ฝึกงานที่ CODIUM (ep2)
ที่ๆ พร้อมมอบโอกาส ถ้าคุณตั้งใจ ภาคต่อ
หลังจากนั้น เดือนสุดท้าย
… ผมได้มาทำ Project Management เต็มตัว Project ตัวนี้ไม่ใช่ขี้ๆ ผม ไม่คิดว่าผมจะมีโอกาสนี้ มันเร็วกว่าที่ผมฝันไว้ ผมมีโอกาสนี้แล้ว ผมจึงมอบทุกอย่าง ทำให้ดีที่สุดเท่าที่ผมทำได้… แต่ถึงแม้ผมจะพยายามมากขนาดไหน ก็ยังมีข้อผิดพลาดอยู่… มีหลายครั้งที่ผมท้อ รู้สึกกดดัน มีหลายครั้งที่เราไม่อยากทำ แต่มันจำเป็นต้องทำ และปัญหาหลักของผมคือ ผมเป็นแค่เด็ก intern ที่ไม่มีประสบการณ์เลย
อย่าให้คนอื่นมองว่าคุณเป็นแค่เด็ก Intern
… มันไม่ง่ายเลยที่คุณจะบอกให้คนอื่นทำอะไร ยิ่งถ้าคุณเป็นเด็ก intern ที่ไม่มีประสบการณ์ แต่ผมโชคดีที่พี่ๆ เขาเข้าใจ… แต่อย่างไรก็ตามการฝึกงานครั้งนี้ ผมเจอปัญหาหลายอย่าง
ปัญหาที่ผมพบเจอ
เคยโดนบอกว่า ก็ดีแต่สั่งๆ ไม่เห็นทำไรเลย (ในช่วงแรกๆ)
… ผมจุกมาก แต่ผมเข้าใจ เพราะสิ่งที่ผมทำเป็นการช่วยลดงานพวกพี่ๆ เขามากกว่าและก็จะเป็นงานเล็กๆ ที่แทรกๆเข้ามา คุยกับลูกค้า, ติดต่อคนนั้น, ประสานงานทีม สอบถามความคืบหน้า, ทำ report ให้ลูกค้า, นั่ง capscreen ก็มี บลาๆ… จึงทำให้สิ่งที่ผมทำมันไม่ได้เกิดผลลัพธ์เป็นรูปเป็นร่างอะไรนัก … ก็ได้แต่ยิ้มทั้งน้ำตากลับไป
มันเจ็บนะเอาจริงๆ เหมือนสิ่งที่เราทำคนอื่นไม่เห็นค่าอะไร
ค่าครองชีพไม่พอ
… เนื่องจากผมอยู่หอที่ลาดกระบังไม่ไหวจริงๆ มันล้าหากต้องเดินทางไปกลับ ผมจึงเลือกอยู่หอก็เลยโดนไป 7000 บาท เดือนแรกเงินติดลบเยอะมาก ผมต้องติดเงินเพื่อน เพื่อฝึกงาน ช่วงนั้นผมไม่กล้าที่จะบอกพ่อกับแม่สักคำ กลัวท่านเป็นห่วง แค่นี้ท่านก็ทำงานหนักเพื่อให้เราสบายมามากแล้ว
ลูกค้าต้องการเยอะมาก ๆ
… มีหลายอย่างที่ผมไม่อยากทำ ผมคิดว่ามันเสียเวลา “ทำไมต้องทำด้วยวะ” ผมเป็นคนที่หากไม่ชอบ ไม่อยากทำ ผมก็ไม่ทำ … แต่ผมทิ้งไม่ได้ มีเช้าวันนึง CEO (พี่ Pac) เคยบอกว่า การเป็นผู้นำนั้นต้องเสียสละ มันทำให้ผมคิดได้ ผมจึงเปลี่ยนความคิด ผมไม่ได้ทำเพื่อลูกค้า แต่ผมทำเพื่อพี่ๆ เขาจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาทำอะไรพวกนี้ ผมจึงยอมกลับดึกกว่าปกติ
ให้คนไม่มีความ Professional มา present ได้ยังไง
… หน้าที่หลักอย่างนึงของผม คือ present & review กับลูกค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมเต็มที่มากที่สุด ผมยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ทุกครั้งที่ present ออกไปนั้นออกมาดี ผมเตรียมสิ่งที่จะพูด รวบรวมคำถาม ซ้อมครั้งแล้วครั้งเล่า
… แต่มีการประชุมครั้งนึงซึ่งตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะใหญ่ขนาดนี้ ผมพูดเร็วเกินไป บวกกับยังติดการหันหน้าเข้าหาจอบ่อยครั้ง จึงได้ feedback กลับมาดังกล่าว
… หลังจากนั้นผมคิดว่าผมคงไม่ได้ present อีกแล้ว… แต่พี่ Pac ยังคงไว้ใจ ผมก็ยังคง present และ เก็บ requirement กับ operation team เหมือนเดิม แต่สำหรับผู้บริหาร พี่ Pac จะเป็นคนจัดการเอง
ลูกค้าเปลี่ยน requirement บ่อย
… ผมลำบากใจทุกครั้งที่เหมือนมันจะจบแล้วแต่ก็มาเพิ่มอีก พี่เขาต้องกลับมาแก้ส่วนนี้อีก ทั้งๆที่พี่เขาก็มีอย่างอื่นที่ต้องทำแล้วก็ โดนลูกค้าเร่งตัวอื่นอีก หากผมเป็นคนที่ต้องทำ ผมคงระเบิดไปแล้ว แต่พี่เขาสู้ไม่ถอย ผมจะยอมแพ้ได้อย่างไร
ไม่มีอำนาจในการเจรจา
… มีหลายครั้งที่ผมอยากจะพูดเจรจา ต่อรองว่าทำได้ ทำไม่ได้ หรือต้องขอเวลาเพิ่ม ผมไม่สามารถทำแบบนั้นได้ทุกครั้ง ได้แต่รับ requirement ตีมันออกมา ให้เข้าใจง่ายและละเอียดที่สุดเท่าที่ทำได้ และมาบอกต่อ … ผมลำบากใจมากในการบอกพี่ๆ เขาแต่ละครั้ง เกี่ยวกับ requirement ที่เพิ่มขึ้นมา
requirement เพิ่มไม่หยุดไม่หย่อน
… ผมเข้าใจพวกพี่เขา แค่ตอนนี้ก็เยอะแล้ว จะทำไม่ทันอยู่แล้ว ยังต้องกลับมาแก้งานเก่าอีก ได้แต่ให้กำลังใจพี่เขา อะไรที่จะช่วยให้งานพี่เขาน้อยลง ผมก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด
… หนักสุดจะเป็นเรื่องของ design เพราะทีมที่มีไม่พอ ผมจึงลงมือทำเองเพื่อไม่ให้งานอื่นมัน delay… การ design ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ผมต้องใช้เวลากับมันพอสมควร ต้องคิด solution และflow ใหม่… นี้เป็น 1 ในเหตุผลหลักที่ผมกลับดึกเลย
ผมลืมงานบางตัว
… ผมจนพี่เขาต้องทำเอง ทั้งๆที่ผมสามารถทำได้ ผมรู้สึกผิดมาก ผมลืมไปสนิทเลยจริงๆ ตอนนั้นผมยุ่งมาก
งานเพิ่ม และต้องการในระยะเวลาอันสั้น
… ผมต้องเอางานนั้นเข้ามาแทรก ทุกอย่างที่ผมต้องทำ ล่าสุดคือลูกค้าต้องนำเสนอ Product ที่มีอยู่ตอนนี้ทั้งหมด ทั้งเสร็จ และไม่เสร็จรวมถึง phase 2 และ phase 3 ที่ยังไม่ได้เริ่มต้น design เลยด้วยซ้ำ … เนื่องจากทางทีม designer ก็วุ่นวายกับ phase 1 พอแล้ว ผมจึงต้องเก็บ requirement และdesign ออกมา โชคดีที่มีพี่ Manager อีกคนมาช่วยทำ present
ลูกค้าไม่เห็นความคืบหน้าของงาน
… วันนั้นผมโดนเละเลย ครั้งนั้นผมพลาดเองครับ เนื่องจากผม focus ที่ลูกค้าต้อง present เพื่อต่อสัญญา phase 2 และ 3 ผมจึงไม่ได้เตรียมเพื่อ present งานตอนนี้ ลูกค้าเลยไม่เห็น… ลูกค้าก็คือลูกค้าครับ ไม่ได้เห็นเบื้องหลังว่าจริงๆ งานมันหนักขนาดไหน กว่าจะทำสิ่งๆ นึงที่ลูกค้าขอมาได้ แต่ผ่านไปได้ด้วยดีครับ กลับไป present อีกครั้งก็ไม่มีปัญหาอะไร และค่อนข้างพอใจ
เบียร์บริษัทไม่ได้มีให้นะครับ ขวดน้ำตาลเป็นที่เหลือจาก outing ของบริษัทครับ ส่วนขวดเขียวเล็กๆ นั้นซื้อเองครับ…
สิ่งที่ผมได้จากการฝึกงาน
… แน่นอน ตอนนี้ ผมเจองานที่ผมชอบ ผมสามารถที่จะอยู่กับมันทั้งวัน ทั้งคืนได้ไม่เบื่อ ผมชอบคิดชอบแก้ปัญหา ได้อะไรมากมายกับสิ่งที่ project manager ต้องทำ และแน่นอนผมได้รู้จัก เพื่อนๆและพี่ๆ ที่ดีกับผมมากๆ สอนอะไรผมมากมาย 2 เดือนที่รู้จักกัน สำหรับผมนั้น เหมือนครึ่งปีเลย (คืองานเยอะมากๆ หยอกกกกก)
ผมถึกขึ้นมาก
… การประชุมครั้งแรก โคตรเหนื่อย เหนื่อยแบบไม่ไหวแล้ว ช่วงท้ายๆของการประชุมจะเริ่มหลุดๆ จดไม่ได้ … แต่หลังๆ 4–5 ชม. ก็สู้ตาย (พิชิตด้วยกาแฟ)
กล้าที่จะ present มากขึ้น
… แรกๆ ผมตื่นเต้นมาก ก่อน present ผมจะใจเต้นแรง หลังๆ เริ่มด้านชา และนิ่งมากขึ้น งานเสร็จก่อน present ไม่กี่นาทีก็เคยมาหมดแล้ว
ได้รู้ว่าสิ่งที่ต้องการของแต่ละทีมคืออะไร
… ผมได้ใกล้ชิดกับทีม และได้พูดคุย บางครั้งคำถามที่เราเตรียมไว้คิดว่า ครอบคลุมแล้วแต่ พอทีมบอก เห้ยยเออวะ… มันทำให้รู้แต่ละครั้งผมควรจะถามอะไรเพื่อให้ทีมบรรลุเป้าหมายมากขึ้น
รู้ว่าสิ่งอะไรที่เรายังขาดอยู่
…การเรียนรู้ที่เร็ว ไม่ใช่เพียงอ่านทฤษฎีทั้งหมด แล้วค่อยลงมือทำ ตอนนี้ผมรู้ทฤษฎีเบื้องต้นแล้ว ผมมีโอกาสได้สัมผัสกับงานจริงๆ ของ project manager หลังจากนี้ผมจะศึกษาเกี่ยวกับสิ่งที่ผมยังขาดไปให้มากกว่านี้
เดี๋ยวหลังจากนี้ผมจะทยอยเขียนบทความเกี่ยวกับ Project Manager ด้วยฝากติดตามด้วยครับ
เพิ่มทักษะการ design
…อย่างที่เล่ามาผมได้ design อยู่หลาย module หลังได้ feedback กลับมา ผมได้เรียนรู้ UX/UI โดยไม่ต้องไปอ่านทฤษฎีใดๆ ผมได้ฝึกเป็น consult ไปในตัว เมื่อเจอปัญหาคล้ายๆแบบเดิม ผมสามารถดัดแปลงเพียงเล็กน้อย และสร้าง mock up ออกมานำเสนอได้เร็วขึ้น
ได้ฝึกจัดการบริหารงาน
…โปรเจคที่ผมเข้าไปช่วยนั้น มีจำนวนคนในทีมประมาณ 8–9 คนเลย ซึ่งถือว่าเอาเรื่องเลยครับ แต่อย่างที่บอกพี่ๆเขาน่ารักกันมากๆ ครับ… ช่วยเหลือเต็มที่ แน่นอนครับผมไม่ได้วางแผนคนเดียวทั้งหมด ผมก็จะให้พี่นุ๊กช่วยครับ เพราะพี่เขาจะประเมินระยะเวลาได้ดีกว่า ซึ่งผมได้เรียนรู้ในส่วนนี้ค่อนข้างเยอะเลยครับ
ได้ฝึกภาษาอังกฤษ
… โดยปกติในบริษัทก็จะมีทั้งไทย และอังกฤษอยู่แล้ว แต่ผมได้ฝึกเต็มที่ตอนครึ่งเดือนสุดท้ายครับ เพราะคนที่มารับช่วงต่อจากผมมาจาก เมียนมา ครับพูดไทยไม่ได้ ผมก็เป็นคนพูดไม่ค่อยเก่งครับ แต่ฟังได้… แต่เราต้องอธิบาย project ทั้งหมด งาน บลาๆ เหนื่อยเอาเรื่องอยู่ครับ เพราะงานตัวเองก็ต้องทำเหมือนเดิมเช่นกัน
จริงๆ ผมได้อะไรเยอะมากกว่านั้นมากครับแต่ไม่สามารถอธิบายได้หมดจริงๆ สิ่งสุดท้ายที่ผมอยากจะบอกก็คือ ผมได้ใช้เวลา 2 เดือนได้คุ้มค่าที่สุดเลยครับ การได้รู้จักพี่ๆ เพื่อนๆ ทุกคนที่ CODIUM นี้มีความหมายต่อผมมาก ขอบคุณมากๆสำหรับโอกาสที่มอบให้นะครับ