[รีวิว + สปอย] หนังสือ : Smart Brevity ไม่กี่คำก็กินขาด คนฉลาดไม่พูดเยอะ
วิธีการสื่อสารที่ทรงพลังที่สุด ในโลกที่ทุกคนมีเวลาจำกัด
ทำไมเล่มนี้น่าอ่าน :
“Smart Brevity” เป็นหนังสือที่สอนให้ผู้อ่านเข้าใจและประยุกต์ใช้หลักการสื่อสารอย่างกระชับและมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนในยุคสมัยปัจจุบัน
รีวิว
- Smart brevity สอนวิธีการสื่อสารที่ให้คนสมัยนี้ฟังอย่างกระชับ และชัดเจน
- ซึ่งการพูดให้กระชับเป็นสิ่งที่สอนกันได้ และนั่นจะทำให้คุณแตกต่างและก้าวกระโดดทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว
- หนังสือเล่มนี้เนื้อหาไม่เยอะ แต่เต็มไปด้วยตัวอย่าง ซึ่งดีมากกกกก
- ตัวเล่มนี้เองก็เขียนได้กระชับ แต่ละบทมีบอกว่า อ่านกี่คำ กี่นาที มีการแบ่งโครงสร้างให้ง่ายต่อการเข้าใจและจดจำ
สรุปแบบคนรีบ
“Smart Brevity” เป็นหนังสือที่สอนให้ผู้อ่านสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในบริบทต่างๆ เช่น ธุรกิจ วารสารศาสตร์ การศึกษา หรือชีวิตส่วนตัว หนังสือเล่มนี้ให้เหตุผลว่าความกะทัดรัดเป็นทักษะที่สามารถเรียนรู้และฝึกฝนได้ และสามารถช่วยให้ผู้คนถ่ายทอดความคิดของตนได้อย่างชัดเจน โน้มน้าวใจ และน่าจดจำ หนังสือเล่มนี้ให้เคล็ดลับและเทคนิคต่อไปนี้เพื่อให้บรรลุความกะทัดรัดอันชาญฉลาด:
- ใช้ภาษาที่เรียบง่ายและแม่นยำเพื่อหลีกเลี่ยงศัพท์เฉพาะ คำที่ซ้ำซากจำเจ และคำเติม
- จัดโครงสร้างข้อความของคุณด้วยพาดหัวที่ชัดเจนและจับใจ คำนำที่กระชับและน่าสนใจ และบทสรุปที่สั้นและน่าพอใจ
- ปรับน้ำเสียงและสไตล์ของคุณให้เหมาะกับผู้ชม วัตถุประสงค์ และสื่อ และใช้ภาพช่วย ตัวอย่าง และเรื่องราวที่เหมาะสมเพื่อสนับสนุนประเด็นของคุณ
- แก้ไขและปรับข้อความของคุณให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยไม่สูญเสียความหมายหรือผลกระทบ
- ฝึกฝนและเชี่ยวชาญศิลปะการฟัง ถาม และตอบคำถาม ตลอดจนการให้และรับคำติชม
หนังสือเล่มนี้ยังประกอบด้วยแบบฝึกหัด รายการตรวจสอบ และตัวอย่างจากโดเมนและประเภทต่างๆ เพื่อช่วยให้ผู้อ่านนำไปใช้และพัฒนาทักษะความกะทัดรัดอันชาญฉลาด หนังสือเล่มนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้ผู้อ่านกลายเป็นนักสื่อสารที่มีความมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในยุคแห่งข้อมูลข่าวสารที่ล้นหลาม
อ่านเต็มๆที่ : Bit.ly/mosbook2024-006
ซื้อหนังสือ : เคยเอามาขายที่งานหนังสือ บูธ Welearn ตอนนี้ไม่รู้จะไปซื้อที่ไหน
สปอย
- คนเราสมาธิสั้นลงเยอะมาก ถ้าเจอบทความยาวๆ แค่ 17 มิลลิวินาทีแรก แล้วไม่ชอบก็เลื่อนผ่านแล้ว
- เราแชร์เรื่องราวส่วนใหญ่โดยไม่อ่านด้วยซ้ำ
- เรา Multitask ได้แย่ สติหลุดได้ง่าย และใช้เวลากว่า 20 นาทีกว่าจะกลับมาจดจ่อได้
ภาพรวม : เราเกลือกกลิ้งอยู่กับเสียงรบกวนและเรื่องไร้สาระอยู่ตลอดเวลาที่ตื่น ผู้คนมีเวลาน้อยลง ทางเลือกมากขึ้น สิ่งรบกวนนับไม่ถ้วน
- ถ้าเขียนแบบเดิม สื่อสารแบบเดิม ใครจะอ่านที่คุณเขียน หรือฟังที่คุณพูด !!
- เราเคยเขียนสั้นๆได้เก่ง (เพราะขี้เกียจเขียนเยอะ) จนครูสั่งเราให้ฝึกเขียน 500 คำ 1000 คำ โดยที่จริงๆแล้วเขียน 20 คำก็ได้ เราถูกสอนมาว่า ยิ่งเขียนยาวที่ฉลาด ซึ่งจริง ๆ ไม่ใช่
คนทำงานใช้เวลา 50–60% ไปกับการสื่อสาร แต่ไม่มีเครื่องมือและการอบรมที่ดีให้เขา
- แล้วเราจะดึงความสนใจของผู้คน ที่อยู่ท่ามกลางความวุ่นวายนี้ได้อย่างไร ? ก็ต้องปรับตัวตามผู้บริโภคหน่ะสิ
Part 1 : Smart Brevity คืออะไร
ประเด็นสำคัญ : คุณไม่สามารถทำให้ผู้คนเชื่อในกลยุทธ์หรือไอเดียใดๆได้ หากพวกเขาไม่เข้าใจหรือใส่ใจกับสิ่งทึ่คุณพูด
- Smart Brevity คือการสื่อสารที่สั้น ถึงอารมณ์ได้ใจความ ตรงประเด็น มีประโยชน์ ช่วยประหยัดเวลา โดยไม่ละเลยข้อเท็จจริงหรือ รายละเอียดสำคัญ
- ทุกถ้อยคำและประโยค ต้องมีความหมาย
สิ่งที่สำคัญที่สุด : คุณจะค้นพบความมั่นใจครั้งใหม่อย่างรวดเร็วจากถ้อยคำที่เฉียบคมและชัดเจนของคุณ ทั้งยังค้นพบว่าผู้คนรับฟังและจดจำประเด็นที่สำคัญที่สุดที่คุณต้องการจะสื่อ เมื่อคุณเก่งเรื่องนี้
ทำไมต้องเขียนแบบนี้ ? : ผู้อ่านสำคัญที่สุด เขาอยากรู้ว่า “มีอะไรใหม่ ๆไหม” “ทำไมมันถึงสำคัญ” และ “คุ้มค่ากับเวลาและสมาธิเขา” ก่อนจะลงลึก อ่านต่อ
- การเขียนแบบนี้ จะทำให้คุณมีโครงสร้าง เอากลับมาใช้ซ้ำ ไม่ต้องคิดใหม่ตลอดด้วย
ก่อนเขียน : ใครควรอ่าน และอ่านไปทำไม นึกให้ชัดเจนก่อน
แก่นโครงสร้าง 4 ประการ
1. “จั่วหัว” อย่างมีพลัง อย่าเกิน 6 คำ
2. “ประโยคเปิด” ที่แข็งแกร่ง คำจะจำสิ่งนี้ได้มากที่สุด จงบอกสิ่งที่ผู้อ่านยังไม่รู้
3. “ทำไมมันจึงสำคัญ” คนจะได้รู้ว่าทำไมต้องอ่านต่อ
4. “ลงลึก” ใส่ไว้ช่วงท้ายของบทความ
- อย่าใส่สิ่งรบกวนลงไป ถ้ามันไม่ได้ช่วยสื่อความ เช่น Video เล่นอัตโนมัติ ป๊อปอัพโฆษณา คำฟุ่มเฟือย
หยุดผลาญเวลาผู้คน
- เรามักนึกถึงสิ่งที่เราอยากพูด มากกว่าสิ่งที่คนอยากฟัง นึกหน้าคนฟังให้ชัดๆ คนที่มีตัวตนจริงๆ
- ไม่ควรมีถ้อยคำที่ไม่จำเป็นในประโยค และไม่ควรมีประโยคที่ไม่จำเป็น
วิธีที่ง่ายที่สุดในการบอกสิ่งที่ต้องการ
- พูดมันออกไปตรงๆ เอาให้กระชับ ตรงประเด็น
- อย่าใช้ศัพท์หรูๆที่อีกฝ่ายไม่เข้าใจ
เคล็ดลับ
1. จดจ่อกับคนที่เป็นเป้าหมายของคุณแค่คนเดียว
2. ระบุสิ่งที่คุณต้องการให้เขาจดจำเพียงสิ่งเดียว : ถ้าคุณยังไม่รู้ แล้วคนฟังจะรู้ไหม
3. เขียนภาษาคนให้คนอ่าน : เข้าใจง่าย ชัดเจน ตรงไปตรงมาเหมือนกำลังคุยกัน
4. ลงมือเขียน : ยิ่งน้อยยิ่งดี
Part 2 : วิธีการ
ทำให้คุ้มค่าความสนใจ
- คนส่วนใหญ่กวาดตาอ่านเนื้อหาส่วนใหญ่แบบผ่านๆ ทุกครั้ง อ่านได้ราวๆ 26 วินาที แล้วที่เหลือข้าม
- ให้เราเข้าเรื่องอย่างตรงประเด็น รวมถึงกำจัดข้อมูลส่วนเกินและไร้ประโยชน์
แนวคิดที่ควรจำ : ผู้คนจะให้ความเคารพคุณ ถ้าคุณเคารพเวลาและสติปัญญาของพวกเขา ผู้คนจะรำคาญถ้าคุณผลาญเวลาของพวกเขา
- ปัจจัยขับไล่ : ตัวหนังสือเยอะเกินไป คำศัพท์เฉพาะเยอะเกินไป ตัวเลือกเยอะเกินไป วีดีโอยาวๆ
หัวเรื่อง พาดหัว และ บรรทัดแรก สำคัญที่สุด
- สมองออกแบบมาให้ตัดสินใจว่า จะอ่านหรือจะข้าม
- ทุกถ้อยคำคือการต่อสู้เพื่อให้ได้เวลา และความสนใจมากขึ้น
- หัวเรื่อง อย่ายาวเกิน 6 คำ เดี๋ยวเลยขอบมือถือ
- ใส่ชื่อคนดังในหัวเรื่อง ได้ผล!
คุณต้องระบุ 1 สิ่งที่อยากให้ผู้คนรู้ และ ป่าวประกาศมัน
- นี่มันเรื่องอะไรวะเนี่ย แล้วมันคุ้มค่าเวลาของฉันไหม
- คิดซะว่า ต้องตะโกนบอกคนที่กำลังออกจากลิฟ คุณจะบอกอะไรแค่อย่างเดียว เพื่อให้เขาไม่ลืม
- นั่นแหล่ะ ประโยคเปิดของคุณ
ทำไมมันจึงสำคัญ
- อย่าปล่อยให้คนอ่านคิดเอง จงบอกให้ชัดเจน เด่นๆ
- ทำตัวหนาๆ ราวกับป้ายบอกทาง ให้มาอ่านในเรื่องที่คุณอยากให้อ่าน
- ถ้าพาดหัว ดึงความสนใจได้ คนจะคิดว่า บทความนี้มีค่ามากพอให้เสียเวลาอ่าน
- มันคือการบอกว่า “ฉันมีเรื่องสำคัญจะพูด และจะพูดในแบบที่น่าสนใจให้คุ้มกับเวลาคุณ”
- To check: คุณจะอ่านมันไหม ถ้าคุณไม่ใช่คนเขียน
Axiom หรือคำที่เราใช้เรียกหัวข้อต่างๆ
- เช่น “ทำไมมันจึงสำคัญ” “ภาพรวม” “ตัวเลขสำคัญ” “ประเด็นสำคัญ” “แล้วยังไงต่อ”
- แล้วตามด้วยคำอธิบาย เช่น มันจะทำให้อะไรเปลี่ยนไปบ้าง มันส่งสัญญาณถึงอะไร
ลงลึก
- พาร์ทนี้เป็นการให้อำนาจผู้อ่านได้ เลือกว่าจะอ่านเนื้อหาที่เยอะๆไหม รวมถึง link ไปอ่านตัวเต็ม
- ซึ่งนี่แสดงให้เห็นราวกับว่า “ฉันหาข้อมูลมาเรียบร้อยแล้ว คุณจะได้ไม่ต้องทำเอง” ทำให้เราเขียนกระชับได้โดยไม่ได้ตกหล่นเนื้อหาอะไรไป
จบการบรรยายด้วย : ถ้ามีเพียงสิ่งเดียวที่คุณจะจดจำได้จากการพูดครั้งนี้…
- ระบุสิ่งที่คนฟังต้องจำออกมาเป็นข้อๆ เรียงตามความสำคัญ อย่าเยอะ
- อย่าให้พวกเขาเลือกว่าจะจดจำอะไร คุณต้องเป็นคนเลือก
ใช้คำให้ถูกต้อง
- คำสั้นๆ ย่อมดีกว่าเสมอ
- ใช้คำทรงพลัง
- กำจัดศัพท์สวยหรู หรือที่คนไม่รู้จักกัน
- เลี่ยงคำคลุมเครือ
- ใช้รูปประโยคที่บ่งบอกว่าประธานเป็นผู้กระทำ
อิโมจิ 😁
- มันสื่อถึงอารมณ์ความรู้สึก เจตนา และรายละเอียดได้อย่างดี
- แต่ถ้าใช้เยอะไปคุณจะดูเป็นคนบ้องตื้น
- แต่มันทำให้คุณโดดเด่นได้ถ้าใช้อย่างเหมาะสม
- จำไว้ว่าคุณอยู่ในสงครามแย่งชิงความสนใจ
Part 3 : ภาคปฏิบัติ — ตัวอย่างเยอะมาก
- ใช้โครงสร้างรูปแบบคงเส้นคงวา เป็นเอกลักษณ์ ด้วยเนื้อหาใหม่ “บอกสิ่งที่ฉันยังไม่รู้มาสิ”
- จำกัดปริมาณเนื้อหาให้น้อยเข้าไว้ เอาเฉพาะสิ่งที่สำคัญ
- อย่าให้คนอ่านต้องคิด ว่าอันไหนสำคัญ เราต้องเลือกให้
- คนปกติอ่านได้ราว 265 คำต่อนาที ให้เปิดตัวด้วยหนึ่งสิ่งสำคัญ
- ถ้าส่งจดหมายข่าวช่วงเช้า คนจะมีโอกาสเปิดอ่านมากกว่า
- สไลด์หนึ่งหน้า อย่ามีเกิน 20 คำ
- ทำให้มันสั้น ตรงไปตรงมา และดูเร่งด่วน
- แจ้งข่าวที่ต้องการ ตั้งแต่ประโยคแรกเสมอ
บอกผู้รับว่า “ทำไมมันถึงสำคัญ”
- ใช้ Bullet ช่วยให้คนที่อ่านคร่าวๆ จับประเด็นได้
- เน้นคำ ตัวเลข หรือชื่อที่ต้องการเพิ่มความโดดเด่น
- ภาพประกอบที่สะอาดตา และเข้าใจง่ายช่วยขับประเด็นสำคัญให้โดดเด่น
การประชุม
- คนส่วนใหญ่เหม่อลอยระหว่างประชุม
- ก่อนเริ่ม : เช็คก่อนว่าต้องจัดประชุมจริงไหม กำหนดวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน เตือนคนเข้าร่วมล่วงหน้าวันนึง
- ระบุเรื่องที่ต้องตัดสินใจ การกระทำ หรืองานที่ต้องมอบหมายออกมาให้ชัดเจน
- ระหว่างประชุม : ตั้งเวลาแหว่งๆไว้ เช่น 20–25 นาที หรือ 50 นาที แล้วเปิดด้วยพาดหัวหรือวัตถุประสงค์ของการประชุม บอกทุกคนว่า ทำไมมันถึงสำคัญ ชี้แจงว่าต้องตัดสินใจเรื่องอะไรบ้าง กำหนดทิศทางให้ทุกคนจดจ่ออยู่กับเรื่องสำคัญ กระตุ้นให้คนเงียบๆได้พูด แล้วใช้เวลา 2นาทีสุดท้ายในการสรุป
- หลังการประชุม : ส่งสรุปประชุมเป็นบุลเล็ต และมันมีจะคนที่นึกอะไรออกหลังห้องประชุมอีก
- สิ่งที่คนมักทำพลาด : คุยเล่นจนคนคิดว่าประชุมไม่สำคัญ หรือ เชิญคนเยอะเกินไป
- สิ่งที่ควรทำ : มาประชุมให้ตรงเวลา ขอบคุณทุกคนทีเข้าประชุมตรงเวลา ระบุให้ชัดเจนใครต้องทำอะไร
การบรรยาย
- คุณไม่จำเป็นต้องพูดมาก เพื่อสร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่
- ทำให้ประเด็นหลัก จำได้ง่าย และฝั่งแน่นเป็นพอ
- โครงสร้างลับ
1. อธิบายสถาณการณ์ปัจจุบัน
2. เปรียบเทียบมันกับแนวคิดในอดุคติของคุณ ซึ่งก็คือ ประเด็นหลักที่ต้องการนำเสนอ
3. พูดถึงสิ่งที่เป็นอยู่กับสิ่งที่ควรจำเป็น พูดซ้ำๆ เพื่อเล่าความแตกต่าง
4. กระตุ้นให้เกิดการลงมือทำ
5. จบด้วยการพรรณนาให้เห็นภาพในอุดมคติที่ชัดเจนว่า ถ้าทำตามแนวคิดของคุณแล้วจะเป็นอย่างไร
- จงแสดงความเป็นมนุษย์ ผู้ฟังควรจดจ่อที่คุณ ไม่ใช่สไลด์ และจงฝึกกวาดตามองผู้ฟัง
- ระบุแนวคิดหลัก ให้ชัดเจน ถ้าคุณไม่รู้ คนฟังไม่รู้หรอก พูดให้เป็นประโยคสั้นๆ
- บอกเขาไปชัดเลยว่า อยากให้เขารู้หรือจำอะไรได้ ทำไมมันถึงสำคัญ อะไรคือหลักฐาน ชีวิตจะเปลี่ยนไปอย่างไร
การนำเสนอ
- ทุกอย่างที่คุณนำเสนอต้องสอดคล้องและส่งเสริมประเด็นหลักที่สำคัญที่สุด
1. เขียนผลลัพธ์ที่ต้องการออกมาให้ชัดเจน จงคิดก่อนทำสไลด์
2. จงมองว่าสไลด์คือ ป้ายโฆษณา ใช้ตัวหนังสือให้น้อย และ เข้าใจใน 3 วินาที
3. สื่อกลางที่ดีที่สุดคือ คำพูดและรูปภาพ
4. คนจะประมวลผลได้ดีสุดเมื่อมีแค่ แนวคิดเดียว