สิ่งที่ได้เรียนรู้จากค่าย YWC ครั้งที่ 15

Chun Rapeepat
Chun
Published in
2 min readJan 10, 2018

สวัสดีทุกๆคนที่เข้ามาอ่านในบทความนี้นะครับ สำหรับใครที่หลงเข้ามาก็อย่าพึ่งปิดหน้าไป อ่านให้จบก่อน 55 ในบทความนี้ผมจะไม่ได้มาเขียนรีวิวค่ายหรือแนวแบบผ่านอะไรมาบ้าง แต่จะมาเขียนเกี่ยวกับว่า ผมได้เรียนรู้อะไรในค่ายนี้บ้าง

ถึงจะจบค่าย แต่จริงๆแล้วมันคือการเริ่มต้น

คนเรามันไม่มีอะไรจะต้องเสียอยู่แล้ว อยากทำอะไรก็ลุยไปเลย

ที่เห็นทุกคนนั้งอยู่นี่ จริงๆคือหลับในกันไปหมดแล้ว GG~

จริงๆตอนสมัครค่ายมันค่อนค่างลังเลอยู่เหมือนกันนะ ว่าจะกดสมัครไปดีไหม มันมีหลายความคิดมากๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นความกลัวและกังวล เช่น เราจะติดค่ายไหมเนี่ยถ้าสมัครไป ถ้าติดไปแล้วจะไปเป็นตัวถ่วงชาวบ้านเขารึป่าว อะไรทำนองนี้ แต่ก็กดสมัครมาจนได้

บางทีความกลัวพวกนี้ผมคิดว่าหลายๆคนคงต้องมีมันอยู่กับตัวอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่ามันมีอำนาจกับเรามากแค่ไหน ผมชอบประโยคนึงที่ พี่ขุนเขา สินธุเสน (เป็นนักจิตวิทยาคนนึงนี่หละ) ได้กล่าวเอาไว้ ว่า

ความกลัวมันก็เหมือนกับหมอกนั้นหละ หมอกมันใหญ่มากที่จะสามารถปกคลุมทั้งเมืองได้ แต่จริงๆแล้ว ถ้ากลั่นหมอกพวกนั้นมาดูจริงๆ มันจะได้นำ้ถึงแก้วรึป่าวก็ไม่รู้

จริงๆแล้วถ้ามานึกดูอีกที ถ้าเราทำพลาดแล้วเราจะเสียอะไรด้วยหรอ? พอได้มองที่จุดนี้ก็รู้สึกว่า โอเค ช่างแม่ม ถ้าติดก็กำไร ไม่ติดก็เท่าทุน ดั่งคำที่ศาสดา Steve Jobs ได้กล่าวไว้ว่า

You’re already naked. There is no reason not to follow your heart.

เข้าใจเกมไม่พอ ต้องเข้าใจคนสร้างเกมด้วย

รูปแม่งไม่เกี่ยวอะไรกับหัวข้อเลยโว้ยยยยย ~

ในวันที่ทุกคนต้องออกไป Present ผลงานที่เผากันมาเป็นเวลาหลายวัน มันจะมีประเด็นที่พูดถึงกันมากที่สุดคือการเลือกใช้ เครื่องมือ (Frameworks) ในการทำ Demo ซึ่งก็มีทั้งทีมที่มองเกมออก แล้วก็ทีมที่มองเกมไม่ออกเช่นทีมข้าพเจ้านี่หละ ถถ

สำหรับในค่ายนี้สิ่งที่ต้องตกลงกันเลยในทีมคือ เรื่อง Tools แล้วก็เรื่องเวลาที่น้อยมาก สำหรับเรื่องเวลาก็ต้องมองให้ออกว่า เราควรจะทำให้การ Present ลื่นไหลที่สุด อย่างน้อย Demo ต้องลื่นใหล ทำให้การ Present ไปต่อได้ ต้องมองตรงนี้ให้ออก จะได้ไม่เอาเวลาไปเสียกับอย่างอื่นเช่น การเขียน Backend. ส่วนอีกเรื่องนึงคือ Working Software เป็นอีกอันทีสำคัญมาก ในการทำงานเป็นทีม Frameworks, Tools ที่เราใช้ เราใช้เป็นแค่คนเดียวรึป่าว คนอื่นๆในทีมว่าไงกันบ้าง. ไม่ใช่แค่ dev นะหมายถึง Design, Content, Marketing ด้วย. ผมชอบประโยคนึงมากของพี่ตั้ง บอกไว้ว่า

Working software is the king

เป็นเรื่องที่จริงสุดๆ เพราะถ้าทีมไม่ถนัด Tool ที่กำลังใช้อยู่ งานมันจะราบลื่นได้ยังไง โดยเฉาะค่ายนี้ที่เวลาโครตน้อย

ในความเป็นจริงแล้วมันมีปัจจัยอื่นๆนอกจากนี้มากนะ เช่น เวลา, งบประมาณ, Learning Curve อะไรต่างๆนาๆ ดังนั้นการเลือก Tool สำหรับการทำงานเป็นทีม เป็นอะไรที่สำคัญสุดๆ

จงเป็นกิ่งก่า

เผางานเสร็จสิ้นตี 1 ไปเตรียมตัว Present ต่อถึงตี 5 T_T

ในค่ายวันแรกๆตอนจัดทีมใหม่ๆ มันมีเกมๆนึง ประมาณว่า ให้แบ่งคนในทีมออกเป็น 2 กลุ่มย่อยๆ เป็นทีมที่เห็นด้วย กับไม่เห็นด้วย แล้วจะมีหัวข้อมาให้ Discuss กันเอง เช่น Donald Trump กับ Kim Jong Un ใครปั่นจักยานไวกว่ากัน ซึ่งจริงแล้วๆคงปั่นไม่ไปถึงไหนด้วยกันทั้งคู่.. ไม่ใช่ละ กลับเข้าเรื่องต่อดีกว่า

พอเล่นเกมนี้ไปได้พักนึง หลังจากที่มีคนนึงออกมาเสนอไอเดียว่าคิดเห็นยังไงที่เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย คนในทีมเริ่มมึนกันเองละสรุปเราเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกันแน่. จากนั้นจำไม่ได้ว่าใคร ก็มีคนพูดขึ้นมาว่าทำนองว่า ทีมเราอย่างกับกิ่งก่าเลย เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ตามคำชักชวน 555

ในโลกจริงๆแล้วการปรับตัวเป็นอะไรที่ผมคิดว่าสำคัญมากนะ คนที่จะอยู่รอดต่อไปได้คือคนที่ปรับตัวได้ไวกว่าชาวบ้านเขา เหมือน netflix กับ blockbuster ตอนแรกเป็นร้านเช่าแผ่นหนัง พอเทคโนโลยีมันมา ร้านเช่าหนังไม่ยอมปรับตัว สุดท้ายก็ล่มไป

ไอเดียที่คิดกันตอนแรกในทีมเป็นไอเดียง่ายๆที่คนก็คิดกันไปแล้ว หาจุดที่แตกต่างยาก คิด Bussiness Model ก็ยากไปหมด โชคดีนะที่เราปรับตัวได้ไว (เรียกได้ว่าไอเดียแรกกับไอเดียที่ 2 มันไม่มีอะไรเชื่อมโยงกันเลย) ไม่งั้นคงมาไม่ถึงจุดนี้ เหมือนกับกิ่งก่าที่ปรับตัวให้เขากับสภาพแวดล้อมได้อย่างรวดเร็วนั้นเอง

การทำงานเป็นทีมที่ดีที่สุด

หลังจากได้รับป้ายไม่กี่วินาที ป้ายก็ร่วงลงมาทันที ๕๕๕

จริงๆแล้วในโลกนี้คงไม่มีอะไรที่ดีที่สุดหรอก เพราะยังไงสิ่งที่เราคิดว่ามันดีที่สุดแล้วในตอนนี้ อนาคตยังไงมันก็ต้องมีสิ่งที่ดีกว่ามาทดแทนอยู่ดี การทำงานเป็นทีมก็เหมือนกัน จริงๆทีมเราไม่ใช่ The best teamwork หรอก แต่เป็นทีมที่ คุยกัน, เชื่อมั่นและเข้าใจกันมากกว่า

การทำงานเป็นกลุ่ม กับการทำงานเป็นทีมไม่เหมือนกันนะ. การทำงานเป็นทีมนั้น ทุกคนต้องคุยกัน ทีมที่งานเดินไวก็คือทีมที่คุยกัน สื่อสารกันได้รวดเร็ว อีกอย่างคือทีมต้องมีความรับผิดชอบร่วมกัน เวลาคนมองมาที่ผลงาน ถ้าผลงานมันแย่ คนอื่นก็จะมองว่าทีมแย่ไปเลย ทั้งๆที่อาจจะเป็น Dev คนเดียวก็ได้ที่แย่

อีกอย่างนึงก็คือการที่ทุกคนในทีมเชื่อใจกัน เรื่องนี้สำคัญสุดๆ ถ้าคนในทีมไม่เชื่อใจกัน งานที่ตัวเองทำอยู่มันจะเต็มที่ได้ยังไง ในเมื่อต้องไปคิดว่าคนอื่นจะทำได้รึป่าว จะเสร็จรึป่าว ผลงานจะออกมาที่เราต้องการรึป่าว อะไรก็แล้วแต่ ความคิดพวกนี้นอกจากจะทำให้ไม่ Focus กับงานเท่าที่ควรแล้ว ยังจะทำให้คนในทีมเดือดร้อนไปด้วย

เดินหน้าต่อไปอย่าหยุด

ทุกคนหายเหนื่อยกันละ รู้สึกได้ว่าเวลาที่เสียไปมันคุ้มค่ามาก

สิ่งสุดท้ายที่จำเป็นคือ อย่าหยุดที่จะเรียนรู้ ชอบอะไร อยากทำอะไรก็ไปให้สุดไปเลย จะได้ไม่ต้องมานั้งเสียใจทีหลัง หลายครั้งมากนะที่ผมรู้สึกว่า รู้งี้น่าจะไม่เล่นเกม หรือรู้งี้น่าจะทำแบบนี้ดีกว่า นานๆที นานมากๆถึงจะรู้สึกว่า ได้ทุ่มเวลา แล้วคุ่มค่ามากขนาดนี้ เป็นความรู้สึกที่หาโครตยากเลย แต่จะพยายามทำให้ได้เรื่อยๆ

ยังไงก็ตามขอบคุณค่ายนี้มากที่ให้โอกาศ ถ้าปีหน้าไปช่วยทำค่ายได้ก็จะไปช่วยเต็มที่ ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ได้เจอกัน แล้วก็ขอบคุณทีมที่ได้ทำงานร่วมกัน ไม่คิดว่าจะเป็นทีมที่เจ๋งขนาดนี้ เกิดมาไม่เคยพบเจอ แล้วเดี๋ยวไว้เจอกันใหม่นะ bye~

--

--

Chun Rapeepat
Chun
Editor for

Indie hacker, entrepreneur, and Web3 researcher.