อยากประกอบอาชีพเป็นโปรแกรมเมอร์ในยุคนี้ ใบปริญญายังจำเป็นหรือไม่?

Paiboon Panusbordee
CodeKit.co
Published in
2 min readApr 30, 2019

ไม่จำเป็นต้องมีใบปริญญาก็สามารถเป็นโปรแกรมเมอร์ได้ มีคนมากมายที่มาจากสายอาชีพอื่นและทำอาชีพโปรแกรมเมอร์เลี้ยงครอบครัวจนถึงทุกวันนี้

นั่นคือคำตอบสั้นๆ กระชับไวๆ ปัจจุบันเรามีทางเลือกมากมายเช่น Udemy, Youtube, Coursera, EdX ขนาด Course CS50’s Introduction to Computer Science ซึ่งสอนโดยมหาวิทยาลัย Harvard มหาวิทยาลัยดังระดับโลกที่ Mark Zuckerberg ผู้สร้าง Facebook เคยเรียนยังมีคอร์สฟรีออกมาให้เรียนกันเลย คุณภาพคงไม่ต้องพูดถึงว่าการันตีขนาดไหน คอร์สดีๆ แบบนี้ยังเรียนฟรีเลย ใครๆ ก็เรียนได้

นอกจากคอร์ส Online มากมาย ปัจจุบันยังมีคอร์ส Coding Bootcamp ระยะสั้น เรียนจบ 2–3 เดือนก็สามารถทำงานได้เลยทันที ไม่ว่าจะเป็น Lewagon, App Academy, General Assembly และ Coding Dojo ราคาค่าเรียนหลักแสน แต่ว่านั่นเป็น Bootcamp ในเมืองนอก ถ้า Bootcamp ในไทยมี Code Camp Thailand ที่เก็บค่าเรียนไม่ถึง 5 หมื่นบาท

กลับมาที่คำถามเดิม แล้วตกลงใบปริญญายังจำเป็นหรือไม่ ก็ในเมื่อความรู้ในปัจจุบันมันมีอยู่ทั่วไปบนโลก Online หากต้องการคนปรึกษาเวลาทำโจทย์ไม่ได้ ไม่มีคนให้ถาม ก็สามารถเข้าร่วม Coding Bootcamp ใดๆ ก็ได้ การรับรองวุฒิก็สามารถได้จาก Bootcamp เหล่านี้เช่นกัน ทั้งไทยและต่างประเทศ ดังนั้นวุฒิการศึกษาจึงไม่จำเป็นอีกต่อไป แต่ก็ใช่ว่าคุณจะคาดหวังอนาคตและมุมมองเรื่องความเท่าเทียม ความคาดหวังของผู้คนต่อคุณเหมือนผู้มีใบปริญญาได้ เพราะคนบางกลุ่มก็ยังคงเชื่อว่ามีใบปริญญาดีกว่าไม่มี ถ้ามีคนสองคนเก่งเท่านั้น คนนึงมีใบปริญญา อีกคนไม่มี บริษัทจะยังคงเลือกคนที่มีใบปริญญาก่อน แต่ก็ใช่ว่าคุณจะไม่มีวิธีแก้ปัญหาเรื่องนี้! และหลายครั้งที่คนคิดเรื่องนี้กลับไม่ใช่นายจ้าง แต่เป็นลูกจ้างที่คิดกันไปเองนี่แหละ!

ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจก่อนว่าการทำงานโปรแกรมเมอร์เป็นอาชีพที่มีความกดดันในการทำงานมากระดับนึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการส่งงานให้ทัน Deadline ไม่ว่าคุณจะจบมาตรงสายหรือไม่ตรง คุณก็ต้องเผชิญกับปัญหานี้ทั้งสิ้น ในการทำงานช่วงประเมินว่าจะผ่านโปรหรือไม่ แน่นอนว่าหากจบไม่ตรงสายก็จะมีคนเขม่นคุณว่าเรียนมาแค่ 3 เดือนจะทำงานได้จริงเหรอ แต่ต่อให้จบตรงสาย คนที่มันไม่ชอบหน้าคุณก็จะยังคงไม่ชอบหน้าและหาเรื่องเขม่นอยู่ดีแค่เปลี่ยนหัวข้อใหม่เป็น “เด็กใหม่พึ่งจบจะทำงานได้จริงเหรอ?” แล้วมันจบตรงสายกับไม่ตรงสายต่างกันตรงไหน?

ผลงานจะเป็นตัวพิสูจน์เองว่าเราทำได้หรือไม่ได้ ช่วงทดลองงาน ไม่ว่าใครก็กดดันกันทั้งนั้น ถ้าเราทำได้ก็ไม่มีใครมาว่าเราได้ อยู่ที่ตัวเราเองว่าเราเชื่อว่าทำได้หรือเปล่า ถ้าเราเชื่อเราจะมีความพยายาม พอเราพยายามยังไงมันก็ต้องได้ ไม่ได้วันนี้ พรุ่งนี้ก็ต้องได้ นายจ้างเค้าไม่สนใจหรอกว่าคุณจบอะไรมา เค้าสนใจแค่ว่าคุณทำงานได้คุ้มเงินเดือนที่เค้าจ้างหรือเปล่าแค่นั้นแหละครับ

ค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน ไม่ใช่ใบปริญญา คำคลาสสิคที่ไม่มีวันตาย

นั่นเป็นคำกล่าวของนักเรียน Code Camp คนหนึ่งที่ได้ทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ชื่อดังในวงการอสังหาริมทรัพย์ บริษัท แสนสิริ มาเป็นเวลา 1 ปีจนถึงปัจจุบัน หลังๆ คำเขม่นกลับกลายเป็นคำชมเสียด้วยซ้ำ ว่า “ไม่ได้เรียนตรงสายมาแต่ทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ”

สิ่งที่คนเรียน Coding Bootcamp จะต้องเจอก็คือการทำงานในสายนี้มันไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไป อยู่ที่คุณมีความพยายามมากพอหรือเปล่า การเรียนมาในระยะเวลาสั้นเพียง 3 เดือน เทียบกับคนเรียนในมหาวิทยาลัยมา 4 ปี สิ่งที่คุณจะต้องเจอไม่ใช่เรื่องการทำงานไม่ได้จริง แต่สิ่งที่จะเจอคือมุมมองของผู้คนที่อาจมองคุณต่างออกไป ซึ่งเรื่องนี้จะจบลงทันทีหลังจากคุณได้ทำผลงานออกมา 2–3 ชิ้นและพิสูจน์ฝีมือแล้ว แต่สำหรับการสมัครงานคุณก็ยังคงมีความเสียเปรียบผู้เรียน 4 ปีอยู่ในกรณีที่ Skill เท่ากัน และผลงานเท่ากัน แต่คุณก็ค่อยๆ สั่งสมผลงานระหว่างทำงานได้เช่นกัน

คุณอาจเล็งบริษัทที่มีชื่อเสียงในวงการแต่แรกไม่ได้ แต่ต่อให้คุณสมัครงานแล้วเค้าไม่รับคุณ แต่เชื่อเถอะถ้าคุณไม่เลือกงานว่าจะเข้าแต่บริษัทดังๆ ยังไงคุณก็มีงานทำไม่ตกงานแน่ๆ ไล่ step จากบริษัทเล็กๆ เงินเดือนน้อยไปบริษัทใหญ่ก็ได้ เพราะบริษัทเล็กขอแค่มีคนทำก็พอแล้ว จะเข้าง่ายกว่า พอเคยทำสักที่นึงแล้วก็เก็บประสบการณ์ไป คุณก็มีผลงานจากบริษัทเล็ก คุณสามารถใช้ยื่นเป็น portfolio เพื่อสมัครบริษัทใหญ่ในภายหลังต่อไปได้อยู่ดี แน่นอนว่าบริษัทใหญ่ต้องการ portfolio และวุฒิ ซึ่ง portfolio เราสามารถสร้างจากการทำงานได้อยู่ดีและมันสำคัญกว่าวุฒิเสียอีกในการสัมภาษณ์งาน

สถานการณ์ปัจจุบันไม่ต้องห่วง โปรแกรมเมอร์ขาดตลาดเสมอและไม่เคยพอ Demand มากกว่า Supply และคนจบจากมหาวิทยาลัยตรงสายกว่าครึ่งก็ไม่เลือกทำสายอาชีพนี้ต่อ นี่เป็นช่องว่างให้คนจากสายอาชีพอื่นเข้ามาแทรกได้อีกมากและถ้าลองคำนวณค่าเรียน 4 ปี กับค่าเรียน Coding Bootcamp ทั้งเวลาและเงิน ยังไงคุณคงรู้ว่าคำตอบไหนประหยัดเวลาชีวิตมากกว่า แต่เนื่องจากระยะเวลาเรียนที่สั้นกว่า คุณเองก็ต้องใส่ความพยายามที่มากกว่าปกติด้วยเช่นกัน คงเป็นไปไม่ได้ที่เรียนสั้นแล้วยังเรียนสบายกว่า 4 ปีเสียอีก ทั้งหมดอยู่ที่คุณเชื่อว่าคุณทำได้หรือเปล่าก็แค่นั้น

แต่ถ้าถามว่าในมุมเด็กที่กำลังเลือกเรียนมหาวิทยาลัย เลือกคณะอะไรดีหากสนใจงานด้านเขียนโปรแกรม คำตอบคงจะไม่ใช่เรียนอะไรก็ได้ เดี๋ยวก็เปลี่ยนมาเขียนโปรแกรมได้หรอกครับ คำตอบก็ยังคงเป็นวิศวะคอม วิทยาการคอม อยู่ดี เพราะคุณจะได้มากกว่าความรู้ แต่สิ่งที่ได้คือเครื่องมือและคน support รวมถึงความอิสระที่จะทำโปรเจคอะไรก็ได้ในฝันในระหว่างเรียนโดยไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องการเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไปพร้อมๆ กัน แถมยังขอใช้เครื่องมือแพงๆ เทพๆ ที่มหาวิทยาลัยมีได้อีกต่างหาก ซึ่งชีวิตนี้คุณก็มีช่วงเวลานั้นแค่ครั้งเดียว ถ้าเลือกได้ก็เลือกให้ตรงสายแต่แรกเถิด ยกเว้นว่าคุณเป็นเด็กอัจฉริยะ อายุ 16 ปีที่ทำงานเขียนโปรแกรมในบริษัทจริงได้แล้วโดยไม่ต้องถามคนอื่น อันนั้นจึงไม่ต้องเรียนมหาวิทยาลัยก็ได้ แต่ไปทำงานจริงเลยเถอะ! ซึ่งผมก็รู้จักอยู่คนนึงและเป็นคนไทยที่ได้ทำงานกับบริษัทใน Silicon Valley ตอนอายุ 17 ซะด้วยสิ! (ปัจจุบันน้องคนนั้นก็ยังอายุแค่ 17 และทำงานจริงโดยลาออกจากมัธยมปลายไปเรียบร้อยแล้ว)

ถ้าเป็นน้องมัธยมปลายที่คำนวณแล้วว่าอยากทำงานจริงให้เร็วที่สุด รับได้กับสายตาที่ไม่ค่อยเชื่อมั่นในฝีมือ (แค่ช่วงแรกเท่านั้นแหละ) และรับได้กับการมีคนให้ถามเส้นทางชีวิตน้อยเพราะเลือกเส้นทางที่ไม่ค่อยเหมือนใคร เหมือนเลือก Library ตัวใหม่ ใข้ง่าย เสร็จงานไว ก็ต้องแลกมาซึ่งหาคนถามยากขึ้นเพราะคนอื่นเค้ายังไม่ค่อยใช้กัน ซึ่งถ้ายอมรับตรงนี้ได้ก็ลุย Code Camp Thailand ได้เล้ยยย ถ้ายอมรับไม่ได้ก็กลับไปวิถี traditional คือเรียน 4 ปีแต่ช้ากว่าปลอดภัยกว่าก็ไปได้ทั้งสองทางถ้ารับเรื่องเรียนนานได้ ชีวิตเป็นของเราอยู่ที่เราจะเลือก ไม่มีผิดถูก ขอแค่พยายามก็พอครับ

--

--

Paiboon Panusbordee
CodeKit.co

7 Years entrepreneur in game industry. Got invested for 4 years. Now looking for a new chapter in my life to change the world.