Chatbot กับการทำ LIVE ขายของออนไลน์
ปัจจุบันการขายของออนไลน์ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตทุกคน ในปี 2018 ประเทศไทยมียอดขายจากการขายของออนไลน์ทั้งหมดมากกว่า 1.2 ล้านล้านบาท และยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่ออีกมาก…
หากเรามองถึงตลาดการขายของออนไลน์ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบัน ประเทศจีนเป็นประเทศที่น่าจับตามองในฐานะผู้นำด้านการขายของออนไลน์ และเทรนด์การขายของออนไลน์ที่ได้กลายมาเป็นมาตราฐานใหม่ของจีนตั้งแต่ปี 2015 คือการขายของผ่านการถ่ายทอดสด หรือเรียกกันย่อ ๆ ว่าการ LIVE นั่นเอง โดย 50% ของยอดขายของการขายของออนไลน์ในประเทศจีน ปี 2018 มาจากการ LIVE!!
ในเมืองไทย แม่ค้าบน Facebook จำนวนมาก ได้เริ่มนำเทคนิคการขายของผ่าน LIVE มาประยุกต์ใช้ ด้วยช่องทาง Facebook LIVE ผ่าน Page ของตัวเอง และยังมีกลุ่ม Facebook เช่นกลุ่ม “ห้องจริง 3 ล้าน แบ่งปัน dress สวยราคาเบาๆ by นังนู๋ใบชา” ที่มีสมาชิกถึง 3.5 ล้านคน ที่มีพ่อค้าแม่ค้ามาทำการ LIVE ขายของตลอดเวลา รวมไปถึงเพจ “LIVE commerce Thailand” ที่คอยนำข่าวสารต่าง ๆ เกี่ยวกับการทำ LIVE ขายของมาแบ่งปันกัน
แต่ปัญหาใหญ่ข้อหนึ่งของการ LIVE ขายของก็คือการปิดการขาย เนื่องจากการ LIVE ขายของมักจะสร้างความสนใจให้กับคนดู ส่งผลให้มีคนจำนวนมากทัก Facebook Messenger (แชทของเฟสบุ๊ค) เข้ามาหาร้านค้า ซึ่งผู้ขายเองก็กำลังยุ่งกับการทำ LIVE ในขณะที่จำนวน Admin ที่มีก็ไม่สามารถตอบลูกค้าได้ทัน ดังนั้นร้านค้าส่วนมากจึงเลือกที่จะให้ลูกค้า Comment ทิ้งไว้ว่า CF (ย่อจาก confirm) เพื่อแสดงเจตจำนงว่าจะซื้อสินค้า ซึ่งวิธีนี้สร้างความลำบากทั้งผู้ขายและลูกค้า เนื่องจากผู้ขายต้องเสียเวลาตามคุยกับผู้ที่สนใจทีละคน ซึ่งหลาย ๆ คนก็มักจะหมดความอยากซื้อไปแล้ว ในขณะที่ด้านลูกค้าเองก็ต้องเสียเวลารอผู้ขายมาตอบ ซึ่งบางครั้งก็ต้องรอหลายชั่วโมง หรืออาจจะเป็นวัน ทำให้ความอยากได้จืดจางไปแล้ว
Chatbot จึงเป็นเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เนื่องจาก Chatbot สามารถรองรับลูกค้าได้เป็นจำนวนมากพร้อมกัน ภายในเวลาไม่กี่วินาที ดังนั้น Chatbot จึงไม่พลาดในการจับช่วงเวลาที่ลูกค้าสนใจจะซื้อ และเปลี่ยนความสนใจนั้นเป็นการขาย โดยหน้าที่ของ Chatbot ที่จะช่วยในการขายนั้นมีดังนี้
- การตอบคำถามที่ถามบ่อย ๆ (FAQ) เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์: Chatbot ที่มี AI สามารถเรียนรู้คำถามที่ลูกค้ามักจะถามบ่อย ๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้
2. การเลือกสินค้า: เมื่อลูกค้าสอบถามจนพอใจแล้วจะทำการซื้อ Chatbot จะให้ลูกค้าเลือกสินค้า เช่นเลือกสีและขนาดในกรณีที่สินค้าเป็นเสื้อผ้า
3. การเช็คสต็อกสินค้า และการจ่ายเงิน: หลังจากลูกค้าทำการเลือกสินค้า Chatbot จะเช็คสต็อกสินค้าว่ามีของเหลือหรือไม่ ถ้าเหลือ Chatbot จะส่งวิธีจ่ายเงินให้กับลูกค้า โดยวิธีจ่ายเงินส่วนมากจะมี (a)การจ่ายด้วยการโอนเงิน, (b)การจ่ายด้วยบัตรเครดิต, และ (c)การเก็บเงินเมื่อส่งของ (Cash on Delivery)
4. การเก็บที่อยู่จัดส่ง: หลังจาก Chatbot ทำการยืนยันว่ามีเงินเข้ามาแล้วจริง Chatbot จะทำการยืนยันการซื้อ และขอข้อมูลจัดส่ง
จะเห็นได้ว่า Chatbot สามารถตอบโจทย์ของการ LIVE ขายสินค้าออนไลน์ได้อย่างครบวงจร สามารถรองรับลูกค้าได้รวดเร็วในปริมาณมาก การใช้ Chatbot จะทำให้ผู้ขายสามารถโฟกัสกับการ LIVE ได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องพะวงเรื่องการรองรับลูกค้า และยังไม่พลาดทุกโอกาสการขายอีกด้วย ในขณะที่ลูกค้าสามารถได้รับคำตอบ พร้อมทั้งซื้อสินค้าได้ทันที
