การเสียสละ
ในความหมายที่หลายคนเข้าใจคือการแบ่งปัน การให้ การยอมเสียบางสิ่งเพื่อส่วนรวม ซึ่งก็คงไม่ผิดนัก และสังคมก็คงมีความสุขดี…
แต่ถ้ามีคนหนึ่งให้อยู่ฝ่ายเดียวล่ะ? เชื่อไหมมันต้องมีบางคนที่จะรับอยู่ฝ่ายเดียวเหมือนกัน ผมเชื่อแบบนั้นเพราะธรรมชาติจะหาจุดสมดุลเสมอ
การให้ที่ดีหรือผู้ให้ที่ดี ต้องมีเวลาที่สลับเปลี่ยนกลับมาเป็นผู้รับบ้าง การที่ใครคนหนึ่งยอมเป็นผู้ให้เสมอ ต้องดูกันดีๆว่าให้ด้วยใจอารี หรือให้เพราะศักดิ์ศรีรับของใครไม่ได้กันแน่ คนแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับคนแพ้ไม่เป็น คิดว่าการรับเป็นเสมือนการยอม ซึ่งการให้อะไรลักษณะนี้ มักมีการหวังผลบางสิ่งเสมอ
คำว่า “ผู้รับ” นั้นต่างจากคำว่า “ผู้ขอ” ผู้ขอมักหวังรับผลบางอย่างในลักษณะเฉพาะเจาะจง แต่การรับนั้นไม่ใช่ เพราะการรับจะดีจะเลวก็ต้องรับให้ได้ เลือกรับเฉพาะสิ่งที่ดีที่ชอบแบบนั้นเรียกว่าการขอ การรับที่แท้จริงจึงมีความเสี่ยงที่จะได้รับทั้งสิ่งที่พอใจหรือไม่พอใจพอๆกัน เลือกไม่ได้เลย
ทำไมต้องหัดเป็นผู้รับ? ถ้ามีแต่ผู้ให้อยู่ฝ่ายเดียวสักวันมันก็หมดมันไม่ยั่งยืน ต้องเปิดโอกาศให้คนอื่นเรียนรู้การเป็น “ผู้ให้” บ้างจะได้ไม่เป็น “ผู้ขอ” จากการเป็น “ผู้ให้” ของเราเพื่อสร้างอะไรดีๆในระยะยาว แล้วอีกทางก็เอาไว้ฝึกใจตัวเราให้รู้จักแพ้เป็น รับผิดรับชอบเป็น ยอมรับอะไรที่มันเกิดขึ้นว่ามันไม่ได้ดั่งใจเราไปทุกอย่าง จะได้เรียนรู้ว่ามันเท่าเทียมกัน…เป็นเรื่องธรรมดา
การเสียสละเริ่มต้นจากการเป็น “ผู้ให้” เพื่อสักวันหนึ่งจะพัฒนาตนเป็น “ผู้รับ” เพื่อเปิดโอกาศให้คนอื่นรู้จักการเป็น “ผู้ให้”