันมาสนใจการกู้ยืมเงินผ่านบล็อกเชนเท่าไหร่

แม้ในปี 2018 “ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.” ได้มีการประกาศกรอบการกำกับดูแลระบบธุรกรรมสินเชื่อระหว่างบุคคลกับบุคคล หรือ Peer-to-Peer Lending Platform ของกระทรวงการคลัง โดยให้ธุรกิจ Peer-to-Peer Lending Platform ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการทำสัญญากู้ยืมเงินระหว่างผู้ให้กู้และผู้ขอกู้ที่เป็นบุคคลธรรมดา
รวมถึงในปี 2019 นี้มีข่าวออกมาว่า “ 22แบงก์ไทยและต่างประเทศ ร่วมสร้างโครงข่ายหนังสือค้ำประกันแบบอิเล็กทรอนิกส์ 100% โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน” แต่ก็ยังไม่มีสื่อไหนที่หันมาทำข่าวเรื่องการกู้ยืมเงินผ่านบล็อกเชนจริงๆ จังๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในเชิงปฏิบัตินั้นสามารถทำได้แล้ว เพียงแต่อาจมีบางข้อสงสัยที่ยังค้างคาใจกับใครหลายๆ คนที่ขาดการรับรู้จากการถูกมองข้ามของคนทั่วไปในสังคมที่จะช่วยให้ข้อมูลและตีแผ่ รวมไปถึงขาดการได้รับข้อมูลสำคัญ เช่น ทิศทางในอนาคตของเทคโนโลยีบล็อกเชน หรือทิศทางของคริปโตเคอเรนซี่ในอนาคต

อะไรคือความแตกต่างระหว่างการกู้ยืมเงินปกติกับการกู้ยืมเงินผ่านบล็อกเชน?

  • การกู้ยืมเงินบนรูปแบบปกติ: คุณสามารถกู้ยืมเงินได้เมื่อคุณอายุ 20 ปีหรือมากกว่า (แตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศ) และต้องใช้หลักค้ำประกันผู้กู้ เช่นบ้าน, ที่ดิน, รถ และต้องให้ข้อมูลส่วนตัวของผู้กู้ เช่นชื่อ ที่อยู่, สถานที่ทำงาน, หลักฐานบัญชีการเงิน เป็นต้น เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและประกอบการทำสัญญา และยังมีเงื่อนไขต่างๆ ส่วนเล็กส่วนน้อยเพิ่มเติมอีกหลายอย่าง
  • การกู้ยืมเงินบนบล็อกเชน: ไม่จำเป็นต้องอายุ 20 ปีก็กู้ได้ ด้วยการฝากเหรียญคริปโตเคอเรนซี่เข้าไปใน P2P lending platform ต่างๆ เช่น บิทคอยน์, อีเธอเรียม (อาจใช้เหรียญที่ต่างกันไปตามแต่ละแพลตฟอร์ม) และระบบจะนำเหรียญที่ฝากไปซื้อเหรียญของแต่ละแพลตฟอร์มนั้นๆ เพื่อนำไปใช้ในการกู้ยืมเงินโดยใช้ Smart Contract ในการดำเนินงาน เช่น การยืนยันตัวบุคคลทั้งสองฝ่าย, การตรวจเช็คข้อมูลส่วนตัวของทั้งผู้กู้และผู้ เป็นเต้น และใช้เวลาเพียงไม่นานก็ได้รับเงินกู้ที่หักค่าธรรมเนียมแล้ว ซึ่งตัวแพลตฟอร์มก็จะยึดสินทรัพย์หรือเหรียญที่คุณฝากไว้เป็นของประกัน เมื่อไหร่ที่คุณจ่ายคืน ก็จะได้เหรียญที่คุณฝากไว้คืน

*วิธีการกู้ยืมเงินนี้ เป็นเพียงวิธีการคร่าวๆ จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนการตัดสินใจ

จะเห็นได้ว่า การยืมเงินบนบล็อกเชนนั้น

  • อายุไม่ใช่เงื่อนไขในการกู้ยืม
  • ไม่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลมากมาย (บางที่ไม่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลใดๆเลย)
  • ลดการใช้ทรัพยากรกระดาษและลดภาระของค่าใช้จ่ายสำหรับบุคคลากรที่จะมาดำเนินงาน
  • ค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า และใช้เวลาดำเนินการที่สั้นกว่ามาก
  • อีกทั้งบล็อกเชนก็ขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลด้วย อาจจะปลอดภัยกว่าระบบธนาคารแล้วด้วยซ้ำในปัจจุบัน ทั้งยังสะดวกสบาย เพราะสามารถทำธุรกรรมกู้ยืมที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้

ข้อสังเกตุในการกู้ยืมเงินบนบล็อกเชน

ต้องบอกว่านวัตกรรม P2P leanding สำหรับการกู้ยืมเงินบนบล็อกเชนนั้น ยังคงอยู่ในระยะที่กำลังเติบโตและยังไม่สุกงอมดีนัก ถึงแม้ปัจจุบันจะสามารถนำมันมาใช้งานได้แล้วแต่ก็ยังไม่เป็นที่นิยมนัก ด้วยปัจจัยสาเหตุหลายๆอย่าง เช่น ปริมาณของข้อมูล, ความน่าเชื่อถือ หรือราคาสกุลเงินดิจิตัลที่ผันผวนอยู่ตลอด
แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน ว่านวัตกรรมนี้มีศักยภาพมากพอที่จะแทนที่ระบบเดิมๆที่เราใช้และคุ้นเคยกันอยู่ เพียงแต่โปรเจคนี้เป็นโปรจคที่ใหญ่มาก และจำเป็นต้องใช้เวลาในการพัฒนาทั้งตัวเทคโนโลยีเองรวมไปถึง User ที่จะต้องมีการปรับเข้าหากัน

หากเทคโนโลยีบล็อกเชน และระบบ P2P lending ยังพัฒนาไปเรื่อยๆ ธนาคารก็จำเป็นต้องเปลี่ยนบทบาทหรือวิธีการเดิมๆ ที่ใช้อยู่ เพื่อปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีนี้
ซึ่งก็มีบทความมากมายของนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์แขนงต่างๆ ที่ได้ออกมาบอกกล่าวถึงขั้นว่าอีกเพียง 5–10 ปี ข้างหน้า เทคโนโลยีบล็อกเชนจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราเหมือนกับที่อินเทอร์เน็ตทำได้ และหากถึงวันนั้นมาถึงเทคโนโลยีบล็อกเชนจะกลายเป็นส่วนหนึ่งนชีวิตประจำวันของมนุษย์ยุคนี้
นอกจากนี้ท่านยังสามารถอ่านบทความดีๆ เหล่านี้ต่อได้ที่ bitkub.com

--

--