สรุปหนังสือ The Subtle Art of Not Giving a Fuck — Mark Manson
คนเก่งไม่ต้องคอยพิสูจน์ว่าตัวเองเก่ง คนฐานะดีไม่ต้องคอยพิสูจน์ว่าตัวเองมีฐานะ คนมีความสุขก็ไม่ต้องคอยสร้างรอยยิ้มปิดบังความทุกข์ข้างใน
ชีวิตจะติดปีกด้วยศิลปะแห่งการช่างแม่ง ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องหยุดแคร์ทุกอย่าง แต่มันคือการเลือกที่จะแคร์บางสิ่ง และกล้าที่จะ “ช่างแม่ง” กับสิ่งที่เราไม่แคร์
วังวนจากนรก
“เพื่อนได้เลื่อนขั้น แต่เราไม่ได้ เรามันขี้แพ้จริงๆ…โอ้ย ทำไมเราต้องมานอยกับเรื่องนี้ นี่มันความคิดของคนขี้แพ้ชัดๆ…โอ้ย! ทำไมเราต้องรู้สึกขี้แพ้เพราะเรารู้สึกขี้แพ้ด้วยฟะะะ!!!”
จะว่าไปมนุษย์ก็มีความพิเศษตรงนี้ เพราะเราสามารถมีคิดเกี่ยวกับความคิดของเราได้ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องตกอยู่ในวังวนแห่งนรกนี้
ผมว่าหลายๆคนคงเจอกับตัวมาทั้งนั้น เราเครียด ก็เลยนอนไม่หลับ แล้วเราก็เครียดที่เราเครียดแล้วนอนไม่หลับ
ถ้านี่คือปีศาจร้ายที่อยู่ในตัวเรา 6–7 ปีที่ผ่านมาเราพึ่งค้นพบแหล่งอาหารชั้นดีของปีศาจตัวนี้…Social Media
เปิดไปทีไรก็เห็นแต่เพื่อนไปเที่ยวกับแฟน ถอยรถใหม่ ซื้อบ้าน ถูกหวย เจอดารา มันเป็นแหล่งรวมอัลบั้ม “ชีวิตกูเจ๋งที่สุด” ตัดภาพมาที่เรากำลังเช็ดขี้แมวและไถหน้าจอด้วยน้ำตา
“ชีวิตเราเป็นอะไร?”
บนโซเชียลมันเต็มไปด้วยสิ่งที่ “สุดโต่ง” หรือผิดธรรมชาติ เราเห็นคนสวย คนรวย คนเก่งระดับท็อปของประเทศ ประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดาของแต่ละคน เพราะพวกนั้นมันน่าดู ใครจะอยากแชร์สิ่งที่มันทั่วๆไป? แต่ปัญหาคือเรากลับเอาตัวเองไปเทียบกับสิ่งเหล่านั้นแล้วถามตัวเองว่า “ชีวิตเราเป็นอะไร(วะ)?”
คนเรามันไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างตื่นเต้นได้ทุกวินาทีหรอก ความธรรมดาสามัญเป็นสิ่งที่เราต้องเจอในชีวิตส่วนใหญ่
นั่งอ่านหนังสือชิวๆ เดินห้างกับเพื่อน กินข้าวกับครอบครัว มันธรรมดาเพราะมันเป็นส่วนประกอบสำคัญของชีวิตที่เราขาดไม่ได้
คุณไม่พิเศษ(เลย)
เราสามารถรู้สึกพิเศษได้สองทางคือ:
ฉันพิเศษ เพราะฉันดีกว่าคนอื่น
ฉันพิเศษ เพราะฉันด้อยกว่าคนอื่น
“คุณต้องให้เงินเดือนผมสูงๆ เพราะผมพิเศษกว่าคนอื่น”
“คุณต้องดูแลเลี้ยงฉันดีๆ เพราะฉันรู้สึกไม่ดี ทำงานนานๆไม่ได้”
อันแรกมันเกิดจากการที่เรารู้สึกว่าเราเก่ง พิเศษ หรือสูงส่งกว่าคนอื่น เราเลยต้องถูกให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
อันที่สองมันเกิดจากการที่เรารู้สึกว่าเราด้อย เราเลยต้องถูกให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เหมือนเป็นข้ออ้างให้เราเลิกสู้ แล้วผลักความรับผิดชอบให้คนอื่น
สิ่งเหล่านี้มันน่ากลัวเพราะมันทำให้เราหยุดพยายาม
เราจะเรียนรู้อีกทำไมถ้าเราเก่งกว่าคนอื่น? เราจะดิ้นรนทำไมในเมื่อเราก็สู้คนอื่นไม่ได้อยู่แล้ว
คนที่เขาพิเศษจริง เก่งจริง เขาจะไม่คิดว่าตัวเองพิเศษ ในทางกลับกันเขาคิดว่าตัวเอง “ห่วย” กว่าคนอื่น นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาต้องพยายามให้มากขึ้นเรื่อยๆ
ความสุขคือตัวปัญหา
ลองนึกภาพว่าคุณเกิดมามีพร้อมทุกอย่างและโลกนี้ไร้ซึ่งปัญหา คุณลืมตามามีเวลาใช้ชีวิต 100 ปี ภารกิจของคุณคืออะไร? ผมว่าหลังจากสนุกกับการใช้ชีวิตได้ไม่นาน คุณก็จะเริ่มรู้สึกว่าชีวิตไร้ความหมาย แต่เดี๋ยว…ก็มีทุกอย่างแล้วหนิ จะไม่พอใจอะไรได้ไง?
เราชอบคิดว่าความสุขคือจุดๆนึงของชีวิต ที่พอเราไปถึงแล้วเราจะมีความสุขตลอดไป แต่ความสุขไม่ใช่จุดที่เราไปถึง มันคือการเดินทางต่างหาก
จริงที่คนเราไม่รู้จักพอ ทำงานหนักเพื่อให้ได้บ้านหลังโต พอได้แล้วก็อยากได้อย่างอื่นอีก
มันเป็นเพราะการหยุดอยู่นิ่งไม่ใช่ความสุข แต่ความสุขเกิดจากปัญหาที่เรายังแก้ไม่ได้ต่างหาก
ความทุกข์มันจะกระตุ้นให้เราต้องทำอะไรซักอย่าง และความรู้สึกดีๆคือรางวัลที่เราได้จากการแก้ไขปัญหา
เราต้องเลือกว่าชีวิตนี้เราจะดิ้นรนเพื่ออะไร มันคุ้มค่ามั้ย และที่สำคัญ ระหว่างทางเราสนุกกับมันรึเปล่า?
ฆ่าตัวเองซะ
สิ่งที่เราพยายามมากๆสิ่งนึงในชีวิตคือการหาคำตอบให้ได้ว่าเราคือใคร…
เราเขียนบทให้ตัวเองว่าเราเป็นคนยังไง เชื่อในอะไร มีข้อดีข้อเสียยังไง และเมื่อหลายๆสิ่งที่เข้ามาในชีวิตมันพยายามมาทำลายบทที่เราเขียน เรามักจะปกป้องบทของเรา และมันทำให้เราทุกข์
ชีวิตจะดีขึ้นเมื่อเรากล้าพูดว่า…
“ช่างแม่ง เราอาจจะห่วยแตกในเรื่องความสัมพันธ์ก็ได้” แล้วก็ตัดสินใจหย่าร้างความสัมพันธ์ที่มีแต่ความทุกข์
“ช่างแม่ง จริงๆเราอาจจะไม่ใช่ผู้นำที่ดีก็ได้” แล้วก็ตัดสินใจทำงานในแบบที่ตัวเองรักและถนัด โดยไม่มีกรอบมากำหนดตัวเอง
การกำหนดกรอบแคบๆให้ตัวเองมันอึดอัด และมันเป็นการพยายามให้ตัวเองดูพิเศษทั้งที่จริงๆไม่ใช่
“ผมคือนักสร้างแห่งยุคนวัตกรรม” แม้จะฟังดูแตกต่างแต่มันเป็นกรอบที่ทั้งแคบและกำกวม
กล้าที่จะเรียกตัวเองในสิ่งที่ธรรมดา และสิ่งที่เราเป็นจริงๆ นักเรียนก็คือนักเรียน นักธุรกิจก็คือนักธุรกิจ นักเขียนก็คือนักเขียน
เพราะยิ่งกรอบแคบมากเท่าไหร่ อะไรๆที่มันเข้ามาแล้วไม่ตรงกับกรอบนั้นก็จะเป็นภัยกับคุณไปหมด
คำว่า “ไม่” ทำให้ชีวิตดีขึ้น
การช่างแม่ง คือการแคร์บางสิ่ง และช่างแม่งสิ่งอื่นๆ การที่เราจะให้ความสำคัญกับ X เราต้องช่างแม่งอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ X เพราะการแคร์ไปซะทุกอย่างสุดท้ายจะทำให้เราสุญเสียสิ่งที่เราให้ความสำคัญจริงๆไป
การที่เรายึดมั่นในสิ่งที่เราเลือก ทำให้เราเป็นอิสระจากสิ่งอื่นๆที่จะคอยมากวนจิตใจเรา
อ่านแล้วชอบอย่าลืมกดแชร์และกดไลค์ Facebook Fanpage เพื่อติดตามสรุปหนังสือเล่มอื่นๆนะครับ