[รีวิว + สปอย] : The three happiness สู่จุดสูงสุดของชีวิตด้วย พีระมิดสามสุข

Mos Noppadol Rattanawisadrat
BookTH
Published in
4 min readMay 13, 2022

“สุขภาพดี” “ความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่น” และ “การกำหนดชีวิตตัวเองได้” มีความเชื่อมโยงกับความสุขมากกว่า “ทรัพย์สินเงินทอง”

ถ้าเราขยันทำงานจนเกินไปจะกลายเป็นโรคจิตแทน

รีวิว

  • เล่มนี้เป็นคู่มือใช้งานได้จริงที่นำเสนอ “หนทางสู่ความสุข” แบบเข้าใจง่ายที่สุด
  • หนังสือแบ่งออกเป็น 2 พาร์ทใหญ่ๆคือ
  1. อะไรทำให้เรามีความสุข
  2. ส่วนของวิธีการให้ได้มาซึ่งความสุข ด้วยตัวอย่างชัดเจนสุดๆ บอกเลยว่าต้องทำอะไรบ้าง
  • จริงๆเล่มนี้ แนวคิดมีแค่ “สุขภาพ” “ความสัมพันธ์” “ความสำเร็จ” อ่านจบเชื่อว่าทุกคนจะเข้าใจได้ และจำไม่ลืมแน่ๆ เพราะมันมีแค่สามอย่าง

Basic info

สำนักพิมพ์ : Amarin How to

อ่านสปอยเต็มๆที่ : Bit.ly/Mosbook2022–017

อ่านด้วยกันบน IG : Mos Talk2Geek (@mal2u_book)

ซื้อหนังสือ : https://shope.ee/2Kux5TBuQz

สปอย

(1) ต้องอยู่ในสภาวะแบบไหนถึงจะเรียกว่ามี “ความสุข” 😊

  • คำถามที่เหมือนง่าย แต่คนตอบไม่ค่อยได้ว่า ความสุขของตัวเอง หน้าตาเป็นอย่างไร แล้วก็ไม่ค่อยรู้ว่าจะทำยังไงให้ตัวเองมีความสุข

(2) ความสุขคือสารเคมีในสมอง 🧪

  • ตอนที่เรามีความสุข สมองจะหลั่งสารเคมีออกมานับร้อยชนิด แต่ช่วงเวลาปกติตัวหลักๆ มี 3 ตัว คือ

1. โดพามีน (ความสำเร็จ เงินทอง)

2. ออกซิโตซิน (ความผูกพันกับคนรอบตัว)

3. เซโรโทนิน (สุขภาพกายและใจ)

  • ซึ่งสามตัวนี้ทำงานผสมกันเหมือนเป็นแม่สี ให้เกิดความสุขรูปแบบใหม่ๆ

(3) ความสุขทำงานแบบมีลำดับ 🔢

  • โดย สิ่งที่เป็นรากฐานและสำคัญที่สุดคือ สุขภาพ ตามมาด้วยความผูกพัน และสุดท้ายที่คนชอบคาดหวังแบบผิดๆ คือการประสบความสำเร็จ
  • ถ้ามีครบสามเลย คือยอดเยี่ยม แต่ถ้าจะค่อยๆสร้าง ให้เริ่มจากสุขภาพก่อน แล้วอย่างอื่นจะตามมา

(4) สุขภาพ มาก่อน ความสำเร็จ 🏃‍♀️> 🪙

  • นึกภาพตามง่ายว่า คุณคือนักธุรกิจร่ำรวยที่ สุขภาพย่ำแย่ ไปเที่ยวไหนก็ต้องมีพยาบาลดูแล คงจะนึกภาพว่าคนๆนี้มีความสุขได้ยาก เผลอๆ จะตายตั้งแต่วัยหนุ่ม เพราะอดนอนทำงานเพื่อตามหาความสำเร็จ
  • ในทางกลับกัน เรานึกภาพนักปีนเขา ที่มีความสุขได้ง่ายกว่า แม้ว่าพวกเขาจะมีเงินอยู่จำกัด

จงให้ความสำคัญกับสุขภาพ ก่อน ความสำเร็จ

(5) ความผูกพัน มาก่อน เงินทอง ‍🩹 ❤️‍ > 🪙

  • นึกภาพตามว่า คุณคือนักธุรกิจ Top 3 ของประเทศ ที่มีแต่คนเกลียด จ้องจะแทงข้างหลัง ครอบครัวที่บ้านก็จะตีกันแย่งสมบัติ เผลอๆ ไอที่คุณประสมความสำเร็จมา ก็ไม่มีใครยินดีด้วยกับคุณจริงๆ

จงให้ความสำคัญกับ ความสัมพันธ์ ก่อน ความสำเร็จ

(6) สุขภาพคือ พื้นฐานของทุกสิ่ง 💪

  • ต่อให้การงานไปได้ดี มีคนรัก แต่ถ้าหมอเดินมาบอกว่าคุณเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ทุกอย่างก็คงจะจบไม่สวยเท่าไหร่

ก่อนคุณจะประสบความสำเร็จ คุณต้องมี ‘สุขภาพดี’ ก่อน

ใช่ว่ามีความสุขแล้วจึงหัวเราะ แต่เพราะหัวเราะจึงเกิดความสุข

(7) ความสุขที่ถูกมองข้าม เพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไป 🦷

  • คุณจะรู้ว่าวันธรรมดามีความสุขมากแค่ไหน ก็ตอนที่คุณปวดฟัน ปวดขา ปวดหลัง ปวดท้อง ปวดหัว

ความปกติ เป็นความสุขที่ไม่มีสิ่งใดมาทดแทนได้

  • ความอยากกลับไปมีสุขภาพแข็งแรง จะกลายเป็นเป้าหมายสูงสุดของชีวิต เมื่อคุณป่วยไม่ไหวแล้ว

(8) คนที่มีความสุขแบบเซโรโทนิน (สุขภาพ)

  • พอสุขภาพกายดี สุขภาพจิตดี สมาธิก็จะมา แล้วก็จะได้รับความไว้วางใจจากคนอื่นทั้งเรื่องความสัมพันธ์และเรื่องการงาน สุดท้ายชีวิตก็จะดีตาม
  • เซโรโทนิน เป็นตัวควบคุม นอร์อะดรีนาลิน ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อ สมาธิ

(9) คนที่มีความสุขแบบออกซิโตซิน (ความผูกพัน)

  • เป็นความสุขที่ต้องมีคนอื่นมาเกี่ยวข้องด้วย (สัตว์เลี้ยงหรือต้นไม้ก็นับนะ)
  • 90% ของความเครียดในที่ทำงาน เกิดจากการคบหาสมาคมกับคนอื่น
  • การมีความสัมพันธ์ที่ดี จะช่วยส่งเสริมความสำเร็จในการทำงานได้ แล้ว ความสุขจากความสำเร็จก็จะตามมา

(10) คนที่มีความสุขแบบโดพามีน (ความสำเร็จ)

  • การจะได้ความสุขแบบ โดพามีนมานั้นมี “ราคาที่ต้องจ่าย” และเมื่อได้แล้วก็อยากได้เพิ่มอีก
  • ได้ขึ้นเงินเดือนแล้ว แต่อยากได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นอีก
  • ความสนุกสนาน ความเพลิดเพลิน และ ความอยากได้เพิ่มอีก เป็นหลักฐานแสดงถึงการหลั่งของโดพามีน

(11) การเสพติดโดพามีน

  • ความสุขจากความสำเร็จมักจะยิ่งใหญ่ และ ได้มายาก แต่ก็มีวิธีง่ายๆในการหลั่งโดพามีนอยู่ นั่นคือ การดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งจะทำให้เรื่องแย่ลงในภายหลัง
  • ซึ่งโดพามีน เป็นสารที่มีฤทธิ์ทำให้เกิด “อาการเสพติด” ไม่ว่าจะ ติดแอลกอฮอล์ การชอปปิ้ง พนัน เกม มือถือ

คุณสมบัติ 4 ประการ ของความสุข

1. ความสุขมีอยู่แล้วตอนนี้ ขณะนี้ ⌚

  • ความสุขแบบเซโรโทนินและออกซิซิน คือความสุขในตอนนั้นๆ ส่วนความสุขแบบโดพามีนคือ ผลลัพธ์จากการกระทำ/ ความคาดหวัง

2. ความสุขไม่ใช่ “ผลลัพธ์” แต่เป็น “กระบวนการ”

  • ไม่ใช่ว่าต้องทำให้สำเร็จแล้วค่อยมีความสุข แต่ขณะที่ทำอยู่เนี่ยแหล่ะที่มีความสุข

3. “ความสุขที่ยั่งยืน” กับ “ความสุขที่ไม่ยั่งยืน”

  • เรื่องเงิน ถ้าเกินจุดๆนึง จะไม่ได้ทำให้มีความสุขมากขึ้นแล้ว และ เราต้องใช้เงินมากกว่าเดิมมากๆ ในการมีความสุขเพิ่มขึ้นเท่าเดิม
  • ความสุขจาก ความผูกพันและสุขภาพ จะยั่งยืนกว่า จางหายไปได้ยาก และมีบ่อยๆได้ (เรากอดคนรักได้ทุกวัน แต่เราคงไม่ได้เงินเดือนขึ้นทุกวัน)

4. ครอบครองความสุขทั้งหมดด้วย “การเพิ่มทวีคูณความสุข”

  • เมื่อเราซาบซึ้งกับความสำเร็จ นอกจากจะได้แค่ โดพามีนแล้ว ยังได้ออกซิโทซิน มาเป็นของแถมด้วย
  • จุดที่ดีที่สุดคือการผสมรูปแบบความสุขทั้งสามแบบ ทั้งสุขภาพ ความพันธ์ และ ความสำเร็จ ในการทีคูณความสุข

(12) เซโรโทนิน (สุขภาพ)คือผู้บัญชาการชีวิตคนเรา

  • ถ้าระบบประสาทเซโรโทนินทำงานอย่างแข็งขัน จะควบคุมสารเคมีในสมองชนิดอื่นให้มีความเหมาะสม
  • เราจะมีความอดกลั้นสูง แต่ถ้าเซโรโทนินลดลงต่ำเราจะอยู่ในสภาวะที่ มีความอดทนต่ำ

(13) ยิ่งออกซิโตซิน (ความสัมพันธ์)หลั่งออกมายิ่งมีสุขภาพดี

  • ออกซิโตซินคือฮอร์โมนแห่งความรัก ที่เกิดขึ้นเมื่อรู้สึกว่าได้รับความรักรู้สึกผ่อนคลาย
  • ออกซิโตซินมีประสิทธิภาพในการยับยั้งอาการเสพติด ความสุขจากโดพามีน เช่นอยากดื่มเหล้า อยากสูบบุหรี่
  • ช่วยต้านอาการซึมเศร้า ปกป้องสมองส่วนไฮโปธาลามัส(ส่วนที่สั่งการเรื่องความจำ) จากฮอร์โฒนความเครียดอีกด้วย

(14) ปัจจัยที่มีผลต่อความรู้สึกมีความสุข

“สุขภาพดี” “ความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่น” และ “การกำหนดชีวิตตัวเองได้” มีความเชื่อมโยงกับความสุขมากกว่า “ทรัพย์สินเงินทอง”

7 วิธีเข้าถึงความสุขแบบเซโรโทนิน ( สุขภาพ )

1. การนอนหลับ การออกกำลังกาย การเดินตอนเช้า 😴🛌🚶

กิจวัตรที่ทรงพลังที่สุดคือ การเดินตอนเช้า 15–30 นาที ภายใน 1 ชั่วโมงหลังตื่น

  • นอนให้พอ

2. กระตระหนักรู้

  • เราไม่ค่อยนับสิ่งที่เราทำอยู่ว่าเป็นความสุข และ ไม่เรียกปลายทางที่ยังมาไม่ถึงว่ามีความสุข
  • คนที่สะสมความสุขเล็กๆน้อยๆทุกวัน เมื่อเวลาผ่านไป ท้ายที่สุดจะมีความสุขที่ยิ่งใหญ่และได้ ชีวิตที่มีความสุข มาไว้ในมือ

เพราะฉะนั้นเราต้องฝึกฝนการตระหนักรู้กับ “ความสุขเล็กๆ” ในแต่ละวัน

3. การป้องกันอาการเจ็บป่วย 😷💊

  • การมีกิจวัตรที่ดี ช่วยคุณป้องกัน โรคจากชีวิตประจำวัน ซึ่งมากจากอาการเหนื่อยล้า และจะสะสมจนเป็นเรื่องใหญ่โต

4. โฟกัสกับ “ปัจจุบัน”

  • กังวลกับอดีตก็แก้ไขอะไรไม่ได้ กังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ไม่มีอะไรแน่นอน ก็ทำอะไรไม่ได้ โฟกัสกับสิ่งที่ทำได้ตอนนี้เถอะนะ

5. เพิ่มทักษะการเข้าใจตัวเอง

  • รู้ว่าช่วงไหนตัวเองเหนื่อย ต้องการการพักผ่อน สร้างกิจวัตรที่ช่วยให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น
  • การทำสมาธิหลังตื่น ว่าตัวเราเมื่อยไหม ยังมีความเหนื่อยล้าสะสมหรือไม่
  • เดินตอนเช้า ได้มีเวลาให้กับตัวเอง
  • คุยเรื่องดีๆกับตัวเอง เช่นการพูดออกมาว่า “วันนี้อากาศดี รู้สึกสดชื่นจริงๆ”
  • เขียนความซาบซึ้ง ที่เราสุขภาพดี

6. การเขียนบันทึกเชิงบวก 3 บรรทัด 📝

สร้าง Output เล็กๆ ด้วยการเขียนสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข 3 อย่างในแต่ละวัน เรียกมันว่า “บันทึกเชิงบวก สามบรรทัด”

  • เพื่อเป็นการย้ำว่าตัวเรามีความสุข และเมื่อเรารู้ว่า ก่อนนอนต้องเขียนเรื่องที่มีความสุข ระหว่างวันเราก็จะมองหาความสุข เพื่อก่อนนอน จะได้มีอะไรเขียน แถมการเขียนก่อนนอน ก็ยังเป็นการย้ำความทรงจำ ให้เรามองตัวเองเป็นคนที่มีความสุข
  • สมองคนเราจำแบบ Peak-end rule คือ จำเรื่องพีคสุดๆ กับตอนจบ ซึ่งก็คือก่อนนอน ถ้าเราทำช่วงก่อนนอนให้ดี ชีวิตโดยรวมก็จะดี
  • ในชีวิตเรา อาจจะมีเรื่องดี 5 เรื่อง เรื่องแย่ๆ 5 เรื่อง แต่ก็ให้เราโฟกัส เรื่องดีๆ 3 ใน 5 เรื่องนั้น มาเขียน
  • เรื่องที่เขียน ควรสมดุล สุขภาพ ความผูกพัน การงาน ให้ดี
  • การชมตัวเอง เป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะจะช่วยเพิ่มการยอมรับนับถือตัวเอง และการย้ำบ่อยๆ ทำให้สมองเราเชื่อว่าเราเป็นแบบนั้นจริงๆ

ใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆ ถ้าเราสามารถมีความสุขกับเรื่องเล็กๆน้อยๆได้ ชีวิตโดยรวมก็จะมีความสุขมากขึ้นมาก

  • เมื่อเวลาผ่านไป เราก็จะเก่งขึ้นในการมองหาความสุข และ ค้นหาความสุขอยู่ตลอดเวลา

7. รู้จักผ่อน รู้จักเร่ง

การทำอะไรให้ “ช้าลง” เป็นสิ่งสำคัญ

  • ชีวิตคนเราเหมือนวิ่งมาราธอน อย่าใส่เต็มตลอดเวลา เดี๋ยวพังและไปไม่ถึงเส้นชัย

7 วิธีเข้าถึงความสุขแบบออกซิโตซิน

1. ความผูกพัน

การสัมผัส 🧑‍🤝‍🧑

  • ความสัมพันธ์ระหว่างคนรัก พ่อแม่ลูก การโอบกอบทารก การนวด คือเทคนิคที่ช่วยให้ออกซิโตซินหลั่งออกมาได้ง่ายที่สุด

การปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนฝูง

  • ถึงแม้จะไม่มีการถูกเนื้อต้องตัว แต่การคุยถูกคอ การรู้สึกสบายใจและเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ก็ช่วยให้หลั่งออกซิโตซินได้
  • ความรู้สึก ว้าเหว่ จะเป็นขั้วตรงข้ามที่ยับยั้งการหลั่งออกซิโตซิน

ความมีน้ำใจและความซาบซึ้ง

  • เวลาที่เราทำอะไรที่มีน้ำใจให้กับใครซักคน ออกซิโตซินจะหลั่งออกมาทั้งคนให้และคนรับ

ความสัมพันธ์กับสัตว์เลี้ยง

  • ออกซิโตซินไม่ได้หลั่งออกมาจาก การมีปฏิสัมพันธ์กับคนเท่านั้น การเล่นกับสัตว์เลี้ยงก็ช่วยได้

2. ขจัดความว้าเหว่ 🧑‍🤝‍🧑

ความว้าเหว่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพเทียบเคียงกับภัยจากการสูบบุหรี่เลย

  • เมื่อเกิด ความว้าเหว่ ความสุขแบบออกซิโตซินจะหายไป ขณะที่ความสุขแบบเซโรโทนิน หรือ สุขภาพดี ก็จะหายตามไปด้วยเป็นลูกโซ่

o เพื่อนไม่ได้ลอยมาเอง อยากมีเพื่อนต้องออกไปหาเพื่อน สร้างเพื่อนเพิ่มขึ้นมา

o ถ้าเพื่อนยากไป ลองสร้างพรรคพวก กลุ่มคนที่มีเป้าหมายเดียวกัน

o เจอกันแบบตัวจริง ดีกว่าโลกออนไลน์ แต่โลกออนไลน์ก็ดีกว่าไม่เจอใครเลย

o อย่าเลิกทำงาน !! ถ้าคุณเกษียณแล้ว ให้หาอะไรทำเบาๆ หรือ รับหน้าที่อะไรบางอย่าง เพราะการทำงานก็เป็นส่วนหนึ่งของการเข้าสังคม

3. ปรับความสัมพันธ์กับผู้อื่น 🧑‍🤝‍🧑

  • ความสัมพันธ์ที่ดีไม่ได้งอกขึ้นมาเอง เราควรจะศึกษา ศิลปะการสื่อสาร เพื่อทำให้ความสัมพันธ์รอบๆตัวไปในทางที่ดี
  • คนเรามีเวลาจำกัด แต่คนที่ต้องเอาใจใส มีไม่จำกัด ให้แบ่งความสำคัญเหมือน การมีความสุขเลย
  • รากฐานคือ ครอบครัว(50%) ตรงกลางคือ เพื่อนฝูง (30%) และ ยอดพีระมิดคือ คนที่ทำงาน (20%)

4. มีน้ำใจกับผู้อื่น 🫂

  • เราสามารถมีความสุขด้วย “ภารกิจแห่งความมีน้ำใจ & บันทึกความมีน้ำใจ” โดยการตั้งเป้าว่าจะมีน้ำใจกับผู้อื่นวันละ 3 ครั้ง จากนั้นในตอนท้ายของวันให้เขียน ความมีน้ำใจที่ทำมาตลอดวัน
  • แค่นับครั้งที่แสดงความมีน้ำใจ ความสุขก็จะเพิ่มขึ้น จาก ความภาคภูมิใจในตัวเองที่เพิ่มขึ้น เหมือนเพียงแค่กระตระหนักรู้ว่าตัวเองมีประโยชน์ก็ทำให้เรามีความสุขแล้ว

5. ความซาบซึ้งใจ

  • การขอบคุณ นั่นแหล่ะ !! เป็นการบอกให้สมองรู้ว่าสิ่งที่เราได้รับมามีคุณค่า ให้เราพูดขอบคุณให้ได้เป็นปกติในชีวิต แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ
  • แค่เขียนมความซาบซึ้งใจออกมา สัปดาห์ละครั้งก็คาดหวังผลลัพธ์ได้มากแล้ว

6. การเลี้ยงดูต้นไม้และสัตว์เลี้ยง 🌳🐕

  • หาแฟนไม่ได้ก็เลี้ยงสัตว์เลี้ยงเอาเนี่ยแหล่ะ ช่วยได้ใกล้เคียงกันเลย ถ้าสุดๆจริงๆ ต้นไม้ก็ยังช่วยได้ เพราะเราได้ดูแลเอาใจใส่มัน
  • เราได้เห็นคุณค่าของตัวเองมากขึ้นว่า มีสัตว์เลี้ยงหรือต้นไม้ รอเราดูแลอยู่ เป็นการรู้สึกว่าเราสำคัญกับใครสักคน

7. เชื่อมั่นในผู้อื่น

  • ถ้าเราเปิดเผยตัวเอง อีกฝ่ายจะเปิดเผยตัวเองเช่นกัน ถ้ามีการเปิดเผยตัวเองกลับไปกลับมาเหมือนการโยนรับลูกบอลไปมา จะยิ่งทำให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

การยอบรับตัวเอง > การไว้วางใจผู้อื่น > การสนับสนุนผู้อื่น

ความรักแบบโดพามีน vs ความรักแบบออกซิโตซิน 💘

  • ความรักแบบโดพามีน คือ ความรักอย่างหลงใหลหรือคลั่งไคล้มีความรุ่งโรจน์ ความตื่นเต้น และใจเต้นตึกตัก หรือมีการเรียกร้องจากอีกฝ่ายมากยิ่งขึ้นเช่น อยากเจออีก อยากได้รับความรักมากกว่านี้ จึงกล่าวได้ว่าเป็น ความรักแบบเรียกร้อง ซึ่งจะพีคมากๆ ช่วง 2–3 เดือนแรก และมีอายุอยู่ได้ไม่นานนัก 2–3 ปี ก็จะหายไป ซึ่งเป็นแนวโน้มที่คู่รัก มักจะเลิกกัน
  • ความรักแบบออกซิโตซิน คือความรักฉันเพื่อน มิตร ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย สงบสุข สบายใจ และไว้เนื้อเชื่อใจกัน เป็นความรู้สึกพึงพอใจ หรือความรักแบบเติมเต็มจากการได้อยู่ด้วยกันเท่านั้น เป็นความรักประเภทที่ว่า “เพียงแค่อยู่กับคุณก็สุขใจที่สุดแล้ว”
  • คู่รัก เริ่มต้นคบหากันจาก ความรักแบบโดพามีน จากนั้นจะเปลี่ยนผันเป็น ความรักแบบออกซิโตซิน

ขอแต่งงานตอนไหนดี 💍

  • ถ้าชอบใคร ให้ขอแต่งงานในช่วง 2–3 ปี หลังจากคบหากัน ไม่งั้นหลังจาก โดพามีนหายไป การขอแต่งงานสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ยากขึ้น
  • เมื่อเกิดการแต่งงานขึ้น จะเหมือนกลับไปเริ่มที่จุดตั้งต้นใหม่อีกครั้ง ในรูปแบบของความสัมพันธ์ใหม่ แล้วพอมีลูก ก็จะเริ่มบทใหม่อีกเช่นกัน

7 วิธีเข้าถึงความสุขแบบโดพามีน

ด้านสว่างของโดพามีน

  • โดพามีน คือสารส่งเสริมการพัฒนาตัวเอง เวลาที่เราพยายามทำอะไรแล้วได้ผลสำเร็จ ความรู้สึกว่าบรรลุผลสำเร็จนั้นมาจากโดพามีน
  • พัฒนาการทั้งด้านวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม ล้วนมาจาก “โดพามีน”
  • บางทีเราก็เรียกมันว่า “สารแห่งการเรียนรู้” “สารที่ช่วยให้สมองดีขึ้น”

ด้านมืดของโดพามีน 👎

  • โดพามีนนั้นเกี่ยวข้องกับอาการเสพติด ได้แล้วอยากได้อีก ถ้ามันไปติดสิ่งแย่ๆ ก็จะซวยได้ เช่น พนัน แอลกอฮอล์
  • ดังนั้น การรับมือกับโดพามีน ได้ราบรื่นหรือไม่ คือจุดตัดระหว่างความสำเร็จกับความล้มเหลวในชีวิต ว่าเราจะมีความสุขหรือไม่

1. วิธีที่ 1 “ซาบซึ้งใจ” กับเงินทองและสิ่งของ

  • ความสุขจากการมีเงินทองจะเสื่อมถอยลง ถ้าเรามีเงินมากอยู่แล้ว การมีเงินเพิ่มขึ้นจะไม่ได้ช่วยให้เรามีความสุขมากขึ้นขนาดนั้น
  • “สุขภาพดี” “ความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่น” และ “การกำหนดชีวิตตัวเองได้” มีความเชื่อมโยงกับความสุขมากกว่า “ทรัพย์สินเงินทอง”
  • แต่การซาบซึ้งกับคุณค่าเวลาใช้เงิน คุณจะกลายเป็นเศรษฐีที่มีความสุข เพราะจะมีความสุขของ ออกซิโตซิน แถมมาด้วย “ดีจังที่มีตังใช้”

2. วิธีที่ 2 การควบคุม

  • การได้กินช๊อคโกแลตแบบรัวๆมาโดยตลอด ย่อมทำให้เราเบื่อ และคุณค่าของชิ้นต่อไปย่อย น้อยกว่าคนที่ อดกินและตั้งหน้าตั้งตารอมาตลอด
  • นั่นหมายความว่า การควบคุม จำกัดปริมาณ ช่วยเพิ่มคุณภาพของความสุขจากการได้รับได้ ดังนั้นจงมีกฏสำหรับของเสพติด เช่น น้ำตาล แอลกอฮอล์ เกม สมาร์ตโฟน (ออกจากบ้านแล้วอย่าพกแบตสำรอง จะได้ใช้เฉพาะตอนจำเป็น ไม่ใช่ไถไปเรื่อย)

3. วิธีที่ 3 ลิ้มรสชาติการพัฒนาตนเองทุกวัน

“การทำสิ่งที่ตัวเองยังทำไม่ได้เมื่อวาน หรือการรู้สิ่งที่เมื่อวานไม่รู้”

  • ก็นับเป็นการพัฒนาตัวเองแล้ว ไม่ต้องเป็นเรื่องใหญ่ แต่สะสมไปทุกวันมันก็จะใหญ่เอง เช่น อ่านหนังสือ นิดๆหน่อยๆ ให้เราได้รู้สึกว่า เราได้พัฒนาอะไรบ้างแล้ว อย่าไปคิดว่าต้องชนะรางวัลโนเบลถึงต้องแฮปปี้ แต่แค่สนุกกับพัฒนาการเล็กๆ ก็พอ

4. วิธีที่ 4 ออกจากคอมฟอร์ตโซน

  • ออกไป Learning zone ที่ ตื่นเต้นพอ ยากอีกนิด ท้าทายเราหน่อยๆ แต่ไม่ต้องหนักถึงทำร้ายเราได้
  • จริงๆ แค่คิดว่าทำสำเร็จแล้วจะได้อะไร โดพามีนก็มาแล้ว ไม่ต้องรอให้ถึงวันที่สำเร็จ

5. วิธีที่ 5 การเพิ่มความภาคภูมิใจในตัวเอง

  • ความภูมิใจกับตัวเอง สัมพันธ์โดยตรงกับระดับความสุข
  • คนที่ความภูมิใจต่ำ จะถูกล่อลวงให้เสพติด สิ่งของ ผู้คน และ การกระทำได้ง่าย

6. วิธีที่ 6 การให้

  • จงเลิกช่วยเหลือผู้อื่นแบบเสียสละตัวเอง แต่ให้มองเป็นการลงทุน เลือกให้กับคนที่ดี ไม่ต้องถึงขั้นมองข้ามผลประโยชน์ของตน เดี๋ยวหมดไฟก่อน
  • เวลาช่วยเหลือคนอื่น ให้ทำรวมกัน เช่น ใน5วัน เลือกมาวันนึง และ กำหนกชั่วโมงให้พอดี เช่น100 ชั่วโมงต่อเดือน และ อย่าทำคนเดียว คอยรับการสนับสนุนจากคนรอบข้างด้วย

7. วิธีที่ 7 ค้นหางานแห่งชีวิต

  • หางานที่เหมือนเราเกิดมาเพื่องานนี้

เงินทอง” “การเที่ยวเล่น” “การกิน” นิสัยที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณ

วิธีใช้ “เงินทอง” แล้วมีความสุข

วิธีคิดที่ 1 คนที่มี “วิธีใช้” เงินอย่างฉลาด จะมีความสุขกว่าคนที่หาเงินเก่ง

วิธีคิดที่ 2 วิธีใช้เงินที่ไร้ประโยชน์มากที่สุดคือ “เงินฝาก”

วิธีคิดที่ 3 วิธีใช้เงินที่มีประโยชน์ที่สุดคือ”การลงทุนกับตัวเอง”

วิธีคิดที่ 4 จงซื้อ “ประสบการณ์” แทนการซื้อ “สิ่งของ”

วิธีคิดที่ 5 หันหน้าเข้าหา “คน” ไม่ใช่ “เงินทอง”

วิธีคิดที่ 6 สิ่งที่เงินซื้อได้ไม่ใช่ “ความสุข” แต่เป็น”ความสบายใจ”

วิธีคิดที่ 7 จงตั้งเป้าเงินได้ต่อปีไว้ระดับหนึ่ง

วิธีคิดที่ 8 จงนำ”เงินทอง” ไปลงทุนกับความสุข แบบเซโรโทนินและออกซิโตซิน

วิธีคิดที่ 9 จงใช้เงินซื้อ “เวลา”

วิธีคิดที่ 10 จงเรียนรู้เกี่ยวกับเงิน

บริหารจัดการ “ความปรารถนาสิ่งของ” เพื่อให้มีความสุข

วิธีที่ 1 ความอยากได้สิ่งของแบบมีสติ

วิธีที่ 2 แปลง”เงินทอง” เป็น “ความสุข 3 รูปแบบ”

วิธีที่ 3 ถามตัวเองว่า “จำเป็นจริงๆ ไหม”

วิธีที่ 4 สนุกกับการใช้งาน

วิธีที่ 5 อย่าซื้อของเพื่อระบายความเครียด

วิธีที่ 6 สละและสะสาง

วิธีอยู่ร่วมกับ “ความปรารถนาได้รับการยอมรับ” ไม่ใช่เรื่องง่าย

สุดยอดกฎที่ทำให้ยิ่ง “เที่ยวเล่น” ยิ่งมีความสุข

วิธีเที่ยวเล่น 1 จัดการสมดุลของความสุขในหนึ่งวัน

วิธีเที่ยวเล่น 2 ขอให้”ดื่มด่ำ” จะเป็นงานการ หรืองานอดิเรกก็ไม่เป็นปัญหา

วิธีเที่ยวเล่น 3 การสร้าง “ความสนุกสนาน” ให้เพิ่มขึ้นแบบมหาศาล

วิธีเที่ยวเล่น 4 เที่ยวเล่นแบบรู้จักเทคนิคการจัดการเวลา

วิธีเที่ยวเล่น 5 ให้”การเที่ยวเล่น” เป็น “รางวัล”

วิธีเที่ยวเล่น 6 ขอให้เลิก “รอความเพลิดเพลินมาหา” แต่ให้ “สร้างความเพลิดเพลินขึ้นเอง”

วิธีเที่ยวเล่น 7 เปลี่ยน “การเที่ยวเล่น”ไปสู่ “การพัฒนาตัวเอง” ด้วย Output

สุดยอด “วิธีกิน” ที่ช่วยให้คุณมีความสุขได้จากวันนี้เป็นต้นไป

วิธีกิน 1 ซาบซึ้งใจกับทั้งอาหารและผู้คน

วิธีกิน 2 เปลี่ยนจาก “การไปเพื่อกิน” เป็น “การไปเพื่อเจอ”

วิธีกิน 3 มีสติในการกิน

วิธีกิน 4 กินข้าวกับคนสำคัญของเรา

วิธีกิน 5 มื้อเดียวก็ต้องใส่ใจ

--

--

Mos Noppadol Rattanawisadrat
BookTH

A guy who passionate on Technology, Psychology, Science and business thing