Chainlink Network ในปี 2023

Chainlink Thailand
Chainlink Community
7 min readFeb 5, 2023

บทความโดย Sergey Nazarov, 19 มกราคม 2023

ก่อนอื่นเราต้องขอขอบคุณคอมมูนิตี้ของเราที่ให้ความสนใจ และสนับสนุนเรามาตลอด ทั้ง Developer, Node operator, Partner และ Data provider จำนวนมากที่สละเวลาและช่วยให้ Chainlink ให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานของ Web3 ที่สำคัญอย่างทุกวันนี้

ในปีที่ผ่านมา Chainlink ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือสำหรับ Web3 ได้ผ่านช่วงเวลาของการเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงช่วงเวลาที่ท้าทายของอุตสาหกรรมนี้ ตั้งแต่การนำ DeFi มาใช้ในฐานะระบบการเงินทางเลือกของโลก (Alternative global financial system) ไปจนถึงการล่มสลายของ Platform ที่เคยได้รับความไว้วางใจ Chainlink คิดว่าพวกเราควรภูมิใจที่โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญนี้สามารถผ่านความท้าทายต่างๆ เหล่านี้และยังดำเนินต่อไปได้ และช่วยให้ทั้งอุตสาหกรรม blockchain ที่มีมูลค่าธุรกรรมกว่าหลายล้านล้านดอลลาร์ยังคงปลอดภัย

มีคำพูดของ Seneca ที่ฉันชอบที่บอกว่า “A gem cannot be polished without friction, nor a man perfected without trials” ทั้งความท้าทายด้าน technical และความท้าทายด้าน economics ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในอุตสาหกรรม blockchain ของปีที่ผ่านมาเป็นเหตุการณ์ที่ส่งเสริมความแข็งแกร่งของ Chainlink ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดภัย น่าเชื่อถือ และเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ DeFi เลือกใช้งานมากที่สุดสำหรับ trust-minimized application ฉันยังภูมิใจที่จะบอกว่า Chainlink Network เจอกับเหตุการณ์มากมาย ทำให้ Chainlink จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น ปลอดภัยยิ่งขึ้น Chainlink จะสามารถเอาชนะความท้าทายที่มากขึ้นในอนาคตได้เช่นกัน

ฉันเชื่ออย่างมากว่า Cryptographic truth และ Cryptographic guarantees จะมีความต้องการมากกว่าที่เคยเป็นมา เพราะฉันเชื่อว่าเหตุการณ์ในโลกคาดการณ์ได้ยากขึ้น (เช่น วิกฤตเศรษฐกิจ, เงินเฟ้อ) ความน่าเชื่อถือที่น้อยลง (เช่น downtime เพิ่มขึ้น, การรั่วไหลของข้อมูล, การโจมตีทาง cyber) และความปลลอดภัยสำหรับคนที่ต้องเชื่อใจหน่วยงานที่ตรวจสอบไม่ได้ (เช่น การล้มละลายของ Centralize exchange) ความต้องการของ Cryptographic truth และ Cryptographic guarantees จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดจากไอเดียของ Proof of reserves ที่ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวาง ซึ่งเป็นตัวอย่างว่าอุตสาหกรรม crypto หรือแม้แต่ economy ที่ใหญ่กว่า crypto จะต้องเปลี่ยนจากคำพูดที่ตรวจสอบไม่ได้ (เหตุการณ์ FTX) ให้เปลี่ยนมาใช้ Cryptographic truth (อย่าง Proof of reserve) เป็นพื้นฐานใหม่สำหรับ Application

การเปลี่ยนไปใช้ Proof of reserve ที่เป็น Cryptographic truth เป็นเพียงแค่ตัวอย่างหนึ่งที่ Trust-minimized application ทั้งในอุตสาหกรรม crypto และอุตสาหกรรมอื่นๆ สามารถนำ Cryptographic truth ไปใช้ โดย Chainlink เชื่อว่า trend ที่จะเห็นคือ ทีม Smart contract ต่างๆ รวมถึงองค์กรระดับโลกนำ Cryptographic truth ไปใช้ โดยทั้งหมดนี้ใช้ Chainlink เป็นโครงสร้างพื้นฐานเพื่อตอบสนองความต้องการของ Trust-minimized application ที่เพิ่มมากขึ้น สามารถฟังอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในงาน SmartCon 2022 ครั้งล่าสุด :

ส่วนล่างนี้คือเหตุการณ์สำคัญของ Chainlink ที่แสดงถึงความก้าวหน้าครั้งใหญ่ของคอมมูนิตี้ของพวกเราในปี 2022 รวมการวางตัวเองของ Chainlink Network จากมุมมองต่อตลาดและนวัตกรรมในปี 2023 และหลังจากนั้นอย่างไร

เหตุการณ์สำคัญของ Network และ Community

Metric ต่างๆ วัดผลการเติบโตของ Chainlink ในปี 2022
  • $6.9 trillion ใน Transaction Value Enabled (TVE)

TVE คือ ผลรวมมูลค่าธุรกรรมทั้งหมดที่ใช้ Chainlink protocol ในหน่วย USD ซึ่ง TVE เป็นตัวชึ้วัดชั้นสูงของ Chainlink ในฐานะโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของ Web3 ในปัจจุบันมี Oracle Netowork มากกว่า 1,000 เครือข่ายที่เปิดตัวและรองรับ blockchain หลักที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก

  • 5,800 ล้าน data point บน On-chain

โดยรวมแล้ว Chainlink Data Feeds ได้ส่งข้อมูลหลายพันล้านจุดไปยัง Smart contract ซึ่งช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรม dApp ในหลาย Blockchian network รวมถึง Layer 2 ด้วย

  • 700,000+ ครั้งของการตรวจสอบเงินสำรองแบบ off-chain และ cross-chain

Chainlink Proof of Reserve ช่วยเพิ่มความโปร่งใสอย่างมากให้กับทุนสำรองของ Stablecoins, Wrap token และ Digital asset อื่นๆ

  • 1,600+ โปรเจคใน ecosystem ของ chainlink

Chainlink เป็น ecosystem ที่ใหญ่ที่สุดที่หนึ่งใน Web3 ประกอบด้วยโปรเจคที่หลากหลายทั้ง DeFi, NFT, Gaming และ Insurance ที่นำ Chainlink Oracle ไปใช้สำหรับการนำเข้า off-chain data ที่ปลอดภัย, Proof of reserve, การสุ่ม, automation และอื่นๆ

  • 1,000+ Oracle network ที่เปิดตัว

Network ของ Network ใน Chainlink ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับสินทรัพย์ประเภทใหม่ เช่น cryptocurrency, สินค้าโภคภัณฑ์, อัตราเเลกเปลี่ยน ไปจนถึง NFT floor price ที่ล่าสุดเปิดตัว Mainnet ของ Chainlink NFT Floor Pricing Feeds ซึ่งสนับสนุนโดย Coinbase Cloud

  • 10.5 กว่าล้านครั้งของการสุ่มด้วย VRF

Chainlink VRF เป็นเครื่องมือพื้นฐานสำหรับ Gaming และ NFT บน blokchain ช่วยสร้างการสุ่มที่ fair ให้กับหลายร้อย application ที่ใช้งาน

  • 18,000 repositories+ บน GitHub ที่ใช้ Chainlink

การนำไปใช้ของ Developer กำลังเพิ่มขึ้น ด้วยจำนวนของ GitHub repositories ที่เพิ่มขึ้นที่เชื่อมโยงมายัง Chainlink service อย่างน้อย 1 รายการ โดย Chainlink Hackathons เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยดึงคนและเร่งการเติบโตของ Web3 developer ซึ่งมีผู้ลงทะเบียนมากกว่า 1,000 คนในปี 2022

  • 19,000 กว่าคนในงาน SmartCon 2022

คอมมูนิตี้ของ Chainlink เชื่อมโยงกันมากกว่า 40 ประเทศ ที่ Newyork ในเดือนกันยายน เป็น SmartCon ครั้งแรกแบบพบหน้ากัน ซึ่งเป็นการรวมรวบผู้มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมและผู้เข้างานจำนวนมากทั่วโลกเพื่อเเลกเปลี่ยนความก้าวหน้าของ Web3

SmartCon 2022 ใน Newyork เป็นการประชุม SmartCon แบบพอบหน้ากันครั้งแรกของ Chainlink

Chainlink Economics 2.0

การเปิดตัว Staking v0.1

Chainlink Economics 2.0 เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาการรักษาความปลอดภัยของ Oracle การแบ่งผลประโยชน์ที่ยั่งยืน (value capture) และการใช้งานอย่างแพร่หลายในระยะยาวของ Chainlink Network โดย Economics 2.0 ประกอบด้วยโครงการใหม่ๆ มากมาย อย่างโครงการ Chainlink BUILD, โครงการ Chainlink SCALE และที่โดดเด่นที่สุดคือ Chainlink Staking การออก Chainlink Staking v0.1 ครั้งแรกนี้เปิดตัวบน Ethereum mainnet ในวันที่ 6 ธค. เปิดโอกาสให้ คอมมูนิตี้สามารถนำ LINK token ไป stake เพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยของ Chainlink Network และ Ecosystem ของ Web3

Community pool เริ่มต้นขนาด 22.5M LINK มีผู้มา stake ครบจำนวนที่กำหนดภายใน 3 ชม. หลังเปิดตัว General Access โดย Staker วาง LINK ถึง 8M token ตั้งแต่ช่วง 45 นาทีแรก การเปิดตัวระบบ Staking เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ Chainlink Network ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนการยอมรับเเละใช้งาน Chainlink และ Web3 อย่างแพร่หลาย

Chainlink Economics 2.0 เป็นความคิดริเริ่มหลายมุมเพื่อสร้างวงจรที่ดีของความปลอดภัยของ Chainlink, การจับมูลค่า และการนำไปใช้อย่างแพร่หลาย

ขยายโมเดลการสร้างรายได้ของ Chainlink Network

นอกจากการเปิดตัวของ Chainlink BUILD, SCALE และ Staking แล้ว Economics 2.0 ใหม่ของ Chainlink คือ การขยายโมเดลการสร้างรายได้ของ Chainlink Network ซึ่งหมายถึงการแบ่งปันค่าธรรมเนียม ค่าธรรมเนียมตามการใช้งาน หรือรูปแบบการ subscription สำหรับ dApps และ protocol ที่ใช้บริการ Chainlink โมเดลเพิ่มเติมในอนาคตอาจมีการเกิดขึ้นเมื่อ ecosystem ของ Chainlink พัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสในแบ่งผลประโยชน์สำหรับผู้ให้บริการ Chainlink ซึ่งรูปแบบการสร้างรายได้ที่น่าสนใจของ Chainlink oracle จะช่วยทั้งตอบสนองความต้องการในการรักษาความปลอดภัยของ Web3 ในขณะเดียวกันก็สนับสนุนความยั่งยืนในระยะยาวของ Chainlink Network

ปัจจุบัน Chainlink เป็นโครงสร้างของ dApps ชั้นนำหลายร้อย platform ที่เป็น DeFi ที่สร้างรายได้จำนวนมาก ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้ Chainlink สามารถให้บริการ Oracle ด้วยความปลอดภัย, ความเร็ว และคุณภาพที่มากขึ้น เพียงแค่ dApps เลือกจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับบริการดังกล่าวได้ บริการ Oracle รูปแบบใหม่นี้ช่วยให้ dApps และ protocol ในตลาด Web3 ที่มีการแข่งขันสูงนี้สามารถใช้งาน Oracle ขั้นสูง และสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี Oracle ใหม่ได้ก่อนใคร โดยโมเดลใหม่นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ความสำเร็จของ dApps สอดคล้องกับ economics ของ Chainlink Network เป็นตัวอย่างของโอกาสใหม่ในด้าน Economics ของ Chainlink Network เมื่อรวมเข้ากับ Chainlink BUILD (Economics 2.0 ที่ project ที่เข้าร่วมจะต้องมอบ Total supply ส่วนหนึ่งแบ่งมาเป็นค่า fee) ช่วยให้ผู้ให้บริการใน ecosystem ของ Chainlink เช่น Staker จะสามารถมีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของ Web3 ที่สนับสนุนโดย Chainlink มากขึ้น

เมื่อ Chainlink Staking เกิดขึ้นและเพิ่มการรองรับ Data Feeds และบริการ Oracle ที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้ dApps และ protocol ที่เชื่อมต่อจะสร้างค่าธรรมเนียมจำนวนมากขึ้น ค่าธรรมเนียมส่วนหนึ่งที่จ่ายให้กับ ecosystem ของ Chainlink จะแบ่งไปยังผู้ให้บริการ อย่าง LINK Staker สำหรับการช่วยรักษาความปลอดภัยของบริการ Oracle เหล่านั้น

การปรับปรุงรูปแบบการชำระเงินของ Chainlink Network

เพื่อสนับสนุนรูปแบบการสร้างรายได้ที่หลากหลายขึ้น Chainlink กำลังอยู่ในขั้นตอนออกแบบรูปแบบการชำระเงินสำหรับบริการ Chainlink โดยเป้าหมายคือทำให้ dApps และ developer ที่ใช้บริการ Chainlink อยู่สามารถชำระเงินได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ผู้ใช้งานจะจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับ Chainlink มากขึ้น เพื่อลดความยุ่งยากในการเก็บค่าธรรมเนียม การชำระเงินสามารถเลือกได้ว่าจะจ่ายเป็น LINK หรือเป็นสินทรัพย์อื่น (อย่าง Native token) ในอัตราที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับการชำระด้วย LINK ซึ่งท้ายที่สุดการชำระเงินด้วยสินทรัพย์อื่นก็จะแปลงเป็น LINK ในท้ายที่สุด ยังคงส่งผลให้ปริมาณการใช้ LINK โดยรวมเพิ่มขึ้น รูปแบบการชำระเงินที่ปรับปรุงใหม่ที่ใช้งานง่ายขึ้นนี้จะช่วยให้มีการชำระค่าธรรมเนียมให้กับผู้ให้บริการ Chainlink เป็นจำนวนที่มากขึ้น รวมถึง LINK Staker เมื่อโมเดล user fee reward ถูกนำมาใช้ แม้ว่า economic model นี้กำลังอยู่ในช่วงพัฒนา แต่ท้ายที่สุด vision ของ Chainlink คือช่วยให้โอกาสในการรับรายได้ที่มากขึ้นสำหรับ Service provider เพิ่ม Utility และความปลอดภัยทางเศรษฐกิจสำหรับ dApps และความยั่งยืนในระยะยาวสำหรับ Chainlink Network โดยรวม

สำรวจความต้องการของตลาดในปี 2023

นอกเหนือจาก Network, Community และเหตุการณ์สำคัญตามด้านบน Chainlink ยังมีความก้าวหน้าที่สำคัญในการขยายโครงสร้างพื้นฐาน Oracle สำหรับตลาด on-chain ใหม่ๆ โดยมี 3 ประเภทที่ Chainlink ให้ความสนใจเป็นพิเศษ :

  1. ส่ง information/market data และ commands/event จากระบบเดิมไปยัง blockchain ทำให้ Chainlink เป็นช่องทางหลักสำหรับการนำเข้าและส่งออก command และ information ไป-มายัง blockchain
  2. เชื่อมต่อ blockchain รวมเข้าเป็น Network ขนาดใหญ่ที่สามารถส่งมูลค่าและ smart contract สามารถทำงานร่วมกันข้าม Network ได้ โดย developer สามารถเชื่อม smart contract ข้าม Blockchain ได้แบบที่พวกเขาเชื่อม code เข้ากับ cloud หลายที่
  3. เพิ่มการ off-chain computation สำหรับ trust-minimized application ขั้นสูง ตัวอย่างที่มีอยู่เช่น Chainlink VRF, Chainlink Automation และ zero knowledge proof ของ DECO และอีกหลายส่วนที่กำลังพัฒนาอยู่

สองข้อแรกมุ่งเน้นไปที่การทำให้ Chainlink เป็นระบบสำหรับการส่งข้อมูลและมูลค่าทั้งหมดเข้า-ออก blockchain รวมถึงข้ามระหว่าง blockchain และในตอนนี้ได้เกิด Network effect กับ Chainlink แล้ว เมื่อ Chainlink ยิ่งมี data source และ Network จำนวนมากเข้ามาร่วมให้บริการก็จะยิ่งดึงดูดคนรายอื่นๆ เข้ามาให้บริการด้วยเช่นกัน การที่ Developer สามารถใช้งานได้หลาย blockchain จะช่วยเร่งการนำไปใช้กับหลายอุตสาหกรรมหลักต่างๆ (เช่น ธนาคาร) ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าและกิจกรรมทางเศรษฐกิจใหักับอุตสาหกรรม blockchain

ส่วนข้อที่ 3 คือการขยาย Chainlink สำหรับระบบการประมวลผลแบบ general-purpose ที่เป็นที่ต้องการของ trust-minimized application แต่ไม่สามารถทำได้บน blockchain ส่วนที่ 3 นี้เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สำคัญ ตัวอย่างเช่น การรักษาความเป็นส่วนตัวโดยใช้ zero-knowledge proof, การเพิ่ม scalability และส่งมอบสิ่งเหล่านี้ไปยัง developer

Chainlink เป็น platform การประมวลผลแบบ trust-minimized ที่หลากหลายซึ่งขับเคลื่อน Web3 Application

ด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างที่ดีที่จะทำให้เห็นว่า Chainlink จะสร้าง impact กับอุตสาหกรรมตามความสนใจ 3 ข้อของเราได้อย่างไร Chainlink เรียนรู้ว่าตลาดมีความต้องการอะไร และปรับแผนของเราเพื่อตอบสนองความต้องการนั้น

Tokenize สินทรัพย์โลกจริง และการเชื่อมต่อ Cross-chain

ความต้องการของความโร่งใสและ trust-minimization ที่เพิ่มขึ้น User กำลังย้ายมาใช้งาน และย้ายสินทรัพย์ตอนเองเข้าสู่เศรษฐกิจ blockchain เป็นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ Digital asset และสินทรัพย์ที่ตั้งโปรแกรมได้ (Programable asset) ไม่เพียงแต่ให้ความโปร่งใสและการรับประกันที่มากขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้การเข้าถึงได้มากขึ้น และ utility ที่มากขึ้น โดย programable asset สามารถนำไปใช้สร้าง reward, นำไปวางเป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน (collateral), นำไปใช้ในเกมส์ระบบ play-to-earn หรือจะเป็นอนุพันธ์ (derivative product) และอื่นๆ อีกมากมาย

ในฐานะที่ Chainlink เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างระบบดั้งเดิมและ Blockchain นั้น Chainlink เป็นผู้มีส่วนร่วมที่สำคัญใน mega-trend ของเรื่อง Tokenization นี้ ผู้ให้บริการด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงิน (Financial infrastructure) ทั่วโลกกำลังสนใจ Chainlink ในฐานะ Layer ที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงเศรษฐกิจของ blockchain ได้ ในงาน SmartCon 2022 แสดงให้เห็นว่าองค์กรขนาดใหญ่ร่วมมือกับ Chainlink ในเรื่องของ proof-of-concept อย่าง Cross-Chain Interoperability Protocol (CCIP) ที่สามารถใช้ message ในการสั่งโอน digital asset

Partner ระดับ alpha หลายราย อย่าง Synthetix และอื่นๆ ได้มีส่วนร่วมในการทดลองสร้างต้นแบบ (prototype) และช่วยทดสอบ CCIP ในเบื้องต้น โดย prototol นี้จะมีการเปิดตัวเเบ่งเป็นหลาย phase ตลอดปี 2023 ซึ่งต้องทำการทดสอบคุณภาพอย่างต่อเนื่องตั้งแต่การ penetration test, soak test และ audit ทั้งภายในและภายนอกอีกหลายครั้ง ขั้นตอนเหล่านี้ช่วยให้มั่นใจว่า CCIP ใน version ใช้งานจริงจะเป็นที่ต้องการในระบบ Cross-chain ที่เฉพาะและซับซ้อน ซึ่งในปี 2022 มีการโอนเงิน Cross-chain มากกว่า $100B และถูก hack ไปมากกว่า $2.5B

เราทราบดีว่าหลายคนรอคอยการเปิดตัว CCIP แต่ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของ CCIP เนื่องจากเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับโปรดัคใหม่ของ Chainlink ในทุกครั้ง Chainlink ขอขอบคุณความอดทนและความเข้าใจของทุกคน และตั้งตารอ CCIP ในปี 2023 ในจุดที่สามารถทำงานได้ออย่างดีและความปลอดภัยของเศรษฐกิจ Cross-chain ที่กำลังเติบโต

Proof-of-Reserves

เมื่อมูลค่าบน On-chain ไหลเข้าสู่ Application แบบ hybrid มากขึ้น (On-chain/off-chain hybrid) เราจะเห็นความต้องการของ Proof-of-Reserve ที่เพิ่มมากขึ้น การล่มสลายของ FTX ทำให้ความต้องการความโปร่งใสของสินทรัพย์ใน ecosystem เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ Chainlink Proof-of-Reserve ให้บริการ proof การค้ำประกันสินทรัพย์ที่ใช้งาน DeFi อย่าง Stablecoins ชั้นนำ, Wrap token (WBTC, eFIL) และ Token ที่ bridge มาสร้างใหม่ (Aave on Avalanche) Chainlink Proof of Reserve เป็นตัวขับเคลื่อนหลักของ Tokenization สินทรัพย์จากโลกจริง ช่วยสนับสนุนการค้าขายบนเครือข่าย (on-chain commerce) โดยการเพิ่มความโปร่งใสให้กับ Stablecoins ที่อิงกับราคา fiat (เช่น GBPT) และ Tokenize gold ที่ใช้ทองคำจริงเป็นทุนสำรองในการ back ไว้

สินทรัพย์จำนวนมากขึ้นกำลังโยกย้ายแบบ on-chain และ cross-chain อย่างปลอดภัยด้วย CCIP และ Chainlink Proof of Reserve ซึ่งจะช่วยปูทางให้ Web3 developer สามารถสร้าง product ใหม่และ use-case ใหม่ๆ ด้วย programable asset เหล่านี้

DeFi Derivative (อนุพันธ์) และข้อมูลความหน่วงต่ำ (Low-Latency Data)

เมื่อสินทรัพย์ขึ้นไปอยู่บน blockchain network แล้ว utility ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากด้วยตราสารอนุพันธ์ (derivative) ความท้าทายทางเทคนิคที่ DeFi derivative กำลังเจออยู่ในปัจจุบันคือ ความต้องการข้อมูลตลาดที่ปลอดภัยและมีความหน่วงต่ำ (low latency) Protocol ด้าน on-chain derivative ต้องการข้อมูลความหน่วงต่ำเพื่อช่วยให้การ trade มีความเร็วสูง และลด Maximal Extractable Value (MEV) เช่น front running ซึ่ง Ultra-low-latency pull-based Chainlink oracle กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาเพื่อช่วยให้ DeFi เอาชนะความท้าทายนี้ Oracle architecture รุ่นใหม่นี้สามารถลดความหน่วงในการ update ได้ ในขณะเดียวกันก็ลดต้นทุนการดำเนินงานของ Oracle network อย่างมากด้วยการเปลี่ยนให้ User เป็นผู้จ่ายค่า gas ในการเผยแพร่ oracle report ลงบน Network และป้องกัน MEV ที่เป็นอันตราย DeFi derivative จะน่าสนใจมากขึ้นในปี 2023

นอกจากนี้ Ultra-low-latency pull-based Chainlink oracle ยังนำเสนอแนวทางที่คล่องตัวขึ้นสำหรับเพิ่มการรองรับ Blockchain ที่มากขึ้น ทำให้มีการผสานรวมที่ lightweight กว่าเดิมเมื่อเทียบกับแบบ Data Feed เราจะประเมินและพัฒนาแนวทางนี้ต่อไปเพื่อ scaling เครือข่าย Chainlink เมื่อ ecosystem ของ Multi-chain ถูกพัฒนา

ขยายการประมวลผล off-chain แบบ trust-minimized

นอกจากการส่งข้อมูลและการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยแล้ว การประมวลผล off-chain แบบ trust-minimized ยังเป็นหนึ่งใน feature ที่ดีที่สุดของ Chainlink เราประทับใจอย่างมากเมื่อเห็น Web3 builer ใช้บริการต่างๆ ของ Chainlink กำหนดการคำนวณ Oracle ใหม่ เพื่อปลดล็อคนวัตกรรม Application แบบ hybrid ที่ขับเคลื่อน DeFi, dynamic NFTs และตลาดอื่นๆ บน Network การเปิดโอกาสให้ developer สามารถใช้งาน smart contract ที่หลากหลายได้อย่างเต็มที่เป็นหนึ่งในภารกิจหลักในวิสัยทัศน์ของ Chainlink ในฐานะแพลตฟอร์มที่ให้บริการกับ Web3

ในปี 2023 เราวางแผนที่จะขยายความสามารถของการประมวลผล off-chain แบบ trust-minimized ของ Chainlink โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับปรุง API และเพิ่มขีดความสามารถของ developer ในการปรับแต่ง sourcing, การประมวลผล, consensus และการส่งมอบ resource แบบ off-chain ผ่าน Chainlink DON ซึ่ง function นี้จะปลดล็อค use-case ที่หลากหลาย เนื่องจาก developer จะมีความยืดหยุ่นในการกำหนดวิธีที่ Chainlink Oracles สามารถ trigger การ execution, ประมวลผล, และส่ง output จาก dApps ของเขาโดยไม่จำเป็นต้องสร้าง Oracle ด้วยตัวเอง เรามี dApps ชั้นนำหลายตัวที่ใช้ Chainlink oracle สำหรับทั้ง data และการประมวลผล (computation) โดยมี User จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ต้องการแก้ปัญหาเรื่องการประมวลผล off-chain แบบ trust-minimized ด้วย Oracle network

ถือเป็น Platform แบบบริการตนเองให้กับ developer ที่ต้องการนำ data เข้ามายัง on-chain และประมวลผล off-chain เพื่อตอบสนองความต้องการของพวกเขาที่ต้องการนำอุตสาหกรรมภายนอกทุกวันนี้เข้ามายังเศรษฐกิจ Web3

ความสามารถในการปรับตัวเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในระยะยาวของ Chainlink

ปีที่ผ่านมาแสดงให้เราเห็นว่า Web3 เป็นอุตสาหกรรมที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ซึ่งจำเป็นต้องมีการปรับตัวอย่างสม่ำเสมอเพื่อสามารถเข้ากับตลาดในตอนนั้นที่เปลี่ยนแปลงไปรวมถึงความต้องการของ User ที่เปลี่ยนแปลงไป ความสามารถในการปรับตัวเป็นทักษะที่ ecosystem ของ Chainlink ประสบความสำเร็จและควรยินดี

เรากำลังสร้าง technology ใหม่ที่ส่งผลสำคัญต่อการทำงานของสังคมบนอินเทอร์เน็ต (Internet-based society) : cryptographic truth และ cryptographic guarantees เป็นมาตรฐานใหม่สำหรับธุรกรรม digital ส่วนใหญ่ ซึ่งมีมูลค่าตลาด $867+ trillion เมื่อตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงของวิธีการที่สังคมบนอินเตอร์เน็ตทำงานจะต้องมีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง และการท้าทายสมมติฐานก่อนหน้านี้เพื่อส่งมอบ product ที่เหมาะสมที่สุดในตลาดอยู่สม่ำเสมอ

Technology ที่ยอดเยี่ยมสร้างขึ้นจากความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ตอนนั้น ซึ่งจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางตามตลาดและความต้องการของ user ที่เปลี่ยนไป ตัวอย่างเช่น Market data เทียบกับ Data ประเภทอื่นๆ ของ DeFi ควบคู่ไปกับความสำคัญของ feature หลักที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นเป็นครั้งคราว (เช่น CCIP) และการชะลอตัวของ feature ที่ความต้องการลดลง (เช่น trust hardware) ความสามารถในการปรับตัวนี้มีความสำคัญเมื่อสร้างระบบที่ซับซ้อนอย่างรวดเร็วซึ่งพยายามตอบสนองความต้องการของ user ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เรากำลังเตรียมการสื่อสารกับคอมมูนิตี้เพื่อสร้างความชัดเจนว่าเหตุใดบริการบางอย่างจึงได้รับการสร้างขึ้นมา และหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกับคอมมูนิตี้เพื่อทำให้ Chainlink เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของ Web3

ฉันรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อทุกคนในคอมมูนิตี้ของเราที่เข้าใจสิ่งที่เรากำลังพยายามทำโดยการใช้ cryptographic truth ขอขอบคุณสำหรับการทำงานร่วมกับเราอย่างมีภาพเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญนี้

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Chainlink และติดตามการอัปเดต Chainlink ecosystem ให้สมัครรับ Chainlink newsletter และติดตาม Twitter ของ Chainlink

--

--