Apple Event รอบนี้ มีอะไรใหม่บ้าง สรุปจบใน 5 นาที — September 12, 2018
From the Steve Jobs Theater.
เวลาตามประเทศไทยคือช่วงดึกมากๆของคืนวันพุธที่ 12 กันยายน 2018 สามารถรับชมย้อนหลังได้ที่ Apple Events - Keynote September 2018
อีเว้นท์ครั้งนี้จัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ทรงวงกลม ในหอประชุมที่ชื่อว่า สตีฟจ็อบส์เธียเตอร์ เริ่มต้นอินโทรเข้างานด้วยเพลงประกอบภาพยนต์ Mission Impossible เนื้อเรื่องในวิดีโอคือทีมงานวิ่งตาลีตาเหลือกเพื่อจะนำคลิ๊กเกอร์มาส่งให้ทิมคุ๊ก (นี่ก็แอบหวังว่าของในกล่องจะเป็นอะไรที่ซุ่มเงียบแอบผลิตและไม่มีข่าวหลุด ปัดธ่อวววพี่เปิ้ล)
ส่วนตัว รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าไลฟ์สตรีมรอบนี้ราบรื่นมากๆไม่มีกระตุกเลย ตอนแรกก็แอบคิดว่าเป็นเพราะในสตีฟจ็อบส์เธียเตอร์คงมีระบบอินฟราที่รองรับการไลฟ์ทั่วโลกแหงๆ แต่มีน้องที่รู้จักกันกระซิบมาบอกว่าอาจจะเป็นเพราะมีทวิตเตอร์ไลฟ์ช่วยลดโหลดไปเยอะ
ทีนี้ มาเข้าเนื้อหาของโพสท์นี้กันดีกว่า อยากจะสรุปแบบโคตรสั้นให้ เพราะ สรุปแบบละเอียดสู้บล็อกเกอร์เจ้าอื่นไม่ได้ ฮาาาาาาา (สั้นจริงเป่าอ่ะ?)
Apple Watch 4 และ Watch OS5 — Ultimate Guardian for your health
ส่วนที่สำคัญที่สุดในนาฬิการุ่นใหม่นี้คือ Electrodes เซ็นเซอร์ ที่เพิ่มฟังก์ชันให้แอปเปิลวอตช์ สามารถวัดค่า ECG (Electrocardiogram) คลื่นไฟฟ้าของหัวใจ ได้
ECG มีความสำคัญกว่าการวัดการเต้นของหัวใจยังไง? คำตอบคือ จะทำให้วินิจฉัยโรคหัวใจได้แม่นยำยิ่งข้ึน
อีกหนึ่งอัพเกรดที่สำคัญคือ อัพเดท Accelorometer เซนเซอร์ ที่เก่งกาจยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้แอปเปิลวอตช์รุ่นนี้สามารถตรวจสอบการลื่นล้มได้! และสามารถแบ่งได้แยกได้ด้วยว่าเป็นการล้ม แบบ
- ร่วง (fall) (ซับนรก: อุ๊ยxxxแม่ร่วง)
- สะดุด (trip) (ซับนรก: ฟ่ำ หรือ หน้าคว่ำ)
- ลื่น (slip) (ซับนรก: หงายเงิบ)
ทีเด็ดคือ ถ้าหากตรวจสอบพบว่าเป็นการร่วงที่รุนแรง จะขึ้นหน้าจอ Emergency มา standby รอไว้ และถ้าหากเราไม่ทำอะไร (ไม่ยกเลิก / ไม่ตกลง) ภายใน 1 นาที ก็จะโทรหาสายด่วนตามที่เราตั้งค่าไว้โดยอัติโนมัติ สมตามคอนเซ็ป Guardian Angel จริงๆ คาดว่าวอตช์รุ่นนี้จะทำให้คุณภาพชีวิตผู้คนดีขึ้นอีกมากมาย
อัพเดทเล็กๆน้อยอื่นๆ เช่น
- มีวอตช์เฟซสำหรับแอป หายใจ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบทำสมาธิ
- รุ่นนี้มีเตือนเมื่อตรวจพบความถี่หัวใจต่ำเพิ่มเข้ามา (รุ่นเก่า ๆ มีแค่เตือนเมื่อความถี่หัวใจสูง)
- เพิ่มแฮปทิคฟีดแบ็ก (Haptic Feedback) ให้เม็ดมะยม ทำให้เวลาหมุนหรือกดเม็ดมะยม จะมีแรงสั่นออกมา (น่าจะคล้ายตอนหมุนวงล้อ iPod แล้วมีแรงสั่นดังคลิ๊กๆ) เป็นความเนี๊ยบเล็กๆน้อยตามสไตล์แอปเปิล
- เพิ่มคอมไพเลชันใหม่ ๆ
- วอตช์เฟซใหม่ ๆ
- รีดีไซน์ UI ใหม่ทั้งหมด
- ส่วนโค้งของหน้าจอ โค้งได้องศาที่เท่ากันกับตัวเรือนนาฬิกาเป๊ะๆ
- หน้าจอ (เฉพาะหน้าจอเลย) ใหญ่ขึ้น 30% แต่ปริมาตรทั้งเรือนเล็กลง
- ลำโพงดังขึ้น 50%
- เร็วกว่าเดิม 2 เท่า
- วัสดุ เซรามิก / คริสตัลแซฟไฟร์
- รับสัญญาณโทรศัพท์ได้ดีกว่าเดิม
- อายุแบตเตอรี่เท่า Watch 4
- มี 3 สี ซิลเวอร์ / โกลด์ / สเปซเกรย์
วันจำหน่าย และราคา
- Apple Watch Series 4 GPS: 399 $USD
- Apple Watch Series 4 GPS + Cellular: 499 $USD
- Apple Watch Series 3 ลดราคาเหลือ 279$USD
- เริ่มวางจำหน่ายในต่างประเทศ วันพฤหสบดีที่ 21 กันยายน 2018
- watchOS5: เริ่มอัพเดทได้วันจันทร์ที่ 17 กันยายน 2018
iPhone XR iPhone XS / iPhone XS Max
ความคิดเห็นส่วนตัวของผมคือ มันแค่อัพเดทต่อยอดจาก iPhone X ประสิทธิภาพดีขึ้น กล้องดีขึ้น ชิปดีขึ้น AR แรงขึ้น แต่ไม่พบว่ามีอะไรน่าไฮไลท์เหมือนอัพเกรดในแอปเปิลวอชต์เท่าไหร่ ขอตัดมาแค่ฟีเจอร์เล็ก ๆ น้อย ๆ ดังนี้
Smart HDR — เมื่ออิมเมจโปรเซสซิ่ง ผสมผสานกับ Neural Engine
การถ่ายรูปให้สวยจากคนถ่ายรูปไม่เก่ง ก็จะเป็นเรื่องง่ายขึ้น
สามารถแก้ไข depth of focus ได้แล้วด้วย
AR Quick Look ที่ทำงานบน Browser — สามารถดู AR content ได้ง่ายขึ้นเข้าไปอี๊กกก ไม่ต้องโหลดแอปเลย
DSDS — Dual SIM Dual Standby
สามารถใช้งาน 2 sims ได้ในเวลาเดียวกัน แต่ซิมที่ 2 เป็น esim นะ! ผมชอบฟีเจอร์นี้ เพราะเวลาไปเที่ยวจะได้ซื้อ local internet package ได้ง่ายขึ้น
* สำหรับเครื่อง iPhone ในประเทศจีน ที่ยังไม่ประกาศรองรับ esim — ตัวเครื่องจะสามารถใส่ sim ที่ 2 ได้ (ไม่ใช่ esim) ได้จริงๆ (ประเทศไทยรองรับ esim ไหมนะ?)
Apple GiveBack — ส่งคืนเครื่องเก่า เพื่อโลกสีเขียว
อันนี้ผมชอบสุดเลย ล่าสุด Apple เป็นบริษัทที่ใช้พลังงาน recycle 100% แล้ว (สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ ปูหลังคาด้วยโซลาร์เซลล์แทบจะทุกตารางนิ้ว)
และได้มีการออกแคมเปญนี้ขึ้นมา
- เครื่องเก่าที่ไม่ใช้แล้ว ถ้ายังสภาพดีและมีคนจะซื้อต่อ เจ้าของเครื่องเก่าจะได้รับเครดิตคืน (ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าเปอร์เซนต์เป็นยังไง)
- แต่หากไม่สามารถใช้งานได้แล้ว จะนำกลับไปรีไซเคิลให้ (หุ่นยนต์แขนกลในรูป มีจริง! เค้าสามารถถอดร่าง iPhone ได้ทุกโมเดล) แอปเปิลเคลมว่าวัสดุทุกชิ้นใน iPhone สามารถรีไซเคิลได้ ไม่เว้นแม้กระทั่ง แผงวงจร!
เปรียบเทียบราคา และ ประสิทธิภาพ
iPhone XR — เบา (กระเป๋า) สุด
- หน้าจอ LCD ขนาด 6.1" (X รุ่นอื่นหน้าจอ OLED)
- ใช้ชิป A12 Bionic เช่นเดียวกันกับ XS และ XS Max (คุ้มๆๆ)
- ที่ความลึก 1 เมตร สามารถกันน้ำได้ 30 นาที
- ขนาดความจุ 64 GB / 128 GB / 256 GB
- ราคาเริ่มต้น 749 $USD
- เริ่มวางจำหน่ายในต่างประเทศ วันที่ 26 ตุลาคม 2018 (หลัง XS และ XMax)
iPhone XS & iPhone XS Max — ภาพรวม
iPhone XS — ทางสายกลางของตระกูล X
- หน้าจอ OLED ขนาด 5.8"
- ใช้ชิป A12 Bionic
- Smart HDR
- แบตเตอรี่ยาวนานกว่า iPhone X ประมาณ 30 นาที
- ที่ความลึก 2 เมตร สามารถกันน้ำได้ 30 นาที
- ขนาดความจุ 64 GB / 256 GB / 512 GB
- ราคาเริ่มต้น 999 $USD
- เริ่มวางจำหน่ายในต่างประเทศ วันที่ 21 กันยายน 2018
iPhone XS Max — พี่ใหญ่ของตระกูล X
- หน้าจอ OLED ขนาด 6.5"
- ใช้ชิป A12 Bionic
- Smart HDR
- แบตเตอรี่ยาวนานกว่า iPhone X ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
- ที่ความลึก 2 เมตร สามารถกันน้ำได้ 30 นาที
- ขนาดความจุ 64 GB / 256 GB / 512 GB
- ราคาเริ่มต้น 1099 $USD
- เริ่มวางจำหน่ายในต่างประเทศ วันที่ 21 กันยายน2018
อัพเดทอื่นๆ
- Home Pod 2 เครื่อง สามารถทำ stereo pair กันได้
- TV app เพิ่มรายการมากขึ้น
- OSX Mohave เริ่มอัพเดทได้วันที่ 24 กันยายน 2018