Year in review 2017 — ปีแห่งการเริ่มต้น
จะขึ้นปีใหม่แล้วมาอัพเดรตบล็อกบ้างดีกว่าเดี่ยวมันว่าง แล้วก็ถือซะว่าจดเตือนความจำตัวเองไปด้วยเลยละกัน~
ปีนี้ถือว่าเป็นปีแห่งการเริ่มต้นในอะไรหลายๆอย่าง เป็นปีที่ออกไปเดินตามงานต่างๆ เรียนรู้อะไรใหม่ๆมากขึ้น ถึงจะไม่ได้เดินหน้าเร็วกว่าคนอื่นแต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี เดี่ยวไปดูกันเลยดีกว่าว่าปีนี้ผ่านอะไรมาบ้าง
Torkla Project By SCB Foundation
เริ่มต้นปีด้วยค่ายต่อกล้า ค่ายนี้ถือว่าเป็นกุญแจในการเปิดประตูเลยละกัน ถ้าไม่มีค่ายนี้ป่านนี้คงได้นั้งกินแกลบอยู่ที่บ้าน ซึ่งความจริงก็เกือบไม่ได้ไปแล้ว แต่พอดีตอนนั้นทีมน่าจะขาดไปคนนึงพอดี เลยได้ไปเข้าค่ายด้วย (Thank มากที่มาชวน)
ซึ่งค่ายนี้ทุกทีมก็จะมี Product เป็นของตัวเองอยู่แล้ว มาเข้าค่ายเรียนรู้อยู่ประมาณ 7วัน แล้วก็ Present งานรับทุนไปทำต่อให้มันเอาไปใช้งานจริงๆได้ ซึ่งในทีมก็ทำเกมส์ชื่อว่า Our Darkest Night เป็นเกมเอาชีวิตรอด เขียนด้วย Unity (ถึงเกมจะบัคโครตเยอะ แต่ก็ได้นำไปขายจริงใน Steam) เข้าเรื่องต่อ… หลังจากเข้าค่ายไปแล้วรู้สึกว่ามันคุ้มกว่าที่คิดไว้เยอะมาก ได้เรียนในสิ่งที่ชีวิตนี้จะได้ไปเรียนรึป่าวก็ไม่รู้ เช่นพวก Agile, UX Testing, การทำ Prototype และอื่นๆ ได้รู้เทคนิคต่างๆ ได้ลงมือทำจริงๆ ซึ่งก็ไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด แล้วก็ได้เจอคนโหดๆอีกหลายๆคน พอกลับไปถึงบ้านก็รู้สึกว่ามีแรงกระตุ้นให้ทำงาน หรืออะไรพวกนี้มากขึ้นเยอะ
เพิ่มเติม: ความจริงก็ทำให้รู้ว่า การเข้าค่ายหรือไปงานต่างๆอะไรพวกนี้ บางทีเราก็ไม่ได้ต้องการความรู้ อาจจะมีคนบอกว่ารู้หัวข้ออยู่แล้วไปหาอ่านเองก็ได้ นั้นมันก็จริงแต่ว่าสิ่งที่ได้มันจะมีมากกว่าความรู้แน่นอน ได้ Connection ได้เจอคนโหดๆ ซึ่งก็เหมือนได้รับแรงผลักดันให้ตัวเองขยันขึ้นด้วย 🙏
Minecraft (Again!)
หลังจากที่เลิกเล่น Minecraft ไปได้สักพักก็กลับมาเล่นใหม่ พอดีว่าช่วงนั้นเป็นช่วงปิดเทอมพอดีหลังจากการสอบ Admission ซึ่งปิดเทอมยาวมาก เลยชวนเพื่อนมาทำเซิฟ Minecraft เล่นๆกันดีกว่า
ตอนแรกมันเริ่มมาจากการที่เริ่มมาเขียน Plugin ใหม่อีกที แล้วก็เขียนได้สักพักก็รู้สึกสนุกดี เลยอยากทำเซิฟแปลกๆที่เป็นระบบตัวเองดู โปรเจคนี้ผลาญเวลาไปเยอะเหมือนกัน พอเปิดแล้วคนเล่นก็โครตจะน้อยเลย ผลาญทั้งเวลา และทรัพสิน 555 และแล้วโปรเจคก็ล่มไปเนื่องจากเปิดเรียนมหาลัยซะก่อน T-T
แต่อย่างน้อยก็ได้หัดทำงานเป็นทีม มีการวางแผนใช้ trello, github ได้เรียนรู้การเขียน Java, Kotlin แล้วก็สุดท้าย ได้มาเข้าใจ Concept ของ Load Balancer ก็ตอนนี้หละ (BungeeCord)
เพิ่มเติม: ความจริงตอนนั้นก็สนุกดี รู้สึกว่าอยากตื่นเช้ามาทำโปรเจคตลอด ไม่ขี้เกียจ ต่อไปถ้าอยากจะศึกษาอะไร ก็คิดโปรเจค หาทีมมาสัก 2–3 คน วางแผนแล้วลงมือทำเลย ยิ่งทีมเยอะยิ่งดี 💩
Go To College
และแล้วก็สอบติดมหาลัยเกษตรศาสตร์ สาขา Computer Science อยู่ไกล้บ้าน เดินทางสะดวกดี ซึ่งสิ่งที่สอนในเทอมแรกแล้วรู้สึกว่าเจ๋งดีก็พวก How Computer work in low-level ซึ่งปกติไม่เคยคิดที่จะมานั้งอ่านอะไรพวกนี้เลย แต่พอรู้แล้วก็ทำให้รู้สึกว่าเขียนภาษาอะไรใหม่ๆได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะ Golang
นอกจากนี้ก็มีวิชา Knowledge Of Land (ศาสตร์แห่งแผ่นดิน) เป็นวิชาที่สอนเกี่ยวกับพวก ผู้ประกอบการ เรื่องต่างๆในมหาลัย แล้วก็ Marketing นิดหน่อย ซึ่งจะดีกว่านี้มากถ้าเกิดว่า สอนพวกประวัติบุคคลสำคัญระดับโลก แล้วก็จิตวิทยา แล้วก็วิชานี้ตอนจบเขาก็จะให้ทำโปรเจคขึ้นมาอันนึงใช้ในมหาลัย ซึ่งทีมก็ได้สร้าง KUNAVI ขึ้นมาไว้สำหรับบอกทางเวลาหลงในมหาลัย
แล้วก็ได้เจอเพื่อนในมหาลัยใหม่ๆ ซึ่งบางคนก็เขียน Andriod, บางคนก็มีพื้นฐานหลากหลายกันไป แต่ว่าในภาคไม่ค่อยจะจัดงานอะไรเท่าไร แต่วิศวะคอม จัดงานเยอะมาก แล้วท้ายงานมักจะมีพิซซ่ามาแจกเสมอ
เพิ่มเติม: ก็พึ่งมารู้นี่หละว่าพื้นฐาน Computer ทั้งหลายเนี่ยมันสำคัญแค่ไหน ความจริงมหาลัยน่าจะไม่ได้สอนให้จบไปทำงานหรอกมั้ง แต่น่าจะสอนพื้นฐานการเรียนรู้มากกว่า 😙
NoobProgrammer Thailand Community
พอเข้ามหาลัยไปได้สักพักก็รู้สึกว่าอยากหาเพื่อนที่ชอบเขียนโปรแกรม ซึ่งตอนแรกว่าจะทำเป็นเว็บไปเลย แต่คิดไปคิดมาก็เอาเป็น Facebook Group นี่หละน่าจะเหมาะที่สุดแล้ว
ซึ่งกลุ่มนี้ตั้งขึ้นมาเพื่อ อยากรวบรวมคนที่ชอบเขียนโปรแกรมอายุรุ่นๆเดียวกัน เพราะจะได้คุยกันง่ายหน่อย มาแชร์ความรู้ โพสถาม หรือจะบ่นจะด่า อะไรก็ได้ 55 ซึ่งตอนนี้ก็มีคนอยู่ในกลุ่ม 500+ คนแล้ว และก็คงจะเพิ่มขึ้นอีกไปเรื่อยๆ ใครที่ยังไม่ได้เข้ากันก็ไปกดเข้ากันด้วยนะ NoobProgrammer Thailand Community
เพิ่มเติม: ตอนแรกก็คิดอยู่นานนะว่าจะสร้างกลุ่มดีไหมเพราะปรึกษาใครหลายๆคนเกือบทั้งร้อยมักจะบอกว่า มันก็น่าจะมีอยู่แล้วคนไม่เข้าหรอก แต่ก็ตัดสินใจสร้างไป เพราะลองคิดๆดูแล้ว เรามีอะไรต้องเสียด้วยหรอ? ถ้าคนไม่มาเข้ากันก็เท่าทุน แต่ถ้าคนสนใจกันก็ถือว่ากำไรไป 😃
Stupid Hackathon
งานนี้ให้เป็น Highlight ของปีเลยละกัน แล้วก็สืบเนื่องจากการสร้างกลุ่ม NoobProgrammer Thailand Community ด้วย ซึ่งถ้าไม่ได้สร้างกลุ่มนั้นขึ้นมาคงไม่ได้จัดงานแบบนี้ แล้วก็คงไม่ได้รู้จักเพื่อนหลายๆคน
งานนี้มันเริ่มมาจาก Phoomparin Mano (Dr.Phoom) อยากจะจัดงานแนว Stupid Hackathon แล้วก็มาเห็นกลุ่ม NoobProgrammer เลยทักมาชวนว่า เราจะจัด Hackathon กันดีไหม ซึ่งกลุ่มคนเข้างานก็จะเป็นคนอายุช่วง มัธยม ถึง มหาลัย หลังจากนั้น Dr.Phoom ก็ไปหา Sponsor มาโครตเยอะด้วย Connection ที่สั่งสมมาทั้งหมด~
วันงานจริงสนุกมาก ถึงงานจะไม่ได้เป็นไปตามตารางที่คิดกันไว้ แต่ว่าก็ถือว่าเป็นงานสบายๆละกัน ทุกคนในงานรู้จักกันเกือบหมด เหมือนทุกคนไม่ได้มาแข่ง Hackathon ตามชื่องานเลย แต่เหมือนทุกคนมาพักร้อน หาเพื่อนใหม่มากกว่า และนอกจากนี้ในงานก็มีเทพหลายองค์ลงมาจุติด้วย เช่นพี่ Thai Pangsakulyanont ที่มาช่วยสอนอะไรหลายๆอย่าง แล้วก็เล่นดนตรีให้ในงานด้วย 👋
ส่วนตอนดึกๆ ไม่สิ ตอนเช้าประมาณตี 2 ก็ไปนั้งกินติมซำ กันต่ออีก เรียกได้ว่าใช้ทุกเวลาอย่างสนุกสนานกันเลยทีเดียว วันรุ่งขึ้นก็ปิดงาน แยกกันกลับบ้าน แต่หลายๆคนก็ได้ Connection กลับไป แล้วงานนี้ก็นับว่าเป็นงานที่ให้พลังงาน มากที่สุดแล้วที่เคยเข้ามา เหมือนได้ชาร์ตแบตให้เต็มอีกครั้ง (ใครไม่ได้มาไม่ต้องเสียใจ อาจจะมีงานแบบนี้จัดอีก รอติดตามในกลุ่ม NoobProgrammer Thailand Comunnity ได้เลย)
Online Internship with acoshift
เป็นครั้งแรกที่ได้ลองฝึกงานแบบ Online (ไว้ปีหน้าจะไปฝึกงานแบบ Offline บ้าง) สำหรับการฝึกงานครั้งนี้ ที่ได้เรียนรู้อย่างมากก็คือ ระบบการทำงานกับ การเขียน Golang ซึ่งตอนแรกก็อยากเขียน Go อยู่แล้ว แต่บังคับตัวเองไม่ค่อยได้เท่าไร
ตอนเลือก Application Stack ตอนแรกก็กะว่าจะใช้ NodeJS ทำนั้นหละ เคยเขียนอยู่แล้วของถนัด แต่พี่ North อยากได้ภาษาที่เป็น Static Type เลยเสนอ Go ไปซึ่งเป็นของโครตถนัดของพี่เขาอยู่แล้ว แล้วตัวเองก็อยากฝึกเขียนด้วย ซึ่งก็ฝึกตอนเริ่มงานสัปดาห์แรก แล้วก็ใช้ Go เขียนโปรเจคเลย มันก็จะยังไม่ค่อยจะชินเท่าไร เพราะตอนแรกเขียนแต่ NodeJS ทำให้เกิดการแก้โค้ดกันพอสมควร ขอบคุณท่าน acoshift มากที่ช่วยรีวิวโค้ดให้ ✌️
เพิ่มเติม: คิดว่าต่อไปนี้จะพยายามฝึกงานทุกปีในที่ที่แตกต่างกันไป เพราะจะได้เรียนรู้เทคนิคอะไรเยอะๆ แต่สำหรับใครที่พึ่งเริ่มต้น ก็พยายามเรียนรู้แล้วก็หาโปรเจคส่วนตัวทำ (โปรเจคช่วยให้เรียนรู้ได้เร็วขึ้นมาก) แล้วก็อะไรที่คิดว่ายุ่งยาก ก็ให้ลุยเข้าไปเลย แทนที่จะบอกว่าเดี่ยวเป็นงานหน้า เช่น เหมือนตอนพึ่งเริ่มใช้ vim ทุกอย่างมันยุ่งยากไปหมด เขียนอะไรก็ติดขัด แต่พอใช้เป็นเท่านั้นหละ รู้สึกได้เลยว่าเขียนโปรเจคได้ไว แล้วก็ง่ายกว่าแต่ก่อนมาก 😉
Personal Challenge 2018
ในปีหน้าก็มีอะไรที่อยากทำอีกมาก แต่ว่าไหนๆแล้วก็จะขอตั้ง Personal Challenge ง่ายๆเอาไว้ละกัน (ถ้าใครไม่ได้ตั้งก็ตั้งกันด้วยนะ ไม่เกิน 3 Challenge)
- เขียนบล็อกส่วนตัวเก็บไว้ทุกวันว่าวันนี้เจอไรมาบ้าง
- อ่านหนังสือใหม่ๆทุกๆ 1 เดือนแล้วก็เขียน Review ลง Facebook
ประมาณนี้หละปีที่ผ่านมาถึงจะไม่ค่อยมีอะไรมาก แต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี อยากให้ทุกคนมาเขียน Review ของตัวเองบ้างแล้วก็ตั้ง Personal Challenge กันทุกคน ใครที่อ่านจบถึงตรงนี้แล้วฝาก comment บอกด้วยนะว่าคิดเห็นยังไงกันบ้าง จะได้เอาไปปรับปรุงต่อไป ~
Happy New Year 2018 🎉
