คอร์สเรียน Data Science Essential#3 สัมภาษณ์แขกรับเชิญพิเศษ คุณทอย เจ้าของเพจ DataRockie ผู้ชื่นชอบในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ กับประสบการณ์การ การทำงานที่ล้นหลาม!!

Tonmint
botnoi-classroom
Published in
6 min readJul 4, 2021

คอร์สเรียนบอทน้อย Data Science Essential#3
EP. 4 Data Science

กลับมาอีกครั้งกับ คอร์สเรียน Data Science Essential#3 ของ BOTNOI สำหรับคอร์สเรียนในครั้งนี้ ดร.วินน์ได้เชิญ คุณทอย มาแชร์ประสบการ์การเรียนต่อต่างประเทศ และประสบการณ์ในการทำงาน

พูดถึงเพจ DataRockie หลายๆคนคงจะได้ยินกัน เป็นเพจที่มีคนติดตามเยอะมาก เนื้อหาในเพจให้ความรู้เกี่ยวกับ Data Science, สถิติ, เทคนิคการเรียนรู้ และ Tool ต่างๆ ที่เราไม่รู้จักกัน นอกจากนี้ยังมีคอร์สเรียนที่สอนโดยแอดทอย ผู้มีประสบการณ์ และชื่นชอบการเรียนรู้เป็นชีวิตจิตใจ สนใจเทคนิคการเรียนรู้สุดเทพ
ติดตามได้ที่แฟนเพจเลย → https://www.facebook.com/datarockie/
หรือทาง เว็บไซต์ → https://datarockie.com/

DataRockie — หน้าหลัก | Facebook
DataRockie — Never Stop Learning

— — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — —

เรามาเริ่มบทสัมภาษณ์ ของคุณทอยกันเลย!!

ดร.วินน์ : แนะนำตัวให้นักเรียน DSE รุ่นที่ 3 หน่อยครับ
(คอร์ส Data Science Essential รุ่นที่ 3 กับ ดร.วินน์)

คุณทอย : สวัสดีครับ ชื่อทอยครับ Kasidis Satangmongkol

แอดมินเพจ DataRockie ปี 2010 เรียนจบคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตร รุ่น KU66 ผมได้มีเรียนวิชา statistics (สถิติ) มาบ้าง กับวิชา regression (การวิเคราะห์การถดถอย) เพราะว่าวิชาพวก เศรษฐมิติ(Econometrics) หลายๆคนที่เรียน เศรษฐศาสตร์ น่าจะรู้จัก มันคือวิชาที่เกี่ยวกับ regression ตอนที่ผมเรียนจบ ผมไม่รู้ว่าจะทำงานด้านไหน ตอนจบไป ผมได้ทำงานที่ธนาคารกรุงไทย เพราะว่าตอนที่ผมเรียนอยู่ปี 3 ผมได้ทุน ได้เงินมา 50,000 บาท แต่มีสัญญาไปทำงานคืนให้ธนาคารครับ

ดร.วินน์ : ดีนะครับ ได้ทุนด้วย

คุณทอย : เหมือนจะดีนะครับ แต่จริงๆไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อาจจะเพราะผมมีนิสัยเป็นเด็ก ตอนนั้นเขาจะให้เราเลือกว่าเราอยากจะไปทำงานฝ่ายไหน เพื่อนผม 50 กว่าคน ก็เลือกฝ่าย Finance กับการตลาดกัน แต่ผมไม่ได้เลือก ผมเขียนว่าฝ่ายไหนก็ได้ พอถึงวันประกาศ เขามาประกาศชื่อ แต่ว่าไม่มีชื่อผมอยู่ในนั้น ซึ่งผมก็เข้าใจว่าน่าจะเป็นเพราะผมไม่ชัดเจนที่จะเลือกฝ่ายใดฝ่ายนึง ตอนนั้นผมเคว้งเลย แล้วมีหน่วยงานนึงโทรมา เป็นสาขา เปิดบัญชี ขายกองทุน ให้ผมไปทำงานอยู่ฝ่ายนั้นกับเขา งานแรกที่ผมได้ทำคือ ต้อนรับลูกค้า พาไปเปิดบัญชี ผมทำงานอยู่ 1 ปี

ดร.วินน์ : ทุนที่คุณทอยได้รับคือ ทุนเรียน หรือได้รับเงิน 50,000 เลย แล้วสัญญาทำงานคือ 1 ปี หรอครับ?

คุณทอย : ใช่ครับ ผมได้รับเงินมา 50,000 บาทเลย แต่ตอนที่ผมทำงานก็ได้เงินเดือนด้วยนะครับ ตอนนั้นผมได้ 12,000 บาท พองานทำครบ 6 เดือน เงินเดือนเพิ่มเป็น 15,000 บาท มีค่าครองชีพด้วยเงินเดือนเลยเพิ่มขึ้น ตอนนั้นผมยังไม่ได้เสียภาษี ผมตั้งเป้าหมายไว้ว่า อายุ 30 ปี ผมอยากจะมีเงินเดือนสัก 100,000 บาท แต่คิดว่าถ้าทำงานที่นี่ต่อไป เงินมันขึ้นเพิ่มปีละ 10% ผมคงไปไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ ผมเลยตัดสินใจออกจากงาน

ดร.วินน์ : เพื่อนรุ่นเดียวกับผมที่เขาได้เกียรตินิยม เขาเงินเดือนเริ่มต้นอยู่ที่ 20,000 คณะวิศวกรรมศาสตร์ ของคุณทอยเริ่มต้นที่ 12,000 บาท ถือว่าค่อนข้างน้อยอยู่นะครับ

คุณทอย : ใช่ครับ แต่ผมโชคดีที่พ่อกับแม่ผมมีเงินเก็บ ผมเลยได้ไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ เรียนเศรษฐศาสตร์ด้านอาหารและการตลาด ที่ MSc Food Economics and Marketing, University of Reading, Distinction ตอนนั้นยังไม่มีเรื่องของ Data Science สาเหตุที่ผมเลือกเรียนอาหาร เพราะแม่ผมทำงานอยู่ที่ซีพี ทำมา 30 ปีแล้วครับ แม่ผมทำตำแหน่ง SVP ผมเลยตัดสินใจเรียนด้านอาหาร เพราะอยากได้เงินเดือนเหมือนแม่ จุดเปลี่ยนคือตอนผมไปที่อังกฤษ คนซื้อ I phone กับ Samsung กันเยอะมาก ผมใช้ Samsung Galaxy S1 ผมตัดสินใจขายโทรศัพท์ทั้งหมดเลย แล้วซื้อโทรศัพท์ที่มีปุ่มกดแบบธรรมดา เพราะผมตั้งใจที่จะมาเรียนอย่างเดียว ตัดสินใจว่าจะไม่ใช้ Internet ครับ

ที่มา: https://collegelearners.com/wp-content/uploads/2018/03/University-of-Reading-OH220618.jpg

เสริมคำว่า SVP ย่อมาจาก “senior vice president” หมายถึง รองประธาน

ดร.วินน์ : แล้วอะไรคือจุดเปลี่ยนที่คุณทอยพูดถึงครับ?

คุณทอย : ปี 2011 ถึง ปี 2012 ผมเริ่มเรียน class online ใน website coursera ผมลงเรียน machine learning เป็นวิชาแรก ที่ Andrew Ng เป็นคนสอนให้เองเลยครับ machine learning เป็น คอร์สตัวแรกที่เขาเปิดสอนใน coursera เริ่ม week 1 เขาสอนเรื่อง linear regression ผมก็คิดว่าพอเรียนได้ เพราะเรียนเศรษฐศาสตร์มา เรียนไปจนถึง week 2 เขาเริ่มมีให้เขียนโปรแกรม ด้วย แต่ผมไม่เคยเรียนเขียนโปรแกรมมาก่อน ตอนนั้นผมรู้สึก suffer มาก เลยตัดสินใจเลิกเรียนไป แต่มันก็เป็นจุดเริ่มต้น เพราะว่าใน website coursera เขามีคอร์สเรียนอื่นๆอยู่ด้วย ผมเลยไปลงเรียน ภาษา R แต่ผมเรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง เลยตัดสิยใจไปลงเรียนสถิติ แทน ตอนนั้นผมรู้สึกว่าถ้าผมขยันลงเรียนไปเรื่อยๆ ผมต้องเก่งขึ้นแน่เลย โดยที่ไม่ต้องใช้เงินเยอะอีกด้วย

เสริม website coursera คือโรงเรียนออนไลน์แบบ MOOC massive open online courses — ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีคอร์สให้ลงเรียนมากกว่า 2,500 คอร์ส นักเรียนทั่วโลกมากกว่า 37 ล้านคน (อ้างอิงจาก class central)

สองสิ่งที่ต้องมีก่อนจะสมัครเรียน coursera สำหรับคนที่อยากได้ใบเซอร์

  • บัตรเครดิต (ถ้าเด็กๆยังไม่มี ยืมพ่อแม่มาก่อนก็ได้)
  • เวลาเรียนอย่างเต็มที่ 7 วัน (อย่างน้อย 3–4 ชั่วโมงต่อวัน)

website coursera https://www.coursera.org

Coursera | Build Skills with Online Courses from Top Institutions

ดร.วินน์ : คุณทอยได้ไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ คุณทอยยังมีเวลาพอไปเรียนออนไลน์เพิ่มอีกหรอครับ?

คุณทอย : ที่ประเทศอังกฤษ 1 ปี มี 52 สัปดาห์ เทอมที่ 1 เขาจะเรียนกัน 10 สัปดาห์ เทอมที่ 2 เขาจะเรียนกันอีก 10 สัปดาห์ รวมเป็นปีละ 20 สัปดาห์ เวลาที่เหลือคือทำ Thesis อยู่ห้อง คนที่นี่เลยมีเวลาเหลือให้ทำอะไรก็ได้ คนเลยชอบมาเรียนที่ประเทศอักฤษกัน เพราะมีเวลาให้เที่ยวเยอะ แต่ผมไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยว ส่วนใหญ่ผมจะเรียน online กับ ทำอาหาร เล่นเกมบ้างนิดหน่อย

ดร.วินน์ : ไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ได้ทำงาน Part time บ้างไหมครับ?

คุณทอย : ผมไม่ได้ทำเลยครับ เพราะผมตั้งใจจะไปเรียนอย่างเดียว แต่ผมโชคดีที่ทางบ้านไม่ได้มีภาระทางบ้านเยอะ ผมเลยมีเวลาเรียน ผมเลยตัดสินใจจะเปิดเพจ ให้ความรู้แบบฟรี หรือถ้ามีค่าเรียน ก็จะไม่ตั้งราคาไว้สูงมาก ผมรู้สึกว่าเราต้องแบ่งปันความรู้ที่เรียนมาให้กับคนอื่นที่เขาไม่ได้มีโอกาสเท่ากับพวกเรา

ดร.วินน์ : ขอถามสักหน่อยนะครับ คุณทอยเริ่มเรียน online หาความรู้จากแหล่งต่างๆ คุณทอยเลยเห็นประโยชน์จากตรงนี้ เลยเริ่ม Take class ออกมาไว้เยอะเลยใช่มั้ยครับ?

คุณทอย : ใช่ครับ แต่ช่วงแรกๆที่ผมเริ่มเรียน ผมยังไม่ได้เรียนเยอะเท่าตอนนี้ ตอนนั้นผมแค่เรียนสนุกๆ ผมเริ่มมาเรียนจริงจังตอนที่กลับมาที่ประเทศไทย ตอนนั้นเพื่อนผมแนะนำให้ผมมาทำงานที่ Itsoft Company เป็นแบบ Market Research ผมได้ใช้สถิติเยอะมาก ที่เรียนมาจากประเทศอังกฤษ ผมได้ใช้เยอะมาก ผมทำอยู่ประมาณ 3 ปี แล้วก็ย้ายไปอยู่ที่ Unilever company แล้วก็ลงเรียน ปริญญาโท อีกใบนึง ที่มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาลัยการจัดการ เรียนอยู่ 2 ปีครับ แต่ผมรู้สึกว่าการทำงานที่ unilever company ไม่สนุกเลย culture มันไม่ fit กับตัวผม ผมเลยขอทุนจากมหาวิทยาลัยมหิดล แล้วได้ไปแลกเปลี่ยนอยู่ที่ประเทศเยอรมัน ครึ่งปี

ดร.วินน์ : ที่ Munich หรอครับ?

คุณทอย : ใช่ครับ ในปี 2016 ผมอยู่หอโอลิมปิกส์ ผมเรียนอยู่ที่นั้นเป็นเวลาครึ่งปี ผมเรียนด้าน Market Research, Digital Marketing ที่ LMU (Ludwig Maximilian University of Munich) เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของประเทศเยอรมัน ผมโชคดีมากที่ผมได้ทุนเรียนฟรีหมดเลย ช่วงนั้นเลยเป็นช่วงที่ผมค่อนข้างว่างมากเลยครับ ผมเลยนั่งเรียนออนไลน์แบบจริงจังเลย

ที่มา: https://www.timeshighereducation.com/

ดร.วินน์ : คุณทอยเวลาที่ได้ไปเรียนต่อต่างประเทศก็คือไปนั่งเรียนออนไลน์ด้วย (หัวเราะ)

คุณทอย : ใช่ครับผม (หัวเราะ) แต่ผมก็มีไปเที่ยวบ้าง เที่ยวอยู่ในเยอรมัน เที่ยวที่สวิสเซอร์แลนด์ ช่วงที่ผมเริ่มทำเพจคือตอนที่ผมอยู่ที่เยอรมัน

ดร.วินน์ : อะไรเป็นเป้าหมายที่คุณทอยอยากจะเริ่มต้นทำเพจขึ้นมาครับ?

คุณทอย : ที่จริงเพจผมเปิดมาตั้งแต่ปี 2015 แล้วครับ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยครับตอนแรก ที่จริง Motivation ที่ทำให้ผมเปิดเพจขึ้นมา คือผมเปิดเพื่อรับทำงาน เกี่ยวกับสถิติ

ดร.วินน์ : พวก SPSF หรอครับ?

คุณทอย : ใช่ครับ ที่จริงผมเก่งเรื่องพวก SPSS มากเลย เพราะตอนนั้นมีคนมาจ้างผมเยอะมากเลย

What is SPSS คืออะไร?
สงสัยกันหรือเปล่าคะว่า SPSS ที่คุณทอยพูดถึงคืออะไรกัน?

SPSS คือ SPSS for Windows (Statistical Package for Social Science) เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการจัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบ สามารถบันทึกและสร้างไฟล์ข้อมูลได้ และมีการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบต่างๆ

ที่มา: https://blogs.swarthmore.edu/its/wp-content/uploads/2018/04/2000px-SPSS_logo.svg_-1920x768.png

กลับมาที่บทสัมภาษณ์คุณทอยกันต่อเลยค่ะ

ดร.วินน์ : แล้วลูกค้ารู้จักคุณทอยได้ยังไงครับ?

คุณทอย : เพราะผมเปิดเพจขึ้นมาครับ แล้วรับทำงานวิจัยเกี่ยวกับสถิติ ให้กับคนทั่วไป แล้วมีเด็กปริญญาตรี ปริญญาโท มาจ้างผมทำงานค่อนข้างเยอะ วันนึงผมเลยทำ Post เกี่ยวกับ Regression ทำใน Excel กดแค่ 5 คลิก ใช้พวก Analysis Tool Pack แล้วมีคนแชร์ไปเยอะมาก ประมาณ 6,000–7,000 แชร์ แล้วผมรู้สึกว่าเรื่องที่ดูง่าย แต่หลายคนอาจจะเข้าไม่ถึง Content พวกนี้ในไทย ผมเลยลองทำ Post ที่เกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียนใน Coursera ผมเลยตัดสินใจสอนเรื่องสถิติ

ดร.วินน์ : ตอนที่ผมเขียนความรู้ลง Post เหมือนกัน แล้วมีคนเข้ามาตั้งคำถาม คำถามพวกนั้นก็ทำให้ผมกลับมาคิด มาหาคำตอบ ทำให้ผมได้ความรู้เพิ่มมากขึ้น

คุณทอย : ครับผม จากนั้นผมเลยเลิกรับงาน เพราะผมคิดว่าผมชอบที่จะแชร์ความรู้มากกว่า เลยคิดว่าผมสอนให้เขาทำดีกว่าการที่ผมทำให้เขา ผมเลยเริ่มสอน แล้วก็แชร์ความรู้ แฟนเพจใน Facebook ของผมก็ขยายขึ้นเรื่อยๆ มีคนติดตามเป็นหมื่นคน (ปัจจุบันมีคนติดตามเพจคุณทอยเกือบจะแสนคนแล้วค่ะ!!)

DataRockie — หน้าหลัก | Facebook

ดร.วินน์ : ตอนนั้นที่คุณทอยเริ่มรับสอน คุณทอยอายุเท่าไหร่ครับ?

คุณทอย : ตอนนั้นผมอายุ 26 ครับ ผมเริ่มงานที่ DTAC ตอนปลายปี 2016 แล้วผมก็ได้เจอพี่วินตอนปี 2017

ดร.วินน์ : ตอนนั้นคุณทอยอยู่ทีมพี่จีใช่มั้ยครับ คุณจีเป็นคนแนะนำให้ผม ว่ามีคนชื่อทอยทำ Data Analytics

คุณทอย : ใช่ครับ ตอนนั้น ผมช่วยพี่จีทำ Segmentation เราเก็บข้อมูลลูกค้ามา 3000 คน เราทำเป็นแบบ Market Segmentation DTAC จ่ายเงินไปประมาณ 3–4 ล้านบาท กับการเก็บข้อมูลมา 3,000 คน มา run model นี้ ผมรู้สึกว่าไม่คุ้มเลย ผมเลยตัดสินใจทำเองใหม่หมดเลยครับ

ดร.วินน์ : ผมขอเล่านิดนึงว่า Segmentation เนี่ย นอกจากจะทำเป็น internal Segmentation คือ เอาข้อมูลของลูกค้าของเรา มา run model แบ่งกลุ่มเพื่อที่จะจัด Promotion มันจะมี Segmentation ที่อยู่เหนือกว่านั้นคือ Market Segmentation ซึ่งไม่ใช่แค่ Market Segmentation ของกลุ่มลูกค้าของเรา แต่เป็น Market Segmentation ของลูกค้าของบริษัทอื่นที่เป็นคู่แข่งของเราด้วย เพราะฉะนั้นวิธีที่จะทำให้เราได้ Data ต้องจ้าง Agency ไป survey รวบรวมข้อมูล

คุณทอย : Data Science ไม่ใช่แค่การ run model ออกมาได้ตัวเลขแล้วมันจบ แต่เราต้องเอาผลที่ได้ออกมาไปเล่าต่อให้คนอื่นฟังด้วย ไปเก็บ Feed back จากคนที่จะเอา model เราไปใช้จริงๆ ก็คือทีมการตลาด เขาต้องเอา model clustering ของเราไป execute ต่อ เราทำ Data Science เราหา Insight ได้ใช่มั้ยครับ แต่ว่า Insight ไม่ได้ทำให้ Brand เราโตขึ้น มันเป็นเรื่องของ execution การที่เราจะไปเล่าให้ทีมอื่นฟัง แล้วเขาจะเอา Insight ของเราไป execute ต่อไป ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ ผมเลยรู้สึกว่า storytelling เป็นเรื่องสำคัญ

ที่มา: https://www.lesemotionneurs.com/wp-content/uploads/2020/06/Storytelling.jpg

ดร.วินน์ : ที่คุณทอยพูด ทำให้ผมลองมองย้อนกลับมาที่ตัวเอง สมัยที่ผมยังทำงานอยู่ที่ Telenor ผมไปนำเสนองาน แต่ ผมไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไร ผมก็นำเสนอไป แต่มันเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้ต้องการ ซึ่งมันทำให้เสียเวลาทั้งสองฝ่าย

คุณทอย : ตอนนี้ผมทำงานพวก Software ที่ออสเตรเลีย ที่จริงผมคิดว่า Data Science ก็ควรที่จะรู้เรื่องพวก UX เหมือนกัน ที่จริงเวลาที่เราจะไปสมัครงาน เขาไม่ได้มองแค่ทักษะอย่างเดียว เชามองเรื่องความรู้ ว่าเรารู้เรื่องอะไรบ้าง ทักษะที่หลายหลาย ผมอยากให้ทุกคนมองให้กว้างในเรื่องของการสมัครงาน

เสริมความรู้กันสักนิด :) What is UX/UI ?

ในระดับพื้นฐาน User Interface (UI) คือชุดของหน้าจอ หน้าเว็บ และองค์ประกอบแบบรูปภาพต่างๆ เช่น ปุ่มและไอคอน ซึ่งจะช่วยให้บุคคลสามารถโต้ตอบกับผลิตภัณฑ์หรือบริการได้

ตรงกันข้ามกับ User experience (UX) ที่เป็นประสบการณ์ภายในที่บุคคลหนึ่งมีส่วนร่วมในทุกๆด้านของผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท

ที่มา: https://www.rmonlineservices.com/uploaded/article/f2/f2030cb700f3628ec3d0026b51a59bd0.jpg

ดร.วินน์ : สำหรับผมนะครับ ผมจะไม่ค่อยถนัดงานที่ต้องมีการพูดเยอะๆ แล้วถ้าจะให้ผมนั่งหน้าคอมนานๆ ผมก็รู้สึกปวดตา เลยคิดว่า Data Science เป็นอาชีพที่อยู่ตรงกลางๆ ได้ Coding แล้วก็นำเสนองาน ด้วย นอกจาก Segmentation แล้ว คุณทอยได้ทำ Predictive Model บ้างไหมครับ?

คุณทอย : ต่อยอดจากการทำ Segmentation ผมได้ Data มา 3,000 คน สิ่งที่คนในสายงานอื่นอยากจะได้ เราต้องสามารถเอา Model ตัวนี้ มาใช้กับลูกค้า DTAC ทั้งหมดเลยได้ไหม นี่เป็นคำถามที่ฝ่ายงานอื่นมอบมาให้ มันก็จะเข้าข่ายเป็นแบบกึ่งๆกลายเป็น predictive เพราะเราเอา Feature ที่ได้จากการทำ clustering มาลองทำนายลูกค้า

ดร.วินน์ : อะไรที่ทำให้คุณทอย motivate การเรียน online มากขนาดนี้ การเรียน online ทำให้เราได้อะไรบ้าง มีได้ certificates บ้างไหม certificates ช่วยอะไรได้บ้าง มีคำแนะนำสำหรับหลายๆคนที่อยากจะเริ่มไหม?

คุณทอย : ผมอาจจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี หลายๆคนอาจจะคิดว่าผมเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ที่เรียนแล้วอยากได้แต่ certificates มีช่วงนึงที่ผมเรียนเพราะอยากได้ แค่ใบเซอร์ ที่จริงก็อยากได้ความรู้ แต่ความอยากได้ใบเซอร์ เป็น motivate ที่ใหญ่กว่า ผมอยากจะได้เอามาแชร์บนเพจของผม ซึ่งผมเปลี่ยน Mind set ได้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผมรู้สึกว่ามันมีคุณค่ากับผมมาก คือผมเรียนวิชาที่รู้สึกว่ามันมีคุณค่าต่อชีวิตเรามาก ใบเซอร์มันเหมือนเป็นผลพลอยได้ ผมแทบไม่ได้ใส่ใบเซอร์ไว้ใน resume เลย ใส่ไปแต่อันที่สำคัญที่ผมไปสอบมา สำหรับผมใบเซอร์มันเหมือน candy certificates เวลาไปสมัครงานไม่ต้องใส่ไปเยอะก็ได้ ไม่ต้องโชว์ว่าเรามีเยอะ แต่ผมคิดว่าตัวนึงที่แนะนำเลยคือ ถ้าสอบได้ควรสอบ cloud computing ไม่ว่าจะเป็น Google Cloud, AWS, Microsoft หลักๆมีอยู่ 3 เจ้า ที่มี Market share ค่อนข้างเยอะ อันดับหนึ่งคือ AWS 30%, AWS 13%, Google Cloud 8% สอบอะไรก็ได้ ใช้ได้หมด แต่ครบที่สุด มี Feature เยอะที่สุด คือ AWS ผมแนะนำว่าเราควรต้องเรียน cloud computing ไว้บ้าง

ตัวอย่างใบเซอร์ของ AWS

ดร.วินน์ : แล้วหลักสูตร cloud computing มันมีใบเซอร์หลายใบไหม หรือมันแยกเป็นเรื่องของ Micro Service หรือเรื่องของ AI Service?

คุณทอย : ที่จริงมันมีแยกใบเซอร์ เป็นหมวดๆอยู่ครับ มี Developers, Devops, Machine Learning, Database ขึ้นอยู่กับว่า เราอยากจะเป็น Specialist ด้านไหน ที่ผมแนะนำเลย เริ่มจาก cloud infrastructure ก่อน เช่น การ set ระบบ network ของเราจะเป็นยังไง จะ เช็ต EC2 ขึ้นมากี่ตัว แบบ compute engine จะ set network ให้เชื่อมกันยังไง แล้วค่อยต่อยอดเป็น Developers หรือ Devops

ดร.วินน์ : ตอนนี้คุณทอยทำงานอะไรอยู่ครับ ตั้งเป้าหมายในอนาคตไว้ว่ายังไง?

คุณทอย : ตอนนี้ทำอยู่ที่บริษัทที่ชื่อว่า ON Thailand เป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับ Software Engineering มีคนที่เป็น Developers ประมาณ 200 คน ตอนผมเข้าทำงานแรกๆ ผมไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับ Software เลย แต่ตอนนี้ผมทำงานมา 3 เดือนแล้ว เริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้นแล้วครับ ฝากไว้สำหรับใครที่อยากจะเดินสายนี้ Data แค่อย่างเดียวอาจจะไม่พอ ต้องหมั่นขยันหาความรู้เพิ่มเติมด้วยนะครับ

จบกันไปแล้วนะคะสำหรับบทสัมภาษณ์ คุณทอย จากคอร์สเรียน Data Science Essential ของ BOTNOI หวังว่าทุกคนจะได้รับความรู้ ประสบการณ์การเรียนต่อประเทศ และประสบการณ์การทำงาน ขอให้ทุกคนขยันหมั่นเพียรหาความรู้และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆกันอยู่เสมอนะคะ ความพยายามจะส่งผลให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างแน่นอนค่ะ สำหรับใครที่สนใจเรียน Data Science Essential รุ่นที่ 4!! ของ BOTNOI join group ได้ที่ -> FB Page Botnoi AI & Data science classroom หรือจิ้มที่ลิงค์เลยhttps://www.facebook.com/groups/2421985951170978/

Botnoi AI & Data science classroom | Facebook

--

--