Photo by Brendan Church on Unsplash

ทำงาน Data Engineer ที่ TILDI ในมุมมองเด็กจบใหม่+ย้ายสาย

Watcharee Skr
CJ Express Tech (TILDI)
3 min readJan 11, 2023

--

“งาน Data Engineer รับแต่คนมีประสบการณ์?” “Data Engineer ย้ายสายงานทำไม่ได้?”

หลายคนที่ย้ายสายหรือจบใหม่แล้วอยากทำงาน Data Engineer อาจมีความคิดบ่อย ๆ ว่าที่ศึกษามาเพิ่มเติมด้วยตัวเองนั้นเพียงพอต่อการสมัครงานรึเปล่า จะทำงานได้จริงมั้ย และความกังวลอีกหลายหลายอย่าง ดังนั้นบทความนี้เราขอเขียนรีวิวการทำงาน 4 เดือนที่ TILDI ในตำแหน่ง Junior Data Engineer ในมุมมองของคนจบใหม่+ย้ายสายค่ะ (อาจจะลำเอียงไปบ้าง ขอให้ใช้วิจารณญาณในการอ่านและเชื่อสิ่งที่เราจะเล่านะคะ 😉)

ขอเกริ่นก่อนว่าเราเพิ่งจบปี 2022 ค่ะ (บทความนี้เขียนเมื่อ ม.ค. 2023) ยิ่งไปกว่านั้นเราจบไม่ตรงสายด้วยค่ะ (ไม่ได้จบทั้งวิศวะคอมพิวเตอร์ หรือ วิทยาคอมพิวเตอร์ หรือ สถิติ หรือ สาขาที่เกี่ยวกับ Data ทั้งหลาย) หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนมีกำลังใจในการสมัครงาน Data Engineer นะคะ

Table of contents

- จุดเริ่มต้น
- A week at TILDI as Data Engineer
- Four Months at TILDI as Jr. Data Engineer ทำอะไรบ้าง
- Working Culture
- Red flag debug
- Conclusion

จุดเริ่มต้น

เราเริ่มรู้ตัวว่าไม่ชอบงานสายตรงที่เรียนมาตั้งแต่ตอนปี 4 ค่ะ เลยเริ่มหาดูว่าจะทำงานต่อทางด้านไหนดี พอดีช่วงนั้นกระแส Data Science บูมพอดี เลยเริ่มทำโปรเจคต์ Data Science ก่อนจนเจอ pain point ในเรื่องของข้อมูลว่าไม่พร้อมใช้ จึงทำให้เริ่มสนใจงาน Data Engineer และเริ่มศึกษาด้วยตัวเองค่ะ ไม่ว่าจะเป็นคอร์สออนไลน์ทั้งเสียเงิน ฟรี แล้วก็ลองทำโปรเจคต์ของตัวเองดู และกลายเป็นว่าหลงรักงาน Data Engineer เข้าสุด ๆ

พอคิดว่าตัวเองพร้อม ก็สมัครเลย ลุย! พก passion ไปเยอะ ๆ เพราะประสบการณ์ตัวเองก็ไม่มี แถมไม่ตรงสายอีก ตั้งธงกับตัวเองไว้ว่าต้องทำงานกับที่ มีพื้นที่ให้เราได้เติบโตและเรียนรู้

A week at TILDI as Data Engineer

ระบบการทำงานของทีม DE ก็จะเหมือนกับหลาย ๆ ที่ค่ะ นั่นคือใช้ระบบ Agile ที่นี่แบ่งเป็น sprint ละหนึ่งอาทิตย์ค่ะ session หลักภายใน sprint ก็จะมี

  • DE Stand up

เป็น meeting สั้น ๆ พูดคุยประจำวันว่าเมื่อวานทำอะไร และวันนี้เราจะทำอะไรกันค่ะ ถ้าเรามีปัญหาที่ติดจากเมื่อวานก็สามารถเล่าได้ เผื่อว่าจะมีคนรู้และมาช่วยเหลือเราได้ด้วย

  • DE Weekly Demo

เป็น session แชร์ความรู้หรือสิ่งที่เราได้เจอภายในอาทิตย์นั้นค่ะ เป็น session ที่ดีมากเพราะเราจะได้ฟังความรู้ใหม่ ๆ จากทีมที่ทำ และเราจะได้แชร์ความรู้ให้ทีมด้วย หลาย ๆ คนก็อาจจะกลัวการ present แบบนี้ แต่ไม่ต้องกลัวค่ะ ตอนที่เราแชร์ครั้งแรกก็กังวลเหมือนกันค่ะ แต่ทางทีม cheer up กันมาก ๆ ต่อให้เรายังพูดไม่ดีก็ไม่เป็นไรค่ะ ถือว่าฝึกฝน เพราะสกิลสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือ communication skill ค่ะ

  • Sprint Review

session ที่สรุปว่าใน sprint นี้เราทำอะไรบ้างค่ะ task ที่เสร็จแล้ว task ไหนที่ยังค้างหรือติดอะไรตรงไหนค่ะ

  • Sprint Planning

session วางแผนกันว่า sprint หน้าแต่ละคนจะมี task อะไรที่ต้องทำบ้างค่ะ

นอกจากที่เล่าไปทั้ง 4 session แล้วก็คือเวลาทำงานของ task ที่เราได้รับมอบหมายมาค่ะ จะเห็นได้ว่าต่อให้เป็น work from home ก็ไม่ได้ต้องนั่ง meeting รายงานตัวว่าทำงานอยู่ทั้งวันนะ

Four Months at TILDI as Jr. Data Engineer ทำอะไรบ้าง

ในหนึ่งถึงสองอาทิตย์แรกของการทำงานจะเป็นช่วงเวลาของการเตรียมตัวต่าง ๆ ค่ะ เช่น เตรียมคอมพิวเตอร์ ลงโปรแกรม orientation/onboarding ทั้งของ CJ, TILDI, ทีม Data Engineer เองเพื่อแนะนำกฎระเบียบ หลักการทำงาน ไปจนถึงภาพรวมว่าทีมทำอะไรบ้างค่ะ แต่ไม่ต้องกลัวว่าเวลาเกิดปัญหาไม่รู้จะเริ่มติดต่อใคร หรือว่าจะเริ่มเรียนรู้งานยังไงดี เพราะทีมจะมีบัดดี้มาคอยช่วยเหลือค่ะ ไม่ว่าจะเป็นแนะนำว่าควรเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมเองบ้าง ช่วยอธิบายภาพรวมของ Data Platform ช่วยซัพพอร์ตและช่วยเหลือให้เราสามารถปรับตัวเข้ากับทีมได้ค่ะ

หลังจากที่เราเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานแล้ว งานแรกที่ทุกคนจะได้ทำก่อนคือ การทำ ETL pipeline นั่นเองค่ะ เพราะเริ่มจากการทำ pipeline ทำให้ได้เรียนรู้ถึง tools ที่ทีมใช้อยู่ เช่น Airflow, DataHub, dp-pyspark เป็นต้น และการทำ pipeline นี้เองเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราเข้าใจถึงตัว Data Platform มากยิ่งขึ้นค่ะ เพราะการทำ pipeline จะมีส่วนต้องไปทำความเข้าใจกับตัว Platform ด้วย

ตอนที่ทำ pipeline ครั้งแรกก็มีพี่ ๆ ในทีมช่วยให้คำแนะนำแล้วก็ไกด์เราด้วยว่าเริ่มยังไง standard ของทีมคืออะไร ไม่ต้องกลัวว่าพอผ่านอาทิตย์แรกหลัง onboard แล้วจะโดนทิ้งให้ลุยเอง เรารู้สึกได้รับการซัพพอร์ตอยู่ตลอดจากทีม เวลามีปัญหาหรือติดอะไรสามารถขอความช่วยเหลือได้ ทุกครั้งที่เกิดปัญหาและขอความช่วยเหลือทีมไม่เคยทำให้เรารู้สึกว่าเป็นความผิดเราที่ไม่รู้ แต่ช่วยให้เราได้เรียนรู้มากขึ้น ทำให้เรารู้สึกมั่นใจมากขึ้นหลังจากผ่านงานแรกไป ต้องขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนในทีมมาก และทำให้เรารู้สึกตั้งตารอเลยว่าต่อไปเราจะได้ทำงานอะไร

พอถึงตอนนี้ทุกคนอาจจะคิดว่า “เอ๊ะ ต้องทำงานนานเท่าไหร่ถึงจะได้ไปดูส่วนอื่น ๆ ของ Platform ด้วย” คำตอบคือ ไม่ถึงปีค่ะ 😀 ตอนนี้เข้าเดือนที่ 4 ที่เริ่มทำงานกับที่นี่ เราได้ทำ pipeline ที่ตอนนี้พอมานั่งนึกย้อนดูเหมือนทุก pipeline ที่ทำมาจะไม่มีรูปแบบที่ซ้ำกันเลย ได้ทำทั้ง External และ Internal pipeline (ถ้าใครสงสัยว่าแตกต่างกันอย่างไรสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ Data Engineer ที่ TILDI ทำอะไรบ้าง เราจะเล่าให้ฟัง) และได้เริ่มแตะส่วนของตัว Platform เล็ก ๆ เช่น ลองต่อ Kafka connector ครั้งแรก ได้ลองใช้ terraform เพื่อ upgrade version ของ GKE เป็นต้น

สรุปโดยรวมคือทีม Data Engineer ที่ TILDI จะมีอะไรใหม่ ๆ ให้ได้ทำ มีพื้นที่ให้เราได้ลองเล่น และมีทีมพร้อมช่วยเหลือเราเสมอค่ะ ซึ่งทำให้เรารู้สึกสนุกกับการทำงานมาก ดังนั้น ขอแค่มี passion แม้จะจบใหม่หรือย้ายสายงานมาก็สามารถทำงาน Data Engineer ได้แน่นอนค่ะ

Working Culture

ถ้าให้นิยามการทำงานที่นี่ในหนึ่งคำคงจะหนีไม่พ้นคำว่า ทีม ค่ะ

มีหลายครั้งที่เกิดเหตุด่วนขึ้นมา เช่น Airflow พัง แต่ทุกคนในทีมก็ช่วยกันหาทางแก้ไขจนสำเร็จ หรือตอนที่เราขอคำแนะนำตอนออกแบบ pipeline เองครั้งแรกแล้วเจอว่าดึงข้อมูลไม่ได้ ก็ได้พี่ ๆ ในทีมช่วยเสนอความคิดเห็นและทางแก้จนสามารถทำได้ค่ะ

สิ่งที่ชอบมาก ๆ อีกอย่างเลยคือที่นี่ทุกคนพร้อมจะรับฟังและปรับตัว ยกตัวอย่างเช่น TILDI จะมี 360 Feedback คือเราสามารถเขียน feedback ให้กับคนที่เราทำงานด้วยและเขาก็สามารถเขียนให้เราด้วยได้เหมือนกัน เพื่อที่จะได้รู้ถึงสิ่งที่ควรปรับปรุงหรือสิ่งที่เราทำได้ดีแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่เรารู้สึกขอบคุณที่มีมาก เพราะทำให้เราได้รู้ว่าข้อดีของตัวเองที่ไม่เคยรู้ทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ทำให้เรารู้ข้อเสียและปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ด้วย

Red Flag Debug

พอบอกว่าที่นี่ทำงานแบบ flexible hour หลายคนก็กลัวกันว่าจะทำงานจันทร์ถึงอาทิตย์ เก้าโมงเช้าถึงแปดโมงเช้ารึเปล่า ดังนั้นในส่วนนี้จะขอเขียนถึงจุดที่หลายคนบอกว่าเป็น red flag ของบริษัทที่จะสมัครงาน แล้วอธิบายว่าทำไม TILDI จริง ๆ แล้วเป็นยังไงนะคะ

🚩 ทำงานแบบ Flexible Hour คือ ทำงานไม่มีวันหยุดพัก สั่งงาน 5 ทุ่ม ขอก่อน 8 โมงเช้า?

ทีมให้ความสำคัญกับ Work Life Balance มากค่ะ พอหลัง 6 โมงเย็น ก็จะไม่ค่อยมี notification เรื่องงานเด้งแล้ว วันเสาร์อาทิตย์ก็ได้หยุดพักค่ะ ไม่มีการสั่งงาน เพราะทีมจะแบ่งงานกันตั้งแต่ sprint planning แล้ว ดังนั้น flexible hour ที่ TILDI ไม่มีทำงานจนไม่มีเวลาใช้ชีวิตหรือพักผ่อนค่ะ

🚩 ทำงาน work from home โดนจับตามองตลอดเวลาว่าทำงานตลอดรึเปล่า?

ไม่มีการบังคับว่าต้องนั่งทำงานหน้าคอมให้ครบ 8 ชั่วโมงค่ะ ขอแค่งานเสร็จ เข้า meeting ครบตามเวลา ในหนึ่งวันจะจัดสรรเวลายังไงก้ได้ค่ะ (แต่เวลาติดต่อคนอื่นเราก็ไม่ควรติดต่อช่วงเวลาที่ไม่ใช่เวลางานเนอะ)

🚩 ไม่มี career path รองรับ?

มี session 1:1 ที่จะเกิดขึ้นเดือนละครั้งค่ะ เป็น session ที่ทำให้เราได้คุยแบบตัวต่อตัวกับพี่ Team lead ว่าเดือนที่ผ่านมาทำงานเป็นยังไงบ้าง เราอยากวนไปทำงานได้ด้านไหน เบื่องานที่ทำรึเปล่า career path ของเราว่าคืออะไร มีการคุยกันว่าตอนนี้เรากำลังเดินไปถูกทางมั้ย ต้องการให้ผลักดันไปทางไหน ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าเราจะไม่ได้รับการผลักดันค่ะ ที่นี่พร้อมจะผลักดันและซัพพอร์ตให้เราโตในสายงาน

🚩 งานเยอะเกินกำลังที่เราจะทำไหว?

session sprint planning ทุกวันศุกร์เราสามารถบอกได้เลยค่ะถ้าเราประเมินแล้วว่างานที่เราได้รับในอาทิตย์นั้นเกินกำลังที่เราจะทำให้เสร็จได้ในเวลางาน และพี่ team lead พร้อมรับฟังเราค่ะ

Conclusion

จบแล้วกับการรีวิวการทำงาน Data Engineer ที่ TILDI ฉบับคนย้ายสายงานนะคะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบค่ะ สิ่งที่เราประทับใจที่นี่ คือ มี work life balance ได้เรียนรู้สิ่งใหม่อยู่ตลอด และเป็นองค์กรพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนเสมอค่ะ ถ้าใครสนใจมาเป็นส่วนหนึ่งของทีม ตอนนี้ Data Engineer รับสมัครอยู่นะคะ สามารถดูตำแหน่งได้ที่นี่เลย

--

--