[รีวิว + สปอย]หนังสือ: At your best เป็นคุณแบบที่ดีที่สุด
เลิกปฏิบัติกับทุกคนเหมือนๆกัน เพราะความสัมพันธ์ทั้งหมดไม่เหมือนกัน
จำไว้ว่า เวลามีจำกัด จงลงทุนเวลากับคนที่ทำให้เรารู้สึกดี หรือมีประโยชน์
รีวิว
- นี่ไม่ใช่หนังสือที่เกี่ยวกับภาวะหมดไฟ แต่เป็นเรื่องของการอยู่ให้ห่างจากภาวะดังกล่าว
- At Your Best เป็นหนังสือที่จะแสดงให้คุณเห็นถึงวิธีการใช้เวลา พลังงาน และลำดับความสำคัญของคุณให้เป็นประโยชน์ เพื่อที่คุณจะได้มีชีวิตที่เติมเต็มและยั่งยืน
- เล่มนี้แนะนำแนวคิดของ “โซนสีเขียว” ซึ่งเป็นช่วงเวลาของวันที่คุณอยู่ในจุดที่ดีที่สุดและมีประสิทธิผลมากที่สุด และวิธีจัดงานที่สำคัญที่สุดของคุณให้สอดคล้องกับโซนสีเขียวของคุณ
- สอนวิธีปฏิเสธสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับเป้าหมายและค่านิยมของคุณ รวมถึงวิธีสร้างกำไรและการพักผ่อนในชีวิต
Shopee : https://shope.ee/6zt91vOjvI
Lazada : https://s.lazada.co.th/s.PBiii?cc
Link ย่อ : Bit.ly/mosbook2023-030
สปอย
ปัญหาของคนยุคเราคือการมีมากเกินไป
- เรามีความต้องการมากเกินไป มีโอกาสมากเกินไป มีข้อมูลมากเกินไป มีสิ่งที่รบกวนสมาธิมากเกินไป มีทางเลือกมากเกินไป มีคนต้องการความสนใจจากเรามากเกินไป และมีสิ่งที่ต้องจดลงปฏิทินมากเกินไป
ภาคหนึ่ง เครียดขนาดนี้ไม่ดีแล้ว
บทที่ 1 : สร้างชีวิตที่ไม่อยากหลบลี้ไปไหน
- ทำไมคนถึงนึกเสียใจกับชีวิตและการงานที่ตนอุตส่าห์แผ้วถางสร้างทำ
ถ้าเราไม่กำหนดเส้นชัยให้การทำงาน ร่างกายของเราก็จะกำหนดมันเอง
- ความเครียดเรื้อรังจะส่งผลกับร่างกายในราคาที่คุณไม่กล้าจ่าย
- การเครียดตลอดเวลาทำให้คนไม่กล้าฝัน
ถ้าช่วงงานยุ่งของเราไม่มีจุดสิ้นสุด นั่นจะเป็นทั้งชีวิตของเรา
ความบ้างานคือการเสพติดที่ได้รางวัลตอบแทนสูงสุดในสังคม
ในแต่ละวันทุกคนมีทรัพยากรหลัก 3 อย่างคือ เวลา พลังงาน เวลาและลำดับความสำคัญ
- เมื่อเราไม่มีกลยุทธที่ชัดเจน เวลา พลังงาน และลำดับความสำคัญจะกลายเป็นอุปสรรค แทนที่จะเอื้อประโยชน์ให้เรา
บทที่ 2 : พอกันที่กับชีวิตยุ่งเหยิงบ้าคลั่ง
- ใช้ชีวิตวันนี้ ในแบบที่เอื้อให้เราก้าวหน้าในวันพรุ่งนี้
- การลาหยุดจะไม่ช่วยเยียวยา เมื่อปัญหาคือวิธีการใช้เวลาไปกับอะไรบางอย่างของเรา
- การคุยกันตอนสามโมงกับตีสาม เป็นประสบการณ์คนละเรื่องเลย
เรามักทำสิ่งสำคัญที่สุดแบบสุ่มๆ โดยนำไปอัดไว้ในช่วงเวลาที่เหลือ
- เราไม่ได้ทำงานที่สำคัญที่สุด ในตอนที่พลังงานเราพร้อมที่สุด
- ลำดับความสำคัญถูกปล้นชิง เมื่อเรายอมให้คนอื่นมากำหนดว่าอะไรคือสิ่งที่จะต้องทำให้ลุล่วง
- เพราะเราไม่เรียนรู้ที่จะปฏิเสธ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราปฏิเสธได้
เรามีเวลาทำทุกอย่างที่อยากทำ แต่ไม่ใช่ทำทุกอย่าง
- อย่าคิดถึงแต่งาน ชีวิตยังไม่เรื่อง จิตวิญญาณ ความสัมพันธ์ อารมณ์ การเงิน และร่างกาย
- ความก้าวหน้ายังหมายถึงการดูแลตัวเองได้ดีขึ้น ได้นอนหลับสนิท ได้กินอาหรดีต่อสุขภาพ เข้ายิมสักหน่อย ไปวิ่งเป็นประจำมากขึ้น
- คุณจะใจดีเวลาที่มีระยะขอบมากที่สุด เช่นตอนไม่รีบ ตอนไม่เดือนร้อนเรื่องเงิน
ภาคสอง ใส่ใจเวลาของคุณ
บทที่ 3 : อันที่จริงเรามีเวลา
- คนที่ productive ที่สุดในโลก ก็มีเวลาเท่าเรา
- แต่คนเรามีเรื่องให้ทำมากกว่าเวลาที่มีเสมอ เราแค่ต้องเลือกใช้
- อย่าไปฝันถึง สมดุลถ้าคุณอยากเปลี่ยนโลก
ผมอยากให้คุณเขียนรายการสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณออกมา พร้อมระบุปริมาณเวลาที่ต้องใช้ จากนั้นเรียงลำดับ
บทที่ 4 : หาพื้นที่สีเขียวของตัวเอง
- เรารู้สึกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลาของวัน
- วันนึงมีแค่ 3–5 ชั่วโมงเท่านั้นที่เราจะมีพลังงานเต็มที่ ซึ่งแต่ละคนแตกต่างกัน
ลองจดบันทึกช่วงเวลาของตัวเองในแต่ละชั่วโมง ทั้งสัปดาห์ เพื่อหา Pattern
- ไม่ต้องเป๊ะ เพราะมันเปลี่ยนได้ตลอด แค่นอนน้อยก็เปลี่ยนแล้ว
ภาคสาม : ใช้พลังงานให้เต็มที่ที่สุด
บทที่ 5 : ทำสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด
- จงลงทุนพลังงานของเราเพื่อผลตอบแทนสูงสุด
- ใช้พลังงานไปกับ
1. เรื่องที่เราทำได้ดี
2. เรื่องที่เราอยากทำ
3. เรื่องที่มี Impact
- รวมไปถึงการเอาเวลาไปพัฒนาเรื่องที่เราทำได้ดี ให้ดีขึ้นไปอีก
บทที่ 6 : พื้นที่สีเหลือง แดง และปัญหาอื่นๆในชีวิตจริง
- ใช้พื้นที่สีเหลืองกับเรื่องสำคัญพอประมาณ
- และเก็บเรื่องที่สำคัญน้อยสุด ความเสี่ยงต่ำสุดไว้กับพื้นที่สีแดง
- เช่น อะไรที่เป็นกิจวัตร การออกกำลังกาย ประชุมทั่วไป
- ให้เราโฟกัสการจัดสรรเวลาเฉพาะ เรื่องที่เราควบคุมได้
- เรามีเวลาที่ควบคุมได้ มากกว่าที่คิด สัปดาห์ละ 168 ชั่วโมง ทำงานแบบไม่มีอิสระจริงๆอาจจะแค่ 12–20 ชั่วโมงเท่านั้น
- ไม่ว่าคุณจะเชื่อว่าตัวเองทำสิ่งหนึ่งได้หรือไม่ คุณก็ถูกเสมอ
ภาคที่ 4 : ทำสิ่งสำคัญให้ลุล่วง
บทที่ 7 : ภาวะถูกปล้นชิง
- ไม่มีใครขอให้เราทำตาม Priority เราหรอก มีแต่ขอให้ทำตาม Priority เขา
- แล้วตอนนี้เราก็มี iPhone สิ่งที่ทำให้คนอื่นมาชิงเวลาเราได้ตลอดเวลา
- สิ่งที่ไม่สำคัญและไม่เร่งด่วน กำลังเรียกร้องความสนใจจากเรา และต้นทุนการหันไปจัดการเพียงไม่กี่วินาที ต้องใช้เวลาอีกหลายนาทีเพื่อดึงสมาธิกลับคืนมา (ตอนนี้ iPhone มี Work Mode นะ)
- และถ้าลองนับ จะตกใจว่าเราทำเรื่องไม่สำคัญและไม่ด่วนไปมากแค่ไหน
- เรื่องสำคัญแต่ไม่เร่งด่วน มักถูกละเลยได้ง่าย และมีราคาแพงที่ต้องจ่ายในภายหลัง เช่น การออกกำลังกาย การเล่นกับลูก การพัฒนาตัวเอง การวางแผนทางการเงิน
- หากไร้กลยุทธ์ในการกล่าวคำปฏิเสธ ค่าเริ่มต้นย่อมเป็นตอบรับ และชีวิตเราจะหมดไปกับการทำตาม Priority คนอื่น
วิธีปฏิเสธ
1. บอกว่าอยากตอบรับนะ
2. แสดงความเข้าใจ
3. ยืนยันว่า อยากไปก็ไปไม่ได้จริงๆ
4. แนะนำทางเลือก
5. ขอบคุณ
- ลองยกเลิกงานบางประเภทออกไปทั้งชุด แทนที่ที่จะยกเลิกเป็นครั้งๆ เช่น ประชุมเช้า หรือ กลางวัน หรือ การประชุมที่นานเกินชั่วโมง หรือไม่ให้เข้าพบโดยไม่มีเหตุผล
ตัดสินใจว่าจะไม่ทำอะไร ล่วงหน้า
บทที่ 8 : ปลอดสิ่งรบกวนสมาธิ
- คุณจับโทรศัพท์วันละกี่ครั้ง… แล้วนั่นเยอะหรือน้อยไป?
สมาธิมีราคา และมือถือแย่งมันไปจากคุณ
การหันไปดู Notification แปปนึง ต้องใช้เวลาอีก 25 นาทีเพื่อให้กลับมามีสมาธิ
- คุณกำลังถูกสิ่งที่ไม่สำคัญ ขโมย ความสนใจของคุณไป
- นอกจากเลือกเวลาในการทำสมาธิแล้ว คุณยังต้อง เลือกทำเล ให้ดีอีกด้วย
- สิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุด อาจหลากหลายไปตามบุคลิกของแต่ละคน
- ใส่ใจเรื่อง อุณหภมิ แสงสว่าง กระทั่งเสียง ด้วย
- ถ้าหาที่เหมาะๆไม่ได้หาหูฟังตัดเสียงรบกวนนะ มันดีมาก
- แต่ถ้าหาเวลา สถานที่ หรืออุปกรณ์เหมาะๆ ไม่ได้ก็อย่ากดดันตัวเองเกินไป ให้จดจ่ออยู่กับเฉพาะสิ่งที่ควบคุมได้เท่านั้น
- จงปิดการแจ้งเตือนทั้งหมด จะเว้นเฉพาะครอบครัว เพื่อนสนิท เอาไว้ก็พอได้
- ออกไปเดินเล่นบ้าง คนเราproductive ตลอดเวลาไม่ได้ ออกไปสะสมไอเดียข้างนอกบ้าง
ถ้ามีเวลาเหลือแล้วไม่รู้จะทำอะไร ให้ลองทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน
- การตื่นเช้าได้เปรียบในมุมที่คนอื่นยังไม่ตื่น ไม่มีใครมารบกวน
ที่สำคัญคือต้องนอนให้พอ
บทที่ 9 : แล้วคนหล่ะ
- เราไม่ได้มีเวลาให้ทุกคน แต่ทุกคนอยากได้เวลาจากเราโดยไม่แคร์อะไรเอาทั้งนั้นด้วยซ้ำ
การปฏิเสธเป็นเรื่องยาก แต่ต้องทำ!!
- พวกเราล้วนเคยเสียเวลาไปกับคนที่ ไม่อยากพบหรือไม่จำเป็นต้องพบ
- พวกที่อยู่ด้วยแล้วทำให้หมดแรง โดยไม่ได้ประโยชน์อะไร
- จำไว้ว่า เวลามีจำกัด จงลงทุนเวลากับคนที่ทำให้เรารู้สึกดี หรือมีประโยชน์
- ในด้านชีวิตส่วนตัวใช้เวลา 80% ไปกับครอบครัว เพื่อนสนิท ที่ปรึกษา แล้วค่อยให้ 20% กับคนที่เหลือ
อย่าใช้เวลากับคนไม่สำคัญ ถ้ายังให้เวลากับคนหรือเรื่องสำคัญ ยังไม่พอ
- คนเรามีเพื่อนสนิทจริงๆ 3–5 คน มีคนที่เข้าใจเรา 12–15 คน มีเพื่อนจริงๆรวมกัน 150 คน นี่คือลิมิตของสมองที่ร่างกายเราพัฒนามา
- คนใหม่เข้ามา คนเก่าต้องมีใครย้ายออกไป เลือกให้ดี
- โลกดิจิตทัลทำให้เรามีสิ่งที่ต้องสนใจมากเกินไป จนไม่สามารถใช้เวลาอย่างมีคุณภาพได้
- ถ้าอยากมีความสุขมากขึ้น ให้ใส่ใจกับคนวงเล็ก
- ระบุกลุ่มคนวงเล็กนั้นออกมา ตัดสินใจว่าจะตอบสนองเร็วแค่ไหนสำหรับคนในและนอก
เลิกปฏิบัติกับทุกคนเหมือนๆกัน เพราะความสัมพันธ์ทั้งหมดไม่เหมือนกัน