อังกฤษ สก็อต ไอร์แลนด์ / วันแรกที่ยอร์ก

Chaochana Siparitat
Blackbeard Everything
2 min readNov 11, 2019

หลังจากการเดินทาง 15 ชั่วโมง (รวมต่อเครื่องที่กาตาร์) เราสองคนก็พาตัวเองมาอยู่ที่สนามบินฮีทโธรว ลอนดอน ตอนเจ็ดโมงเช้าวันเสาร์ พอผ่านการตรวจคนเข้าเมืองภาคบังคับ รับกระเป๋า ล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยตอนเก้าโมงนิดๆ เราก็เลือกเดินทางเข้าเมืองเพื่อจะไปที่ King’s Cross station ด้วย Tube สาย Picadilly ที่เดินลงมาจาก ฮีทโธรว เทอมินัล 4 แล้วจะเจอทางเข้าเลย

คงเพราะที่สนามบินมันเป็นต้นสายและตอนนั้นคนที่เลือกใช้ช่องทางนี้เข้าเมืองก็เหมือนจะไม่มากนัก เราเลยมีที่วางของที่นั่งแบบสบายๆ บนรถไฟก็จะมีช่องที่เว้นไว้สำหรับวางกระเป๋าพร้อมติดป้ายเสร็จสรรพว่าตรงนี้สำหรับกระเป๋านะ พอขึ้นมาแล้วก็จะมีเหวอหน่อยตรงเราจอดกระเป๋าไว้ตรงที่วาง แล้วพอรถไฟออกตัวกระเป๋ามันเลยไถลไป แต่พอกลับกระเป๋าวางดีดี ก็นั่งสบายใจไปได้จนสุดสาย

ใช้เวลาราวๆหนึ่งชั่วโมง เราก็เดินทางจาก Picadilly Terminal 4 มาถึง King’s Cross station ตอนเวลาสิบโมงนิดๆ ก็เลยมีเวลาเหลือสบายๆ เพราะตั๋วรถไฟที่เราจองขึ้นไปปลายทางของเราวันนี้ที่ยอร์ก มีกำหนดออกตอนเที่ยงครึ่ง เราเลยเริ่มใช้เวลาสำรวจร้านสะดวกซื้อ Boots, M&S แถมได้ลองใช้ตู้จ่ายเงินด้วยตัวเองด้วย (เห่อ 555+) แล้วก็สำรวจรอบๆสถานี จนมาหยุดกินข้าวเช้า มื้อแรกของทริปที่ Costa ร้านกาแฟแฟรนไชน์ที่ไปที่ไหนก็เจอในอังกฤษ

ที่สถานีรถไฟอังกฤษ สิ่งที่ทุกคนไม่รู้ล่วงหน้าคือชานชาลาที่รถไฟจะเข้าจะออก โดยเจ้าหน้าที่จะบอกเราได้คร่าวๆว่ากี่โมงจะประกาศหมายเลขชานชาลาของรถไฟที่เราจะไป

กลุ่มเพื่อนร่วมทางที่มารวมตัวกันรอดูประกาศชานชาลา

เพราะการรอประกาศชานชาลานี่หล่ะ ตอนที่นั่งกินกาแฟอยู่เลยได้เห็นภาพที่เกิดขึ้นซ้ำๆ คือคนไปยืนเฝ้าดูบอร์ดประกาศเที่ยวรถไฟที่จะบอกชานชาลาด้วย ที่เริ่มจากไม่กี่คน แล้วเยอะขึ้นๆ จนเต็มลาน ก่อนจะเริ่มออกเดินไปทิศทางเดียวกันเมื่อชานชาลาถูกประกาศ แล้วก็ทิ้งลานเอาไว้ให้ผู้โดยสารขบวนถัดไปมายืนรอดูชานชาลาของตัวเองต่อไป

ป้ายแสดงรายละเอียดรถไฟแต่ละขบวน

แล้วเราเองก็เหมือนกัน รถไฟเรามีกำหนดออกตอน 12:30 กินข้าวเสร็จก็ยังมีเวลาเหลือให้เดินถ่ายรูปเล่นแล้วก็มานั่งคุยกับคู่สามีภรรยาที่เค้าสนใจว่ากล้อง GoPro เรามันคืออะไรและเค้าก็รอขึ้นรถไฟขบวนเดียวกับเราด้วย รอจนราวๆ 12:10 ชานชาลาขบวนเราก็ขึ้นประกาศ เราก็เดินๆวิ่งๆไปขึ้นเพราะกลัวพลาดรถไฟคันแรก (ตื่นเต้น 555+) ขึ้นมาก็วางกระเป๋าตรงชั้นท้ายขบวนที่ยากกว่าตอนที่ขึ้น tube ตอนเช้าหน่อยเพราะมันต้องยกขึ้นชั้น เสร็จตแล้วก็หาที่นั่งที่จองไว้ พอได้นั่งหายใจหน่อยรถก็เคลื่อนตัวช้าๆออกจาก London King’s Cross… แล้วเจอกันยอร์ก

บนรถไฟมีปลั๊กไฟด้วย… แต่ adapter ยังอยู่ในกระเป๋าเดินทาง -_-” อดชาร์จนะจ๊ะ

ราวๆ บ่ายสองครึ่งรถไฟก็มาถึงเมืองยอร์กในตอนที่ฝนยังไม่มาให้เป็นอุปสรรคในการเดินทางไปโรงแรม พอหันซ้ายหันขวาหาทิศหน้าสถานีรถไฟสองสามที เราก็เริ่มเดินลากกระเป๋าผ่านถนนหินก้อนขรุขระๆที่พร้อมจะทำเราและกระเป๋าคะมำเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ถึงกิโลดีเราก็มาถึงโรงแรม เก็บของ ล้างหน้าล้างตา แล้วก็ถึงเวลาลุยเมืองยอร์กแล้วหล่ะ

ห้อง 20 ตารางเมตร วางเตียง-เปิดกระเป๋าเดินทางก็เต็มห้องแล้ว 555+
Clifford Tower

ยอร์ก (York) เป็นเมืองเก่าที่อยู่ในประวัติศาสตร์มาตั้งแต่เมื่อโรมันมาตั้งป้อมปราการที่นี่ตอนปี ค.ศ. 71 จนโรมันเสื่อมอำนาจ แล้วหลังจากนั้นก็มีกลุ่มคนต่างๆเช่นพวก Anglo-saxon, Viking, Norman ผลัดกันเข้ามายึดและใช้ดินแดนแถบนี้เป็นเมืองสำคัญมาโดยตลอด โดยตอนที่มาถึง เราจะเห็นร่องรอยประวัติศาสตร์ได้จากซากกำแพงเมืองเก่า และ Clifford Tower ที่เป็นส่วนหนึ่งของปราสาทที่เริ่มมีตั้งแต่ต้นทศวรรษที่ 11 ก่อนจะผ่านเหตุการณ์มากมายพร้อมกับเมืองที่ปัจจุบันนี้ชื่อยอร์ก

เราเดินเล่นไปตามถนนในเมืองยอร์กพร้อมๆกับนักท่องเที่ยวหนาตา (แลดูเป็นนักท่องเที่ยว 555+) ไม่แปลกใจที่ยอร์กในปัจจุบันถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองน่าเที่ยวและน่า จากหลายๆสำนัก [1][2] ตอนเราไปก็มีเหมือนตลาดนัดมาตั้งเต๊นท์ขายของกิน ของใช้ ผัก ผลไม้ (เราเล็งผลไม้เอาไว้ แต่พอวนกลับมาก็เจอแต่โต๊ะเปล่าๆ ร้านปิดไปแล้ว) ในส่วนของตรอก Shambles ก็ดูแปลกตาด้วยอาคารที่โย้ๆของมัน แล้วก็จะมีร้านขายของที่เน้นของจาก Harry Potter เลย 2–3 ร้าน นอกนั้นก็จะเป็นของใช้ของฝาก

เราเดินเลาะไปจนถึง Clifford Tower จ่ายเงินแล้วปีนขึ้นไปดูบนยอด ที่ที่เราจะเห็นเมืองสีทึมๆที่ไม่มีมีตึกสูงได้โดยรอบ ใบไม้เปลี่ยนสีเริ่มมีให้เห็น แม่น้ำที่ไหลผ่านกลางเมือง ทั้งหมดนี้มันเข้ากับบรรยากาศตอนเย็นมาก แต่อยู่ได้ไม่นานก็ต้องไต่บันไดกลับลงมาเพราะอากาศเริ่มเย็นและลมเริ่มแรง ติดกับ Clifford ก็จะมี Castle Museum ที่เราไม่ได้เข้าไปดูเพราะหมดเวลาให้บริการแล้ว

ขากลับโรงแรมเราก็ยังเดิน โดยตั้งใจผ่าน The Shambles อีกรอบเพื่อหาอะไรกลับไปกิน เวลาตอนนั้นซัก 17:00–18:00 แต่ร้านส่วนหนึ่งก็เริ่มปิดแล้วโดยเฉพาะร้านอาหารที่เป็นที่เป็นเหมือนรถเข็นอยู่กลางลาน ระหว่างนั้นเราก็เจอร้าน Primark ที่ขายของค่อนข้างถูกคุณภาพก็โอเค ก็เลยได้เสื้อกันหนาวกับของจุกจิกมานิดหน่อย จนเรามาเจอกับ The York Roast Co. ที่จัดว่าอาหารเด็ดอันดับต้นๆของทริปนี้เลยทีเดียว

โดยเราได้มาเป็น แซนวิชหมูที่มากับซอสแอ๊ปเปิ้ลที่เข้ากันดีแบบที่เราไม่เคยกินมาก่อน แล้วก็มีหมูกรอบ ( Crackling ) ที่เค็มๆแล้วก็กรอบมากแบบเคี้ยวเพลิน แล้วก็ ชุดมีลที่เป็นเนื้อย่าง ผัก มันฝรั่ง แผ่นแป้ง (แบบเดียวกับที่ใช้ห่อ wrap) แล้วก็มีซอส horseradish ที่เค็มเผ็ดนิดๆ มาให้ด้วย

กินเสร็จแล้วก็แพ้ความง่วงทั้งที่ยังเป็นตอนหัวค่ำ ส่วนหนึ่งเพราะยังปรับเวลาไม่ได้ วันนี้ก็จบแค่นี้ ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ แล้วติดตามตอนต่อไปนะครับ

--

--

Chaochana Siparitat
Blackbeard Everything

Father of a daughter, Husband, Music Lover, Quality Promoter, Owner of Quality-Related-Product, & Toolsmith — QA Manager @ Agoda.com