5 สกิลที่ Marketer ยุคนี้ต้องมี

สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่านักการตลาดทุกวันนี้ต้องใช้ชีวิตแตกต่างจากนักการตลาดเมื่อ 20 ปีก่อนเป็นอย่างมาก ซึ่งมันคงยากที่จะชี้นิ้วไปที่สาเหตุใดสาเหตุหนึ่งแล้วบอกว่านั่นคือต้นตอของการเปลี่ยนแปลงนี้ เพราะหลายๆอย่างมันก็ส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น Internet ที่ทำให้ข้อมูลมันเชื่อมต่อกันได้ทั่วถึงและรวดเร็วขึ้น ความสามารถในการเก็บและวิเคราะห์ Data เทคโนโลยีใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งตัวผู้บริโภคเองก็มีการเปลี่ยนแปลง

และเมื่อทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว คนรุ่นใหม่ที่อยากจะมาเป็นนักการตลาดจะเตรียมตัวอย่างไร และนักการตลาดปัจจุบันจะปรับตัวอย่างไรเพื่อเอาตัวรอดและเก็บเกี่ยวโอกาสในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้

ผมมีโอกาสได้อ่านหนังสือที่ชื่อว่า Chief Marketing Officers at Work ซึ่งคนเขียนได้สัมภาษณ์ Chief Marketing Officer (CMO) หรือผู้บริหารฝ่ายการตลาดของบริษัทดังๆปังๆอย่าง Spotify, Airbnb, General Electric, Ogilvy, PayPal รวมๆแล้ว 29 คนด้วยกัน ซึ่งผมจะมาสรุปว่า CMO เหล่านี้เขามองว่าสกิลอะไรสำคัญสำหรับนักการตลาดและคนที่อยากจะไต่เต้าไปเป็น CMO ในอนาคต

หนึ่งในความท้าทายของนักการตลาดทุกวันนี้คือการติดตามการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือใหม่ๆ เทรนด์ หรือช่องทางการสื่อสารที่มันไม่เคยหยุดอยู่นิ่ง การตลาดมันกว้างขึ้นและน่าตื่นเต้นขึ้นทุกวัน สุดท้ายแล้ว…

นักการตลาดที่ดี ต้องไม่เป็นแค่นักการตลาด

1. วิเคราะห์ข้อมูลให้เป็น (data, data, และ data)

Heather Zynczak, CMO ของ Domo บอกว่าทุกวันนี้เราทำอะไรก็ควรจะอิงมาจากข้อมูล หรือที่เริ่มพูดกันติดปากว่า “Data-driven” และต้องให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์เชิงปริมาณมากขึ้น เพราะการตลาดคือด่านหน้าของธุรกิจที่ใช้เงินเยอะ และมันมี Data มหาศาลให้เราเก็บเกี่ยว ถ้ายังพูดอยู่ว่า “เงินครึ่งหนึ่งที่ใช้ในการตลาดมันได้ผล แต่ฉันไม่รู้ว่าครึ่งไหน” ก็เตรียมย้ายงานได้เลย เพราะทุกวันนี้คุณสามารถวัดได้แล้ว

เพราะฉะนั้นนักการตลาดจะต้องเก่งในเรื่องของการวิเคราะห์ข้อมูล (Analytics) มองให้ออก ตีให้แตก แล้วเอามาสร้างกลยุทธ์ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Data Science ไม่ใช่แฟชั่น แต่มันกลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ เพราะมันไม่ได้แค่เอาไว้ติดตามผล แต่มันยังเป็นสิ่งที่จะทำให้เราเข้าใจลูกค้ามากขึ้นด้วย และต่อไปมันไม่ใช่การที่เราแบกทฤษฎีการตลาดเข้ามาแล้วหวังว่ามันจะเวิร์คกับโจทย์ที่เราเจอเป๊ะๆ แต่เราต้องมาด้วยสิ่งที่เราได้จากการวิเคราะห์ลูกค้าจริงๆว่าเขาคือใคร และเขาทำอะไร

บางคนอาจจะคิดว่าต้องนั่งเรียน Programming เขียน Model เองเลยหรอ มันไม่ต้องถึงขั้นนั้น แต่ก็ต้องเข้าใจหลักการและความสำคัญของมัน เพื่อที่จะทำงานกับ Data Scientist ได้ ถ้าใครสนใจศึกษาผมแนะนำเล่มนี้ครับ: Data Science for Business

2. มีความคิดสร้างสรรค์

ความท้าทายของนักการตลาดคือเราต้องใช้ทั้งสมองซีกซ้ายและขวา ต้องขับเคลื่อนด้วยข้อมูลแต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีความกล้าที่จะคิดต่าง มันขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ ถ้า data-driven สุดๆแล้วสุดท้ายทำตามแบรนด์อื่นไปหมด ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี หรือถ้าจะฉีกแปลกแหกวงการแต่มันไม่สะท้อนโลกความเป็นจริงมันก็ไม่ส่งผล เลยเป็นเรื่องสำคัญมากที่นักการตลาดสมัยใหม่จะต้องให้ความสำคัญกับทั้งสองอย่างนี้ และพยายามสมดุลตัวเองให้ได้

บางคนอาจจะคิดว่าตัวเองไม่ใช่สายครีเอทีฟเลยไม่ต้องใส่ใจเรื่องนี้ แต่ความคิดสร้างสรรค์ก็ยังสำคัญอยู่ดี และจริงๆแล้วคนที่มี logic สูงจะไม่ค่อยรู้ตัวว่าความมีเหตุผลนี่แหละคืออาวุธทรงพลังที่จะทำให้เรามีความคิดสร้างสรรค์ ทุกๆคนมีความครีเอทีฟอยู่ในตัว แต่เราแค่ไม่กล้าเอามันออกมาใช้ ลองอ่านต่อได้ที่…สรุปหนังสือ Creative Confidence ครับ

3. เล่าเรื่องเก่ง

Linda Boff, CMO ของ General Electric บอกว่า…

เรื่องราวที่ดี ที่ถูกเล่าได้ดี ไม่มีวันตาย

ทุกวันนี้มี content มากมายบนโลกออนไลน์ ขนาดแชร์กันฟรีๆไม่มีโฆษณาแอบแฝงยังยากเลยที่จะให้คนมาสนใจ ซึ่งทุกคนก็ต่างหาเทคนิคใหม่ๆที่จะทำให้สิ่งที่นำเสนอเข้าถึงคนได้มากขึ้น แต่สุดท้ายแล้วมันก็ต้องกลับมาที่เบสิค นั่นก็คือตัวเรื่องราวที่เราจะเล่า ก็เหมือนกับหนังที่แม้จะมีเอฟเฟคตระการตาหรือเทคนิคล้ำเลิศแค่ไหน ถ้าเนื้อเรื่องห่วยคนดูก็ผิดหวัง และนักการตลาดก็เหมือนผู้กับกำที่ต้องเล่าเรื่องราวของแบรนด์เพื่อจับใจลูกค้า

มันง่ายมากที่เราจะติดกับดักการสื่อสาร เราอาจจะคิดว่าคนอื่นแคร์ในสิ่งที่เราพูด แต่นักเล่าเรื่องที่ดีคือคนที่เข้าใจคนฟังมากที่สุด และเล่าเรื่องยากๆให้เป็นเรื่องที่เข้าใจง่าย แทนที่ Steve Jobs จะบอกว่า “ใหม่ เครื่องเล่น mp3 ความจุ 5gb!” เขากลับเข้าไปอยู่ในโลกของลูกค้า และบอกว่า “iPod…1,000 เพลงในกระเป๋าคุณ”

4. เรียนรู้เร็ว และเรียนรู้ตลอดเวลา

กูรูด้าน Digital Marketing เมื่อ 2 ปีที่แล้วที่หยุดเรียนรู้ ในวันนี้เขาจะไม่ใช่กูรูอีกต่อไป เพราะแค่ช่วงเวลาสั้นๆมันมี Tools และ Trends ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย อะไรที่เคยเวิร์คก็เริ่มไม่เวิร์ค นั่นเป็นเหตุผลที่นักการตลาดต้องเรียนรู้เร็ว และเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา

CMO หลายคนยอมรับว่าในการหาลูกน้องใหม่ๆ เขาพยายามมองหาความอยากรู้อยากเห็นในตัวคนเหล่านั้น ความรู้ที่ติดตัวมาเริ่มไม่สำคัญเท่าความสามารถในการเรียนรู้สิ่งที่กำลังจะเข้ามาใหม่อย่างรวดเร็ว

5. ทุกๆสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับการตลาด

Seth Farbman, CMO ของ Spotify บอกว่า CMO ที่ดีต้องเป็นนักวิทยาศาสตร์ นักสังคมศาสตร์ นักประวัติศาสตร์ เพราะการเข้าใจศาสตร์อื่นๆที่นอกเหนือจากการตลาดมันจะเป็นไอเดียและแรงบันดาลใจที่ดี อีกทั้งมันจะทำให้มุมมองของเรากว้างขึ้น สุดท้ายมันก็คือการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา และไหนเราจะต้องทำงานกับคนจากหลากหลายศาสตร์ ถ้าเราไม่เข้าใจวิธีคิดและการทำงานของคนเหล่านี้ เราก็จะไม่สามารถทำงานกับพวกเขาได้

ซึ่งนั่นก็คือการเป็น Generalist หรือคนที่รู้และเก่งหลายๆด้าน แต่ก็ไม่สะเปะสะปะเกินไป เราจะต้องเป็น T-shaped Marketer เส้นแนวนอนของตัว T คือการรู้กว้างๆ ในขณะเดียวกันเส้นแนวตั้งก็คือการรู้สิ่งๆนึงอย่างลึกซึ้ง

แน่นอนว่ามันไม่จบแค่นี้ มันมีอีกหลายสิ่งที่นักการตลาดหรือนักธุรกิจจะต้องเรียนรู้และฝึกฝน แต่จากหนังสือเล่มนี้ก็ทำให้เห็นภาพได้มากขึ้นว่า CMO ระดับโลกเขาให้ความสำคัญกับอะไร เพื่อจะได้เป็นแนวทางพัฒนาตัวเอง และที่สำคัญจะได้รู้ว่ามันคือทางที่ใช่สำหรับเรามั้ย

ความท้าทายที่เกิดขึ้นทุกวันนี้มันไม่สามารถถูกแก้ไขได้โดยศาสตร์ๆเดียว และนั่นทำให้การเป็นนักการตลาดหรือนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเป็นสิ่งที่ยากขึ้น และสนุกขึ้นเช่นเดียวกัน

หากอ่านแล้วชอบอย่าลืมกด Clap และติดตามเพื่อเป็นกำลังใจให้นะครับ

--

--