บทวิเคราะห์ระบบนิเวศของ DeFi และการนำ Chainlink มาปรับใช้ในหลากหลายวิธี
การเงินเป็นศิลปะของการบริหารจัดการเงินโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ได้อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ปรับด้วยความเสี่ยงได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยในบัญชีออมทรัพย์ การลงทุนในหุ้น หรือการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบันมีเครื่องมือทางการเงินมากมายที่ผู้บริโภคนำมาใช้เพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์และความเสี่ยงต่างๆ
การกระจายอำนาจทางการเงิน (Decentralized Finance หรือ DeFi) เป็นการเคลื่อนไหวที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในการสร้างเครื่องมือทางการเงินทั่วไปจากการเงินแบบดั้งเดิมโดยใช้ระบบหลังบ้านแบบกระจายอำนาจ ดังนั้นแทนที่จะต้องใช้นิติบุคคลแบบรวมศูนย์ในการอำนวยความสะดวกให้กับการเคลื่อนไหวของตลาดเงิน ผู้ใช้สามารถเข้าถึง แลกเปลี่ยน และให้ยืมสินทรัพย์โดยใช้ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สที่ทำงานบนเครือข่ายแบบกระจายอำนาจ ผลลัพธ์ที่ได้คือตลาดการเงินแบบ P2P ที่ดำเนินการด้วยตนเองโดยอิงจากความโปร่งใส การเข้าถึงแบบเปิด และระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล
ในบทความนี้ เราจะพูดถึงโครงสร้างพื้นฐาน ผลิตภัณฑ์ และการเปลี่ยนแปลงของตลาดแบบคร่าวๆ ซึ่งเป็นตัวกำหนดแนวความคิด DeFi ในปัจจุบัน จากนั้นเราจะเน้นถึงวิธีต่างๆ ที่นักพัฒนาสามารถใช้ Chainlink เพื่อเพิ่มฟังก์ชันการทำงานและการใช้งานจริงของเครื่องมือ DeFi ของตนได้
ภาพรวมของ DeFi ในปัจจุบัน
“เป้าหมายของ DeFi คือการสร้างระบบการธนาคารขึ้นใหม่สำหรับคนทั้งโลกที่เปิดให้เข้าถึงได้อย่างอิสระโดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาต” Alex Pack หุ้นส่วนผู้จัดการของ Dragonfly Capital กล่าว
ระบบการเงินในปัจจุบันส่วนใหญ่หมุนรอบสกุลเงินที่ออกโดยรัฐบาลและสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่ทำหน้าที่เป็นบุคคลที่สามที่เชื่อถือได้ระหว่างความสัมพันธ์ในการทำธุรกรรม สกุลเงิน Fiat ให้ความมั่นคงแก่ตลาดการเงิน ในขณะที่ธนาคารเพิ่มผลิตภาพโดยการออกสินเชื่อ รับความเสี่ยงจากคู่สัญญา และทำให้การชำระเงินคล่องตัว หากปราศจากสถาบันทั้งสองนี้ที่ให้บริการสภาพคล่องและโครงสร้างพื้นฐานทางธุรกิจที่สำคัญ ความเร็วของตลาดและอัตราของนวัตกรรมจะช้ากว่าอัตราปัจจุบันอย่างมาก น่าเสียดายที่การออกแบบในปัจจุบันมาพร้อมกับข้อแลกเปลี่ยนบางอย่างคือมูลค่าและการไหลของเงินทุนขึ้นอยู่กับอำนาจจากส่วนกลางและประสิทธิภาพของกระบวนการ ทำให้ตลาดเสี่ยงต่อการถูกระงับ จำกัดการเข้าถึงเงินทุน และยืดวงจรอายุสัญญา
DeFi ทำให้เกิดการเปลี่ยนเจ้าของของโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินและการธนาคารจากหน่วยงานส่วนกลางเป็นแบบกระจายอำนาจที่ผู้เข้าร่วมตลาดเป็นร่วมกันเจ้าของ แทนที่จะออกเงินตามอำนาจหน้าที่และดำเนินการเครือข่ายทางการเงินบนเซิร์ฟเวอร์แบบรวมศูนย์ เงินและตลาดสามารถดำเนินการด้วยตนเองโดยผู้ใช้ผ่านซอฟต์แวร์แบบกระจายศูนย์ที่สามารถเข้าถึงฉันทามติที่เชื่อถือได้อย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับสถานะของเครือข่าย โครงสร้างพื้นฐานใหม่นี้มีรหัสโอเพนซอร์ซที่ตรวจสอบได้ เข้าถึงใครก็ได้ในโลกโดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาต และการรักษาความปลอดภัยแบบกระจายศูนย์ที่รับประกันการป้องกันการทุจริต DeFi ไม่เพียงเปลี่ยนความไว้วางใจจากมนุษย์และแทนที่ด้วยรหัสเท่านั้น ยังส่งผลถึงเครือข่ายขนาดใหญ่ที่สามารถเข้าถึงและสร้าง DeFi Dapps บนเครือข่ายนั้นได้ และเกิดความไว้วางใจแบบใหม่ต่อตลาดการเงิน
ส่วนประกอบของโครงสร้าง DeFi
โครงสร้างของ DeFi มีส่วนประกอบหลายอย่าง ซึ่งเราจะอธิบายทีละส่วนอย่างละเอียดด้านล่าง
เงิน (Money)
เพื่อให้มีตลาดการเงินที่ใช้งานได้จริง จะต้องมีสื่อกลางที่มีเสถียรภาพและเป็นสากลในการกำหนดมูลค่าและการแลกเปลี่ยน สื่อกลางนี้จะต้องเป็นสิ่งที่หายากและเป็นที่ยอมรับในสากลเพื่อคงมูลค่าเมื่อเวลาผ่านไป เงินเป็นตัวแทนสื่อดังกล่าวมาช้านานและทองคำก็เป็นหนึ่งในสื่อที่ดีที่สุดตั้งแต่ที่มีมา แม้ว่าดอลลาร์สหรัฐฯ จะถือเป็นสกุลเงินสำรองของโลกในปัจจุบัน แต่ในอดีตทองคำ (และยังคงถือครองโดยธนาคารกลางส่วนใหญ่) เป็นเงินสำรองของตลาดโลก โดยทุกสกุลเงินผูกมูลค่าไว้กับอัตราแลกเปลี่ยนเมื่อเทียบกับทองคำ
บล็อกเชนได้ให้เงินรูปแบบใหม่แก่สังคม โดยไม่ได้มาจากทั้งความขาดแคลนทางกายภาพและทั้งอำนาจจากส่วนกลาง แต่เป็นซอฟต์แวร์ทางคณิตศาสตร์ที่มีความขาดแคลนทางดิจิทัลในตัวที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งสามารถทำธุรกรรมได้ง่ายและมีการตรวจสอบต่อสาธารณะผ่านฉันทามติแบบกระจายศูนย์ ไม่เพียงแต่ cryptocurrencies สามารถตอบสนองความต้องการในการทำธุรกรรมเท่านั้น แต่ DeFi กำลังแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถทำหน้าที่เป็นที่เก็บมูลค่าที่สามารถเข้าถึงได้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการอนุญาต (PSOV) โดยทำหน้าที่เสมือนสินทรัพย์สำรองที่สามารถนำไปค้ำประกันเพื่อสร้างเครดิตเพิ่มเติมที่คล้ายกับการธนาคารสมัยใหม่ (แม้ว่าจะมีอัตราหลักประกันที่แตกต่างกันมาก) ถึงแม้ว่า Bitcoin จะถูกเรียกโดยทั่วไปว่าเป็นสินทรัพย์สำรองเหมือนทองคำดิจิทัล แต่ระบบนิเวศของ DeFi กำลังเฟื่องฟูบน Ethereum และใช้ ETH เป็นหลักประกันสำรอง เรื่องนี้ถูกกล่าวถึงในบทความที่เขียนโดย David Hoffman เรื่อง “Ether is the Best Model for Money the World has Ever Seen”
สินทรัพย์ (Assets)
สิ่งใดก็ตามที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้และสามารถเป็นเจ้าของและแลกเปลี่ยนเป็นมูลค่าได้ถือเป็นสินทรัพย์ มีสินทรัพย์ที่หลากหลายในตลาดการเงินตั้งแต่สินทรัพย์ทางกายภาพ เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ (น้ำมัน ไฟฟ้า อาหาร) โครงสร้างพื้นฐาน (อสังหาริมทรัพย์ เครื่องจักร รถไฟ) และสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีลักษณะเฉพาะ (ศิลปะ รถยนต์ ของสะสม) ไปจนถึงสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ทางกายภาพ เช่น สิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ และค่านิยม สินทรัพย์ส่วนใหญ่ถูกติดตามภายในโดยฝ่ายต่างๆที่อยู่ในการค้าขาย และยังสามารถถูกติดตามจากภายนอกโดยธนาคารที่อำนวยความสะดวกด้านการค้าและ/หรือหน่วยงานของรัฐที่เก็บรวบรวม meta data สำหรับภาษีและการปฏิบัติตามข้อกำหนด นอกจากนี้สำนักงานบัญชีชั้นนำยังช่วยในการประเมินมูลค่าทรัพย์สินจำนวนมาก และตรวจสอบว่ารายงานภายในและภายนอกมีความสอดคล้องกัน
เนื่องจากขาดความจริงที่แน่นอน (absolute truth) ในตลาดสินทรัพย์ แบบแผนในปัจจุบันจึงไม่สมบูรณ์เช่น การมีระบบการเก็บบันทึกที่เป็นส่วนตัวและขัดแย้งกันจำนวนมาก ทำให้ยากต่อการกำหนดราคาสินทรัพย์ตามการสังเกตตลาดแบบองค์รวม ในการลดความแตกต่างของการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ในตลาด ผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกมักถูกใช้เพื่อประเมินความแตกต่างและกำหนดมูลค่า หากไม่เป็นเช่นนั้น ฝ่ายต่างๆ จะต้องหันไปเจรจาแบบ P2P ซึ่งอาจมีความขัดแย้งและความไม่สมดุลของข้อมูล
บล็อคเชนและ smart contract สามารถเปลี่ยนรากฐานของการเป็นเจ้าของสินทรัพย์และการประเมินมูลค่าได้ วิธี Tokenization แสดงให้เห็นว่า Smart Contract สามารถนำมาใช้เพื่อนำทรัพย์สินทั้งหมดเข้าสู่โลกดิจิทัลได้โดยผูกความเป็นเจ้าของเข้ากับ public/private key บนบล็อกเชน สินทรัพย์ทุกประเภทสามารถแปลงเป็นโทเค็นได้ เช่น สิทธิ์ความเป็นเจ้าของในอสังหาริมทรัพย์ งานศิลปะแฟนซี หรือสินค้าแต่ละรายการในห่วงโซ่อุปทาน บล็อกเชนเหมาะสมเป็นพิเศษในการเป็นทะเบียนทรัพย์สินระดับโลก เนื่องจากการบันทึกข้อมูลที่โปร่งใสและการเข้าถึงสภาพคล่องระหว่างประเทศ พวกเขาสามารถขจัดความขัดแย้งข้ามเครือข่ายและนำการประเมินมูลค่าที่โปร่งใสและขับเคลื่อนด้วยตลาดมาสู่สินทรัพย์โดยให้ทุกฝ่ายดำเนินการบนระบบร่วมกันด้วยการเข้าถึงที่เท่าเทียมกัน
ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน
การโอนมูลค่าที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากการแลกเปลี่ยนทางกายภาพถือเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า ธนาคารที่ออกตราสารหนี้ (เครดิต พันธบัตร) หรือการเป็นเจ้าของสิทธิการเรียกร้องบางประเภท (ตราสารทุน อนุพันธ์ การเข้าถึง) สิ่งเหล่านี้ล้วนแสดงถึงกลไกบางอย่างสำหรับการซื้อขายและ/หรือการเก็งกำไรในสินทรัพย์และเหตุการณ์ ผลิตภัณฑ์ทางการเงินส่วนใหญ่จะถูกนำเสนอโดยสถาบันการเงินขนาดใหญ่ เช่น วาณิชธนกิจที่มีแหล่งเงินทุนจำนวนมากและมีเข้าถึงทรัพยากรที่ดีกว่า ธนาคารเหล่านี้สนุกกับการประหยัดต่อขนาดเนื่องจากมีการจัดสรรเงินทุนจำนวนมากเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและค้ำประกันตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการด้านสภาพคล่อง
DeFi แปลงสินทรัพย์บนบล็อกเชนเป็นโทเค็นและใช้ smart contract เพื่อกำหนดกฎการซื้อขายและประสบการณ์ผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ทางการเงิน วงจรชีวิตทั้งหมดของสัญญาอัจฉริยะทางการเงิน (ความเป็นเจ้าของ การรับฝาก การดูแล การบำรุงรักษา การดำเนินการ การติดตั้ง) สามารถเกิดขึ้นได้โดยลดแทรกแซงของมนุษย์ให้น้อยลงหรือไม่มีเลย เงื่อนไขที่กำหนดวิธีการทำงานของผลิตภัณฑ์นั้นเป็นโอเพ่นซอร์สและฮาร์ดโค้ดในสัญญาเป็นตรรกะบูลีน (if x, then y) ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่พบบ่อยที่สุดที่กำลังถูกสร้างขึ้นใหม่ใน DeFi Dapps รวมไปถึงการให้กู้ยืม stablecoins การแลกเปลี่ยนแบบกระจายอำนาจและอนุพันธ์
ข้อมูล
สัญญาทางการเงินทั้งหมดขึ้นอยู่กับข้อมูลอินพุตบางประเภทเพื่อดำเนินการและทำให้เกิดผลลัพธ์ ไม่ว่าจะเป็นการคลิกเมาส์เพื่อส่งการชำระเงิน การมีข้อมูลการตลาดเป็นตัวกำหนดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือใช้อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันในการคำนวณการจ่ายพันธบัตร คุณภาพของข้อมูลมักจะขึ้นอยู่กับชื่อเสียงของบริษัทซื้อขายข้อมูล ในขณะที่บางบริษัทดีกว่าบริษัทอื่นในการรวบรวมหรือสร้างข้อมูลน่าเชื่อถือและเชื่อถือได้ ค่าของข้อมูลมักมาจากผลกระทบของเครือข่าย เอกลักษณ์ อำนาจหน้าที่ หรือคุณภาพ มีทั้งแบบดิบและแบบแปรรูป ผลิตภัณฑ์ทางการเงินในปัจจุบันขับเคลื่อนด้วยข้อมูล แต่โดยปกติแล้วจะมีตัวกลางหรือตัวเลือกสำรองระหว่างข้อมูลกับการดำเนินการตามกระบวนการจริง
บล็อกเชนได้รับการออกแบบมาเพื่อรักษาความปลอดภัยในการพิจารณาจริง/เท็จ (true/false determinations) โดยอิงจากข้อมูลที่มีจัดเก็บไว้ในบล็อกเชน (on-chain) แล้ว อย่างไรก็ตามราคา อัตราดอกเบี้ย และผลลัพธ์ของเหตุการณ์เป็นชุดข้อมูลทั่วไปที่เกิดขึ้นนอกบล็อคเชน (off-chain) มูลค่าและรูปแบบจะแตกต่างกันไปตามแหล่งที่มาต่างๆ สีสันของข้อมูลนี้ทำให้ยากสำหรับบล็อกเชนในการพิจารณาจริง/เท็จที่เชื่อถือได้โดยไม่สูญเสียการรักษาความปลอดภัยที่เป็นเอกฉันท์ เมื่อพิจารณาถึงความเป็นจริงของข้อมูลสมัยใหม่และฉันทามติของบล็อคเชนนั้นมีความจำเป็นเร่งด่วนในการสร้างสะพานเชื่อมมาตรฐานระหว่างแอปพลิเคชัน DeFi และข้อมูล off-chain ทุกประเภท ตามที่กล่าวไว้ด้านล่าง Chainlink เป็นโปรโตคอลมาตรฐานที่ปรับแต่งได้เพื่อให้ DeFi สามารถเชื่อมต่อกับทรัพยากรนอกเครือข่ายได้อย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้
มนุษย์ (Human)
แม้ว่าเป้าหมายของ DeFi คือการกระจายอำนาจ แต่การขจัดการควบคุมและอิทธิพลของมนุษย์โดยสิ้นเชิงนั้นก็เป็นไปไม่ได้ ในท้ายที่สุดแล้วมนุษย์ต่างหากที่สร้างและรักษาระบบอัตโนมัติทางการเงิน มีบางพื้นที่ที่ระบบอัตโนมัติทำได้ยากมาก โดยเฉพาะการพัฒนาโปรโตคอลและการกำกับดูแลภายใน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อตลาด เช่น การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง วัฒนธรรม และระบบกฎหมาย ในขณะที่ Distributed Ledger Technology (DLT) เปิดใช้งานระบบที่ดำเนินการด้วยตนเองซึ่งควบคุมโดยองค์กรอิสระที่กระจายอำนาจ (DAO) สิ่งเหล่านี้ก็ยังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบ ความจริงก็คือยังคงมีกองกำลังรวมศูนย์อยู่บนพื้นฐานของการมีส่วนร่วมของมนุษย์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ซึ่งนักพัฒนาซอฟต์แวร์ต้องคำนึงถึงและไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยโค๊ด
การตรวจสอบผู้เล่นปัจจุบันในตลาด DeFi
การทำความเข้าใจ DeFi เป็นตลาดแห่งหนึ่งขึ้นอยู่กับการให้คำจำกัดความ วิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมสำหรับการวัด DeFi คือการดูหลักประกันทั้งหมดที่ล็อกอยู่ในแอปพลิเคชัน DeFi ซึ่งในขณะที่เขียนบทความนี้จะอยู่ที่ประมาณ 764 ล้านเหรียญสหรัฐ ตัวชี้วัดนี้แสดงให้เห็นว่า Dapps ล็อคหลักประกันที่ไม่จำเป็นต้องขออนุญาต (โดยเฉพาะ ETH และ DAI) เพื่อใช้เป็นพื้นฐานในการกู้ยืมเงิน จัดหาสภาพคล่องและ/หรือรักษาความปลอดภัยให้กับกระบวนการของเครือข่าย หรือเป็นตัวแทนของอำนาจลงคะแนนในการตัดสินใจต่างๆ
อย่างไรก็ตาม อาจมีคนโต้แย้งว่าพื้นที่คริปโตเคอเรนซีทั้งหมดเป็นรูปแบบของ DeFi ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับรูปแบบเงินที่ไม่ได้จำเป็นต้องขออนุญาตอย่าง Bitcoin, Ethereum และอื่นๆ ซึ่งแสดงถึงมูลค่าและช่วยกำหนดราคา
มาสำรวจ DeFi Dapps ที่ใช้กันมากที่สุดในวันนี้เพื่อทำความเข้าใจว่าแอปพลิเคชันเหล่านี้สร้างขึ้นมาได้อย่างไรและเพราะเหตุใด
MakerDAO
ปัจจุบันแอปพลิเคชัน DeFi ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ MakerDAO แพลตฟอร์มการให้กู้ยืมแบบกระจายอำนาจที่สร้างและออกเครดิตในรูปแบบของ DAI (Stablecoin ที่ตรึงราคาไว้ที่ 1USD) และจัดการกระบวนการกู้ยืมผ่านองค์กรอิสระแบบกระจายอำนาจ (ประกอบด้วยผู้ใช้ที่ถือ governance token MKR) ในการธนาคารแบบดั้งเดิมธนาคารจะได้รับอนุญาตให้ปล่อยสินเชื่อได้ตราบเท่าที่พวกเขารักษาอัตราส่วนสำรองไว้ ซึ่งก็คือ 10% สำหรับธนาคารในสหรัฐอเมริกาที่มีเงินฝากมากกว่า 124 ล้านดอลลาร์ โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างทางกฎหมายกับข้อกำหนด ธนาคารจำเป็นต้องสำรองเงินฝากไว้ 10% แต่สามารถกู้ยืมส่วนที่เหลือได้
MakerDAO ก็มีรูปแบบที่คล้ายคลึงกัน แต่ดำเนินการแบบกระจายอำนาจและมีอัตราส่วนสำรองที่แตกต่างกันมาก ใน MakerDAO ผู้ใช้ stake ETH ไว้ใน smart contract เพื่อใช้เป็นหลักประกันในการสร้างสินเชื่อให้ตัวเองในรูปแบบของ DAI ปัจจุบันการค้ำประกันถูกตั้งไว้ที่ประมาณ 150% ดังนั้นผู้ใช้จะได้รับ 2/3 ของมูลค่าที่พวกเขาล็อคไว้ ตัวอย่างเช่น หากมีคนล็อค ETH มูลค่า 90,000 ดอลลาร์ พวกเขาจะได้รับเงินกู้ 60,000 ดอลลาร์ในรูปแบบของ DAI ในรูปแบบนี้เงินกู้จะมีหลักประกันสูงมากเมื่อเทียบกับการธนาคารแบบดั้งเดิมที่เงินกู้ยืมมีหลักประกันต่ำกว่าผ่านระบบธนาคารสำรองเศษส่วน (fractional reserve banking)
สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ Multi-Collateral Dai ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้อนุญาตให้ผู้ใช้ stake สินทรัพย์อื่นนอกเหนือจาก ETH แล้ว Multi-Collateral Dai ได้รับสัญลักษณ์ DAI ในขณะที่ Dai ที่ได้รับจากการ stake ETH จะได้รับสัญลักษณ์ SAI
ในท้ายที่สุด MakerDAO จะทำให้เครือข่ายคงความกระจายอำนาจโดยการจัดสิ่งจูงใจให้สอดคล้องกัน ผู้ถือโทเค็น MKR กำกับดูแลระบบโดยการลงคะแนนในอัตราดอกเบี้ย, จำนวนเงินกู้ที่สามารถออกได้ และอื่นๆ ผู้กู้จะต้องจ่ายดอกเบี้ยโดยใช้โทเค็น MKR เป็นค่าตอบแทนการทำงานของพวกเขา ซึ่งจะถูกเผาในภายหลังเพื่อให้แน่ใจว่าโทเค็นจะหายากมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป พวกเขายังได้รับค่าปรับส่วนหนึ่ง (14%) จากผู้กู้เป็นโทเค็น MKR ที่เกิดจากราคาของหลักประกันของผู้กู้ต่ำกว่า liquidation price ที่ระบุไว้ใน smart contract แบบเงินกู้ การชำระบัญชีเงินกู้อัตโนมัติ (Auto-liquidation) นี้ (ถูกกระตุ้นผ่าน oracles ราคา) ทำหน้าที่ป้องกันความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาโดยอัตโนมัติเพื่อรักษาเงินที่มีอยู่ในเครือข่าย ทุกครั้งที่เกินการชำระคืนเงินกู้ระบบจะเผา DAI/SAI ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ความสวยงามของการออกแบบ MakerDAO ผู้ใช้ทุกคนจะได้รับแรงจูงใจให้ดำเนินการในลักษณะที่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขาและเครือข่ายไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งขัดต่อความต้องการของบุคคลที่สามที่เป็นศูนย์กลาง
Compound
DeFi Dapp ยอดนิยมอีกตัวหนึ่งคือ Compound เป็นโปรโตคอลการให้ยืมที่ทำหน้าที่เป็นกองทุนตลาดเงินที่ผู้ใช้ได้รับดอกเบี้ยจากการกู้ยืมทุน ผู้ยืมสามารถเข้าถึงเงินทุนนี้โดยพิจารณาจาก “ความสามารถในการกู้ยืม” ซึ่งเป็นอัลกอริธึมที่ตั้งโปรแกรมไว้ล่วงหน้าซึ่งพิจารณาถึงยอดคงเหลือของโทเค็น สภาพคล่องในตลาด อัตราแลกเปลี่ยน (ผ่าน oracles ราคา) และปัจจัยอื่นๆ ผู้ยืมจะถูกบังคับให้ชำระบัญชีอัตโนมัติในเงินกู้ของตนหากเกินกำลังการกู้ยืม Compound อนุญาตให้ใช้สินทรัพย์ทั้งหมด 7 รายการเป็นหลักประกัน: BAT, DAI, ETH, USDC, REP, ZRX และ WBTC
ในท้ายที่สุด Compound and Maker เปลี่ยนการธนาคารจากสถาบันที่ได้รับสิทธิพิเศษที่ออกตราสารหนี้ที่มีหลักประกันต่ำเพื่อเพิ่มความสามารถในการขยายสินเชื่อ ไปสู่กลไกตลาดแบบกระจายอำนาจที่ สินทรัพย์มีเยอะเกินกว่าเงินกู้ยืมเพื่อขยายสินเชื่อและหยุดอัตโนมัติเพื่อป้องกันความเสี่ยง พวกเขาลดอุปสรรคต่างๆ ของตลาดและเวลาดำเนินการในการเข้าถึงเงินทุน รวมทั้งอนุญาตให้ทุกคนเข้าร่วมในฐานะผู้ให้กู้เพื่อรับผลตอบแทนดอกเบี้ยแบบพาสซีฟ
เราเพิ่งรวมเข้ากับโปรโตคอล DeFi รูปแบบตลาดเงินที่คล้ายคลึงกันซึ่งเรียกว่า Aave หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการผสานรวมของ Aave กับ Chainlink โปรดดูบล็อกโพสต์ล่าสุดหรือดู AMA
Synthetix
DeFi Dapp ที่เกิดขึ้นใหม่คือ Synthetix แพลตฟอร์มอนุพันธ์แบบกระจายอำนาจที่มีพื้นฐานจาก crypto บน Synthetix ผู้ใช้จะ stake โทเค็น SNX ของแพลตฟอร์มเอง (กำลังจะรองรับ ETH ในอนาคต) ใช้เป็นหลักประกันในการสร้างสินทรัพย์สังเคราะห์ที่อิงตามหนี้สิน (synths) ที่เป็นตัวแทนของสกุลเงิน fiat cryptocurrencies สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนี และอื่นๆ การสังเคราะห์เหล่านี้ทำให้เทรดเดอร์/นักลงทุนเห็นความเคลื่อนไหวของสินทรัพย์อ้างอิงโดยไม่ต้องถือสินทรัพย์นั้นจริงๆ มูลค่าของ synths เมื่อมีการแลกเปลี่ยนจะถูกตรึงกับมูลค่าตลาดพื้นฐานของสินทรัพย์โดยใช้ oracle ราคา เมื่อเร็วๆ นี้ Synthetix ได้เปลี่ยน oracle ราคาสำหรับ 7 FX และ synths แบบสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเพิ่มสินทรัพย์ที่อยู่ใน pipeline ให้มากขึ้นเพื่อให้ได้ราคาแบบกระจายศูนย์มากขึ้นผ่านการผสานรวมกับ Chainlink
synths ได้รับการค้ำประกันจากผู้ใช้ที่ stake SNX ด้วยอัตราการหลักประกัน 750% ซึ่งจะได้รับเปอร์เซ็นต์ของค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยนจากแต่ละธุรกรรม นักเทรดใน Synthetix สามารถใช้ประโยชน์จากสภาพคล่องที่ไม่มีที่สิ้นสุดเนื่องจากจะไม่มีคำสั่งซื้อเมื่อทำการ swap ระหว่าง synths แต่ผู้ใช้จะได้รับส่วนหนึ่งของหนี้ทั้งหมดซึ่งสามารถเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามการเคลื่อนไหวของ synths ของตนกับจำนวน synths ทั้งหมดในเครือข่าย ทุกการซื้อขายจะดำเนินการตามสัญญา (Staked SNX) คล้ายกับสำนักหักบัญชีที่ทำหน้าที่เป็นคู่สัญญาของทุกการซื้อขาย ทุกตำแหน่งในเครือข่ายมีความโปร่งใสสำหรับผู้ใช้ ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถป้องกันความเสี่ยงจากการถูกเปิดเผยเพื่อให้ระบบมีหลักประกันอย่างเต็มที่ในขณะที่ช่วยปรับปรุงตำแหน่งของพวกเขา
Decentralized exchanges (DEXs)
การแลกเปลี่ยนแบบกระจายอำนาจกำลังได้รับความสนใจ โดยมีแพลตฟอร์มอย่าง Kyber Network, AirSwap และ Uniswap ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงเป็นประวัติการณ์ DEX นำเสนอแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ที่ไม่อยู่ภายใต้การดูแลใดๆ ซึ่งให้การซื้อขายที่ทนต่อการตรวจสอบแก่ผู้ใช้และรับประกันความปลอดภัย เช่น วิธีการรักษา private key ของคุณที่ต่างจากวิธีที่แพลตฟอร์ม centralized exchanges จัดการ นอกจากนี้โปรโตคอลเช่น 0x ช่วยให้ Dapps สามารถรวม DEX ที่กำหนดเองลงในแอปพลิเคชันของตนได้, bZx ช่วยให้มีสภาพคล่องสำหรับการซื้อขายมาร์จิ้นบน DEX โดยการประสานงานให้มีการกู้ยืมข้ามแพลตฟอร์ม และ Loopring กำลังทำงานเกี่ยวกับความสามารถในการปรับขนาดและความเป็นส่วนตัวสำหรับ DEX ผ่านการคำนวณแบบ off-chain และ zkRollups
เมื่อเร็วๆ นี้ Chainlink ได้ผสานรวมกับ Loopring เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้ที่ทำการ stake LRC ในจำนวนที่กำหนดไว้เมื่อมีการคำนวณ zero-knowledge ที่อยู่ on-chain หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการรวมระบบ โปรดดูบล็อกโพสต์ล่าสุดหรือดู AMA
แอปพลิเคชั่น DeFi อื่นๆ
DeFi Dapps ยอดนิยมอื่น ๆ ได้แก่ Set Protocol สำหรับการจัดการสินทรัพย์อัตโนมัติของพอร์ตการลงทุน, Augur สำหรับตลาดการทำนายแบบกระจายอำนาจ และ Lightning Network สำหรับการชำระเงินรายย่อยด้วย Bitcoin นอกจากนี้ยังมี Initial Coin Offerings (ICOs) สำหรับการระดมทุนโดยใช้โทเค็น, Security Token Offerings (STO) สำหรับการระดมทุนที่อิงตามหุ้น stablecoins เงินจากสินค้าโภคภัณฑ์ (เช่น Chainlink ที่ขับเคลื่อนโปรโตคอล Ampleforh) การ Stake สำหรับโปรโตคอลที่ดำเนินการแบบฉันทามติ (POS , DPOS) และการ stake ใน DAO ในรูปแบบของกองทุน VC กองทุนประกัน และ protocol governance
Chainlink ช่วยสร้างแอปพลิเคชัน DeFi ยุคใหม่ได้อย่างไร
Chainlink เครือข่าย oracle แบบกระจายอำนาจ สามารถขยายฟังก์ชันการทำงานของ Smart contract แบบ DeFi ได้อย่างมากรวมถึงเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอ และทำให้ตลาดน่าดึงดูดยิ่งขึ้นสำหรับผู้เล่นถูกควบคุมให้มาเข้าร่วมตลาด โดยแบ่งได้เป็น 4 ด้านคร่าวๆ ที่ Chainlink สามารถปรับปรุงระบบนิเวศ DeFi ตามหัวข้อด่านล่าง
การเชื่อมต่อ (Connectivity)
แอปพลิเคชั่น DeFi ส่วนใหญ่อาศัยข้อมูลเพื่อให้ smart contract ดำเนินการได้ แต่ Dapps บางตัวไม่ต้องการข้อมูลนอกเครือข่ายและใช้เฉพาะข้อมูลบนเครือข่าย ICO เป็นแอปพลิเคชั่นทางการเงินที่รู้จักกันดีซึ่งไม่ต้องการข้อมูลนอกเครือข่าย เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ถูกตั้งโปรแกรมไว้ล่วงหน้าแล้วใน smart contract แม้ว่าข้อมูล on-chain จะเพียงพอสำหรับกรณีการใช้งานบางกรณีแต่ก็มีข้อจำกัดอย่างมาก เนื่องจากจะจำกัด Dapps ไว้ใช้เฉพาะข้อมูลบางประเภทและ/หรือจำกัดไว้เฉพาะข้อมูลที่มีอยู่ในเชของมันเท่านั้น แอปพลิเคชัน DeFi ส่วนใหญ่ไม่สามารถสร้างขึ้นได้หากไม่มีการเข้าถึงข้อมูลและทรัพยากรภายนอก
Oracle คือตัวแทนดิจิทัลที่ทำงานโดย smart contract ที่มีหน้าที่ดึงและ/หรือเชื่อมต่อกับข้อมูลและระบบนอกบล็อกเชน (off-chain) ด้วยการฟอร์แมตจุดเชื่อมต่อภายนอก (API) ใหม่ เพื่อให้ซอฟต์แวร์สองชนิดสามารถทำงานร่วมกันได้สำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูล จากนั้น Oracle สามารถดึงข้อมูลลงใน smart contract และดำเนินการกับระบบภายนอกตามคำแนะนำจนจบกระบวนการที่กำหนดไว้ล่วงหน้าใน Service Level Agreement (SLA)
Chainlink เป็นเครือข่าย oracle แบบกระจายอำนาจที่ให้ smart contract เข้าถึงผู้ให้บริการข้อมูล, web APIs, ระบบองค์กร, แบ็กเอนด์บนคลาวด์, อุปกรณ์ IoT, ระบบการชำระเงิน, บล็อคเชนอื่น ๆ และอีกมากมาย ด้วยการเข้าถึงสื่อนอกเครือข่ายเหล่านี้ smart contractสามารถเข้าถึงหลายๆ อินพุตและเอาต์พุตที่จัดรูปแบบแล้วเพื่อดำเนินการตามข้อตกลงดิจิทัลที่มีอยู่ได้อย่างง่ายดาย ช่วยให้ DeFi ใช้ข้อมูลและระบบนอกเครือข่ายทุกประเภทเพื่อกระตุ้นการดำเนินการตามสัญญา ตลอดจนจัดการสัญญาผ่านเกตเวย์การชำระเงินที่หลากหลายและระบบแบ็กเอนด์ขององค์กร
ข้อมูลที่เชื่อถือได้ ไว้ใจได้ และปรับแต่งได้
ไม่ว่าsmart contract จะได้รับการออกแบบมาอย่างดีเพียงใด ท้ายที่สุดแล้วสัญญาก็ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ได้รับ ข้อมูลคือสิ่งที่กระตุ้นตรรกะของสัญญาดังนั้นจึงต้องมีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยเท่ากับบล็อคเชน เนื่องจากความแปลกใหม่ของ oracles ยังคงเป็นปัญหาที่ค่อนข้างใหม่สำหรับพื้นที่ หลายโครงการจึงเริ่มต้นด้วยการสร้าง oracles ของตัวเองขึ้นมา oracles เหล่านี้มักจะเกี่ยวข้องกับการรวมข้อมูลนอกเครือข่าย (อัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน ราคา ฯลฯ) แล้วนำไปวางบนเครือข่ายด้วยตนเอง แม้ว่าการรักษาความปลอกภัยจะจำเป็นมากในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาแต่การรวมราคาจากส่วนกลางทำให้ Dapps เสี่ยงต่อการจัดการที่ผิดพลาด ขาดความสามารถ และการติดสินบนของสถาบันกลางที่จัดการฟีดข้อมูล
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ เราได้เริ่มเปิดตัวเครือข่าย oracle อ้างอิงราคาแบบกระจายศูนย์บน Chainlink สำหรับสินทรัพย์ยอดนิยม เช่น ETH, BTC, LINK, BAT, USDC, ZRX และ REP ฟีดอ้างอิงราคาคำนวณจากการรวมโหนดอิสระที่จะคอยตรวจสอบความปลอดภัยและอัปเดตเป็นประจำเพื่อแสดงความเปลี่ยนแปลงของราคาที่แสดงโดยสัญญาอ้างอิง ETH/USD และ BTC/USD ที่เผยแพร่บน Ethereum mainnet สัญญาข้อมูลอ้างอิงสนับสนุนการเติบโตของ DeFi โดยอนุญาตให้ Dapp ใด ๆ ใช้ประโยชน์จากฟีดราคาเหล่านี้ในsmart contractของพวกเขา สิ่งนี้จะควบคุมและบำรุงรักษาฟีดราคาแยกออกจาก Dapps และแทนที่ด้วยเครือข่าย oracle ที่มีการกระจายอำนาจมากขึ้น
หากคุณเป็นโปรเจ็กต์ DeFi และต้องการสร้างเครือข่ายข้อมูลอ้างอิง oracle ที่ปรับแต่งเองโดยใช้ Chainlink ตามที่แสดงให้เห็นในรวมตัวครั้งล่าสุดของเรา คุณสามารถติดต่อเราได้ที่ custom@chain.link
ในขณะที่ยังไม่สามารถใช้งานบน mainnet ได้ เรากำลังดำเนินการตามข้อตกลงที่มีผลผูกพัน (Service level agreement) บน Chainlink ผู้ใช้สามารถวางกรอบบริการที่ต้องการ (ข้อมูล กรอบเวลา) ภาระผูกพันที่พวกเขาต้องการ (stake) และข้อกำหนดของโหนดที่พวกเขาต้องการ (เกณฑ์ชื่อเสียง โครงสร้างพื้นฐาน) จากข้อตกลงการบริการเหล่านี้ ระบบชื่อเสียงจึงเริ่มเป็นรูปร่างจากตัวชี้วัด on-chain ที่สรุปผลจากการปฏิบัติงานในอดีต
รายการบริการต่างๆ เช่น Chainlink Market ให้ช่องทางที่ผู้ใช้สามารถประเมินและเลือกโหนดสำหรับข้อตกลงการบริการตามเกณฑ์ที่ระบุไว้ข้างต้น นอกจากนี้ยังมี Honeycomb API Marketplace สำหรับค้นหา API ข้อมูลที่ได้รับการตรวจสอบสิทธิ์ซึ่งโหนดสามารถเข้าถึงได้แบบ per-call basis แทนที่จะต้องสมัครรับข้อมูล API แบบเต็มสำหรับแหล่งข้อมูลแต่ละแห่ง
เรากำลังดำเนินการรวมข้อตกลงการบริการเข้ากับการรวมแบบ pluggable ซึ่งให้ผู้ใช้สามารถใช้หลาย oracles สำหรับการคำนวณซ้ำซ้อน จากแหล่งข้อมูลหลายแหล่งเพื่อทดสอบความถูกต้องของข้อมูล และรวมเข้าด้วยกันในลักษณะใดก็ได้ที่ต้องการ (เฉลี่ย ลบค่าผิดปกติ น้ำหนักที่กำหนดเอง ฯลฯ) คุณสมบัติเหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งsmart contractของตนเกี่ยวกับข้อมูลที่พวกเขาไว้วางใจโดยใช้การกระจายอำนาจจำนวนเท่าใดก็ได้และการรวมข้อมูลทุกรูปแบบ
อีกหนึ่งคุณลักษณะเพิ่มเติมในการพัฒนานี้คือ Town Crier ซึ่งเป็น Oracle ที่ใช้ Trusted Execution Environment (TEE) ที่ตรวจสอบใบรับรอง TLS เพื่อรับรองความถูกต้องของข้อมูลนั้นมาจากเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่งและไม่ถูกดัดแปลงระหว่างเส้นทางไปยังsmart contract เช่น สมมติว่าผู้ใช้เชื่อถือฮาร์ดแวร์พื้นฐาน Town Crier ให้การรับประกันความปลอดภัยแบบใหม่แก่ผู้ใช้ว่าข้อมูลของพวกเขาเป็นของแท้จากแหล่งที่มา
ข้อมูลและการคำนวณต้นทุนต่ำ
ปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่งในการพัฒนาเครื่องมือ DeFi คือราคาแก๊สบนเครือข่าย หากแอปพลิเคชันต้องการฟีดราคาอย่างต่อเนื่องและ/หรือใช้ออราเคิลและแหล่งข้อมูลหลายรายการ ราคาแก๊สก็จะเพิ่มขึ้นและถูกจำกัดการใช้งาน สิ่งนี้ทำให้เกิดปัญหาเนื่องจากการกระจายอำนาจมีความสำคัญต่อความปลอดภัยของข้อมูล แต่มีค่าใช้จ่ายสูงเกินกว่าจะเป็นโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน โมเดลการรวมแบบ on-chain ในปัจจุบันกำหนดให้แต่ละ oracle (node) ต้องชำระค่าธรรมเนียมแก๊สเพื่อนำส่งทรัพยากรภายนอกให้เข้ามา on-chain ดังนั้นหากใช้ 10 โหนดเพื่อรวบรวมข้อมูลภายนอกนั่นคือค่าธรรมเนียมแก๊ส 10 รายการสำหรับการอัพเดทบนเครือข่ายแต่ละครั้ง
ขณะนี้ เรากำลังดำเนินการปรับใช้เกณฑ์ลายเซ็น (threshold signatures) ในโปรโตคอล Chainlink ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ในการกระจายออราเคิลที่กระจายอำนาจตามขนาด Threshold signatures แสดงการรวมโปรโตคอลใหม่ที่ช่วยให้ oracles สามารถสื่อสารซึ่งกันและกันและบรรลุข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับความถูกต้องของจุดข้อมูลเฉพาะ การรวม oracle แบบ off-chain โดยใช้ threshold signatures นั้นต้องการการตอบสนองแบบ on-chain เพียงครั้งเดียวและค่าธรรมเนียมแก๊สหนึ่งครั้งในการส่งข้อมูลที่รวมนั้นไปยัง smart contract ที่สั่งเรียกข้อมูล ในขณะที่ยังคงรักษาคุณสมบัติความปลอดภัยสูงที่ตรวจสอบได้แบบ on-chain
ตามที่ Alex Coventry นักวิจัยของ Chainlink กล่าวว่า “รูปแบบ threshold signature ที่ดีที่สุดในปัจจุบันของเราต้องใช้ค่าแก๊สประมาณ 15,000 แก๊สในการยืนยัน ตัวอย่างเช่น จุดข้อมูล 3,000 ดอลลาร์จะมีราคาเพียง 2 ดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งจะประหยัดได้ 1,500 เท่า ในราคาก๊าซ/ราคาETH ในปัจจุบัน ต้นทุนจะสูงกว่าหนึ่งเซ็นต์เล็กน้อยเทียบกับประมาณ 17 ดอลลาร์สำหรับการตรวจสอบด้วยจำนวนสมาชิกที่แข็งแกร่งจำนวน 2,000 คนตามกรอบการทำงานปัจจุบัน”
เรากำลังสร้างวิธีแก้ปัญหาสำหรับการคำนวณต้นทุนต่ำด้วยการสร้างความสามารถให้ Chainlink oracles สามารถทำงานบน Trusted Execution Environments (TEE) ผ่านฮาร์ดแวร์ที่เชื่อถือได้ เช่น Intel SGX. TEE บน Oracle นำเสนอสภาพแวดล้อมกล่องดำที่โหนดสามารถขยายบริการ oracle เพื่อรวมการประมวลผล off-chain และยังมีความเป็นส่วนตัวของธุรกรรม ไม่เพียงแต่ Oracle ที่ตระหนักถึงข้อมูลที่เข้าและออกแต่ trusted hardware ยังสามารถให้การรับรองกลับไปยัง blockchain ว่ามันได้ทำงานอย่างถูกต้องโดยไม่ผ่านการดัดแปลงแก้ไข TEE มีศักยภาพที่น่าสนใจในการนำการคำนวณที่ปรับขนาดได้และต้นทุนต่ำมาสู่ smart contract
ความเป็นส่วนตัว
ปัญหาหลักอื่นนอกเหนือจากการเชื่อมต่อและความสามารถในการปรับขนาดที่มีต้นทุนต่ำคือความเป็นส่วนตัว ตามที่ Sergey Nazarov ผู้ร่วมก่อตั้ง Chainlink กล่าวว่า “สัญญาส่วนใหญ่ในโลกแห่งความเป็นจริงไม่สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่มีความเป็นส่วนตัว” การขาดความเป็นส่วนตัวแบบ on-chain นอกเหนือจากการออกแบบ Zero Knowledge Proof (ZKP) ที่มีราคาแพงกว่าหมายความว่าสัญญาจำนวนมากไม่สามารถออกแบบใหม่ได้เนื่องจากsmart contractที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ความเป็นส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการปกปิดตำแหน่งภายในและกลยุทธ์การซื้อขาย เช่นเดียวกับการปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
เริ่มแรกมีการแนะนำโซลูชันความเป็นส่วนตัวสองแบบ (Two privacy solutions) สำหรับ Chainlink ซึ่งแตกต่างไปตามความต้องการของนักพัฒนาและสมมติฐานด้านความน่าเชื่อถือ ตามที่ระบุไว้ข้างต้น oracles ที่ใช้ TEE สามารถใช้เพื่อซ่อนการเรียกใช้ข้อมูล Oracle จาก Oracle เอง โดยขจัดความเป็นไปได้ที่ข้อมูลสำคัญจะรั่วไหล (สมมติว่าคุณเชื่อถือฮาร์ดแวร์) ผู้ใช้ยังสามารถใช้ Chainlink เพื่อเชื่อมต่อกับสภาพแวดล้อมการประมวลผลแบบ off-chain เช่น กรอบการประมวลผลที่เชื่อถือได้ (trusted compute framework (TCF)) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Hyperledger Avalon
แนวทางอื่นๆ ที่ไม่ใช่ฮาร์ดแวร์คือ Mixicles ซึ่งใช้ oracles เพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวโดยการตกแต่งอินพุตและเอาต์พุตของ smart contract ตามการออกแบบโปรโตคอลนี้ oracle จะดึงข้อมูลและทำการพิสูจน์จริง/เท็จ (switch) ของข้อมูลแบบ off-chain จากนั้นจะส่งต่อไปยังมิกเซอร์ที่ออกเอาต์พุตตามกำหนดตามอินพุตของ oracle นั้น หลักฐานคือการเปลี่ยนแปลงสถานะ (การกำหนด) เป็นการชำระเงินเอาท์พุตที่ผ่านการตกแต่งแล้วอยู่ในรูปแบบเปิดเผยต่อสาธารณะ สำหรับความต้องการด้านความปลอดภัยที่ลึกขึ้นไปอีก ผู้ใช้สามารถใช้ oraacle ที่ใช้ TEE หรือ DECO ควบคู่กับ Mixicle เพื่อซ่อนสวิตช์จาก oracle เพื่อความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โปรดอ่านรายงานการวิจัยหรือโพสต์บล็อกที่เกี่ยวกับด้านเทคนิคน้อยลง
การนำลูกค้าและผลิตภัณฑ์ใหม่มาสู่ระบบนิเวศ DeFi
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า DeFi กำลังกลายเป็นหนึ่งในสาขาที่เติบโตเร็วที่สุดและเป็นที่ต้องการมากที่สุดสำหรับsmart contract ในขณะที่ควรมีการเฉลิมฉลองความก้าวหน้าแต่โลกแห่งความเป็นจริงส่วนใหญ่ยังไม่รู้จัก DeFi ยังมีตลาดใหญ่ที่ยังไม่ถูกผลิตภัณฑ์ของ DeFi แตะต้องแต่มีศักยภาพพอที่จะรวมเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่และ/หรือสร้างตลาดการเงินในปัจจุบัน แต่เฉพาะเมื่อมีคุณสมบัติใหม่เพิ่มลงในกอง smart contract
เรากำลังสร้างและนำเสนอโซลูชันที่ใช้งานได้จริงบน Chainlink อย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ปัญหาหลักของการเชื่อมต่อ ความน่าเชื่อถือของข้อมูล ความสามารถในการปรับขนาดที่มีต้นทุนต่ำ และความเป็นส่วนตัวในการทำธุรกรรม ซึ่งขณะนี้กำลังถ่วงการพัฒนา DeFi เป็นอย่างมาก ด้วยการนำเครื่องมือใหม่เหล่านี้มาสู่นักพัฒนาและสามารถสร้าง smart contract รุ่นใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของทั้งระบบที่จำเป็นต้องได้รับอนุญาตและระบบที่ไม่จำเป็นที่ต้องได้รับอนุญาต ในที่สุด Chainlink เป็นเครื่องมือโอเพนซอร์ซที่นำการเชื่อมต่อที่ปรับแต่งได้ระหว่างบล็อคเชนกับระบบดั้งเดิมที่ทำงานทั่วโลก เพื่อให้เกิดฉันทามติที่เชื่อมต่อกันบนระบบนิเวศ
สร้างการเชื่อมต่อให้ Smart contract ของคุณวันนี้!
หากคุณเป็นนักพัฒนาหรือองค์กรที่ต้องการสร้าง oracle ประเภทใดก็ตามสำหรับแอปพลิเคชัน smart contract ที่เชื่อมต่อภายนอก สามารถติดต่อเราได้ที่ custom@chain.link เยี่ยมชมเอกสารประกอบของนักพัฒนา หรือเข้าร่วมการสนทนาทางเทคนิคบน Discord เราพร้อมให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนคุณในการสร้างและออกแบบ oracle ที่มีประสิทธิภาพและปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะของคุณ ในขณะที่ยังคงรักษามาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด
แหล่งที่มา
- https://info.binance.com/en/research/marketresearch/defi-1.html
- https://medium.com/bzxnetwork/how-decentralized-is-defi-a-framework-for-classifying-lending-protocols-a34f02c14f5c
- https://medium.com/@pugely/the-case-for-ethereum-kyber-network-defi-46a8b9b80284
- https://thedefiant.substack.com/p/ether-is-the-best-model-for-money