กว่า 77 กรณีการใช้งาน Smart Contract ที่สนับสนุนโดย Chainlink

โพสต์นี้เป็นอัปเดตของบทความ “44 วิธีในการปรับปรุง Smart Contract ของคุณด้วย Chainlink” เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2019

Chainlink Thailand
Chainlink Community
18 min readOct 7, 2021

--

  • การเงินแบบกระจายอำนาจ
  • การชำระเงินภายนอก
  • NFTs การเล่นเกม และการสุ่ม
  • ประกันภัย
  • ระบบขององค์กร
  • ห่วงโซ่อุปทาน
  • สาธารณูปโภค
  • การอนุญาตและการระบุตัวตน
  • รัฐบาล
  • ความยั่งยืน
  • การคำนวณนอกระบบ

โดยพื้นฐานของสัญญาจะเป็นตัวกำหนดเงื่อนไขและภาระผูกพันสำหรับการแลกเปลี่ยนมูลค่าระหว่างสองฝ่ายขึ้นไป โดยปกติแล้วผู้ตัดสินชี้ขาดแบบรวมศูนย์จะต้องตรวจสอบว่ามีการดำเนินงานตามเงื่อนไขและข้อตกลงหรือไม่ แต่เมื่อเทคโนโลยีบล็อคเชนถือกำเนิดขึ้นและมีการนำ Smart Contracts มาใช้ทำให้ขณะนี้เราสามารถแทนที่ผู้ตัดสินชี้ขาดแบบรวมศูนย์ด้วยโครงสร้างพื้นฐานแบบกระจายอำนาจ ลดความเสี่ยงของคู่สัญญา และปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน

อย่างไรก็ตามเนื่องจากกลไกที่เป็นเอกฉันท์ (consensus mechanisms) ของบล็อคเชน Smart contracts ไม่สามารถโต้ตอบกับทรัพยากรภายนอก เช่น ผู้ให้บริการข้อมูลและบริการ API ที่เป็นตัวตรวจสอบผลลัพธ์ของเหตุการณ์ต่างๆ ในโลกแห่งความเป็นจริงนอกบล็อคเชน สิ่งนี้ทำให้เกิดปัญหาของออราเคิลบล็อกเชนและเป็นหนึ่งในข้อจำกัดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสัญญาบนบล็อคเชนในทุกวันนี้

เพื่อแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อนี้ Smart Contract แบบไฮบริดใช้ oracles เป็นตัวกลางเพื่อดึงข้อมูลอินพุตภายนอก, พุชข้อมูลออกไปยังระบบภายนอกและดำเนินการคำนวณนอกระบบที่ปรับขนาดได้ Oracles ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่าง Smart Contract กับโลกภายนอก แต่ยังให้พื้ฐานการรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันจุดล้มเหลวเพียงจุดเดียว (single point of failure) เช่น การจัดการข้อมูล (data manipulation) และการหยุดทำงาน (downtime)

เครือข่าย Chainlink เชื่อมต่อสัญญา Smart Contract กับข้อมูลและกิจกรรมนอกเครือข่าย

Chainlink เป็นเครือข่าย oracle แบบกระจายอำนาจที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุด โดยปัจจุบันทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับแอปพลิเคชันในบล็อกเชนและกรณีการใช้งานจำนวนมากที่มีจำนวนมูลค่าหลายหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ Chainlink ไม่ใช่เครือข่าย Oracle เดี่ยวๆ แต่เป็นระบบนิเวศที่ประกอบด้วยเครือข่าย Oracle แบบกระจายอำนาจจำนวนมากที่ทำงานไปพร้อมๆกัน แต่ละเครือข่าย oracle สามารถให้บริการ oracle service จำนวนมากได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเครือข่าย oracle อื่นๆ ซึ่งรวมถึง:

  • ฟีดราคาแบบกระจายอำนาจ (Decentralized Price Feeds) ที่สามารถรวมเข้ากับแอปพลิเคชัน DeFi ต่างๆ เพื่อทำให้เข้าถึงแหล่งข้อมูลตลาดการเงินคุณภาพสูง ทนทานต่อการแทรกแซง และสดใหม่ ครอบคลุมสินทรัพย์หลากหลายประเภททั่วทั้งตลาด
  • ฟังก์ชันการสุ่มที่ตรวจสอบได้ (A Verifiable Random Function: VRF) มอบความสามารถในการสร้างตัวเลขสุ่ม (Random Number Generator: RNG) ที่ยุติธรรมและปลอดภัยซึ่งพิสูจน์ได้ให้กับ NFTs และแอปพลิเคชันเกมบนเครือข่าย
  • Proof of Reserve (PoR) ช่วยให้ Smart contracts สามารถตรวจสอบการค้ำประกันที่แท้จริงของสินทรัพย์บนเครือข่ายใดๆ ที่มีการรับรองจากด้วยเงินสำรองนอกเครือข่าย เช่น stablecoins ที่รองรับด้วยเงิน fiat, โทเค็นข้ามสาย (cross-chain tokens), สินทรัพย์ที่ถูกแปลงเป็นโทเค็นและอื่นๆ
  • Keepers ทำให้นักพัฒนา dApp เข้าถึงบริการอัตโนมัติที่เชื่อถือได้ มีการกระจายอำนาจ และประหยัดต้นทุน ในการเรียกใช้ฟังก์ชัน Smart contract และบำรุงรักษาสัญญาโดยใช้ประโยชน์จากการคำนวณนอกระบบ
  • Cross-Chain Interoperability Protocol (CCIP) เป็นมาตรฐานโอเพ่นซอร์สสำหรับระบบนิเวศแบบมัลติเชน (multi-chain ecosystem) ทำให้แอปพลิเคชันจากเชนอื่นสามารถสร้างคำสั่งเพื่อส่งข้อความและโอนโทเค็นข้ามบล็อกเชนต่างๆ
  • อะแดปเตอร์ภายนอกแบบแยกส่วน (Modular External Adapters) สำหรับการเชื่อมต่อกับทรัพยากรนอกเครือข่าย รวมถึงผู้ให้บริการข้อมูลระดับพรีเมียม, API ของเว็บที่ได้รับการตรวจสอบสิทธิ์ (authenticated web APIs), เซ็นเซอร์ IoT, การชำระเงินผ่านธนาคาร, เครือข่ายหลังบ้านขององค์กร (enterprise backends), เครือข่ายบล็อกเชนอื่น และอื่นๆ
  • การคำนวนนอกเครือข่าย (Off-Chain Computation) เช่น Fair Sequencing Services สำหรับสั่งทำธุรกรรม, DECO สำหรับการยืนยันการรักษาความเป็นส่วนตัวของ TLS web session, Arbitrum Rollups สำหรับการคำนวณ Solidity แบบ off-chain ที่ปรับขนาดได้ และอื่นๆ
Chainlink เป็นเครือข่าย oracle ต่างๆ ซึ่งประกอบด้วยโมเดลเครือข่าย oracle จำนวนมาก

Chainlink มีเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับนักพัฒนาในการสร้างเครือข่าย oracle ประเภทต่างๆ เช่น การใช้แหล่งข้อมูลหลายๆ แหล่ง, โหนด oracle หลายๆ โหนด, วิธีการรวมกลุ่มที่หลากหลาย, การชำระค่าปรับ, บริการด้านชื่อเสียงและเครื่องมือแสดงภาพเสมือน เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้เกิดกรณีการใช้งานที่หลากหลายที่ต้องพัฒนา ทดสอบ และผลักดันสู่การผลิต

การเข้าถึงข้อมูลภายนอกทำให้เกิดเทรนด์ใหม่ของการทำงานของ Smart Contract เราได้รวบรวม 77+ วิธีใช้เครือข่าย Chainlink เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คุณด้วยศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดของ Smart Contract ที่สามารถเชื่อมต่อกับโลกภายนอกได้ หากแนวคิดเหล่านี้ตรงกับความสนใจของคุณหรือหากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม พบกับพวกเราได้ที่ Discord หรือ Github และศึกษาเอกสารประกอบของเราเพื่อเริ่มสร้าง Smart contracts ที่เชื่อมต่อในระดับสากลได้แล้ววันนี้

การเงินแบบกระจายอำนาจ (Decentralized Finance)

เงินเป็นสื่อกลางในการประเมินมูลค่าและแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ที่ถูกยอมรับและใช้กันทั่วไป ผลิตภัณฑ์ทางการเงินนำเสนอเครื่องมือและวิธีต่างๆ ที่ผู้คนสามารถใช้เพื่อเพิ่มมูลค่าของเงินให้สูงสุดผ่านกลยุทธ์ต่างๆ เช่น การป้องกันความเสี่ยง, การเก็งกำไร, การรับดอกเบี้ย, การค้ำประกันเงินกู้ และอื่นๆ อย่างไรก็ตามการเงินแบบดั้งเดิมมักถูกจำกัดโดยที่หน่วยงานที่มีทุนจดทะเบียนสูงซึ่งมีอำนาจในการควบคุมการออกเงิน, สร้าง/เสนอขายและใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่างไม่เป็นสัดส่วน ผลที่ได้คือผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางอย่างไม่สามารถเข้าถึงผู้คนในวงกว้างหรือระดับสากลได้และเกิดความเสี่ยงระหว่างคู่สัญญา โดยที่องค์กรขนาดใหญ่มีอิทธิพลมากกว่าในการพิจารณาว่าผลิตภัณฑ์ทางการเงินจ่ายเงินอย่างเป็นธรรมตามข้อตกลงที่ตกลงล่วงหน้าไว้ล่วงหน้าหรือไม่

บล็อคเชนและ smart contracts นำการดำเนินการที่กำหนดได้ (deterministic execution) ไปใช้กับผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ทำลายกำแพงอุปสรรคในการสร้างผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และจัดทำนโยบายการเงินที่ป้องกันการแทรกแซงสำหรับสินทรัพย์บนเครือข่าย Chainlink oracles มีบทบาทสำคัญในการสร้าง smart contracts ขั้นสูงที่เป็นขุมพลังผลิตภัณฑ์ทางการเงินและเครื่องมือทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ดำเนินการตามข้อมูลตลาด เช่น อัตรา FX, อัตราดอกเบี้ย, ราคาสินทรัพย์, ดัชนี และอื่นๆ

ตลาดเงิน (Money Markets)

ตลาดเงินที่ใช้บล็อคเชนเป็นโครงสร้างพื้นฐานและใช้ smart contracts ในการเชื่อมต่อผู้ให้กู้ที่ต้องการได้รับผลตอบแทนกับผู้กู้ที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียน ตลาดเงินอนุญาตให้ผู้ใช้ประโยชน์จากการถือครอง crypto และมีส่วนร่วมทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน อย่างไรก็ตามเพื่อให้มั่นใจว่าแพลตฟอร์มมีเงินเพียงพอที่จะจ่ายเงินได้ จึงจำเป็นต้องมีฟีดราคา (price feed) เพื่อติดตามมูลค่าของสินทรัพย์ที่ใช้บนแพลตฟอร์มเพื่อให้มั่นใจว่าสินเชื่อจะถูกปล่อยในราคาตลาดที่ยุติธรรมและการชำระบัญชี (liquidations) จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อหลักประกันมีมูลค่าต่ำกว่าสินเชื่อ

Aave, Compound และ Rari Capital เป็นตัวอย่างของโปรโตคอลตลาดเงินแบบ on-chain ที่ใช้ Chainlink Price Feeds เพื่อดึงข้อมูลตลาด cryptocurrencies ต่างๆ หลายสิบสกุล โปรโตคอลการให้ยืมและยืมเหล่านี้จึงสามารถคำนวนเพื่อประเมินมูลค่าหลักประกันและหนี้สินของผู้ใช้แต่ละคนด้วยข้อมูลราคาแบบเรียลไทม์นี้เพื่อกำหนดว่าเมื่อใดควรเริ่มการชำระบัญชี สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าโปรโตคอลตลาดเงินมีจะหลักประกันเพียงพอเสมอและสามารถปกป้องมูลค่านับหมื่นล้านเหรียญสหรัฐในการฝากเงินของผู้ใช้

Aave ใช้ Chainlink Price Feed ในการตรวจสอบความเหมาะสมของหลักประกัน

Stablecoins แบบกระจายอำนาจ (Decentralized Stablecoins)

Stablecoins เป็นโทเค็นบนเครือข่ายที่ตรึงราคาไว้กับสกุลเงิน fiat โดยทั่วไปคือดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ผู้ใช้สามารถถือ cryptocurrency แบบไม่ผันผวนได้ ในขณะที่ Stablecoin แบบรวมศูนย์ได้รับรองโดย fiat ในบัญชีธนาคารนอกเครือข่าย แต่ Stablecoins แบบกระจายอำนาจนั้นมักมาจากการวางหลักประกันเกิน (overcollateralized) โดย cryptocurrencies ที่อยู่บนเครือข่ายและต้องใช้ข้อมูลราคาเพื่อรักษาหลักประกันทั้งหมด (เช่น หลักประกันของผู้ใช้มีมูลค่ามากกว่า 150% ของมูลค่าเงินกู้)

DeFiDollar เป็นตัวอย่างของ meta-stablecoin แบบกระจายอำนาจ (Stablecoin ที่รับรองด้วย Stablecoin หลายตัว) ที่ใช้ Chainlink Price Feeds เพื่อติดตามราคาของสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ sUSD, USDT, DAI และ USDC ในกรณีที่หนึ่งหรือหลายโทเค็นเหล่านี้มีค่าเบี่ยงเบนไปจากการตรึงราคา 1:1 กับ USD จึงทำให้ DUSD สูญเสียการตรึงไปด้วย จึงมีการปรับสมดุลจะเกิดขึ้นระหว่างเงินสำรองทั้งสี่โทเค็นนี้เพื่อรักษาการตรึงราคากับเงินดอลลาร์ของ DUSD

DeFiDollar ใช้ Chainlink Price Feed เพื่อให้ข้อมูลการประเมินมูลค่าของ stablecoins ต่างๆ ที่รับรอง DUSD

Stablecoins แบบอัลกอริธึม (Algorithmic Stablecoins)

คล้ายกับเหรียญ stablecoin แบบรวมศูนย์ที่รับรองโดยเงินดอลลาร์ในบัญชีธนาคารหรือ stablecoin แบบกระจายอำนาจที่วางประกันเกินโดยสกุลเงินดิจิทัลบนเครือข่าย อัลกอริทึม stablecoins มีเป้าหมายเพื่อรักษาระดับเทียบเท่ากับสกุลเงินอื่น เช่น USD แต่อัลกอริธึม Stablecoins จะรักษาการตรึงโดยใช้รางวัลและบทลงโทษอัตโนมัติเพื่อบังคับให้ตรึงราคาไว้ โดยการเผาเหรียญ Stablecoin เมื่ออยู่มูลค่าน้อยกว่าการตรึง (ภาวะเงินฝืด) และสร้าง Stablecoin มากขึ้นเมื่อมูลค่าอยู่เหนือการตรึง (เงินเฟ้อ)

Fei Protocol เป็นตัวอย่างของ stablecoin แบบอัลกอริทึมที่ใช้ Chainlink Price Feeds อ้างอิงในการตั้งค่าโปรโตคอลควบคุม bonding curve สำหรับ liquidity pool FEI/ETH บน Uniswap เพื่อตรึงราคาของ FEI อย่างมีเสถียรภาพ เนื่องจากราคาทั่วทั้งตลาดถูกกำหนดโดยฟีดราคา ETH/USD โปรโตคอล Fei สามารถรับประกันอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสมได้จาก bonding curve

วิธีที่ Fei Protocol ใช้ Chainlink Price Feeds เพื่อทำให้อัลกอริทึม Stablecoin FEI มีเสถียรภาพ

ฟิวเจอร์ส (Futures)

ฟิวเจอร์สเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ “บังคับ” ให้เทรดเดอร์ซื้อหรือขายสินทรัพย์ในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในเวลาที่กำหนดในอนาคต โดย smart contracts ของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ใช้กันทั่วไปเพื่อป้องกันความเสี่ยงและใช้ประโยชน์จากความเสี่ยงโดยมีการกำหนดให้ผู้ใช้วางหลักประกันตำแหน่ง long หรือ short ของตน Price Feed จะถูกใช้เพื่อกำหนดว่าเมื่อใดควรมีการชำระบัญชี (liquidations) เพื่อให้มั่นใจว่าแต่ละสัญญามีหลักประกันที่สมบูรณ์ตลอดเวลา

dYdX และ MCDEX เป็นตัวอย่างของแอปพลิเคชันทางการเงินแบบ on-chain ที่ใช้ Chainlink Price Feeds เพื่อขับเคลื่อน Perpetual Contracts ซึ่งเป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ไม่มีวันหมดอายุ ด้วยการใช้ Chainlink oracles โปรโตคอลเหล่านี้สามารถรับประกันความสามารถในการจ่ายเงินของแพลตฟอร์มโดยการเข้าถึงข้อมูลราคาแบบเรียลไทม์เพื่อกำหนดว่าเมื่อใดควรมีการชำระบัญชีและกำหนดอัตราการระดมทุนแบบไดนามิกเพื่อรักษาความเสี่ยงที่เสมอภาคกัน (net neutral exposure)

dYdX ใช้ฟีดราคา LINK/USD เพื่อขับเคลื่อน Perpetual Contracts ของ LINK-USD บนเครือข่าย

ออปชั่น (Options)

คล้ายกับสัญญาฟิวเจอร์ส ออปชั่นเป็นอนุพันธ์ทางการเงินอีกประเภทหนึ่งที่ให้ “ตัวเลือก(ออปชั่น)” แก่เทรดเดอร์ในการซื้อหรือขายสินทรัพย์จำนวนหนึ่งภายในวันที่ในอนาคตที่เลือกไว้ ในโลกนอกระบบเครือข่าย หน่วยงานที่รวมศูนย์มักจะเป็นผู้รับประกันสัญญา แต่ในบล็อกเชนออปชั่นแบบกระจายอำนาจนั้นเป็นไปได้แบบ peer-to-peer

Opyn และ Thales เป็นตัวอย่างของโปรโตคอลออปชั่นที่ใช้ Chainlink Price Feeds เพื่อคำนวณการประเมินมูลค่าสินทรัพย์คริปโต ทำให้ผู้ใช้สามารถmint, ซื้อขายและชำระสัญญาออปชั่นได้ นอกจากนี้ Chainlink oracle nodes อย่าง dxFeed ยังให้ข้อมูล Implied Volatility (IV) ในสินทรัพย์คริปโตต่างๆ ซึ่งช่วยให้ผู้สร้างสัญญาสามารถคำนวณค่าพรีเมียมของสัญญาของ option ในลักษณะที่เชื่อถือได้และป้องกันการปลอมแปลง

Opyn ใช้ Chainlink Price Feed เพื่อชำระเงินบนสัญญาออปชั่น

สินทรัพย์สังเคราะห์ (Synthetic Assets)

สินทรัพย์สังเคราะห์เป็นเครื่องมือทางการเงินประเภทหนึ่งที่เปิดเผยราคาต่อสินทรัพย์เฉพาะต่อเทรดเดอร์ โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์ทางกายภาพ เช่น ดัชนีหรือสินค้าโภคภัณฑ์ สินทรัพย์สังเคราะห์ที่อิงตาม smart contract ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถสร้างกลยุทธ์การซื้อขายขั้นสูงที่ไม่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลและเข้าถึงทรัพย์สินแบบดั้งเดิมที่ไม่มีอยู่ในบล็อกเชน

Synthetix เป็นตัวอย่างของโปรโตคอลที่ใช้ Chainlink Price Feeds เพื่อเปิดใช้งานการสร้าง “synths” ต่างๆ ที่อนุญาตให้เทรดเดอร์เข้าถึงสินทรัพย์อย่าง cryptocurrencies, สกุลเงิน fiat, สินค้าโภคภัณฑ์, ดัชนี, หุ้นและอื่นๆ ผ่านรูปแบบการซื้อขายแบบ peer-to-contract ผู้ใช้สามารถสลับระหว่างโทเค็นสังเคราะห์เหล่านี้ได้โดยไม่คลาดเคลื่อนโดยใช้ Chainlink Price Feeds เพื่อเข้าถึงมูลค่าปัจจุบันของสินทรัพย์อ้างอิง

Synthetix ใช้ Chainlink Price Feed เพื่อคำนวนและตรึงราคาให้สินทรัพย์สังเคราะห์จำนวนมาก

Credit Default Swaps (CDS)

Credit Default Swaps (CDS) เป็นข้อตกลงทางการเงินที่อนุญาตให้ผู้ให้กู้ป้องกันความเสี่ยงจากการผิดนัด (ขาดการชำระเงิน) จากผู้กู้ ในกรณีที่ผู้ยืมขาดการชำระเงิน ฝ่ายที่ออกและจำหน่าย Credit Default Swap จะคืนเงินที่คงค้างอยู่คืนให้ผู้ให้กู้

Opium.Exchange เป็นตัวอย่างของโปรโตคอลที่ใช้ Chainlink Price Feeds เพื่อชำระผลิตภัณฑ์เครื่องมือทางการเงินต่างๆ รวมถึง Credit Default Swap บน Stablecoin USDT Tether แบบรวมศูนย์ด้วย ทำให้เทรดเดอร์ป้องกันความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของ Tether และตกลงต่ำกว่าราคาตรึงที่ 1 ดอลล่าร์

พันธบัตร

พันธบัตรเป็นสัญญาทางการเงินที่ช่วยเพิ่มเงินทุนระยะสั้นได้โดยการออกหนี้ให้ชำระหนี้ในภายหลัง สัญญาพันธบัตรแบบดั้งเดิมสามารถเป็นต้นแบบให้ smart contract แบบอัตโนมัติได้โดยใช้ Chainlink oracles ที่จะให้ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการชำระบัญชี เช่น อัตราดอกเบี้ย, คะแนนหนี้, การชำระเงินด้วย Fiat และอื่นๆ

Chainlink ได้แสดงความสามารถดังกล่าวแล้วด้วย POC ด้วย SWIFT โดย oracles เพื่อรวมอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารใหญ่ 5 แห่ง ดึงข้อมูลคะแนนหนี้จาก S&P และสร้างการจ่ายดอกเบี้ยในรูปแบบของข้อความการชำระเงินตามมาตรฐาน SWIFT ISO20022 ในฐานะอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ การนำพันธบัตรมาสู่บล็อกเชนสามารถลดความเสี่ยงระหว่างคู่สัญญาได้อย่างมากและลดต้นทุนการดำเนินงานได้มาก

สัญญาพันธบัตรแบบ smart contract ใช้ Chainlink oracles และมาตรฐาน ISO20022 ของ SWIFT

Tokenized Portfolio Management

อีกกรณีการใช้งานที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครคือ “พอร์ตการลงทุนอัจฉริยะ” ที่ไม่มีหน่วยงานใดการกำกับดูแลทำหน้าที่ปรับสมดุลพอร์ตของผู้ใช้โดยอัตโนมัติโดยดำเนินการซื้อขายในนามของผู้ใช้เองตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ล่วงหน้า สิ่งนี้ทำให้ผู้ใช้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินขั้นสูงและโปรแกรมให้จัดการตามราคาสินทรัพย์และโทเค็นต่างๆ ตามสถานการณ์ของตลาดในปัจจุบัน กลยุทธ์การซื้อขายเหล่านี้สามารถแปลงเป็นโทเค็นได้ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถโอนและใช้โทเค็นเหล่านี้ภายในแอปพลิเคชัน smart contract อื่นๆ

Tokensets เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของโปรโตคอลที่ใช้ Chainlink Price Feeds เพื่อสร้าง “Sets” ที่ทำการซื้อขายโดยอัตโนมัติในนามของผู้ใช้ Sets เหล่านี้อิงตามตัวชี้วัดการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis: TA) เช่น RSI หรือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (moving averages) ซึ่งออกแบบมาเพื่อจับแนวโน้มการเคลื่อนไหวที่สำคัญของราคา นอกจากนี้ผู้ใช้สามารถใช้โทเค็น Set เป็นหลักประกันในโปรโตคอลอื่นๆ เช่น ตลาดเงิน Aave เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเงินทุน

Proof of On-Chain Reserve

สินทรัพย์ที่ถูกตรึงราคาไว้กับสินทรัพย์อื่นที่อยู่ต่างเชน (Wrapped cross-chain assets) — คริปโตเคอเรนซี่หรือโทเค็นที่มีอยู่ในบล็อคเชนหนึ่งที่ถูกล็อคไว้ในสัญญาและจากนั้นถูก “ปลดล็อค” บนบล็อคเชนอื่น — กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเนื่องจากความสามารถในการเพิ่มประเภทหลักประกันที่มีอยู่ในระบบนิเวศ DeFi แต่เพื่อให้มั่นใจว่าแอปพลิเคชัน DeFi สนับสนุนการฝาก wrapped asset สัญญาอ้างอิงแบบ Proof of Reserve จะถูกใช้เพื่อจัดหาข้อมูลเกี่ยวกับการค้ำประกันที่แท้จริงของสินทรัพย์บนเครือข่ายเหล่านี้

สองโปรโตคอลที่ใช้ Chainlink เพื่ออ้างอิงฟีดข้อมูล Proof of Reserve ได้แก่ WBTC ของ BitGo และ renBTC ของโปรโตคอล Ren ซึ่งเป็นตัวแทนของ wrapped Bitcoin ส่วนใหญ่ที่อยู่บน Ethereum คิดเป็นมูลค่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ ฟีดอ้างอิง Proof of Reserve เหล่านี้มีข้อมูลที่จำเป็นต่อโปรโตคอล DeFi ในการตรวจสอบเงินสำรองหลักประกันอย่างอิสระและปกป้องเงินทุนของผู้ใช้หากหลักประกันมีราคาต่ำกว่า (undercollateralization) ฟีดอ้างอิง Proof of Reserve ยังสามารถใช้เพื่อติดตามการค้ำประกันของสินทรัพย์นอกเหนือจากโทเค็นที่อยู่ต่างเชน ซึ่งรวมถึง Stablecoin และสินค้าโภคภัณฑ์ในโลกแห่งความเป็นจริง อีกทั้งยังเพิ่มหลักประกันภายใน DeFi

Proof of Reserve ของ Chainlink ให้การพิสูจน์บน smart contract ของหลักประกัน Bitcoin ที่รองรับ BitGo’s Wrapped BTC (WBTC) อยู่

Proof of Off-Chain Reserve

การนำทรัพย์สินในโลกแห่งความเป็นจริงมาสู่บล็อคเชนนั้นทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของ DeFi ขยายตัวขึ้นอย่างมาก ดังที่เห็นได้จากการนำเหรียญเงินสกุล fiat มาใช้ อย่างไรก็ตามสิ่งนี้จำเป็นต้องมีส่วนกลางเป็นผู้ดูแลหลักประกัน, ตัดการเชื่อมต่อการระหว่างสินทรัพย์นอกเครือข่ายกับโทเค็นที่เป็นตัวแทนบนเครือข่าย แต่หากใช้งาน smart contract ผ่าน Chainlink Proof of Reserve จะสามารถตรวจสอบการค้ำประกันของโทเค็นที่ได้รับการรับรองจากสินทรัพย์ในโลกแห่งความเป็นจริงได้โดยอิสระและสามารถปกป้องผู้ใช้ระหว่างเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

ตัวอย่างนี้คือ Paxos Proof of Reserve สำหรับ PAX และ PAXG รวมถึง TrustToken Proof of Reserve สำหรับ TUSD หลังให้ข้อมูลแอปพลิเคชัน DeFi เกี่ยวกับจำนวนเงินจริงของดอลลาร์สหรัฐที่รองรับ stablecoin TUSD ซึ่งถือโดยบัญชีธนาคาร off-chain ของ TrustToken ซึ่งถูกตรวจสอบโดย Armanino ซึ่งเป็นบริษัทตรวจสอบบัญชีอิสระที่อยู่ใน 25 อันดับแรกในสหรัฐอเมริกา ข้อมูลการค้ำประกันนี้สามารถถูกตรวจสอบกับจำนวนรวมของโทเค็น TUSD ที่หมุนเวียนบนบล็อคเชนต่างๆ ตามที่รายงานโดยฟีด TUSD Proof of Supply เสริม เพื่อกำหนดหลักประกัน USD ของโทเค็นของ TrustToken

TrustToken ใช้ Chainlink Proof of Reserve เพื่อพิสูจน์ smart contract ของเงินสำรองแบบ off-chain ที่รองรับให้ TUSD stablecoin

การจัดการสินทรัพย์อัตโนมัติ

Smart contracts สามารถใช้เพื่อดำเนินการตามกลยุทธ์การซื้อขายแบบอัตโนมัติตามช่วงเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า อย่างไรก็ตามยังมีตัวแปรต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรของกลยุทธ์เหล่านั้น โดยเฉพาะต้นทุนก๊าซในเครือข่าย ดังนั้นเทรดเดอร์ที่ใช้ระบบอัตโนมัติจึงต้องการข้อมูลที่เชื่อถือได้จาก oracles เพื่อให้แน่ใจว่าการซื้อขายของพวกเขาจะทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ

Visor Finance เป็นตัวอย่างหนึ่งของโปรโตคอลที่ใช้ Chainlink Keepers ซึ่งเป็นบริการธุรกรรมอัตโนมัติแบบกระจายอำนาจเพื่อปรับสมดุลสถานะสภาพคล่องบน Uniswap V3 เมื่อถึงเกณฑ์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เงินทุนใหม่และทุนที่มีอยู่ได้รับการจัดสรรไปยังสถานะสภาพคล่องที่ใช้งานอยู่ (active liquidity position) และคำสั่งจำกัดสินทรัพย์เดี่ยว (single asset limit orders) ทำให้โปรโตคอลสามารถรักษาสินทรัพย์ที่มีอยู่เท่าที่จะเป็นไปได้

การแบ่งรายได้

เนื่องจากจำนวนผลิตภัณฑ์ DeFi ที่กำกับดูแลโดยองค์กรอิสระแบบกระจายอำนาจ (Decentralized Autonomous Organisation: DAO) มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องกระจายรายได้ที่เกิดจากโปรโตคอล DeFi ให้แก่นักพัฒนาและสมาชิกในชุมชนในลักษณะกระจายอำนาจและเรียลไทม์ DAO สามารถกระจายรายได้ crypto ผ่านการใช้ Chainlink oracles ต่างๆ ตามสัดส่วนตามตัวชี้วัดหลายแบบเช่น staked coins, การมีส่วนร่วมในการกำกับดูแล, กิจกรรมของนักพัฒนา, หรือตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้

Synthetix เป็นตัวอย่างหนึ่งของโปรโตคอล DeFi ที่ใช้ Chainlink Keepers เพื่อกระจายค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยนและรางวัลจากการ staking ในแต่ละสัปดาห์ให้กับผู้ใช้โดยอัตโนมัติ Chainlink Keepers จะตรวจสอบสถานะของ smart contract แบบ off-chain และเรียกใช้ฟังก์ชันการกระจายค่าธรรมเนียมใน smart contract feePools ของโปรโตคอลโดยอัตโนมัติหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาค่าธรรมเนียม (fee period)

Synthetix ใช้ Chainlink Keepers เพื่อกระจายค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยนและรางวัลจากการ staking ให้กับผู้ใช้โดยอัตโนมัติ

Yield Farming

Yield Farming เป็นพื้นฐานทางการเงินรูปแบบใหม่ภายในระบบนิเวศ DeFi ที่ใช้เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและอำนวยความสะดวกในการกระจาย governance tokens ของโปรโตคอลอย่างยุติธรรม ในแอปพลิเคชั่น Yield Farming ส่วนใหญ่ ผู้ใช้ที่ให้สภาพคล่องแก่โปรโตคอลจะได้รับรางวัลในรูปแบบของ native gobernance token ของโปรโตคอล ซึ่งทำหน้าที่เป็นเงินสมบทการเติบโต

สองโปรโตคอลที่ใช้ Chainlink oracles สำหรับกลไก Yield Farming คือ Plasm และ StrongBlock Plasm ใช้ oracle ราคาของ Chainlink เพื่อกำหนดจำนวนมูลค่าที่ผู้ใช้ล็อกไว้ในโปรโตคอลและแจกจ่ายรางวัลตามนั้น ในขณะที่ StrongBlock คำนวณมูลค่า USD ที่ถูกล็อกไว้ (USD value locked) ใน Community pools ทุก ๆ 24 ชั่วโมง

StrongBlock ใช้ Chainlink oracles เพื่อคำนวณรางวัลจากการ staking ตามความน่าเชื่อถือของ miner

Leveraged Yield Farming

ผู้ใช้สามารถเพิ่มผลตอบแทนและประสิทธิภาพของเงินทุนได้โดยใช้โปรโตคอล Leveraged Yield Farming ที่มีเงินทุนให้กู้ยืมโดยมีการควบคุมหลักประกันโดยโปรโตคอล ด้วยเงื่อนไขนี้ผู้กู้สามารถเพิ่มมูลค่าของสินทรัพย์ของตนให้สูงสุดผ่านกลยุทธ์การทำฟาร์มที่ให้ผลตอบแทนที่หลากหลาย ในขณะที่ผู้ให้กู้จะได้รับรายได้แบบ passive จากผู้กู้ที่ต้องการขยายตำแหน่งการทำฟาร์มของตน ส่งผลให้ตลาดเงินเฉพาะแอปพลิเคชันมุ่งเน้นไปที่กิจกรรมของ Yield Farming

Alpaca Finance เป็นตัวอย่างของโปรโตคอลหนึ่งที่ใช้ Chainlink Price Feeds เพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการลงทุนของตนเองให้สูงขึ้นบน PancakeSwap และ WaultSwap โดยจะให้เงินทุนกู้ยืมเพื่อเพิ่ม position ของตนเอง ข้อมูลตลาดการเงินจาก Price Feeds ใช้ในการคำนวณอัตราส่วนการค้ำประกันที่เหมาะสมในระหว่างการออกเงินกู้และชำระสถานะ (liquidate position) เพื่อให้มั่นใจว่าโปรโตคอลมีความสามารถในการชำระหนี้ได้ในระยะยาว แม้ในช่วงที่ตลาดผันผวนต่อการประเมินมูลค่าหลักประกันที่ผู้กู้ฝากไว้

Alpaca Finance ใช้ Chainlink Price Feeds ในกระบวนการออกเงินกู้และชำระบัญชี

การทำฟาร์มแบบ Cross-Chain Yield Farming

ในขณะที่ระบบนิเวศของ DeFi ยังคงขยายตัวในเครือข่ายบล็อคเชนต่างๆ โอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากโปรโตคอลที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่าง Aave จะถูกแยกส่วนเพื่อแจกจ่ายในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีการเชื่อมต่อ เพื่อที่จะแก้ไขปัญหานี้จำเป็นต้องมีสะพานโทเค็นข้ามเครือข่าย (cross-chain token bridge) เพื่ออำนวยความสะดวกในการโอนเงินของผู้ใช้ข้ามเครือข่าย อย่างไรก็ตามโซลูชั่นข้ามเครือข่ายที่มีอยู่นั้นเสี่ยงต่อการถูกแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว โดยเคยมีกรณีที่เงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ถูกดูดออกจากโปรโตคอลดังกล่าวแล้ว Cross-Chain Interoperability Protocol (CCIP) เป็นมาตรฐานโอเพ่นซอร์สที่ปลอดภัยสำหรับการถ่ายโอนข้อความและโทเค็นผ่านเครือข่ายบล็อคเชนสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ไดิและมอบโครงสร้างพื้นฐานที่ทนต่อการแทรกแซงที่จำเป็นแก่นักพัฒนาในการสร้างแพลตฟอร์มการสร้างรายได้แบบหลายเชน

เซลเซียส เป็นแพลตฟอร์มสร้างผลตอบแทนจาก cryptocurrency ชั้นนำที่มีผู้ใช้เกือบ 1 ล้านคนและมีมูลค่ารวมกว่า 16,000 ล้านดอลลาร์ถูกล็อกเอาไว้ จะทำการรวมเข้ากับ CCIP เพื่ออัพเกรดแพลตฟอร์มและเปิดใช้งานการเก็บเกี่ยวผลตอบแทนในระบบนิเวศ DeFi แบบ multi-chain นอกจากนั้น เซลเซียสยังคงใช้งาน Chainlink Price Feeds ในระบบแบ็กเอนด์เพื่อกำหนดอัตราการยืมของผู้ใช้เมื่อฝากหลักประกันซึ่งช่วยให้เกิดการกระจายอำนาจแบบก้าวหน้าของแพลตฟอร์ม

เซลเซียสใช้ CCIP เพื่อสร้างผลตอบแทนสูงให้กับเงินฝากมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ของผู้ใช้บนแพลตฟอร์ม

สินเชื่อที่จ่ายด้วยตัวเอง (​​Self-Paying Loans)

โปรโตคอลเงินกู้แบบชำระเงินด้วยตนเองเป็นพื้นฐานทางการเงินแบบใหม่บนพื้นที่ DeFi ทำให้ผู้ใช้สามารถฝากสินทรัพย์เป็นหลักประกันและยืม/ผลิตสินทรัพย์สังเคราะห์เพื่อให้มีเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้น หลักประกันที่ฝากไว้จะถูกส่งไปยังโปรโตคอลเพื่อสร้างผลตอบแทน ซึ่งผลตอบแทนจะถูกใช้เพื่อชำระหนี้โดยอัตโนมัติเมื่อเวลาผ่านไป ทำให้เกิดสถานะการกู้ยืมที่มีประสิทธิภาพด้านเงินทุนสูง

ตัวอย่างหนึ่งของการนำพื้นฐานระบบการเงินนี้มาใช้คือ Alchemix โปรโตคอลเงินกู้แบบชำระเงินเองที่ใช้ Chainlink Price Feeds และ Chainlink Keepers เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับผลตอบแทนล่วงหน้าในอนาคตสำหรับเงินฝากของ DAI และ ETH ฟีดราคาใช้เพื่อออกเงินกู้ในราคาตลาดที่ยุติธรรม และช่วยให้มั่นใจว่าผู้ใช้ยังคงรักษาอัตราส่วนการค้ำประกันที่ดีอย่างสม่ำเสมอ Keepers ถูกใช้เพื่อกระตุ้นการเก็บเกี่ยวใน vault และการล้าง vault ในแต่ละวัน ทำการชำระหนี้อัตโนมัติและจัดสรรเงินฝากใหม่เข้าใน Yearn Finance เพื่อสร้างผลตอบแทน

Alchemix ใช้ Chainlink Price Feeds ในการดำเนินงานสินเชื่อที่ชำระเงินเอง

Circuit Breaker

ในช่วงที่มีความผันผวนสูงเป็นพิเศษ ราคาของสินทรัพย์บนการแลกเปลี่ยน cryptocurrency ไม่อาจสะท้อนให้เห็นถึงราคาทั้งตลาด สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การสูญเสียเงินทุนให้กับนักค้ากำไร (arbitrageurs) หรือผู้ใช้ที่ได้รับการชำระบัญชีอย่างไม่ถูกต้องเนื่องจากต่ำแหน่ง leveraged ที่พวกเขาได้เปิดไว้ เหตุการณ์ดังกล่าวลดความไว้วางใจของผู้ใช้ในการแลกเปลี่ยนและได้รับประโยชน์จากเซอร์กิตเบรกเกอร์ที่เกิดการทริป (trip) จากการเบี่ยงเบนบางอย่างที่เกิดขึ้น

Digitex เป็นตัวอย่างของการแลกเปลี่ยนแบบดั้งเดิมที่ปกป้องผู้ใช้จากการปั่นราคาในตลาดโดยการตรวจสอบค่าความเบี่ยงเบนระหว่างฟีดราคาภายใน (internal price feeds) และ Chainlink Price Feeds เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้ที่ซื้อขายบนแพลตฟอร์ม หากราคาของการแลกเปลี่ยนมีเปอร์เซนต์การเบี่ยงเบนเกินกว่าที่ตั้งไว้จากราคาทั่วทั้งตลาดที่รายงานโดย Chainlink oracles “Circuit Breaker” จะถูกกระตุ้นเพื่อหยุดการซื้อขายและการชำระบัญชีชั่วคราว

การแลกเปลี่ยนแบบกระจายอำนาจ (Decentralized Exchange)

การแลกเปลี่ยนแบบกระจายอำนาจ (DEXs) เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายแบบ on-chain ที่อนุญาตให้ผู้ใช้แลกเปลี่ยน cryptocurrencies ได้โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินเหล่านั้นหรือให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่สถาบันที่รวมศูนย์ เมื่อ DEX ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น กลยุทธ์การซื้อขายแบบดั้งเดิมและคุณสมบัติขั้นสูงที่มีอยู่ในการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์แบบดั้งเดิมที่มีอยู่ในปัจจุบันก็เป็นที่ต้องการและมีความสำคัญมากขึ้นไปด้วย

0x Relayer Bamboo Relay เป็นตัวอย่างของการแลกเปลี่ยนแบบกระจายอำนาจที่ใช้ Chainlink Price Feeds เพื่อใช้งานฟังก์ชัน stop-loss — ฟังก์ชันการซื้อขายแบบมีเงื่อนไขตามการเคลื่อนไหวของราคาของสินทรัพย์ ด้วยข้อมูลตลาดรวมจาก Chainlink คำสั่ง stop-loss ของผู้ซื้อขายแต่ละรายจะถูกดำเนินการก็ต่อเมื่อราคาของสินทรัพย์เกินเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้า เพื่อป้องกันการซื้อขายที่ผิดพลาดจากการถูกปั่นราคาตลาด

Bamboo Relay ใช้ Chainlink Price Feeds เพื่อใช้งานคำสั่ง stop-loss บนโปรโตคอล 0x

ผู้ดูแลสภาพคล่องอัตโนมัติ (Automated Market Makers)

การแลกเปลี่ยนแบบกระจายอำนาจประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คือ Automated Market Maker (AMMs) AMM เปลี่ยนสมุดออร์เดอร์แบบดั้งเดิมเป็น liquidity pools แบบ on-chain ที่อำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ตามสูตรราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ผู้ให้บริการสภาพคล่องจะได้รับผลตอบแทนแบบ passive และ trader สามารถเข้าถึงสภาพคล่องตามความต้องการจากการรวมทุนใน pool

DODO เป็นตัวอย่างของโปรโตคอล AMM ที่ใช้ Chainlink Price Feeds ในการออกแบบ AMM แบบใหม่ที่เรียกว่า Proactive Market Maker (PMM). PMM ของ DODO เลียนแบบพฤติกรรมของผู้ดูแลสภาพคล่องของมนุษย์และรวบรวมเงินทุนได้มากขึ้นให้ใกล้กับราคาตลาดที่รายงานโดย Chainlink เพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อขายที่มีประสิทธิภาพและบ่อยครั้งมากขึ้น

Staking

โปรโตคอลจำนวนมากอาศัยบางรูปแบบของการ staking (การล็อคหลัก cryptocurrency ไว้ในsmart contract) เพื่อรักษาความปลอดภัยเครือข่าย crypto-economic หลักประกันที่ stake ไว้อาจช่วยส่งสัญญาณว่าควรแจกจ่ายรางวัลตามสัดส่วนเท่าใด หรือ “ถูกหักออก” (โปรแกรมไว้ว่าจะถูกริบหากบรรลุเงื่อนไขบางประการเพื่อตัดเหตุจูงใจที่ทำให้เกิดพฤติกรรมที่เป็นอันตราย)

ตัวอย่างเช่น AdEx กำหนดให้โหนดตรวจสอบความถูกต้อง (validator nodes) วางหลักประกันและรักษาความพร้อมใช้งาน AdEx ใช้ Chainlink oracles เพื่อตรวจสอบเวลาทำงานของโหนดและทริกเกอร์ให้ริบหลักประกันหากโหนดใดๆ มีเวลาทำงานรวมต่ำกว่าเวลาทำงานที่กำหนดไว้ สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าในเครือข่ายมีเพียงผู้ให้บริการโหนดคุณภาพสูงเข้าร่วมอยู่เท่านั้นซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้แพลตฟอร์มทั้งหมด

การปรับฐานใหม่ (Rebasing)

Rebasing เป็นพื้นฐานทางการเงินแบบใหม่ภายใน DeFi ที่เกี่ยวข้องกับการปรับอุปทานของโทเค็นเพื่อรักษาการตรึงราคาไว้กับสินทรัพย์ที่อ้างอิง เช่น ดอลลาร์สหรัฐ หากราคาของโทเค็นสูงกว่าการตรึงระหว่างการปรับฐาน จะมีการ mint โทเค็นออกมาเพิ่มและถูกแจกจ่ายให้กับผู้ถือโทเค็นทั้งหมดตามสัดส่วนโดยมีเป้าหมายในการลดราคาของโทเค็นนั้น ในทางกลับกันหากราคาของโทเค็นต่ำกว่าที่ตรึงไว้ จะมีการเผาโทเค็นจำนวนหนึ่งจากผู้ถือแต่ละรายเพื่อเพิ่มราคาต่อโทเค็น

Ampleforth เป็นตัวอย่างของโปรโตคอลที่ใช้ Chainlink Price Feeds เพื่อใช้งานฟังก์ชันการปรับฐานใหม่ อุปทานทั้งหมดของ AMPL จะถูกปรับฐานใหม่ทุกวันเพื่อติดตามอัตราปัจจุบันของดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index: CPI) ซึ่งเป็นดัชนีจากสำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจ (Bureau of Economic Analysis) เกี่ยวกับมูลค่าปัจจุบันของอัตราเงินเฟ้อฉบับปรับปรุงปี 2019 สำหรับเงินดอลลาร์สหรัฐ ทั้งราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักตามปริมาณของ AMPL และดัชนี CPI จะถูกมอบให้กับโปรโตคอล Ampleforth โดย Chainlink oracles

Ampleforth ใช้ Chainlink oracles เพื่อปรับฐานอุปทานโทเค็น AMPL ทุก 24 ชั่วโมง

สินทรัพย์ในโลกแห่งความเป็นจริง (Real-World Assets)

ตามที่กล่าวไว้ในบทความการศึกษาล่าสุดของเราเกี่ยวกับการแปลงสินทรัพย์ในโลกจริงเป็นโทเค็น เป็นหนึ่งในกรณีการใช้งานที่มีแนวโน้มมากที่สุดสำหรับเทคโนโลยีบล็อกเชนและ smart contract พวกเขานำทรัพย์สินในโลกแห่งความเป็นจริงมาแปลงเป็นโทเค็นเพื่อใช้เป็นตัวแทนบนบล็อคเชน เมื่อเทียบกับสินทรัพย์แบบดั้งเดิมจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันหลายประการ เช่น สินทรัพย์ที่โทเค็นจะได้รับประโยชน์จากการเข้าถึงได้ทั่วโลก, สภาพคล่องที่ไม่จำเป็นต้องได้รับการอนุญาต, ความโปร่งใสบนเครือข่ายและลดความขัดแย้งในการทำธุรกรรม

การชำระบัญชี (Liquidation)

ตลาดเงินบล็อคเชนมักต้องการการวางหลักประกันที่มากกว่า (overcollateralized) เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้สามารถชำระสินเชื่อได้เมื่อมูลค่าหลักประกันลดลงและ/หรือมูลค่าหนี้เพิ่มขึ้น เพื่อทำให้เงินทุนของผู้ใช้ปลอดภัยอยู่ในตลาด อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก smart contract อยู่ในสภาวะ “หลับ (asleep)” โดยค่าเริ่มต้น การชำระบัญชีจะต้องดำเนินการโดยบุคคลภายนอกเพื่อ “ปลุก (wake up)” สัญญาเพื่อปิดสถานะ (close a position) โดยการชำระหนี้ กระบวนการนี้จำเป็นต้องมีความน่าเชื่อถือสูง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสถานะสินเชื่อที่เป็นภัยถูกสร้างและเปิดทิ้งไว้

Aave เป็นตัวอย่างหนึ่งของโปรโตคอลตลาดเงินที่มีเงินฝากจากผู้ใช้หลายหมื่นล้านดอลลาร์ซึ่งใช้ Chainlink Keepers ในการชำระสถานะผู้ใช้โดยอัตโนมัติ Chainlink Keepers จะตรวจสอบอัตราส่วนการค้ำประกันของสถานะของผู้ใช้ และหากตำแหน่งใดต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าของหลักประกัน (เช่น 150%) เครือข่าย Chainlink Keeper แบบกระจายอำนาจจะเรียกฟังก์ชันการชำระบัญชีและปิดสถานะ แม้ในช่วงที่ตลาดผันผวนอย่างหนักและเครือข่ายบล็อคเชนมีความแออัดสูง

Aave จะใช้ Chainlink Keepers เพื่อทำให้การชำระบัญชีของสินเชื่อที่มีหลักประกันต่ำกว่าเป็นไปโดยอัตโนมัติ

การชำระเงินภายนอก

เป็นเรื่องง่ายสำหรับ smart contract ที่จะเปิดให้ชำระเงินโดยสกุลเงินดิจิทัลดั้งเดิมของบล็อกเชนนั้น เช่น smart contract Ethereum เปิดให้ชำระเงินโดยสกุล ETH อย่างไรก็ตามธุรกิจจำนวนมากไม่สามารถรองรับความเสี่ยงในการถือครองสินทรัพย์สกุลเงินดิจิทัลที่ผันผวนในงบดุลได้ พวกเขายังไม่ต้องการเพิ่มความขัดแย้งในการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลกับสกุลเงิน fiat ที่ต้องการ Smart contracts จำเป็นต้องเข้าถึงตัวเลือกการชำระเงินหลายประเภทเพื่อตั้งค่าการชำระเงินและตอบสนองความต้องการจากทั่วโลกอย่างเพียงพอ Chainlink สามารถอำนวยความสะดวกให้กับบริการชำระเงินที่หลากหลาย ด้วยความสามารถในการส่งผลลัพธ์จาก smart contracts ไปยัง API ภายนอก

Chainlink เชื่อมต่อบล็อคเชนกับโซลูชั่นการชำระเงินภายนอก

การชำระเงินผ่านธนาคาร

Chainlink ช่วยให้ smart contracts เชื่อมต่อกับระบบธนาคารที่มีอยู่ ทำให้นักพัฒนา smart contracts สามารถผสานรวมข้อมูลและบริการต่างๆ เช่น บัญชีธนาคารของผู้บริโภค, การฝากเงินโดยตรง และกระบวนการอื่นๆ จากธนาคารชั้นนำระดับโลกได้อย่างราบรื่น

การชำระเงินปลีก

แอปพลิเคชันสำหรับผู้บริโภคจำนวนมาก เช่น Uber และ AirBnB ให้ผู้ใช้ชำระเงินผ่านการระบบชำระเงินยอดนิยม Chainlink ก็สามารถอำนวยความสะดวกในการใช้งานมาสู่ smart contracts โดยให้การเข้าถึงกับผู้ให้บริการบัตรเครดิตชั้นนำและเครือข่ายการชำระเงินต่างๆ เช่น PayPal และ Stripe นักพัฒนาสามารถเริ่มสร้างแอปพลิเคชันพร้อมกับเอาท์พุตการชำระเงินที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดทั้งในประเทศและต่างประเทศและมีการใช้งานเป็นประจำทุกวันในระบบเศรษฐกิจการค้าปลีก Chainlink มีตัวแปลงภายนอกแบบ pre-built โมดูลาร์แล้วสำหรับระบบชำระเงินปลีกยอดนิยม เช่น PayPal และ Mistertango

การชำระเงินด้วย Cryptocurrency

ขณะนี้ Cryptocurrency กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นแต่มีขีดข้อจำกัดบางประการที่ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ในบางกรณีเนื่องจากขาดการเชื่อมต่อกับ smart contract ชั้นนำ Chainlink ลดช่องว่างนี้และอนุญาตให้แพลตฟอร์ม smart contract สามารถทำการชำระเงินไปยัง ledgers ประเภทอื่น ๆ เช่นการชำระเงินด้วย Bitcoin ที่เกิดจาก Ethereum blockchain นอกจากนี้ Chainlink Price Feed ยังสามารถให้อัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลาที่ทำการโอนหรือ ณ จุดขาย เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้จะได้รับราคาตลาดที่ยุติธรรมในลักษณะที่ป้องกันการแทรกแซง

Alchemy และ Paycoin เป็นตัวอย่างของแพลตฟอร์มการชำระเงิน crypto และ fiat แบบไฮบริดที่ใช้ Chainlink Price Feeds เพื่อกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนต่างๆ ทำให้ผู้ใช้สามารถชำระเงินด้วย cryptocurrencies ที่หลากหลายในขณะที่ร้านค้ายังคงได้รับรูปแบบการชำระเงินที่ต้องการ

เงินเดือนพนักงาน

ความไม่มีประสิทธิภาพในเกือบทุกอุตสาหกรรมมักเกิดจากความล่าช้าในการชำระเงินแก่พนักงานและผู้รับเหมา Smart contracts ที่ขับเคลื่อนด้วย Chainlink สามารถโปรแกรมเพื่อแจกจ่ายการชำระเงินให้กับพนักงานแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าทางบัญชีสำหรับนายจ้าง ตลอดจนให้พนักงานเข้าถึงค่าจ้างที่ได้รับในทันที

Transak ผู้รวบรวมการซื้อขายระหว่าย crypto และ fiat (Fiat on/off-ramp aggregator) ได้อธิบายวิธีการทำงานโดยใช้ API การติดตามการทำงานอย่าง WakaTime เพื่อกระตุ้นการจ่ายเงินให้กับนักพัฒนาอย่างเป็นประจำต่อเนื่อง นอกจากนี้ Chainlink Price Feed สามารถใช้ในการคำนวณจำนวนที่แน่นอนของรายได้ crypto ที่จะแจกจ่าย โดยคงมูลค่า USD ไว้ต่อการจ่ายเงิน

การโอนเงิน

การโอนเงินเป็นเรื่องปกติธรรมดาในโลกยุคโลกาภิวัตน์นี้ แม้จะมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแต่ก็ยังเป็นอุตสาหกรรมที่ช้าและมีราคาแพง โปรเจ็กต์ DLT หลายโครงการมีเป้าหมายที่จะขัดขวางอุตสาหกรรมการโอนเงิน และ Chainlink oracles สามารถให้ข้อมูลที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศไปยัง smart contracts รวมทั้งเปิดใช้งานการฝากโดยตรงเมื่อโอน

NFTs การเกม และการสุ่ม

ในขณะที่ DeFi เป็นตลาด smart contract ที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน นักพัฒนาต่างสร้างให้ป้องกันการโกงได้มากขึ้นและสามารถแจกจ่ายรางวัลในเกมในรูปแบบของคริปโตได้ ลักษณะเฉพาะอย่างหนึ่งของเกมบล็อคเชนคือความสามารถในการสร้างโทเค็นจากไอเท็มหายากในเกม (ส่วนใหญ่เป็น NFT) เนื่องจากบล็อคเชนสามารถพิสูจน์ถึงความหายากของไอเท็มได้อย่างชัดเจน ในขณะที่ผู้พัฒนาเกมเองหรือหน่วยงานภายนอกสามารถหาประโยชน์ให้ตนเองได้จากการสร้างไอเท็มหายากเหล่านี้ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการรับรองคุณค่าของเกม เป็นสาเหตุที่ Chainlink พัฒนาฟังก์ชันสุ่มที่ตรวจสอบได้ (Verifiable Randomness Function: VRF) Chainlink VRF เป็นแหล่งที่มาของการสร้างเลขสุ่ม (Random Number Generation: RNG) ที่ปลอดภัยและพิสูจน์ได้ ทำหน้าที่สร้างการพิสูจน์การเข้ารหัส (cryptographic proofs) แบบ on-chain เพื่อพิสูจน์ให้ผู้ใช้เห็นว่าการสุ่มไม่ได้ถูกดัดแปลง

รูปแบบสุ่มที่ยุติธรรมที่พิสูจน์ได้ของพวกเขานำความน่าเชื่อถือมาสู่ความหายากของไอเท็มต่างๆ โดยเปิดใช้สิ่งต่าง ๆ เช่น โลกเสมือนจริง metaverses ซึ่งสามารถใช้โทเค็นไอเท็มในหลายๆ เกมได้ การสุ่มที่ตรวจสอบได้นั้นมีความสำคัญอย่างมากต่อการสร้างความยุติธรรมที่ชัดเจนสำหรับแอปพลิเคชันการพนันที่ถูกกฎหมาย ตัดความจำเป็นที่ต้องเชื่อเจ้ามือที่กำลังบอกความจริงเกี่ยวกับอัตราต่อรองของพวกเขา นอกจากนี้ Chainlink VRF สามารถแจกจ่ายของรางวัลจากกิจกรรมให้แก่ผู้เข้าร่วมโดยไม่ลำเอียง หรือเลือกผู้เข้าร่วมสู่กิจกรรมที่ไม่เป็นที่นิยมอย่างเป็นธรรมเช่น ทำหน้าที่คณะลูกขุน นอกเหนือจากการสุ่มแล้วตัวเกมต่างๆ จะได้รับประโยชน์จากชุดข้อมูลจำนวนมาก เช่น ข้อมูลเหตุการณ์จากโลกแห่งความเป็นจริงเพื่อเพิ่มฟังก์ชัน/การจัดอันดับในเกม, อัตราแลกเปลี่ยนเพื่ออำนวยความสะดวกในตลาด NFT, ข้อมูล IoT เพื่อเชื่อมต่อโลกทางกายภาพบนเครือข่าย และอื่นๆ อีกมากมาย

การสุ่มรางวัลและ NFTs

ไอเท็มในเกมเป็นองค์ประกอบสำคัญของเกมส่วนใหญ่ เนื่องจากมันมอบพลังพิเศษหรือคุณลักษณะเฉพาะให้กับผู้ใช้ ไอเท็มในเกมจำนวนมากจะออกให้เป็นโทเค็นที่ไม่สามารถทดแทนได้ (Non-Fungible Tokens: NFT) ซึ่งเป็นโทเค็นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่ซ้ำใครและไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ Chainlink VRF มีบทบาทสำคัญในการสร้าง NFT แบบสุ่มที่พิสูจน์ได้หรือสร้างคุณลักษณะของ NFT เป็นรางวัลสำหรับความสำเร็จในเกมที่กำหนดไว้ล่วงหน้าต่างๆ เช่น การได้รับสกินหายากเมื่ออยู่บน 10 อันดับแรกหลังจากจบเกม

Aavegotchi เป็นตัวอย่างของโปรเจ็กต์เกมออนไลน์บน Polygon sidechain ที่ใช้ Chainlink VRF เพื่อสร้าง Aavegotchi NFTs ที่หายากได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพพร้อมสุ่มเลือกคุณลักษณะเมื่อผู้เล่นเปิด Portals อีกตัวอย่างหนึ่งคือ Ether Legends เกมการ์ดสะสมดิจิทัลที่ใช้ Chainlink VRF เพื่อสุ่มแจกรางวัล NFT หายากที่ได้รับการสนับสนุนจากคริปโตให้กับผู้เล่นระดับสูงเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล เกมยอดนิยม dApp Axie Infinity เพิ่งประกาศว่าพวกเขากำลังใช้ Chainlink VRF เพื่อสร้างลักษณะสุ่มที่พิสูจน์ได้สำหรับ Origin Axies จักรวาลสัตว์เลี้ยงดิจิทัลในเกม

Ether Legends ใช้ Chainlink VRF เพื่อสร้างและสุ่มแจก NFT ที่ได้รับการสนับสนุนจากคริปโต

NFT แบบไดนามิก (Dynamic NFTs)

NFT แบบไดนามิคขยายตามแนวคิดของ NFT โดยทำให้โทเค็นดังกล่าวสามารถพัฒนาและเปลี่ยนแปลงได้เมื่อเวลาผ่านไปตามที่กำหนดโดยเหตุการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริงหรือการสุ่มที่ตรวจสอบได้โดย Chainlink oracles เมื่อเทียบกับ NFT แบบปกติซึ่งจะไม่เปลี่ยนแปลงหลังจากสร้างเสร็จ Dynamic NFT สามารถเปลี่ยนแปลงความหายากและประโยชน์ต่างๆ เมื่อเวลาผ่านไป โดยมอบประสบการณ์การเล่นเกมแบบสะสม NFT

Trey Mancini ดาราจาก MLB และ LaMelo Ball NBA Rookie แห่งปี เป็นสองตัวอย่างของนักกีฬาที่สร้าง Dynamic NFTs ที่ขับเคลื่อนโดย Chainlink oracles บน Ethereum blockchain ก่อนหน้านี้ในอดีตมี NFTs ของการ์ดเบสบอล limited-edition แบบดิจิทัลใช้ Chainlink VRF เพื่อมอบหมายเอกลักษณ์พิเศษให้กับ NFT ในลักษณะยุติธรรมที่ตรวจสอบยืนยันได้ โดยรายได้จากการขาย NFT ทั้งหมดจะนำไปวิจัยโรคมะเร็ง ถัดมา NFTs จะอัปเกรดเมื่อเวลาผ่านไปตามประสิทธิภาพของผู้เล่นในโลกแห่งความเป็นจริง เช่น โทเค็น EVOLVE ถูกเปิดใช้งานเมื่อ LaMElo Ball ได้รับเลือกให้เป็น NBA Rookie of the Year

NFT ของ Trey Mancini ใช้ Chainlink VRF เพื่อสุ่มกำหนดคุณสมบัติเพิ่มเติม

การเล่นเกมแบบสุ่ม

ความคาดเดาไม่ได้เป็นหนึ่งในจุดเด่นของเกมสนุก ๆ ความตื่นเต้นที่ไม่รู้ถึงด่านถัดไปหรือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นทำให้เกิดความสงสัย การวางแผน และความท้าทาย นักพัฒนาสามารถใช้ Chainlink VRF เพื่อรับรองความสมบูรณ์แบบของเหตุการณ์ที่คาดเดาไม่ได้ สถานการณ์การเล่นเกมบางสถานการณ์อาจรวมถึงการสร้างแผนที่, การโจมตีที่สำคัญ (เกมต่อสู้), การจับคู่ (เกมที่มีผู้เล่นหลายคน), ลำดับการจั่วการ์ด และการสุ่มคู่ต่อสู้/เหตุการณ์แบบสุ่ม

Smart contracts ใช้งาน Chainlink VRF เพื่อใช้การสุ่มสำหรับทั้งอินพุตและเอาต์พุต

ตลาดการทำนายผล

ตลาดการทำนายผลเป็นสถานที่ที่นักลงทุนสามารถเก็งกำไรจากการทำนายเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในโลกในโลกจริง ด้วยธรรมชาติของตลาดการทำนายผลโดยใช้บล็อคเชนที่อาศัยข้อมูลภายนอกเพื่อจัดการผลลัพท์ Chainlink สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลภายนอกแบบกระจายอำนาจและป้องกันการแทรกแซงที่ทำให้เกิดตลาดการทำนายได้และสามารถการจ่ายเงินให้กับผู้ชนะ ชุดข้อมูลความความน่าจะเป็นบางส่วนรวมถึงผลการแข่งขันกีฬา ผลการเลือกตั้งทางการเมือง และแผนงานที่สมบูรณ์ของ Cryptocurrency/การคาดการณ์ราคา รวมถึงการทำนายผลทุกประเภทที่มีการเดิมพันอยู่ทั้งสองฝั่ง

Everipedia สารานุกรมที่ใช้บล็อคเชน เพิ่งเปิดใช้งาน Chainlink เพื่อถ่ายทอดผลการเลือกตั้งแบบ on-chain เพื่อตั้งตลาดการทำนายผล Everipidia ดำเนินการโหนด Chainlink oracle และส่งข้อมูลที่ลงนามด้วยการเข้ารหัสลับจาก The Associated Press เกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2020 ไปยัง Ethereum blockchain ซึ่งถูกใช้โดยตลาดการทำนายบนเครือข่ายเช่น YieldWars

โหนด Chainlink ของ Everpedia เพิ่งส่งผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2020 แบบ on-chain โดยใช้ข้อมูลที่ลงนามโดย The Associated Press

เกมออมทรัพย์ไม่ขาดทุน (No-Loss Savings Games)

ความก้าวหน้าในการปรับแต่ง DeFi ได้นำไปสู่แอปพลิเคชั่นที่เป็นนวัตกรรม เช่น เกมออมทรัพย์ที่ไม่ขาดทุนคือ dApp ที่รวมเงินฝากของผู้ใช้และปล่อยให้ยืมในตลาดเงินแบบกระจายอำนาจเพื่อเพิ่มดอกเบี้ย หลังจากกรอบเวลาที่กำหนดผู้ชนะจะถูกเลือกเพื่อรับดอกเบี้ยสะสมทั้งหมดจากพูล หลังจากเลือกผู้ชนะแล้วผู้ใช้ทุกคนสามารถถอนเงินฝากเดิมได้โดยไม่ขาดทุน

ตัวอย่างนี้คือ PoolTogether เกมออมเงินแบบประกันเงินต้นบนเครือข่ายที่ใช้ Chainlink VRF เพื่อเลือกผู้ชนะรางวัลแต่ละรางวัล ด้วยการใช้แหล่งสุ่มบนเครือข่ายที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ เนื่องจากมีความน่าเชื่อถือมากและมีความเป็นธรรมในการสุ่ม ผู้ใช้จึงไว้วางใจในแพลตฟอร์มเกมออมทรัพย์แบบไม่ขาดทุน

PoolTogether ใช้ Chainlink VRF เพื่อสุ่มเลือกผู้ชนะในเกมออมทรัพย์ที่ไม่ขาดทุน

กีฬาและอีสปอร์ต

Smart contract เสริมสร้างการดำเนินการเดิมพันกีฬาออนไลน์ให้สมบูรณ์มากขึ้น โดยเครือข่าย oracle แบบกระจายอำนาจของ Chainlink สามารถตรวจสอบผลการแข่งขันกีฬาได้โดยการรวบรวมข้อมูลจากเว็บ API ที่เชื่อถือได้ Smart contracts เหล่านี้ (โดยปกติจะอยู่ในรูปแบบของตลาดการทำนายผล) สามารถคาดการณ์ผลการแข่งขันได้จากผลการแข่งขันนัดก่อน ประสิทธิภาพของผู้เล่นแต่ละคน หรือแม้แต่บางสิ่งที่ดูเหมือนจะไม่สำคัญอย่างการโยนเหรียญเริ่มต้นของเกม ยิ่งไปกว่านั้นตลาดการทำนายผลของ eSports ยังสามารถดึงข้อมูลเกมและออกอากาศแบบ on-chain เพื่อตัดสินผู้ชนะ

ตัวอย่างหนึ่งของตลาดการพนันกีฬาที่ใช้บล็อคเชนคือ Augur ซึ่งใช้ Chainlink oracles บน Polygon sidechain ที่มีปริมาณงานสูงเพื่อขับเคลื่อนตลาดการทำนายอย่าง Turbo ผู้ใช้สามารถคาดเดาผลลัพธ์ของหัวข้อต่างๆ ได้มากมาย รวมถึงการแข่งขันกีฬาต่างๆ ใน NBA, MLB, MMA และ Olympics ที่มีการตัดสินอย่างรวดเร็วหลังจากตลาดปิดโดยใช้เครือข่าย oracle แบบกระจายอำนาจซึ่งให้ข้อมูลคุณภาพสูงจากโลกแห่งความเป็นจริง

Augur ใช้ Chainlink Data Feeds เพื่อขับเคลื่อน Turbo ตลาดการทำนายของ Augur

การประกันภัย

อุตสาหกรรมประกันภัยในปัจจุบันดำเนินงานในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ ผู้ถือกรมธรรม์มีแรงจูงใจที่จะโกหกเกี่ยวกับประวัติดีในการสมัครประกันเพื่อลดการลดหย่อนเบี้ยประกันรายเดือน และบริษัทประกันมีแรงจูงใจที่จะชะลอการชำระเงินและปรับราคาขึ้นสำหรับบัญชีกรมธรรม์ที่เสี่ยงต่อการทำให้เข้าใจผิด เนื่องจากบริษัทประกันภัยมีหน้าที่ดำเนินการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนและมีเงินทุนมากกว่าผู้ถือกรมธรรม์ พวกเขาจึงมีอำนาจมากในการตัดสินใจวิธีจ่ายสินไหมทดแทนและเมื่อใดจะจ่ายสินไหมทดแทน Smart contract ที่ขับเคลื่อนด้วย Chainlink จะเปลี่ยนสัญญาประกันไปสู่รูปแบบที่เป็นรูปธรรมและเป็นกลางมากขึ้น โดยที่ข้อมูลจะเป็นตัวกำหนดผลลัพธ์และการดำเนินการโดยตรง และไม่มีการแทรกแซงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ประกันภัยพาราเมตริก

บริษัทประกันภัยแบบดั้งเดิมสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อคเชนในการสร้างข้อตกลงประกันภัยแบบพาราเมตริกที่อิงตาม smart contract ขั้นสูง ซึ่งมีคำสั่งเรียกการจ่ายเงินโดยอัตโนมัติตามข้อมูลในโลกแห่งความเป็นจริงซึ่งจัดส่งโดยเครือข่าย oracle แบบกระจายอำนาจ ด้วยการลดการพึ่งพาผู้ตัดสินชี้ขาดและแก้ปัญหาการชำระเงินล่าช้า จึงสามารถให้ความคุ้มครองแก่ธุรกิจที่หลากหลายขึ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่างๆ ที่มีอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง

ประกันภัยพืชผล

การประกันภัยพืชผลได้รับการพิจารณาว่าเป็นกรณีการใช้งานที่มีแนวโน้มดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ smart contract เนื่องจากมันให้การประกันแก่เกษตรกรในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งพวกเขาไม่สามารถเข้าถึงหรือไม่ไว้วางใจเนื่องจากตลาดประกันภัยอยู่ในท้องถิ่นที่ด้อยพัฒนา ด้วยการให้ทุกคนสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้เข้าถึงและสามารถป้องกันสภาพอากาศที่ไม่คาดฝัน เกษตรกรทั่วโลกสามารถดำรงชีวิตได้โดยไม่ต้องกังวลว่าฤดูฝนที่เลวร้ายอาจทำให้การเงินพังทลายลงได้

ตัวอย่างหนึ่งคือ Arbol โซลูชัน smart contract ที่การครอบคลุมสภาพอากาศที่ใช้ Chainlink oracles เพื่อดึงชุดข้อมูลปริมาณน้ำฝนจาก National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA) ข้อมูลนี้ใช้เพื่อชำระสัญญาประกันพืชผลแบบพาราเมตริกซึ่งให้ความคุ้มครองตามปริมาณน้ำฝนในภูมิภาค

Arbol ใช้ Chainlink oracles เพื่อดึงข้อมูลสภาพอากาศที่ใช้ในการทำสัญญาประกันพืชผลแบบพาราเมตริก

ประกันเที่ยวบิน

รูปแบบแรกสุดของ smart contract การประกันภัยที่จะผ่านไปถึงขั้นตอนการผลิตคือการประกันภัยเที่ยวบิน เนื่องจากตัวแปรต่างๆ ที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น สภาพอากาศและการซ่อมบำรุง เที่ยวบินมักล่าช้า ซึ่งนำไปสู่ความไม่สะดวกสำหรับผู้เดินทางเพื่อธุรกิจ กรมธรรม์ประกันภัยเที่ยวบินช่วยให้นักเดินทางลดต้นทุนค่าเสียโอกาสเหล่านี้ได้จากการจ่ายค่าชดเชยในกรณีที่เกิดความล่าช้า

ตัวอย่างหนึ่งคือ Etherisc โปรโตคอลการประกันแบบกระจายอำนาจที่ใช้ประโยชน์จาก Chainlink oracles เพื่อดึงข้อมูลเที่ยวบินเพื่อยืนยันว่าเกิดความล่าช้าหรือไม่ โดยการขจัดความจำเป็นที่ต้องรอไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ผู้ถือกรมธรรม์จะได้รับการประกันว่าพวกเขาจะได้รับการชำระเงินทันทีหากเที่ยวบินของพวกเขาล่าช้าและสามารถลดต้นทุนในการยื่นเรียกร้องสินไหมทดแทนด้วยตัวเอง

ประกันภัยรถยนต์

ยานพาหนะสมัยใหม่มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ภายในที่หลากหลาย การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และแม้แต่ API ดั้งเดิม Link My Ride ผู้ชนะการแข่งขัน Virtual Hackathon ปี 2020 ของ Chainlink ใช้ประโยชน์จากจุดข้อมูลเหล่านี้เพื่อให้ smart contract ระบุระยะเวลาการเช่า ปลดล็อกประตูรถสำหรับผู้เช่า บันทึกระยะเวลาเช่า คำนวณระยะทางที่ขับ กำหนดประจุแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่และชำระค่าเช่าโดยอัตโนมัติ และใช้ฟังก์ชันเหล่านี้เพื่อสร้างสัญญาเช่ารถยนต์ที่ซับซ้อนสำหรับรถยนต์ Tesla โดยใช้อะแดปเตอร์ภายนอกที่กำหนดเอง เนื่องจาก API ของยานพาหนะมีความซับซ้อนมากขึ้น การประกันภัยรูปแบบใหม่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อรองรับการใช้งานรวมถึงการประกันภัยรถยนต์แบบพาราเมตริกที่เกิดการกระตุ้นจากเซ็นเซอร์การกระแทกจำนวนมากในรถ หรือส่วนลดการประกันภัยตามเมตริก เช่น ระยะทางที่ขับต่อปี

ประกันภัยบ้าน

ปรากฏการณ์ “บ้านอัจฉริยะ (smart home)” ที่กำลังเติบโตนำไปสู่การใช้งานเซ็นเซอร์และระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงที่แจ้งเตือนเจ้าของบ้านและบริการฉุกเฉินหากเกิดเหตุการณ์ผิดปกติโดยอัตโนมัติ เซ็นเซอร์เหล่านี้สามารถเชื่อมต่อกับ smart contract ผ่าน Chainlink oracles เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ประกันภัยบ้านแบบพาราเมตริก มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับบ้านพักตากอากาศและที่อยู่อาศัยอื่น ๆ ที่ไม่ได้ใช้ตลอดทั้งปี ผลิตภัณฑ์ประกันภัยสามารถต่อสายเพื่อตรวจจับท่อที่ชำรุด แผงโซลาร์ที่ชำรุด หรือแม้แต่การบุกรุกบ้านที่เกิดจากความเสี่ยงของระบบเตือนภัยเอง

ประกันชีวิต

Smart contract ที่มาพร้อมกับข้อมูลเสียง (sound data) สามารถลดต้นทุนและลดข้อพิพาทได้ รวมถึงเร่งเวลาการชำระบัญชี Web API และฐานข้อมูลภายนอกหลายตัวโฮสต์ข้อมูลเพียงพอต่อการพิจารณาว่าการเสียชีวิตเกิดขึ้นหรือไม่และเมื่อใด เช่น ใบมรณะบัตร ข่าวมรณกรรม บันทึกการเผาศพ และรายงานของตำรวจ Chainlink สามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อชำระเงินโดยอัตโนมัติและแจกจ่ายสินทรัพย์ให้กับฝ่ายต่างๆ ที่มีรายชื่ออยู่ในกรมธรรม์ประกันชีวิต ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและเร่งการชำระเงินให้กับผู้ถือกรมธรรม์

ประกันสุขภาพ

เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีชีวภาพและ IoT ที่สวมใส่ได้ (เช่น Smartwatch) บริษัทประกันภัยสามารถสร้าง smart contract ที่เสนอส่วนลดประกันสุขภาพหรือเพิ่มเบี้ยประกันตามข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วย จุดข้อมูลที่เป็นประโยชน์อาจรวมถึงระยะทางที่ออกกำลังหาย (วิ่ง,เดิน) น้ำหนักตัว อัตราการเต้นของหัวใจ และอาจรวมถึงไบโอเมตริกซ์ขั้นสูงในอนาคต Chainlink oracles ยังสามารถระบุความผิดปกติของข้อมูลที่จำเป็นต้องได้รับการปรึกษาขั้นต้นที่เพื่อรักษาราคาของกรมธรรม์ที่ต้องการ

Gran Fondo ผู้เข้าร่วม ETHDenver 2019 Hackathon ใช้ Chainlink oracles เพื่อนำข้อมูลการประทับเวลา (time-stamped data) ของ GPS จากอุปกรณ์สวมใส่ IoT แบบ on-chain เพื่อสร้างการแข่งขันกีฬา on-chain และจ่ายเงินเป็น ETH สามารถใช้ข้อมูลเดียวกันนี้เพื่อสร้างสัญญาประกันสุขภาพที่กำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยตามจำนวนการออกกำลังกายภายในระยะเวลาหนึ่งตามที่บันทึกไว้โดยอุปกรณ์สวมใส่ IoT ที่เชื่อมต่อเข้ากับ Chainlink

ประกันภัยทางทะเล

ความไม่แน่นอนของสภาพอากาศนำไปสู่สภาพมหาสมุทรที่คาดเดาไม่ได้ เช่น ระดับน้ำต่ำหรือสูง อาจส่งผลให้สูญเสียเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์จากการปิดช่องทางเดินเรือหลักชั่วคราว Smart contract สามารถใช้ Chainlink oracles เพื่อเชื่อมต่อกับเซ็นเซอร์ต่างๆ ในโลกแห่งความเป็นจริงเพื่อออกประกันภัยแบบพาราเมตริกครอบคลุมความคุ้มครองที่หลากหลาย เช่น การละลายของสินค้าแช่แข็งระหว่างการขนส่ง ความเสียหายต่อเรือ หรือการจัดส่งล่าช้าเนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่คาดฝัน

ตัวอย่างหนึ่งคือโปรเจ็ค Hackathon หนึ่งที่มีเป้าหมายเพื่อประกันภัยให้ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าในกรณีที่มีการปิดเส้นทางเดินเรือหลักที่มีผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในกรณีที่น้ำลดลงหรือเพิ่มขึ้นเหนือระดับปัจจุบันที่กำหนดไว้ที่จะนำไปสู่การปิดทางน้ำ Chainlink oracles ที่เชื่อมต่อกับเซ็นเซอร์ระดับน้ำจะเรียกการจ่ายเงินประกันโดยอัตโนมัติ

การประกันภัยต่อ

ความสามารถในการรับเสียงภัยไว้เองของบริษัทมีจำกัดการประกันภัยเป็นอุตสาหกรรมที่ยากมากแม้แต่กับผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ เนื่องจากกรมธรรม์จำนวนมากเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงทั้งสิ้นเช่น ในกรณีภัยพิบัติบริษัทประกันภัยอาจไม่สามารถครอบคลุมสัญญาที่ผูกพันไว้ทั้งหมดได้เนื่องจากความสามารถในการรับเสี่ยงภัยไว้เองของบริษัทมีจำกัดและนำไปสู่การผิดนัด ด้วยเหตุนี้หลายบริษัทจึง “รับประกันต่อ” สำหรับผู้เอาประกันภัยเฉพาะรายเพื่อลดความเสี่ยงในกรณีที่ไม่สามารถครอบคลุมและจ่ายเงินตามการเรียกร้องสินไหมทั้งหมดได้

ทางออกหนึ่งที่เป็นไปได้คือการสร้างโทเค็นกรมธรรม์การประกันภัยต่อเป็น smart contract s ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนรายย่อยสามารถสนับสนุนกรมธรรม์การประกันภัยโดยการซื้อเศษส่วนของกรมธรรม์นั้น สามารถใช้ Chainlink oracles ภายในกระบวนการนี้เพื่อระบุมูลค่าปัจจุบันของกรมธรรม์ประกันภัยและกำหนดเส้นทางการชำระเงินประกันให้กับผู้ถือโทเค็น และเรียกการจ่ายเงินประกันโดยอัตโนมัติ

ระบบองค์กร

Smart contracts ทำให้องค์กรมากมายมีโอกาสในการลดต้นทุนและปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำธุรกิจร่วมกันด้วยการลดความเสี่ยงของคู่สัญญา ค่าโสหุ้ยคนกลาง และข้อพิพาทภายนอก อย่างไรก็ตามองค์กรต่างๆ ต้องพิจารณาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว ความสามารถในการปรับขนาด และการเชื่อมต่อ เพื่อใช้ประโยชน์จาก smart contract ได้อย่างเต็มที่และเป็นไปตามข้อกำหนดทางธุรกิจและกฎหมายบางประการ Chainlink ให้ช่องทางแก่องค์กรในการขายข้อมูลและบริการ API ของตนไปยังสภาพแวดล้อมบล็อกเชน และให้การเข้าถึงทางเทคนิคบางอย่าง เช่น การเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวบนเครือข่าย การคำนวณตรรกะของสัญญานอกเครือข่าย ความเป็นส่วนตัวของธุรกรรมบนเครือข่าย และอื่นๆ อีกมากมาย

เลเยอร์นามธรรมของบล็อคเชน (Blockchain Abstraction Layer)

เช่นเดียวกับที่อินเทอร์เน็ตทำหน้าที่เป็นเกตเวย์เดียวในการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หลายเครื่องเข้าด้วยกัน Chainlink ให้ซอฟท์แวร์กลางตัวเดียวแก่องค์กรเพื่อเชื่อมต่อ API ของตนกับทุกสภาพแวดล้อมบล็อกเชน Chainlink เป็น blockchain-agnostic และสามารถรวมเข้ากับบล็อคเชนในปัจจุบันและอนาคตได้ ซึ่งในขณะนี้มี chain ชั้นนำมากมายที่รองรับ Chainlink อยู่แล้ว เช่น Ethereum, Polkadot, Avalanche, Binance Smart Chain, Polygon, Optimism, Arbitrum และอื่นๆ องค์กรต่างๆ สามารถใช้ประโยชน์จากการที่ Chainlink ทำงานอยู่บนเครือข่ายหลักทั้งหมดเป็น “เลเยอร์นามธรรมของบล็อคเชน” ที่ใช้เพื่อให้ระบบที่มีอยู่ของพวกเขา “ใช้งานบล็อคเชนได้” ในทุกเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สิ่งนี้จะช่วยลดการบูรณาการให้เหลือน้อยที่สุด องค์กรไม่ต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ใหม่และสามารถมุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์บล็อกเชนหลักของตนได้ ลดการผูกขาดทางเทคโนโลยี (Vendor lock-in) โดยองค์กรสามารถลดภาระในการเลือกใช้บล็อคเชนที่มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะกลายเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม นอกจากนี้โหนด Chainlink ยังมีข้อได้เปรียบที่สำคัญ เช่น การจัดการคีย์ส่วนตัวที่ปลอดภัย การประมวลผลแบบ off-chain ที่ปลอดภัย ฮาร์ดแวร์ที่ลดขนาดคการต้องการความน่าเชื่อถือ การควบคุมการขออนุญาต และอื่นๆ

องค์กรสามารถใช้ Chainlink oracles เป็น blockchain abstraction layer เพื่อเชื่อมต่อระบบแบ็กเอนด์กับ smart contract ในเครือข่าย DLT ใด ๆ และทั้งหมด

การสร้างรายได้จากข้อมูลและ API

ด้วยความยืดหยุ่นของ Chainlink ช่วยทำให้มั่นใจได้ว่าจะเข้ากันได้กับข้อมูลเดิมที่มีอยู่และโครงสร้างพื้นฐาน API ผู้ให้บริการข้อมูลยังสามารถใช้เลเยอร์นามธรรมบล็อคเชนของ Chainlink (Chainlink’s blockchain abstraction layer) เพื่อขายข้อมูลของตนให้กับ smart contract บนบล็อคเชนใดๆ ซึ่งสามารถทำได้สองวิธี: 1. การขายข้อมูลไปยังเครือข่าย Chainlink หรือ 2. การขายข้อมูลให้ผู้ให้บริการข้อมูลที่มีโหนด Chainlink oracle ของตนเองเพื่อขายข้อมูลไปยังบล็อกเชนโดยตรง

การขายข้อมูลให้กับเครือข่าย Chainlink ทำให้ผู้ให้บริการข้อมูลไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจปัจจุบันของตน ไม่จำเป็นต้องแก้ไขระบบ back-end และสามารถรับชำระเงินเป็นสกุลเงิน fiat ได้ อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ผู้ให้บริการข้อมูลที่เห็นคุณค่าในระบบเศรษฐกิจของ smart contract สามารถเรียกใช้โหนด Chainlink เพื่อส่งข้อมูลที่ลงนาม (โดยใช้ลายเซ็นดิจิทัล) ไปที่ smart contract โดยตรง ทำให้พวกเขามีรายได้เพิ่มขึ้นและสร้างชื่อเสียงในฐานะผู้ให้บริการข้อมูลที่เชื่อถือได้

ผู้ให้บริการข้อมูลสามารถขายข้อมูลของตนให้กับเครือข่าย Chainlink โดยใช้อินเทอร์เฟซ API ที่มีอยู่โดยไม่ต้องแก้ไข และ/หรือสามารถดำเนินการโหนด Chainlink เพื่อส่งข้อมูลที่ลงนามมาจากต้นทาง (origin-signed data) ไปสู่ smart contract

Node-as-a-Service (NaaS)

การใช้งานโหนด Chainlink ช่วยให้ผู้ให้บริการข้อมูลสามารถขายการเชื่อมต่อ API ต่างๆ ของตนกับกรณีการใช้งานที่นำ smart contract ไปใช้ เพื่อลดการทำงานซับซ้อนของของโหนด Chainlink oracle ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานสามารถนำเสนอโซลูชัน Node-as-Service (NaaS) เพื่อที่จะสร้างโหนด Chainlink ใหม่และเชื่อมต่อ API ที่มีอยู่ของผู้ให้บริการข้อมูลกับเครือข่ายบล็อคเชนและยังสามารถใช้งานกับระบบรุ่นเก่ากว่าได้ (backward compatible)

Amazon Web Services (AWS) เป็นตัวอย่างของผู้ให้บริการระบบคลาวด์ชั้นนำที่ร่วมมือกับ Chainlink Labs เพื่อเปิดใช้ AWS Chainlink Quickstart ซึ่งเป็นเวิร์กโฟลว์ในคลิกเดียว (a one-click workflow) สำหรับผู้ให้บริการข้อมูลและทีม DevOps เพื่อเปิดใช้โหนด Chainlink oracle บน AWS Cloud และขายข้อมูลในโลกแห่งความเป็นจริงให้ smart contract ในเครือข่ายบล็อคเชนหลายเครือข่ายอย่างง่ายดาย เฟรมเวิร์กในอนาคตจะช่วยผู้ให้บริการข้อมูลเปิดใช้โหนด Chainlink บน AWS ได้อย่างราบรื่น และช่วยให้พวกเขาสามารถลงนามในข้อมูลด้วยการเข้ารหัสลับและเผยแพร่ไปยังบล็อคเชนต่างๆ ที่สามารถขายให้กับกรณีการใช้งานของ smart contract ได้

แอพพลิเคชั่นไฮบริดคลาวด์/บล็อคเชน

เมื่อ smart contract พัฒนามากขึ้น ความต้องการของแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจขั้นสูงก็เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งต้องใช้การคำนวณที่ซับซ้อนและมีราคาแพงยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถทำได้ในเครือข่าย โซลูชันหนึ่งคือการใช้ oracles เพื่อพิสูจน์การคำนวณแบบออฟไลน์ที่ประมวลผลในสภาพแวดล้อมแบบคลาวด์ที่สามารถปรับขนาดได้มากกว่า แอปพลิเคชันไฮบริดคลาวด์/บล็อกเชนสามารถจะถูกสร้างขึ้นเพื่อกำหนดเส้นทางคำสั่งการคำนวณและ/หรือข้อมูลนอกเครือข่ายสำหรับการประมวลผล รวมทั้งเชื่อมโยงผลลัพธ์กลับคืนสู่เครือข่ายสำหรับการใช้ smart contract โดยใช้ประโยชน์จากความสามารถในการสื่อสารแบบสองทิศทางของ Chainlink

ตัวอย่างคือสภาพอากาศของ NOAA ที่โฮสต์บน Google Cloud ซึ่งทำงานอยู่บน Etheruem blockchain โดยใช้ Chainlink oracles ด้วยการผสานรวมนี้ smart contract สามารถเข้าถึงข้อมูลสภาพอากาศคุณภาพสูง (อุณหภูมิ ปริมาณน้ำฝน ลูกเห็บ ฯลฯ) เพื่อขับเคลื่อนข้อตกลงการประกันภัยพืชผลแบบพาราเมตริกอย่างเช่นที่ Arbol เสนอให้

ข้อมูลสภาพอากาศของ NOAA ที่โฮสต์บน Google Cloud ถูกนำเข้าสู่เครือข่ายโดยใช้ Chainlink oracles

แบบสอบถามข้อมูลการรักษาความเป็นส่วนตัวและการจัดการข้อมูลประจำตัว

สำหรับองค์กรและสถาบันหลายแห่ง ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นข้อกำหนดที่เข้มงวดแทนเพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับด้านกฎระเบียบ เช่น GDPR Chainlink กำลังพัฒนาโซลูชันสำหรับความท้าทายนี้ผ่านการเข้าซื้อกิจการ DECO เทคโนโลยี oracle ที่รักษาความเป็นส่วนตัวที่สร้างขึ้นโดยทีม Ari Juels ของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์

DECO อนุญาตให้ข้อมูลทั้งหมดที่ส่งผ่าน HTTPS/TLS ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนใหญ่ของโลก ได้รับการรับรองโดย oracles อย่างเป็นความลับ โดยที่ข้อมูลจะไม่ถูกเปิดเผยบนเครือข่าย (ไม่เคยออกจากฐานข้อมูล off-chain) และไม่มีการดัดแปลงใด ๆ บนเซิร์ฟเวอร์ที่โฮสต์ข้อมูลนอกเครือข่าย ตัวอย่างเช่น อลิซสามารถใช้ DECO เพื่อพิสูจน์ว่ายอดเงินในบัญชีธนาคารของเธอสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด โดยไม่ต้องเปิดเผยยอดเงินหรือตัวตนของเธอต่อเครือข่ายหรือต่อ oracle เอง การดำเนินการนี้จะเปิดข้อมูลเกือบทั้งหมดของโลกเพื่อใช้บนเครือข่ายขณะที่ยังคงรักษาความลับและข้อตกลงการอนุญาตให้ใช้ข้อมูล

DECO ของ Chainlink ใช้การพิสูจน์ความรู้ที่เป็นศูนย์ (zero knowledge proofs) เพื่อเปิดใช้งานการใช้ข้อมูลความลับภายใน smart contract โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลบนเครือข่ายหรือต่อ oracles

ความเป็นส่วนตัวในการทำธุรกรรมบนเครือข่าย

นอกเหนือจากความเป็นส่วนตัวของการป้อนข้อมูลแล้ว องค์กรจำนวนมากต้องการความเป็นส่วนตัวของตรรกะของสัญญาและผลลัพธ์ด้วย Chainlink ได้พัฒนาวิธีการใช้ oracles เพื่อมอบความเป็นส่วนตัวในการทำธุรกรรมแบบ on-chain สำหรับ smart contract DeFi ผ่านโซลูชันที่เรียกว่า Mixicles. Mixicles ทำหน้าที่แยกอินพุตข้อมูล on-chain ออกจากเอาต์พุตการชำระเงินแบบ on-chain โดยใช้ oracle เป็นสะพานเชื่อมระหว่างส่วนประกอบทั้งสองและตัวผสมธุรกรรม (transaction mixer) แทนที่จะส่งข้อมูลดิบแบบ on-chain Chainlink oracles จะโพสต์การแสดงจำนวนเต็มที่มีความหมายต่อผู้เข้าร่วมสัญญาเท่านั้น (เช่น 1 หรือ 2 ตามตารางตัวอย่างด้านล่าง) จากนั้นมิกเซอร์จะนำอินพุตจำนวนเต็มนั้นไปดำเนินการจ่ายเงินให้กับฝ่ายที่ถูกปกปิด แต่ยังคงสร้างรายงานการตรวจสอบแบบ on-chain สำหรับผู้ใช้เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ โปรโตคอล Mixicles สามารถบรรลุความเป็นส่วนตัวได้หลายชั้น เช่น การปกปิดเงื่อนไขของสัญญา แหล่งข้อมูลที่ใช้ มูลค่าที่แท้จริงของเงินทุนภายในสัญญา และผู้ที่ได้รับการชำระเงิน (ในแง่ของความสัมพันธ์กับอินพุต)

การคำนวณนอกเครือข่ายแบบเป็นส่วนตัว

Chainlink ปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันในเชิงลึกเพื่อความปลอดภัย โดยที่ผู้ใช้จะได้รับการรับประกันที่หลากหลายเนื่องจากมีการรักษาความปลอดภัยหลายชั้น โซลูชันอื่นที่ Chainlink พัฒนาขึ้นคือ Town Crier ซึ่งเป็นโปรโตคอลของ oracle ที่ใช้ฮาร์ดแวร์เพิ่มเติมในรูปแบบของสภาพแวดล้อมการดำเนินการที่เชื่อถือได้ (trusted execution environment: TEE) เพื่อให้เกิดการประมวลผลแบบ off-chain ที่เป็นส่วนตัว

Town Crier ใช้ oracle ที่ใช้ TEE (โดยเฉพาะ Intel SGX) เพื่อเปิดใช้งาน Chainlink oracle nodes เพื่อทำการคำนวณข้อมูลขั้นสูงภายในสภาพแวดล้อมกล่องดำที่ข้อมูลไม่สามารถรั่วไหลได้ แม้แต่กับตัวดำเนินการโหนดเองก็ตาม Town Crier สามารถรักษาความลับของข้อมูลและให้การคำนวนที่สมบูรณ์ เปิดกรณีการใช้งาน Oracle ใหม่ เช่น การจัดการคีย์ส่วนตัวสำหรับการชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัล หรือรับรองการเข้าสู่ระบบของผู้ใช้สำหรับการยืนยันตัวตน

Town Crier ของ Chainlink ใช้ Intel SGX เพื่อเปิดใช้งานการรักษาความลับของข้อมูลนอกเครือข่ายและความสมบูรณ์ของการคำนวณ

การคำนวณ Soladity

ปัจจุบันมีการนำ Smart contrct ไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง จึงมีความต้องการโซลูชันการปรับขนาดที่ใช้งานได้จริงเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มปริมาณงานและลดเวลาแฝงของแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ ในขณะที่ยังคงรักษาความปลอดภัยในชั้นพื้นฐานที่เกี่ยวกับเงินทุนของผู้ใช้ไว้ โดยทั่วไปแล้ว โซลูชันการปรับขนาดเลเยอร์ 2 เหล่านี้จำเป็นต้องมีโหนดตัวตรวจสอบความถูกต้องแบบ off-chain ตั้งแต่หนึ่งโหนดขึ้นไป ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการทำธุรกรรมแบบแบตช์ (batching transactions) และให้การตอบสนองที่รัดกุมในชั้นพื้นฐานของระบบตามความจำเป็น

โหนด oracle ของ Chainlink รองรับการคำนวณและสามารถทำหน้าที่เป็นตัวตรวจสอบความถูกต้องสำหรับโซลูชันเลเยอร์ 2 เช่นสำหรับ Arbitrum Rollups ของ Off-chain Lab โหนด Chainlink สามารถดำเนินการคำนวณ Arbitrum ของฟังก์ชัน Solidity, สร้างหลักฐานต่อการฉ้อโกง, และวางหลักประกัน LINK เพื่อสนับสนุนบริการของพวกเขาโดยไม่มีการปรับเปลี่ยนใดๆ ผลลัพธ์ที่ได้คือสามารถใช้ oracle สำหรับการคำนวณ Solidity แบบ off-chain ที่ปรับขนาดได้ไม่ใช่แค่สำหรับการป้อนข้อมูลเท่านั้น

Layer 2 ของ Arbitrum Rollup chains สามารถดำเนินการและตรวจสอบโดย Chainlink oracles เพื่อสร้างแอปพลิเคชัน smart contract ที่มีความสามารถในการปรับขนาดสูงและมีการรักษาความปลอดภัยด้วยการพิสูจน์การฉ้อโกงและการเข้ารหัสลับ

ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน Oracle Nodes

บล็อกเชนต้องการเครือข่ายกระจายอำนาจของผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน เช่น เครื่องมือตรวจสอบความถูกต้อง, ซีเควนเซอร์ (sequencers), ทรานส์โค้ดเดอร์ (transcoders), และออราเคิล ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานแบบดั้งเดิม เช่น บริษัทโทรคมนาคมหรือผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตสามารถสนับสนุนเครือข่าย Chainlink และเพิ่มรายรับจากการให้บริการโหนด Chainlink oracle โดยตรง ด้วยการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ภายในองค์กร ผู้ให้บริการดังกล่าวสามารถให้บริการ Oracle ที่มีความน่าเชื่อถือสูงและสร้างรายได้จากการเติบโตของระบบนิเวศ smart contract แบบไฮบริด

T-Systems MMS บริษัทในเครือของ Deutsche Telekom (ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของยุโรป) ดำเนินการโหนด Chainlink oracle และให้ข้อมูลตลาดการเงินแก่แอปพลิเคชัน DeFi ชั้นนำจำนวนมาก เนื่องจากความต้องการ smart contract ที่เชื่อมต่อในระดับสากลยังคงเพิ่มขึ้นจึงมีโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมอื่นๆ เริ่มเปิดตัวและใช้งานโหนด Chainlink ไปด้วย

“T-Systems MMS ให้ข้อมูลที่เชื่อถือได้ในโลกแห่งความเป็นจริงแก่ผู้ใช้เครือข่าย Chainlink และแอพพลิเคชั่นที่กระจายอำนาจ (dApps) บน Ethereum ด้วยการใช้งานโหนด Chainlink เพื่อสนับสนุนวิสัยทัศน์ของบล็อคเชนสาธารณะในการเป็นพื้นฐานแก่กรณีการใช้งานจำนวนมาก เช่น Decentralized Finance ( เดฟี่)” –T-Systems MMS

T-Systems MMS บริษัทย่อยของ Deutsche Telekom ดำเนินการโครงสร้างพื้นฐาน Chainlink oracle และให้บริการข้อมูลและเหตุการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริงแก่ smart contract

สรุปการชำระเงิน Cryptocurrency ผ่านการออกใบแจ้งหนี้

เมื่อพิจารณาถึงความแปลกใหม่ ความผันผวน และความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล/โทเค็น องค์กรบางแห่งจึงลังเลที่จะถือและจัดการกับสกุลเงินดิจิทัลเป็นการส่วนตัว และด้วยโครงสร้างพื้นฐานบล็อคเชนส่วนใหญ่ที่ต้องใช้สกุลเงินดิจิทัลเพื่อดำเนินการ การนำไปใช้ในองค์กรจึงยังไม่เป็นที่ยอมรับหรือแม้กระทั่งถูกปิดกั้นโดยสิ้นเชิง Chainlink oracles สามารถแก้ไขปัญหาโดยการใช้เทคนิคการออกใบแจ้งหนี้ทั่วไปที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันเพื่อให้สามารถจ่ายเงินให้กับผู้ให้บริการในสกุลเงิน fiat ได้ ซึ่งจะระบบจัดการการชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัลเอง แทนที่จะต้องรอระบบกฎหมายที่มักจะช้าในการแก้ปัญหาและให้องค์กรเริ่มอุ่นเครื่องกับแนวคิดนี้

โปรเจ็กต์ LINK Gas Station จาก Hackathon ใช้แนวคิดของ Meta-Transactions ซึ่งค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมของ blockchain จะถูกแยกออกมาและจ่ายโดยผู้ส่งต่อ (relayer) ถูกนำไปใช้กับ Chainlink โดยใช้ผู้ส่งต่อบุคคลที่สาม (third-party relayers) จัดการความเป็นเจ้าของโทเค็นยูทิลิตี้ LINK และ ETH ซึ่งทั้งสองอย่างนี้จำเป็นสำหรับการชำระเงินสำหรับการคำนวณ Ethereum และรับบริการข้อมูล Chainlink oracle โดยการทำเช่นนี้ ความรับผิดและความซับซ้อนของการเป็นเจ้าของสกุลเงินดิจิทัลจะเปลี่ยนจากองค์กรและไปยังผู้ส่งต่อที่เลือก ส่งผลให้เกิดกระบวนการที่องค์กรสามารถชำระใบแจ้งหนี้เป็นเงิน fiat และเข้าถึงระบบนิเวศแบบกระจายอำนาจทั้งหมดได้ ที่สำคัญ องค์กรต่างๆ ยังคงสามารถควบคุมคีย์ส่วนตัวที่เข้ารหัสที่จำเป็นสำหรับการลงชื่อออกจากธุรกรรมได้อย่างเต็มที่

ข้อมูลภายนอกสำหรับ Baseline Protocol

Baseline Protocol เป็นเฟรมเวิร์กสำหรับการซิงค์ระบบการบันทึกข้อมูลขององค์กรโดยใช้ Ethereum mainnet เป็นกรอบอ้างอิงทั่วไป Baseline ใช้การพิสูจน์ความรู้ที่เป็นศูนย์ (zero-knowledge proofs)เพื่อให้แน่ใจว่าฐานข้อมูลขององค์กรที่แตกต่างกันจะถูกเก็บไว้ในสถานะที่สอดคล้องกัน (ชุดระเบียนเดียวกัน) กับคู่สัญญาโดยไม่เปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับบนเครือข่าย

Chainlink oracles เป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้แน่ใจว่า Baseline กำลังใช้อินพุตข้อมูลภายนอกเดียวกันสำหรับเหตุการณ์ใดๆ ตัวอย่างเช่น ใบสั่งซื้อแบบไดนามิกสามารถใช้ประโยชน์จาก Chainlink oracles เพื่อดึงข้อมูลสภาพอากาศรวม (จากหลายแหล่ง) เกี่ยวกับอุณหภูมิของสินค้าที่จัดส่ง ราคาต่อสินค้าในใบสั่งซื้อสามารถอัปเดตโดยอัตโนมัติตามอุณหภูมิ เช่น กล้วยที่มีการกำหนดราคาแบบไดนามิกตามสภาพอากาศ ความสามารถของ Chainlink ในการสร้างความสอดคล้องกันในการป้อนข้อมูลจากภายนอกสร้างความสอดคล้องระหว่างคู่ค้าทางธุรกิจ, ลดความขัดแย้งและการประนีประนอม

ข้อตกลงหลายฝ่ายที่ใช้ Baseline Protocol สามารถใช้ Chainlink oracles เพื่อดึงข้อมูลและเหตุการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริงที่ผ่านการตรวจสอบซ้ำซ้อน

Bootstrap Legacy System Security

ตามที่ระบุไว้ในเอกสาร Whitepaper Chainlink จะใช้ข้อตกลงระดับบริการ (service level agreements: SLAs) และการ staking เพื่อสร้างการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมในการรับประกันความปลอดภัยด้านเศรษฐกิจสำหรับบริการของ oracle SLA ซึ่งมีอยู่ในเครือข่ายและลงนามโดยทั้งสองฝ่าย กำหนดเงื่อนไขของบริการ oracle และบทลงโทษ/รางวัลที่ออกตามประสิทธิภาพการทำงานของ oracle ผลลัพธ์ของ SLA สามารถป้อนเข้าสู่ระบบชื่อเสียง ซึ่งผู้ใช้ในอนาคตสามารถประเมินความน่าเชื่อถือของโหนดได้ องค์กรที่รัน Chainlink Node ของตนเองสามารถใช้ SLA ที่ได้รับการสนับสนุนจากการ Stake เพื่อเริ่มใช้งานข้อมูลและบริการนอกเครือข่ายต้นที่น่าเชื่อถือและปลอดภัย มีการบังคับให้พวกเขามีส่วนได้เสียที่แท้จริงรวมถึงชื่อเสียงในสายการผลิตหากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ ซึ่งช่วยให้องค์กรและผู้ให้บริการข้อมูลสามารถให้การรับประกันได้สำหรับกระบวนการอัตโนมัติ เช่น smart contrcts โดยไม่ต้องสร้างระบบแบ็กเอนด์ใหม่ทั้งหมด

ห่วงโซ่อุปทาน

ห่วงโซ่อุปทานเริ่มต้นจากการจัดหาวัสดุและสิ้นสุดด้วยการส่งมอบสินค้าไปยังลูกค้าปลายทาง ตลอดเส้นทางจะประกอบไปด้วยการโอนเงิน การเปลี่ยนแปลงความเป็นเจ้าของ พิธีการทางศุลกากร การกำกับดูแลด้านกฎระเบียบ และเอกสารที่แชร์ระหว่างคู่สัญญา Smart contracts เสนอวิธีการทำให้กระบวนการเหล่านี้เป็นวิธีการอัตโนมัติเพื่อลดความเสี่ยงของความขัดแย้งและคู่สัญญาในการค้าโลก Chainlink oracles สามารถเชื่อมต่อ smart contracts ของห่วงโซ่อุปทานกับเว็บ API, เครือข่ายคลาวด์ และเซ็นเซอร์ต่างๆ ในโลกแห่งความเป็นจริง เช่น GPS, อุณหภูมิ, ความเร็ว, ความเร่ง, ความชื้น, ความส่องสว่าง และอื่นๆ ข้อมูลนี้สามารถใช้เพื่อกระตุ้นการชำระเงินและการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างฝ่ายต่างๆ ซึ่งไม่สามารถถูกแทรกแซงได้จากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง กรอบการทำงานดังกล่าวก่อให้เกิดแหล่งข้อมูลสีทอง (golden source of truth) แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่ามาก

การติดตาม RFID

ห่วงโซ่อุปทานกำลังใช้เทคโนโลยี RFID (การระบุความถี่วิทยุ) เพื่อติดตามสินค้าอย่างแพร่หลายมากขึ้น ระบบ RFID เชื่อมต่อรายการสินค้าคงคลังด้วยแท็กที่สามารถตรวจจับได้จากระยะไกลผ่านคลื่นความถี่วิทยุ ซึ่งช่วยให้สามารถติดตามสินค้าในร้าน พาเลทสำหรับการขนส่ง และวิธีการสินค้าคงคลังทั่วไปอื่นๆ ได้ง่ายดายและมีประสิทธิภาพสูง ด้วย Chainlink oracles ข้อมูล RFID จากโลกแห่งความเป็นจริงสามารถนำมาใช้เพื่อกระตุ้นสัญญาออนไลน์ได้หลากหลาย รวมถึงการเริ่มชำระเงินเมื่อได้รับสินค้า หรือการจ่ายเงินประกันอัตโนมัติสำหรับการจัดส่งที่ล่าช้า

โครงการ Open Library ซึ่งเป็นโครงการที่สร้างขึ้นระหว่าง Chainlink Virtual Hackathon 2020 ใช้ Chainlink oracles เพื่อบูรณาการบล็อกเชน RFID ที่ช่วยให้ผู้ใช้เช็คอินและเช็คเอาท์หนังสือที่ติดแท็ก RFID และบันทึกบนเครือข่ายได้ สร้างแพลตฟอร์มการเช่าหนังสือแบบกระจายอำนาจและไร้ขอบเขต

อุปกรณ์ RFID สามารถเชื่อมต่อกับ smart contracts ได้โดยใช้ Chainlink oracles

IoT Sensors

เซ็นเซอร์ IoT สามารถถูกใช้เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ระหว่างการขนส่งได้รับการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสมตลอดเส้นทางของห่วงโซ่อุปทาน ตัวอย่างเช่น การเก็บอาหารไว้ที่อุณหภูมิหนึ่งและการปิดผนึกภาชนะเพื่อป้องกันการงัดแงะ สามารถใช้ Chainlink เพื่อบูรณาการ IoT เข้ากับบล็อคเชนโดยเชื่อมต่อเซ็นเซอร์ IoT กับ smart contract ที่เรียกการจ่ายเงินและออกค่าปรับ ขึ้นอยู่กับว่าข้อมูล IoT ยืนยันว่ามีการปฏิบัติตามมาตรฐานการควบคุมคุณภาพตามที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในใบสั่งซื้อหรือไม่

ตัวอย่างนี้ของกรณีการใช้งานนี้คือ PingNET เครือข่ายการรับส่งข้อมูลแบบกระจายอำนาจสำหรับอุปกรณ์ IoT ที่ใช้ Chainlink เพื่อเปิดใช้งานการชำระเงินอัตโนมัติระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตามข้อมูลจากพาเลทที่เปิดใช้งาน IoT บน PingNET. PingNet ยังตั้งเป้าที่จะนำข้อมูลเหตุการณ์ IoT อื่นๆ ขึ้นมาอยู่บนเครือข่าย เช่น ความชื้น ระดับความสูง ดัชนี UV การแผ่รังสี และอื่นๆ

พิธีการทางศุลกากร

เมื่อสินค้าถูกจัดส่งไปยังประเทศต่างๆ ที่มีกฎระเบียบที่แตกต่างกัน ส่วนใหญ่มักจะต้องมีการอนุมัติจากหน่วยงานศุลกากรของประเทศผู้รับเพื่อป้องกันการขนส่งสินค้าผิดกฎหมายหรืออันตราย สัญญาการเงินการค้าจำนวนมากจำเป็นต้องเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้เพื่อกำหนดสถานะของการจัดส่งในแบบเรียลไทม์ พวกเขายังต้องการข้อมูลเกี่ยวกับการผ่านพิธีการทางศุลกากรเนื่องจาก smart contract ทำให้ข้อตกลงดังกล่าวเป็นไปโดยอัตโนมัติ Chainlink oracles สามารถให้ข้อมูลนี้โดยตรงอย่างรักษาความเป็นส่วนตัว ทำให้สามารถดำเนินการตามสัญญาการเงินการค้าระหว่างประเทศแบบ end-to-end ได้อย่างอัตโนมัติ

ใบตราส่งสินค้า ใบแจ้งหนี้ และกรมธรรม์ประกันภัย

การค้าระหว่างประเทศส่วนใหญ่ประกอบด้วยเอกสารหลักสามฉบับ: ใบตราส่ง (Bill of Lading) — ออกโดยผู้ขนส่งเพื่อรับทราบถึงสินค้าที่ต้องขนส่ง, ใบกำกับสินค้า (Invoice) — ออกโดยผู้ขายให้กับผู้ซื้อเกี่ยวกับรายละเอียดของธุรกรรมการขาย และนโยบายการประกันภัย (Policy of Insurance) — สัญญา ระหว่างบริษัทประกันภัยและผู้ถือกรมธรรม์ที่ระบุการเรียกร้องที่บริษัทประกันภัยต้องจ่ายตามกฎหมาย เอกสารเหล่านี้แต่ละฉบับสามารถใช้ประโยชน์จาก oracles ได้ เช่น การสร้าง Bill of Lading โดยตรงจากข้อมูล การจัดหาอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศให้กับใบแจ้งหนี้การชำระเงิน และการให้ข้อมูลการควบคุมคุณภาพ IoT กับนโยบาย on-chain ของสัญญาประกันภัยเพื่อกระตุ้นการจ่ายเงินตามข้อตกลง

สาธารณูปโภค

สาธารณูปโภคต่างๆ เช่น น้ำ พลังงาน และอินเทอร์เน็ตนับเป็นเสาหลักของสังคมยุคใหม่ การจัดการที่มีประสิทธิภาพและการทำงานของสาธารณูปโภคเหล่านี้มีความสำคัญต่อสุขภาพทางสังคมและร่างกาย แต่มักจะต้องพึ่งพาพลวัตทางธุรกิจที่จูงใจได้ไม่ดีและโครงสร้างพื้นฐานที่ล้าสมัย Smart contract นำความทันสมัยมาสู่โครงสร้างพื้นฐานของสาธารณูปโภคของเราโดยการย้ายไปสู่ระบบที่ยุติธรรม อัตโนมัติและเรียลไทม์มากขึ้นโดยใช้เครือข่ายแบบกระจายอำนาจ, ข้อมูลและสิ่งจูงใจด้านเศรษฐกิจเข้ารหัสลับเพื่อบังคับใช้เงื่อนไขดังกล่าว สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ให้บริการสาธารณูปโภคจะได้รับมาตรฐานที่สูงขึ้นและผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลด้านคุณภาพและสถานะของบริการสาธารณูปโภคที่สำคัญได้ดีขึ้น

Chainlink oracles สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายบล็อคเชนกับสาธารณูปโภคต่างๆ

อินเทอร์เน็ต โทรคมนาคม และคลาวด์โฮสติ้ง

สาธารณูปโภคต่างๆ เช่น อินเทอร์เน็ต เคเบิลทีวี และคลาวด์โฮสติ้งจะเรียกเก็บเงินจากลูกค้าตามโครงสร้างราคาที่ตั้งไว้ หากบริการของพวกเขาหยุดทำงานซึ่งจะไม่มีใครรับผิดชอบ บางครั้งทำให้เกิดความสูญเสียทางการเงินจำนวนมากเนื่องจากค่าเสียโอกาส (เช่น Exchange ประสบปัญหาการหยุดทำงานเนื่องจากระบบคลาวด์ขัดข้อง) เซ็นเซอร์ IoT สามารถตรวจสอบเวลาทำงานของสาธารณูปโภค และ Chainlink สามารถป้อนข้อมูลประสิทธิภาพนั้นลงใน smart contract เพื่อคำนวณการชำระเงินรายเดือนหรือชำระเงินคืนโดยอิงจากเวลาหยุดทำงาน

Blocksolid ผู้เข้าร่วม hackathon ETHNewYork 2019 ให้กรณีการใช้งานที่ NGO สามารถทำให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) รับผิดชอบต่อบริการอินเทอร์เน็ตที่ผิดพลาดในภูมิภาคที่กำลังพัฒนา โดยการติดตามเวลาทำงานของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) และใช้ Chainlink oracles เพื่อถ่ายทอดข้อมูลนี้บนเครือข่าย หากตรวจพบการหยุดทำงาน smart contract บนเครือข่ายที่ถือเงินบริจาคจะได้รับการอัปเดตเพื่อป้องกันการถอนออกจาก ISP

พลังงาน

ผู้ให้บริการด้านพลังงานมีหน้าที่รับผิดชอบในการสร้างความมั่นใจว่าโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดของโลกได้รับพลังงานที่จำเป็นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่งพลังงาน สามารถใช้ Chainlink oracles เพื่อป้อนอัตราการบริโภคลงใน smart contract เพื่อกระตุ้นการลงโทษจากการบริโภคเกิน เรียกเก็บภาษี CO2 และให้ราคาพลังงานในปัจจุบันเพื่อสร้างค่าไฟฟ้าอย่างเป็นธรรมและอนุญาตให้ชำระเงินในสกุลเงินต่างๆ smart contract สามารถอ่านค่าจากมาตรวัดอัจฉริยะเพื่อสร้างรายได้จากผลผลิตของใครบางคน ติดตามการบริโภค และอำนวยความสะดวกในการจ่ายเงินระหว่างคนทั้งสอง

Dipole ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายพลังงานบนบล็อกเชน วางแผนที่จะใช้ Chainlink Price Feeds เพื่อเปิดใช้งานการซื้อขายแบบออนไลน์และการประเมินมูลค่าสินทรัพย์พลังงาน จากนั้นผู้ใช้สามารถซื้อแหล่งพลังงานโดยสกุล fiat หรือสกุลเงินดิจิทัลด้วยอัตราแลกเปลี่ยนที่กำหนดโดยฟีดราคาแบบกระจายอำนาจของ Chainlink

น้ำ

แม้ว่ามักจะถูกมองข้ามไปก็ตาม โครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยให้มั่นใจว่าก๊อกน้ำที่บ้านยังทำงานได้นั้นได้รับการตรวจสอบอย่างหนักเพื่อควบคุมคุณภาพและความน่าเชื่อถือ เซ็นเซอร์ IoT สามารถตรวจสอบตารางน้ำ ติดตามการบริโภคขององค์กร และระบุการสูบน้ำที่ผิดกฎหมายของหน่วยงานสาธารณะ Chainlink สามารถดึงข้อมูลจากข้อมูล IoT นี้ไปยัง smart contract เพื่อออกค่าปรับตามกฎระเบียบ สร้างใบแจ้งหนี้การบริโภค เรียกชำระเงินอัตโนมัติ อัปเดตฐานข้อมูลการติดตามอุปทาน หรือแม้กระทั่งเรียกเงินทุนฉุกเฉินไปยังเมืองที่เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วม

การปล่อยมลพิษและการจัดการของเสีย

การปล่อยมลพิษและการกำจัดของเสียเป็นอุตสาหกรรมที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วย smart contract ที่เปิดใช้งาน IoT ซึ่งสามารถวัดผลลัพธ์และประสิทธิภาพได้อย่างแม่นยำ ผ่าน Chainlink oracles ข้อมูลนี้สามารถใช้เพื่อกระตุ้นการชำระเงินโดยอัตโนมัติไปยังหน่วยงานที่ควบคุมสำหรับการบริโภคเกิน สร้างรายได้จากการรีไซเคิลขยะหรือใช้เทคโนโลยีแปลงของเสียเป็นเชื้อเพลิง หรือสร้างโครงสร้างการชำระเงินจูงใจที่ลดค่าขยะเมื่อมีคนบริโภคน้อยลงหรือใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพมากขึ้น

การอนุญาตและการระบุตัวตน

ในขณะที่เครือข่ายบล็อคเชนที่เปิดใช้งาน smart contract นั้นสามารถทำงานได้โดยปิดบังตัวตนได้อย่างแท้จริง แต่ผู้ใช้บางส่วนต้องการการระบุตัวตนเพื่อพิสูจน์ตัวตนในชีวิตจริงของพวกเขาเพื่อสร้างความมั่นใจต่อการต้านทาน Sybil-resistance และ/หรือการอนุญาตต่างๆ โครงสร้างพื้นฐานข้อมูลแบบดั้งเดิมที่มีข้อมูลประจำตัวผู้ใช้ (เช่น ฐานข้อมูลของรัฐบาล โซเชียลมีเดีย ฯลฯ) สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน smart contract ได้ผ่าน Chainlink oracles ไม่ว่าจะโดยการผูกข้อมูลประจำตัวของผู้ใช้กับที่อยู่บนเครือข่ายหรือยืนยันข้อมูลในระบบนอกเครือข่าย สิ่งนี้ทำให้แน่ใจได้ว่าสถาบันต่างๆ สามารถรักษาการปฏิบัติตามกฎระเบียบได้อย่างสมบูรณ์และให้การรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมอีกชั้นหนึ่งผ่านการจัดการกับข้อมูลประจำตัว

ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ (E-signatures)

ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์กลายเป็นวิธีที่นิยมมากขึ้นในการรับลายเซ็นบนเอกสารและมีการปรับปรุงกระบวนการลายเซ็นให้ทันสมัยและช่วยให้บริษัทต่างๆ หลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายราคาแพงในการขอรับลายเซ็นจริงที่เขียนด้วยลายมือ เนื่องจากลายเซ็นเป็นวิธีที่ใช้กันทั่วไปในการอนุมัติสัญญา จึงมีความจำเป็นที่ Chainlink oracles ให้ smart contract เข้าถึงบริษัทชั้นนำด้านลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ เช่น DocuSign

Chainlink สามารถให้ประโยชน์แก่อุตสาหกรรมลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ได้สองวิธี ได้แก่ การรับรองลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ / การส่งต่อบนเครือข่าย หรือการจัดหาโซลูชันลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ที่มีอยู่พร้อมการเข้าถึงข้อมูลภายนอก เป็นวิธีทำให้โซลูชันสัญญาของพวกเขามีไดนามิกมากขึ้น FirmaChain เป็นโซลูชันลายเซ็นดิจิทัลและการทำสัญญาบนบล็อคเชน กำลังใช้ Chainlink oracles เพื่อให้สัญญาดิจิทัลของพวกเขาดำเนินการตามข้อมูลและเหตุการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริง เช่น การตรวจสอบความถูกต้องของใบขับขี่ก่อนอนุมัติการเช่ารถ อีกตัวอย่างหนึ่งคือ EthSign ซึ่งเป็นกรอบการตกลงสัญญาอัตโนมัติที่ผู้ใช้สามารถกำหนดแหล่งข้อมูลนอกเครือข่ายผ่าน oracles ของ Chainlink รวมถึงกระตุ้นเงื่อนไขอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ไบโอเมตริกซ์

อีกวิธีหนึ่งที่ตรวจสอบได้ในการอนุญาต smart contract คือการใช้ข้อมูลไบโอเมตริกซ์ เช่น ลายนิ้วมือหรือการสแกนตาม่านตา เนื่องจากไบโอเมตริกซ์สามารถระบุตัวตนได้เฉพาะบุคคลจึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการตรวจสอบตัวตนของบุคคล ตราบใดที่มีฐานข้อมูลหรือแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้ในการอ้างอิง Chainlink oracles สามารถส่งข้อมูลไบโอเมตริกซ์ไปยัง smart contract และเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลนอกเครือข่ายที่แตกต่างกันเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง

Chainlink oracles สามารถเชื่อมต่อ smart contracts กับข้อมูลไบโอเมตริกซ์ได้

ข้อมูลประจำตัว

ด้วยการใช้ฮาร์ดแวร์ที่เชื่อถือได้และ/หรือการเข้ารหัสขั้นสูง Chainlink oracles สามารถจัดการข้อมูลบัญชีส่วนตัวของระบบและแอปพลิเคชันภายนอกได้อย่างปลอดภัย ซึ่งช่วยให้ smart contracts ตรวจสอบข้อมูลรับรองได้โดยตรง เช่น หากมีผู้มีเงินเพียงพอต่อจำนวนหนึ่งที่กำหนดไว้หรือมีคีย์ความปลอดภัย (security key) เฉพาะ เมื่อ oracles ของ Chainlink ถ่ายทอดการยืนยันแบบ on-chain smart contract สามารถกระตุ้นการดำเนินการและการชำระเงินของเงินทุนได้ การนำข้อมูลประจำตัวมาใช้ในเครือข่ายยังมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการตรวจสอบอินพุตก่อนที่จะแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ที่มีค่า

KYC/AML

สถาบันที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อคเชนและเทคโนโลยี smart contract มักต้องการโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่ามีการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างครบถ้วนในเรื่องที่เกี่ยวกับ Know Your Customer (KYC) และกฎหมายต่อต้านการฟอกเงิน (Anti-Money Laundering: AML) สิ่งนี้ต้องใช้ oracle ภายนอกเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนและประวัติการโอนเงินทั้งหมด

Coinfirm เป็นตัวอย่างหนึ่งของบริษัทวิเคราะห์บล็อคเชนที่ใช้ Chainlink oracles เพื่อนำข้อมูลจากโซลูชันการต่อต้านการฟอกเงิน (AML) มาอยู่บนเครือข่าย นี่เป็นโซลูชัน Plug-and-play สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเพิ่มความสอดคล้องกับแอปพลิเคช้นต่างๆ บนเครือข่ายผ่านการตรวจสอบแบบเรียลไทม์โดยเครือข่าย oracle นอกจากนี้ CipherTrace ได้เปิดตัวบริการ oracle ที่สอดคล้องกับ DeFi บน Chainlink เพื่อให้ DEX และแอปพลิเคชัน DeFi อื่น ๆ ปฏิบัติตามข้อกำหนดและบทลงโทษของ Office of Foreign Assets Control (OFAC) โดยการให้ข้อมูลการปฏิบัติตามที่ลงนามในแหล่งที่มาบนเครือข่าย

CipherTrace เปิดตัวโหนด oracle ของ Chainlink เพื่อนำข้อมูล AML ไปใช้ในเครือข่าย

ตัวตนของโซเชียลมีเดียและชื่อโดเมน

Blockchains ยังอยู่ในช่วงการเรียนรู้ที่สูงชันสำหรับคนจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการจัดการกับที่อยู่เลขฐานสิบหกแบบยาว เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้มีการใช้ oracle เพื่อช่วยเปลี่ยนที่อยู่ฐานสิบหกให้เป็นชื่อที่มนุษย์สามารถอ่านได้ เช่น “chad.crypto”

ตัวอย่างหนึ่งคือ Unstoppable Domains ซึ่งเป็นที่เก็บชื่อโดเมนแบบ on-chain โดยใช้ Chainlink oracles เพื่อเชื่อมโยงบัญชี Twitter ของผู้ใช้กับที่อยู่แบบ on-chain ที่มนุษย์สามารถอ่านได้ในลักษณะที่ตรวจสอบได้และโปร่งใส ซึ่งช่วยให้ทุกคนตรวจสอบได้ว่าโดเมนบล็อคเชนนั้นเชื่อมโยงกับบัญชีโซเชียลมีเดียของผู้ใช้ก่อนที่จะส่งเงินให้

Unstoppable Domains ใช้ Chainlink oracles เพื่อให้ผู้ใช้สามารถผูกข้อมูลประจำตัวบน Twitter แบบ off-chain กับชื่อโดเมน Ethereum แบบ on-chain

ผลการตรวจสอบสัญญาอัจฉริยะ

เพื่อให้มั่นใจในความสมบูรณ์และการทำงานที่ถูกต้องของแอพพลิเคชั่น smart contract นักพัฒนาอาจต้องการตรวจสอบว่าโปรโตคอลได้ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยอหลายครั้งก่อนที่จะตกลงโอนเงินทุนไป เมื่อใช้ oracle ผู้ใช้สามารถรับผลการตรวจสอบได้โดยตรงบนเครือข่ายและเมื่อใดก็ได้ สามารถเปิดการใช้งานแบบอัตโนมัติเช่น การตรวจสอบอัตโนมัติก่อนทำธุรกรรมที่มีมูลค่าสูง หรือเมื่อทำหน้าที่เป็นผู้รับฝากทรัพย์สินที่เชื่อถือได้สำหรับกองทุนของผู้ใช้รายอื่น

บริษัทความปลอดภัยทางไซเบอร์ Hacken ใช้ Chainlink oracles เพื่อนำข้อมูลความปลอดภัยเกี่ยวกับการตรวจสอบ smart contract, ​การทดสอบการเจาะระบบในการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์, ค่าหัวบั๊ก และอื่นๆ มาอยู่บนเครือข่าย Smart contracts สามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อป้องกันการโต้ตอบกับSmart contracts ที่เป็นอันตรายและ/หรือยังไม่ได้ตรวจสอบ

Hacken ใช้ Chainlink oracles เพื่อนำรายงานการตรวจสอบความปลอดภัยไปใช้ในแอพพลิเคชั่น smart contract

ความปลอดภัยของบัญชี

การตรวจสอบสิทธิ์แบบสองปัจจัย (Two-factor authentication: 2FA) เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ผู้ใช้สามารถใช้เพื่อรักษาความปลอดภัยบัญชีออนไลน์ของตน ซึ่งเป็นการตรวจสอบเพิ่มเติมอีกชั้นหนึ่งนอกเหนือจากชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน การรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาขึ้นนี้จะป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับการอนุญาต ตลอดจนป้องกันการโอนเงินโดยไม่ต้องมีการตรวจสอบยืนยันหลายครั้ง Smart contracts สามารถใช้งานฟังก์ชัน 2FA ผ่าน Chainlink oracles เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ที่ถือครองสกุลเงินดิจิทัลโดยตรง

Digital Bridge เป็นโปรเจ็กต์ตัวอย่างที่ใช้ Chainlink oracles เพื่อนำการรักษาความปลอดภัย 2FA มาสู่ Smart contracts บน Matic Network ด้วยการเชื่อมต่อกับบริการ 2FA API authentication ที่มีความพร้อมใช้งานสูง Chainlink ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างกลยุทธ์การป้องกันที่ซับซ้อนสำหรับเงินทุนในเครือข่ายของตน, ป้องกันการโอนเงินโดยไม่ได้รับอนุญาตแม้ในกรณีที่คีย์ส่วนตัวของพวกเขาถูกขโมย

Digital Bridge ใช้ Chainlink oracles เพื่อเปิดใช้งาน Smart contracts ที่มีการรักษาความปลอดภัยโดย 2 Factor Authentication services

ทรัพย์สินทางปัญญา

ทรัพย์สินทางปัญญาทุกประเภท ตั้งแต่ลิขสิทธิ์ เช่น ลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้า ไปจนถึงค่าธรรมเนียมใบอนุญาตสำหรับสิทธิบัตรสามารถถูกเปลี่ยนเป็น Smart contracts ได้โดยใช้ Chainlink ตรวจสอบฐานข้อมูล IP เพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของ, ตรวจสอบข้อมูลรับรอง (credentials) นอกเครือข่ายก่อนการเข้าถึง IP และอำนวยความสะดวกในการชำระเงินจากผู้ใช้ไปยังเจ้าของ IP Smart contracts ยังสามารถแปลงการเป็นเจ้าของ IP บางส่วนเป็นโทเค็นและแบ่งการชำระเงินตามเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งของบุคคล องค์กรขนาดใหญ่เช่น Microsoft และ EY ได้แสดงให้เห็นว่านี่เป็นโซลูชันที่ใช้งานได้จริงซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานได้อย่างมากในกระบวนการจัดการสิทธิ์และลิขสิทธิ์

เงินบริจาค

เทคโนโลยีโอเพนซอร์ซกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ซึ่งได้รับประโยชน์จากโครงการเงินรางวัลที่กว้างขวางยิ่งขึ้นเพื่อจูงใจให้มีส่วนร่วม อย่างไรก็ตามการตรวจสอบงานของผู้เข้าร่วมและการชำระเงินให้กับพวกเขายังเป็นกระบวนการแบบแมนนวลซึ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นและทำให้ไทม์ไลน์การจ่ายเงินล่าช้า สามารถใช้ Chainlink oracles เพื่อติดตามการมีส่วนร่วมในที่เก็บรหัสสาธารณะ (public code repositories) เช่น Github และเลิกใช้ระบบสัญญาเพื่อชำระเงินรางวัลเมื่อกรณีการใช้งานผ่านการทดสอบที่กำหนดไว้ล่วงหน้าโดยไม่มีข้อผิดพลาด

รัฐบาล

แม้ว่าสังคมอาจไม่เห็นด้วยกับประเด็นต่าง ๆ แต่ความคิดริเริ่มที่คนส่วนใหญ่สามารถทำได้คือการสร้างความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และประสิทธิภาพของรัฐบาล บล็อกเชนทำให้สังคมมีโครงสร้างพื้นฐานใหม่สำหรับติดตามและดำเนินการตามกระบวนการของรัฐบาล, Smart contracts มีรั้วป้องกันการแทรกแซงจากวิธีการที่รัฐบาลได้รับอนุญาตให้ดำเนินการ และ oracle อนุญาตให้ใช้ข้อมูลที่มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการดำเนินการต่างๆ แทนที่จะปล่อยให้การดำเนินการรวมอยู่ที่ส่วนกลาง องค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญที่สุดต่อคุณค่าของ Smart contracts ที่ดำเนินงานภายโดยรัฐบาลคือ oracles เนื่องจากทั้งคู่เป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างโครงสร้างพื้นฐานแบบเดิมกับบล็อคเชนและทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นขั้นสุดท้ายเพื่อดำเนินการตามสัญญา

ระเบียบข้อบังคับ

การใช้ Smart contracts ในองค์กรจะต้องเพิ่มการบังคับกฎระเบียบอัตโนมัติในแบบใหม่ แต่ว่าข้อจำกัดบางอย่างสามารถทำฮาร์ดโค้ด (hardcoded) ลงในโค้ดของ smart contracts ได้เลย รัฐบาลสามารถใช้ประโยชน์จาก oracles ในการดึง metadata จาก smart conrtact หรือต้องการการอนุมัติจากภายนอกจาก oracle ที่ดำเนินการโดยรัฐบาลก่อนที่จะเผยแพร่ธุรกรรม

ตัวอย่างของข้อบังคับกฎระเบียบของ Oracle (Compliance Oracle) ได้ระบุไว้ใน Project Whitney Case Study ที่ริเริ่มโดย Depository and Trust Clearing Corporation (DTCC) ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการทางการเงินหลังการซื้อขายที่ชำระธุรกรรมหลักทรัพย์ส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ตามที่ระบุไว้ในกรณีศึกษาการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ oracle คือ “กฎแบบไดนามิกที่ช่วยให้ผู้จำหน่ายทรัพย์สินและนักลงทุนสามารถรักษาการปฏิบัติตามกฎตลอดวงจรชีวิตหลักทรัพย์โดยการอนุมัติ/ปฏิเสธธุรกรรม เมื่อธุรกรรมได้รับการอนุมัติ บันทึกสต็อกจะได้รับการอัปเดต และการเคลื่อนไหวของโทเค็นจะเกิดขึ้น”

การโหวต

เมื่อพิจารณาจากผลการเลือกตั้งล่าสุด พบว่ามีความต้องการโซลูชันการลงคะแนนเสียงที่ปลอดภัยและป้องกันการทุจริตเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะสร้างความซื่อสัตย์ในกระบวนการเลือกตั้ง แม้ว่าอาจต้องใช้เวลาในการยกเครื่องระบบการลงคะแนนของรัฐบาล นึกภาพง่ายๆ เราสามารถลงคะแนนเสียงบนเครือข่ายได้โดยใช้ private key, oracle สามารถตรวจสอบ ID ของบุคคลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับอนุมัติในลักษณะการรักษาความเป็นส่วนตัวผ่าน DECO และหากตรงกัน การยืนยันจะถูกเผยแพร่บนเครือข่ายซึ่งจะถูกเก็บไว้เป็นบันทึกที่ไม่เปลี่ยนรูปซึ่งทุกคนสามารถตรวจสอบด้วยการเข้ารหัสลับได้ สิ่งนี้นำไปสู่การสร้างประชาธิปไตยที่ยั่งยืนมากขึ้นผ่านการลงคะแนนเสียงที่ป้องกันการแทรกแซงซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ

โฉนด/ใบอนุญาต/ใบรับรอง

สามารถใช้ Smart contracts เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความซื่อสัตย์ในการออกใบรับรอง ใบอนุญาต และโฉนดของรัฐบาล สามารถใช้ Oracles เพื่อสร้างใบรับรองด้วยตนเองมากขึ้น เช่น การใช้ DECO เพื่อตรวจสอบข้อมูลประจำตัวของบุคคลก่อนที่จะส่งเอกสารโทเค็น เช่น ใบอนุญาต การใช้ระบบอย่าง DECO ช่วยให้ Smart contracts สามารถค้นหาชุดแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ในลักษณะที่รักษาความเป็นส่วนตัว กระบวนการอัตโนมัติดังกล่าวสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลได้หลายพันล้านดอลลาร์

ความยั่งยืน

การเกษตรปฏิรูป

Smart contracts แบบไฮบริดที่รวมรหัสบนเครือข่ายและข้อมูลในโลกแห่งความเป็นจริงจากเซ็นเซอร์ IoT และข้อมูลดาวเทียมสามารถนำไปใช้เพื่อสร้างระบบจูงใจ (incentivization systems) ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ โปร่งใสและเป็นอัตโนมัติ ซึ่งจะให้รางวัลแก่บุคคล บริษัท และรัฐบาลโดยตรงสำหรับการมีส่วนร่วมในแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนและต่อสู้กับทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและบรรเทาผลกระทบต่างๆ ซึ่งอาจรวมถึงการสร้างโทเค็นชดเชยคาร์บอน เกษตรกรรมเชิงปฏิรูป และแม้แต่การติดตามการบริโภคเพื่อให้รางวัลแก่ผู้ที่อยู่ในแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน

แคมเปญ Green World เป็นตัวอย่างหนึ่งของโปรเจ็กต์ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้ smart contract แบบไฮบริดเพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกิดการปฏิรูปเกษตรกรรมในโครงการปลูกป่าทดแทนด้วยความร่วมมือจาก IC3 และได้รับทุนสนับสนุนจาก Chainlink Community Grant โปรแกรมนี้ใช้ข้อมูลการสำรวจระยะไกลผ่านดาวเทียมที่ป้อนโดย Chainlink oracles เพื่อให้รางวัลแก่เกษตรกรที่ช่วยปลูกป่าในพื้นที่เสื่อมโทรม แผนการของพวกเขาคือการปลูกต้นไม้ทั้งหมดพันล้านต้นและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาพของเกษตรกรในภูมิภาคที่กำลังพัฒนาและให้รางวัลแก่เกษตรกรที่ลดการปล่อยคาร์บอน

วิธีที่ AIRS สร้างแรงจูงใจให้กับเกษตรกรรมเชิงปฏิรูปโดยใช้ข้อมูลดาวเทียม, Oracles ของ Chainlink และ Smart contracts แบบไฮบริด

ภาพถ่ายดาวเทียมและโดรน

ด้วยการพัฒนาขั้นสูงขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ไม่ยากเกินที่จะจินตนาการถึงอนาคตที่ใช้ภาพถ่ายดาวเทียมร่วมกับเครือข่าย IoT และโดรนเพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมภายนอกอย่างโครงการก่อสร้าง โดยปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) สามารถวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ และอ้างอิงกับโครงการที่ผ่านมาแล้วเพื่อกำหนดเปอร์เซ็นต์ความสมบูรณ์ของโครงการ Chainlink oracles สามารถถ่ายทอดข้อมูลนั้นไปยัง Smart contracts แบบ on-chain เพื่อจ่ายเงินตามความสำเร็จให้กับบริษัทก่อสร้าง แก้ปัญหาสำคัญในเรื่องกระแสเงินสดที่ล่าช้าสำหรับบริษัทที่ดำเนินโครงการขนาดใหญ่และใช้เวลานาน

ระหว่างการสนทนาข้างกองไฟระหว่าง Ari Juels หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ Chainlink Labs และ Sergey Nazarov ผู้ร่วมก่อตั้ง Chainlink คุณ Ari ได้พูดคุยถึงงานแรกของเขากับนักศึกษาปริญญาเอก Sishan Long ในโครงการที่ชื่อว่า AIRS: Automated Incentives for Reforestation Stewardship AIRS ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงจูงใจในการดูแลสิ่งแวดล้อมโดยรับข้อมูลดาวเทียม (ความสามารถในการดักจับคาร์บอน, ความสามารถในการกักเก็บคาร์บอน, ความสามารถในการซิงค์คาร์บอน ฯลฯ) อย่างสม่ำเสมอ และตรวจสอบสถานะต่างๆ เมื่อเวลาผ่านไปโดยใช้สภาพแวดล้อมการทำงานที่เชื่อถือได้ แนวคิดนี้มีไว้เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ เช่น รัฐบาลและ NGOs ทุ่มเงินลงใน smart contracts ที่จ่ายให้กับผู้รับผิดชอบในการบำรุงรักษาและขยายการกักเก็บคาร์บอนที่สำคัญมากนี้และกระตุ้นให้เกิดแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน

การคำนวณนอกระบบ

การสุ่มที่พิสูจน์ได้ (Verifiable Randomness: VRF)

แอปพลิเคชันต่างๆ บนเครือข่ายไม่สามารถเข้าถึงตัวสร้างตัวเลขสุ่ม (Random Number Generator: RNG) ที่ปลอดภัยได้เนื่องจากคุณสมบัติของเครือข่ายบล็อคเชน การใช้บล็อคแฮช (blockhash) แบบ on-chain อาจส่งผลให้เกิดการแทรกแซงจากผู้ขุด/ผู้ตรวจสอบบล็อคเชนที่ละทิ้งบล็อคที่มีแฮชที่เป็นอันตราย และสามารถ “ทอยลูกเต๋าซ้ำ” ซึ่งจะเปลี่ยนค่า RNG ได้ในท้ายที่สุด โซลูชัน off-chain แบบดั้งเดิมนั้นไม่โปร่งใสและไม่มีหลักฐานว่าค่า RNG ที่สร้างขึ้นนั้นถูกต้องและไม่ถูกแทรกแซงโดยแหล่งข้อมูลหรือโหนด oracle Chainlink Verifiable Random Function (VRF) เอาชนะปัญหาเหล่านี้ได้โดยการจัดหาแหล่งสุ่มที่ปลอดภัยให้กับ Smart Contracts ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยหลักฐานการเข้ารหัสที่ไม่สามารถดูแทรกแซงได้โดยโหนด oracle, ผู้ใช้หรือทีมพัฒนา

Chainlink VRF ทำงานโดยการรวมข้อมูลบล็อกที่ยังไม่ถูกทำให้ปรากฎ (unknown block data) เมื่อมีการร้องขอล่วงหน้าด้วยคีย์ส่วนตัวของโหนด oracle เพื่อสร้างทั้งตัวเลขสุ่มและการพิสูจน์การเข้ารหัส Smart contract ที่ใช้จะยอมรับอินพุตตัวเลขสุ่มที่มีหลักฐานการเข้ารหัสที่ถูกต้องเท่านั้น สิ่งนี้เป็นการรับประกันแบบอัตโนมัติแก่ผู้ใช้และสามารถตรวจสอบได้โดยตรงบนเชนว่าแอปพลิเคชัน smart contracts ที่ใช้ Chainlink VRF ในการสุ่มนั้นยุติธรรมอย่างพิสูจน์ได้ การสุ่มที่ตรวจสอบได้สามารถใช้ได้กับกรณีการใช้งานที่หลากหลาย รวมถึง NFT แบบไดนามิก แอปพลิเคชันเกมออนไลน์ ระบบนอกเครือข่าย และอื่นๆ อีกมากมาย

Chainlink VRF ให้แหล่งสุ่มที่ปลอดภัยแก่ Smart contracts

Keepers

Smart contracts คือชิ้นส่วนของโค้ดที่ทำงานบนบล็อคเชน โดยค่าเริ่มต้นแล้วสิ่งเหล่านี้จะ “หลับอยู่” และต้องทำการ “ปลุก” ด้วยปัจจัยภายนอกบางอย่างเพื่อให้มันทำหน้าที่บนเครือข่ายและเปลี่ยนสถานะของสัญญา Chainlink Keepers แก้ปัญหานี้ให้กับนักพัฒนา smart contracts, แอปพลิเคชันกระจายอำนาจ (dApps) และองค์กรอิสระที่กระจายอำนาจ (DAO) ผ่านเครือข่ายโหนดที่กระจายอำนาจที่เชื่อถือได้และคุ้มค่า ที่สามารถทำให้ฟังก์ชันของ smart contracts ใดๆ ทำงานได้โดยอัตโนมัติและดำเนินการบำรุงรักษาสัญญาตามปกติ

Chainlink Keepers สามารถใช้งานได้กับฟังก์ชัน smart contract ได้หลากหลาย รวมถึงการดำเนินการ limit orders บน DEX, การสร้างโทเค็นใหม่เมื่อมูลค่าสำรองเพิ่มขึ้น, การเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากvaults, การปรับฐานโทเค็นอุปทานที่ยืดหยุ่น, การเรียกใช้กลยุทธ์การซื้อขายอัตโนมัติ, การชำระบัญชีเงินกู้ที่มีหลักประกันต่ำกว่า, การปล่อยโทเค็นการมอบสิทธิ์, การเติมยอดคงเหลือโทเค็นที่ต่ำกว่าเกณฑ์ และอีกมากมาย

โปรโตคอลการทำงานร่วมกันข้ามเครือข่าย (Cross-Chain Interoperability Protocol:CCIP)

บล็อคเชนใดบล็อคเชนหนึ่งไม่สามารถเข้ามาครอบงำตลาด Smart contract ทั้งหมดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงข้อจำกัดของปริมาณงาน ความแตกต่างด้านเขตอำนาจของผู้ตัดสิน และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของเครือข่ายต่างๆ จักรวาลแบบ multi-blockchain ดังกล่าวหมายความว่า บล็อคเชนต้องสื่อสารข้ามกัน แต่เนื่องจากคุณสมบัติด้านความปลอดภัยของบล็อคเชนไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลบนเครือข่ายบล็อคเชนอื่น ๆ ได้ ซึ่งเป็นปัญหาที่คล้ายคลึงกันมากกับปัญหาของ oracle เราสามารถใช้ Chainlink oracles เพื่อเชื่อมช่องว่างนี้โดยการอ่านข้อมูลบนบล็อคเชนหนึ่งและเขียนผลลัพธ์ในอีกรูปแบบหนึ่งเพื่อกระตุ้นการโต้ตอบข้ามเครือข่ายบางประเภทและ/หรือเพียงแค่การทำธุรกรรมบนเชนที่ร้องขอข้อมูล

Cross-Chain Interoperability Protocol (CCIP) เป็นมาตรฐานโอเพ่นซอร์สที่จะให้โซลูชันการส่งข้อความข้ามเครือข่ายที่ปลอดภัย กระจายอำนาจ และขยายขนาดได้ ซึ่งจะทำให้ smart contract บนเครือข่ายบล็อคเชนต่างๆ สามารถส่งข้อความ โอนโทเค็น และเริ่มดำเนินการข้ามเครือข่ายบล็อคเชนอื่น ๆ ได้ นอกเหนือจากการส่งข้อความทั่วไประหว่างเชนแล้ว CCIP ยังช่วยสร้างสะพานข้ามสายโซ่ได้ เช่น การใช้งานอ้างอิง Programmable Token Bridge ซึ่งช่วยให้สามารถโอนโทเค็นพร้อมกับคำสั่งไปยังเครือข่ายบล็อคเชนอื่น ๆ

Cross-Chain Interoperability Protocol (CCIP) ช่วยสร้างสะพานข้ามระหว่างเครือข่ายได้

บริการจัดลำดับยุติธรรม (Fair Sequencing Services: FSS)

แม้ว่า oracles ของ Chainlink มักจะเป็นที่รู้จักในด้านความสามารถในการดึงและส่งข้อมูลจากโลกจริงไปสู่บนเครือข่ายในลักษณะที่เชื่อถือได้และปลอดภัย พวกเขายังสามารถดำเนินการคำนวณนอกเครือข่าย รวมถึงการเรียงลำดับธุรกรรม การพัฒนา Fair Sequencing Services (FSS) ของ Chainlink ช่วยให้แอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจสามารถลดมูลค่าของ Miner Extractable Value (MEV) ได้ โดยทำให้แน่ใจว่าการสั่งทำธุรกรรมจะไม่ถูกแทรกแซงโดย miners ซึ่งเป็นวิธีการดูดมูลค่าออกจากผู้ใช้งาน นอกจากนี้ด้วยการป้องกัน front-running attacks, ค่าก๊าซจะลดลงอย่างมากและ DEX มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น (เช่น การซื้อขายจะถูกยกเว้นตามกฎที่ยุติธรรมกว่า เช่น การมาถึงใน mempool)

Chainlink Fair Sequencing Services ช่วยให้สามารถจัดลำดับธุรกรรมได้อย่างยุติธรรม เพื่อลดปัญหาที่เกิดจากมูลค่าที่ขุดได้ (MEV)

ราคาก๊าซบล็อคเชน

เพื่อป้องกันการโจมตีของสแปม ธุรกรรมบนบล็อคเชนที่เปิดใช้งาน smart contract นั้นต้องการค่าธรรมเนียมก๊าซใน native token เพื่อชำระค่าใช้จ่ายให้ miners ใช้ในการตรวจสอบการทำธุรกรรม อย่างไรก็ตามตลาดที่กำหนดราคาก๊าซนั้นเกิดขึ้นนอกเครือข่าย ดังนั้น smart contracts จึงต้องการ oracle เพื่อให้ทราบถึงต้นทุนปัจจุบันของก๊าซต่อหน่วย

ตัวอย่างเช่น Tornado.cash ซึ่งเป็น privacy mixer บนเครือข่ายที่ใช้ oracle ราคาก๊าซของ Chainlink เมื่อสร้างธุรกรรม หากผู้ให้บริการราคาก๊าซแบบรวมศูนย์ออฟไลน์หรือไม่สามารถเข้าถึงได้ (เช่น ถูกบล็อกโดย Tor) Smart contracts ยังสามารถใช้ oracle ราคาก๊าซนี้เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ทางการเงินราคาก๊าซและผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความแออัดของเครือข่ายบล็อคเชนและต้นทุนการทำธุรกรรมที่สูง

การคัดเลือกผู้เข้าร่วมอย่างยุติธรรม

ด้วยการถือกำเนิดของ public sale บนบล็อคเชน หลายๆ โปรเจ็กต์กำลังมองหาวิธีในการเลือกลำดับผู้เข้าร่วมกิจกรรมลดราคาอย่างเป็นธรรม นอกเหนือจากรูปแบบ “มาก่อนได้ก่อน (first come, first serve)” ที่เห็นได้ทั่วไปที่สามารถถูกแทรกแซงได้ง่าย ขณะนี้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่การเลือกผู้เข้าร่วมการลดราคาแบบสุ่มภายใน smart contract โดยเริ่มแพร่หลายในแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์

ตัวอย่างหนึ่งคือ Centaur ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม DeFi ที่ใช้ Chainlink VRF เพื่อกำหนดผู้เข้าร่วม public sale บนเครือข่าย Chainlink VRF จะกำหนดรายชื่อ addresses ที่ถูกรวบรวมไว้ก่อนเริ่มกิจกรรมในลักษณะที่ตรวจสอบได้และยุติธรรม ซึ่ง addresses จากรายชื่อนั้นจะได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมใน public sale บนเครือข่าย

Centaur ใช้ Chainlink VRF เพื่อเลือกผู้เข้าร่วมใน public sale แบบ on-chain เพื่อให้มั่นใจถึงโอกาสในการเข้าถึงที่เท่าเทียมกัน

อีกตัวอย่างหนึ่งคือ Get Protocol ซึ่งเป็นโซลูชันการขายตั๋วต่างๆ บนบล็อกเชนที่ใช้ Chainlink VRF เพื่อสุ่มกำหนดคิวรอดิจิทัลสำหรับคอนเสิร์ตและกิจกรรมอื่นๆ สิ่งนี้จะมอบโอกาสที่เท่าเทียมกันแก่ผู้ใช้ในการเข้าซื้อตั๋วในลักษณะที่พวกเขาสามารถตรวจสอบบนเครือข่ายได้อย่างอิสระว่าเป็นกลาง

การเลือกโหนดสุ่ม

โปรโตคอลบางตัวใช้ความคาดเดาไม่ได้เป็นรูปแบบของการรักษาความปลอดภัย เช่น การสุ่มเลือกตัวตรวจสอบความถูกต้องสำหรับการผลิตบล็อก แหล่งที่มาของการสุ่มที่ไม่ปลอดภัยจะช่วยให้ผู้มุ่งร้ายแทรกตัวเองเข้าไปในกระบวนการมากเกินไปและแทรกแซงการผลิตบล็อกต่างๆ ซึ่งอาจทำให้เครือข่ายหยุดชะงักได้ Chainlink VRF สามารถใช้เพื่อเป็นแหล่งสุ่มที่ป้องกันการถูกแทรกแซงเพื่อเลือกผู้ตรวจสอบความถูกต้องอย่างยุติธรรมในการสร้างบล็อกของธุรกรรมแต่ละครั้งและปกป้องเครือข่ายบล็อคเชนจากการโจมตีต่างๆ

บทสรุป

ในฐานะกรอบงานทั่วไปสำหรับการสร้างเครือข่าย oracle แบบกระจายอำนาจ Chainlink มอบเครื่องมือที่จำเป็นแก่นักพัฒนาในการเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน Smart contracts กับข้อมูลหรือเหตุการณ์ในโลกแห่งความเป็นเพื่อสร้างกรณีการใช้งานที่หลากหลาย แม้ว่ากรณีการใช้งานที่ระบุไว้ข้างต้นจะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์เนื่องจาก Chainlink มีกรณีการใช้งาน Smart contract ที่ไม่จำกัดจำนวน เราเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับนักพัฒนาที่สนใจในการสร้างแอปพลิเคชั่นกระจายอำนาจใหม่ที่เป็นนวัตกรรม

หากคุณเป็นนักพัฒนาและต้องการเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน Smart contract ของคุณกับ Chainlink oracles โปรดศึกษาเอกสารประกอบสำหรับนักพัฒนาและเข้าร่วมการสนทนาทางเทคนิคใน Discord หากคุณต้องการนัดหมายเพื่อหารือเกี่ยวกับการบูรณาการเชิงลึกมากขึ้นโปรดติดต่อที่นี่

Website | Twitter | Reddit | Newsletter | YouTube | Telegram | Events | GitHub | Price Feeds | DeFi

--

--