schap
Blog72
Published in
2 min readJun 25, 2017

--

3 หนังสือ กับ 1 นักเขียน ที่จะทำให้คุณยิ้มกว้างขึ้น

เนื่องจากห่างหายจากการอ่านหนังสือไปพักใหญ่
เพราะการเข้ามาของอินเตอร์เน็ตทำให้เราและหนังสือสนิทกันน้อยลง

สำหรับคนที่อยากกลับมาอ่านหนังสือหรือเริ่มอ่านหนังสือ
แต่ไม่รู้จะอ่านอะไรดี
วันนี้เลยจะแนะนำหนังสืออ่านง่ายแต่ได้สาระให้ทุกคนค่ะ!

เรารู้จักหนังสือและนักเขียนท่านนี้เป็นครั้งแรก จากแม่ค่ะ
เป็นหนังสือที่แม่ยืมเพื่อนมา
เล่มสีขาวตุ่นๆ หน้าปกเป็นลูกโป่งที่เรียงกันเป็นหน้ายิ้มที่ให้ความรู้สึกน่ากลัวแปลกๆ กับนามปากกาที่แสนเฉย
เราเจอหนังสือเล่มนี้บนโต๊ะกินข้าวในเช้าวันอาทิตย์ กับแม่ที่นั่งกินกาแฟอยู่
แม่ที่เห็นเราจ้อง ๆ หยิบมาพลิก ๆ ดู เลยบอกกับเราว่า

ดีนะ ลองอ่านดูสิ

ในตอนนั้นที่กำลังเบื่อเลยคิดว่าลองอ่านดูเล่น ๆ แล้วกัน
เราเริ่มหามุมเหมาะ ๆ ในห้องนั่งเล่นเพื่อเริ่มต้นบทแรก
และรู้ตัวอีกที เราก็เปิดมาถึงแผ่นสุดท้ายแล้ว

เป็นหนังสือที่ดีมาก
เป็นนิยามที่แท้จริงของคำว่า “ได้รับพลังบวก”
เหมือนจิตใจได้รับการเชียร์อัพ อ่านแล้วรู้สึกเต็มมากๆ
เหมือนเป็นการนั่งคุยกับคุณลุงอารมณ์ดี ที่นอกจากจะสอนเรื่องมุมมองการใช้ชีวิต
ยังมีมุกตลกแพรวพราว ที่อาจจะขำบ้างและไม่ขำบ้าง แต่ก็น่ารักมากอยู่ดี

มาถึงตรงนี้
อาจมีคนที่ไม่รู้ว่าเราหมายถึงหนังสือเรื่องอะไร
แต่สำหรับคนที่รู้

ค่ะ หนังสือเล่มนั้นชื่อว่า “ความสุข ณ จุดที่ยืนอยู่”
และคุณลุงใจดีที่เราได้รู้จักกันในวันนั้น
คือ “หนุ่มเมืองจันท์” หรือ คุณสรกล อดุลยานนท์

เราพบกันในวันนั้น เขาฝากความประทับใจไว้ก่อนจะหายไป
เพราะแม่เอาหนังสือไปคืนเพื่อนแล้ว 55555

และนี่ก็คือหนังสือเล่มแรกที่อยากจะแนะนำค่ะ
เหมาะกับคนที่อาจกำลังอยู่ในช่วงเซงๆในชีวิต ที่อยากอ่านเพื่อเติมพลัง
หรือคนที่ชีวิตแฮปปี้ที่อยากเสริมพลังให้ตัวเอง
ง่ายๆคือเป็นหนังสือน่ารักที่เหมาะกับทุกคน อยากให้ได้ลองอ่านกัน

ว่าแล้วก็แนบภาพประกอบดีกว่า

http://www.book-ddshop.com/product/

อีกเล่มหนึ่ง เราเจอกันในวันฝนตกที่ตลาดนัดหนังสือแถวมหาวิทยาลัยค่ะ
ตอนนั้นค่อนข้างเป็นช่วงขาลงของชีวิต เพราะอยู่ในช่วงรอยต่อที่กำลังปรับตัว
เป็นหนังสือเล่มสีส้มที่ขัดใจสุด ๆ แต่เราหยิบขึ้นมาเพราะเหลือบไปเห็นนามปากกา
เราคิดว่าหนังสือเล่มนี้คงช่วยเยียวยาจิตใจเราให้ดีขึ้น
หยิบแบงค์ร้อยอย่างมั่นใจแล้วยื่นให้แคชเชียร์เลยค่ะ

เล่มนี้ชื่อ “เหยียบโลกไว้ไม่ต้องเครียด”

ซึ่งพอเอามาอ่านแล้วก็ไม่เครียดจริง ๆ ค่ะ
นอกจากจะพูดเรื่องการใช้ชีวิตแล้ว
เล่มนี้มีแทรกเรื่องเกี่ยวกับการตลาดด้วยค่ะ ทำให้เรารู้จักหนุ่มเมืองจันท์ในอีกมุมหนึ่ง
ว่าเขาทำเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจและการตลาดด้วย
กลายเป็นว่าสนุกกว่าเดิมอีก

ตัวอย่างคร่าวๆเป็นต้นว่า
บรรยากาศในร้านมีผลต่อการเลือกซื้อสินค้า
ถ้าเพลงที่เปิดเป็นเพลงช้าจะช่วยให้คนพิถีพิถันในการเลือกสินค้ามากขึ้น
หรือแม้กระทั่งในห้างสรรพสินค้า มักมีตัวแปรต่าง ๆ ที่ทำให้เราเดินช้าลง
เพื่อสังเกตสินค้าอื่น ๆ มากขึ้น เช่น การติดกระจก หรือสติ๊กเกอร์ตามพื้น

https://www.kaidee.com/product-130773191

เล่มสุดท้าย เราเจอที่ร้านนายอินทร์ค่ะ
วันนั้นอยู่ในช่วงวันเกิด เราเดินเข้าร้านหนังสือกันแล้วแม่ให้เลือกซื้อคนละเล่ม
เราไม่ลังเลเลยที่จะหานามปากกาเดิมในชั้นหนังสือ
หนังสือชื่อยาวกับหน้าปกที่น่ารักขึ้น

“การสิ้นสุดของสิ่งหนึ่ง คือ การเริ่มต้นของสิ่งใหม่เสมอ”

เราเหมือนได้กลับมานั่งคุยกันอีกครั้งในห้องนั่งเล่นที่บ้าน
นั่งคุยกับคุณลุงคนเดิม เพิ่มเติมคือตอนนี้เราโตขึ้นแล้ว
เรายังคงชอบภาษาและเรื่องราวของเขาเหมือนเดิม
แม้ว่าเราจะไม่มีนอยด์กับชีวิต ตอนนี้เรามีความสุขดี
และมีความสุขยิ่งขึ้นเมื่อได้อ่านหนังสือของเขา

เราชอบตอนหนึ่งของหนังสือมาก
ซึ่งจะสปอยล์เนื้อหาแค่ส่วนนี้เท่านั้น!
ที่เหลืออยากให้ได้อ่านกันในเล่มค่ะ

เป็นหลักการคิดของ คุณอิทธิเวช อินทสินธุ์ ผู้ก่อตั้งคลินิค สไมล์ แกลอรี่
ให้ตั้งคำถามว่า “ทำไม” 4 ครั้ง เพื่อค้นหาปัญหาให้ครบ
จากนั้นจึงหาวิธีแก้ไข

ทำไม ทำไม ทำไม และ ทำไม

เราชอบหลักคิดนี้มากค่ะ เพราะปัญหามีไว้แก้ไข
และการหารอบคอบกับปัญหา จะทำให้เราแก้มันได้ตรงจุดมากขึ้น

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1448857983

เราอาจจะแนะนำเล่มนี้เป็นเล่มสุดท้าย แต่นี่จะไม่ใช่เล่มสุดท้ายที่เราอยากแนะนำ
เรามีแพลนจะซื้อและจะมาแนะนำอีกแน่นอน :)
หนังสือขนาดพอดีที่สามารถนอนสบาย ๆ ได้ในกระเป๋าของคุณ
กับเรื่องราวที่จะคงอยู่ในใจให้คุณรู้สึกสบาย ๆ
หนังสือดี ๆ แบบนี้ไม่ควรพลาดนะคะ

ฌานิญา งามพิสัย (ผิง)

เรียนที่คณะวารสารศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

เด็กฝึกงาน Copywriter ที่ rgb72

เธอพบว่าเธอควรจะอ่านหนังสือให้มากขึ้นอีกหน่อย

--

--