ความน่าเบื่อของการกีดกัน

Chris
Chris’ Dialogue
Published in
1 min readFeb 7, 2020

พึ่งได้ข่าวนโยบายนี้

ส่วนตัวผมชอบนะ แต่ละบริษัทก็รับความเสี่ยงกันเอาเอง มันเพิ่มแรงจูงใจให้บริษัท ก็ไม่ได้บังคับว่าต้องจ้าง แค่มีแรงจูงใจไป

ประเด็นเบื้องลึกที่ทำให้ผมชอบสิ่งนี้จะเป็นเรื่องการเมืองและแนวคิด

ผมมีแนวคิดว่า สุดท้ายถ้าไม่มีงานให้คนที่เคยต้องโทษทำ เขาก็มีโอกาสสูงที่จะก่ออาชญากรรมอีก แล้วเราก็ต้องจ่ายเพื่อคะมครองสวัสดิภาพตัวเอง ลงทุนกับการปราบปราม ซึ่งผมเบื่อ

ผมบอกว่าตราบใดที่ยังอยู่ประเทศเดียวกันมันหนีกันไม่พ้นอ่ะ คุณไม่อยากเอาทรัพยากรไปช่วยเหลือเขา คุณก็ต้องเอาทรัพยากรมาสร้างระบบปกป้องและกีดกัน ซึ่งบางทีมันแพงซะกว่าเจียดเงินบางส่วนช่วยเขาอีก

ไม่อยากจะนึกว่าถ้าอีกหน่อยทุกบ้านต้องติดรั้วไฟฟ้าแบบในเกม dystopia อย่างเกม dishonored แล้วมันตลกที่สุดตรงที่อะไร ในเกม dishonored คนจ่ายค่าป้องกันตัวไปขนาดนั้นแล้ว ก็ยังบ่นอยู่เลยว่า ทำไมต้องจ่ายเพื่อช่วยเหลือคนอื่น ไม่ใช่เรื่องของฉัน

มันเป็น bias ที่สั่งสอนกันมาว่าไม่ควรให้อะไรกับคนที่ไม่เหมาะสม (undeserving) และผูกสิ่งนี้เข้ากับความสิ้นเปลือง ซึ่งบางที ยอมให้บางส่วนประหยัดกว่า

หลายคนอ้างเรื่อง “ทรัพยากรมีน้อย ช่วยทุกคนไม่ได้ ทำไมต้องเอาไปให้คนพวกนี้ที่ไม่สมควรได้รับ” ผมบอกว่า ก็ต้องมาชั่งน้ำหนักกับการกีดกันอ่ะว่าอะไรแพงกว่า เพราะสุดท้ายมันอยู่ด้วยกันไง คุณหนีกันยังไงพ้นล่ะ ยังไงก็ต้องหาทางอยู่ด้วยกัน จะไปท่ากีดกันไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกันสร้างรั้ว หรือช่วยกันปรับกันให้อยู่ด้วยกันได้ ก็ต้องทำอะไรซักอย่าง

มันหนีการใช้ทรัพยากรกับเรื่องพวกนี้ กับคนพวกนี้ หนียังไงก็หนีไม่พ้นหรอก ไม่มีทาง มีแค่ต้องชั่งน้ำหนักว่าจะใช้แบบไหนให้คุ้ม

แต่ถ้าใครบอกแค่ไม่อยากช่วยคนที่ไม่สมควรได้รับการช่วยเฉยๆ จ่ายค่ารั้วไฟฟ้าได้ จ่ายค่ายามได้ ดีกว่าเจียดเงินให้คนที่ไม่สมควรได้รับ ผมรับได้นะถึงจะไม่ชอบใจ

อันนั้นคือแค่คุณมี Priority ที่ต่างกันกับผม ผมไม่ได้มองว่าคนที่มีประวัติและรับการลงโทษไปแล้วมัน Underserving ขนาดนั้น

และส่วนตัว ผมเบื่อที่จะต้องมากีดกัน ระวังตัวแจ สร้างรั้วไฟฟ้า จ้างยามจ้างตำรวจจำนวนมาก เดินถนนก็ต้องสังเกตตลอดเวลาว่าจะมีใครมาทำร้ายอะไรหรือเปล่า มีคนไม่หวังดีอยู่ใกล้ๆ มั้ย

ชีวิตแบบนี้ มันน่าเบื่อออออออออออออออออออออออออออออ

แต่มันจำเป็นสำหรับสถานการณ์ตอนนี้ ผมก็ต้องระวังตัว ผมก็ต้องป้องกันตัวเองค่อนข้างมาก เพราะสังคมมันไม่ปลอดภัย

แต่ผมไม่ได้อยากอยู่แบบนี้ตลอดไป

ผมไม่อยากส่งต่อสังคมที่ต้องระวังตัวแจต้องป้องกันตัวตลอดเวลา ต้องคอยระวังโน่นนี่นั่นตลอดเวลา ให้ลูกหลานรุ่นถัดไป ไม่อยากให้ลูกหลานคนรุ่นถัดไปต้องอยู่อย่างน่าเบื่อยังงี้อีก

ดังนั้นถึงแม้ผมจะไม่กล้ารับความเสี่ยง ให้โอกาสคนที่มีประวัติไม่ดีด้วยตัวเอง

แต่เวลาที่มีคนมอบโอกาสให้ มีคนยอมรับความเสี่ยงนี้ ผมดีใจและชอบใจครับ ขอบคุณมากๆ ที่คุณรับความเสี่ยงนี้แทนผม ขอบคุณจากใจ

ผมมองว่ามันเป็นเรื่องนึงที่เราในสังคมต้องยอมเสี่ยงให้โอกาสกันบ้าง ถ้าเราไม่อยากอยู่กันอย่างระวังตัวแจแบบนี้ไปตลอดกาล

--

--

Chris
Chris’ Dialogue

I am a product builder who specializes in programming. Strongly believe in humanist.