สร้างคำโฆษณาและรูปภาพอย่างไรดีให้ดึงดูดผู้บริโภค
[เทคนิคเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ ตอนที่ 1]
Banner Blindness หรือพฤติกรรมเพิกเฉยต่อแบนเนอร์ เป็นการอธิบายปรากฏการณ์ที่ว่าโฆษณาแบนเนอร์มักถูกมองข้าม ไม่ว่าจะจงใจหรือไม่จงใจก็ตาม และถึงแม้ว่าโฆษณานั้นจะมีเนื้อหาที่สอดคล้องกับความสนใจผู้บริโภคเองก็ตาม พฤติกรรมการเพิกเฉยนี้สะท้อนให้เห็นว่ารูปแบบโฆษณาแบนเนอร์สร้างความรบกวนต่อประสบการณ์การท่องเว็บของผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลายครั้งที่แบนเนอร์ที่เข้ามากีดขวางสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสนใจอยู่ Banner Blindness เป็นปัญหาที่ผู้โฆษณาและแบรนด์คำนึงถึงอย่างยิ่ง และนี่เป็นหนึ่งปัจจัยที่อธิบายว่าทำไมเอเจนซี่และแบรนด์หลายๆเจ้าหันมาใช้โฆษณาเนทีฟ ซึ่งเป็นหนึ่งในทางออกที่ปรับปรุงประสบการณ์การเข้าถึงโฆษณาอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
โฆษณาเนทีฟมีลักษณะการออกแบบพื้นที่โฆษณาให้เข้ากับฟังก์ชันและรูปแบบของเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มนั้นๆ มักกลมกลืนไปกับบทความ ข่าวออนไลน์ หรือแม้กระทั่งแอพโซเชี่ยลที่เราคุ้นเคยต่างๆ อาทิ อินสตาแกรม เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ เป็นต้น
โฆษณาประเภทเนทีฟ จึงเป็นรูปแบบพื้นที่โฆษณาที่แนบเนียน ประหนึ่งเป็นเนื้อหาบทความของหน้าข่าว หรือเว็บไซต์นั้นๆ และใช้คำว่า “sponsored” หรือ “Branded” เพื่อเป็นบ่งชี้ทางอ้อมว่าเป็นโฆษณา การนำเสนอแบรนด์ในรูปแบบคอนเทนต์เนทีฟนี้สามารถช่วยแก้ปัญหา Banner blindness และมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้ท่องเว็บ
รูปแบบโฆษณาเนทีฟ:
- มีดีไซน์ที่เข้ากับเนื้อหาของเว็บไซต์
- อยู่ในพื้นที่ที่ไม่กีดขวางคอนเทนต์อื่นๆ
- เป็นโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับคอนเทนต์ที่กำลังอ่าน
ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มสร้างโฆษณาเนทีฟอย่างไร?
หรือจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการลงโฆษณาเนทีฟได้อย่างไร?
Dable คือแพลตฟอร์มโฆษณาเนทีฟ ที่วันนี้จะมาเผยเคล็ดลับและคำแนะนำเพื่อช่วยให้ผู้โฆษณาสามารถปรับปรุงแคมเปญโฆษณาเนทีฟของตนได้ บริษัทชั้นนำมากมาย อาทิ โคคา-โคล่า, อาวดี้, โฟล์คสวาเกน, ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์, ฮุนได มอเตอร์, และอมอร์แปซิฟิค ต่างก็ใช้บริการแพลตฟอร์มโฆษณาเนทีฟของ Dable รวมไปถึงธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ การศึกษา การเงิน ความบันเทิง ความงาม องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร B2B ช้อปปิ้ง การท่องเที่ยว และดิสทริบิวชั่นก็ได้ใช้โฆษณาเนทีฟของ Dable ด้วยเช่นกัน
ในโอกาสนี้เราจะมาแบ่งปันเคล็ดลับวิธีการกำหนดแคมเปญให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยหยิบยกเรื่องราวความสำเร็จของแคมเปญต่างๆมาเล่าเป็นซีรีส์ 5 ตอน
ในหัวข้อแรก เราขอพูดถึงการสร้างคำโฆษณาและเลือกรูปขนาดย่อ (thumbnail) เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค โดยทั่วไปแล้วโฆษณาเนทีฟจะแสดง “คำโฆษณา” และ “รูปขนาดย่อ” แก่ผู้อ่านคอนเทนต์ ดังนั้นสิ่งแรกที่คุณต้องคำนึงถึงและเตรียมการเพื่อเริ่มทำโฆษณาเนทีฟก็คือ “คำโฆษณา” และ “รูปขนาดย่อ”
สร้างคำโฆษณาที่เชิญชวนให้คลิก
ชื่อโฆษณาต้องสั้นและชัดเจน เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจบริการ/ผลิตภัณฑ์ของผู้โฆษณาได้ง่ายและทันที
โฆษณาเนทีฟใช้วิธีการเข้าถึงต่างออกไป สำหรับโฆษณาประเภทแบนเนอร์ ผู้โฆษณาสามารถใส่ข้อมูลจำนวนมากลงไปในพื้นที่แบนเนอร์และบ่งชี้เจตนาโฆษณาได้ชัดเจน ซึ่งต่างไปจากโฆษณาประเทภทเนทีฟที่ควรตั้งคำโฆษณาที่ไม่แสดงเจตนาขายชัดเจนจนเกินไป
หากคุณตั้งชื่อโฆษณาสำหรับแอปหาคู่ แอปหนึ่ง ชื่อโฆษณานั้นไม่จำเป็นต้องโจ่งแจ้งหรือพูดถึงผลิตภัณฑ์นั้นๆโดยตรง
- “หาคู่ที่เหมาะสมที่สุดที่คัดสรรไว้สำหรับคุณ” (CTA X)
- “หาคู่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ สมัครบัญชีเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม” (CTA O)
หรือสามารถตั้งชื่อโฆษณาที่ตรงไปตรงมาเพื่อบอกเหตุผลแก่ผู้ใช้ว่าทำไมถึงควรใช้แอปหาคู่ของคุณ
- “เริ่มต้นเดทตอนนี้กับคนที่ใช่!” (CTA X)
- “คนที่ใช่ไม่ได้หายากอย่างที่คิด ลองวิธีนี้ดูสิ” (CTA O)
หากคุณตั้งคำโฆษณานาฬิกาข้อมือ คุณสามารถกล่าวถึงสิทธิประโยชน์ของของบริการ อาทิ ส่วนลดหรือค่าจัดส่งฟรี
- “นาฬิการุ่นนี้ขายดี สั่งตอนนี้จัดส่งฟรี!”
- “ซื้อนาฬิกาข้อมือสวิสรุ่นใหม่ล่าสุด รับโค้ดส่วนลด 90%”
หรือคุณสามารถพูดถึงข้อดีเพิ่มเติมที่มาพร้อมกับการซื้อผลิตภัณฑ์
- “สร้างลุคผู้บริหารพร้อมความมั่นใจด้วยนาฬิกาเรือนใหม่”
คำแนะนำ 7 ข้อในการสร้างคำโฆษณาที่ชวนให้คลิก
1. นำเสนอ ‘คำแนะนำ’ และ ‘เคล็ดลับ’ ที่เกี่ยวข้องกับบริการ/ผลิตภัณฑ์ของคุณ โฆษณาที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านสามารถช่วยสร้างความพึงพอใจต่อแบรนด์มากขึ้น
- ใส่รองเท้าโลฟเฟอร์อย่างไรให้เท่และสบายเท้า
- เคล็ดลับแต่งหน้ายังไงให้อยู่ได้ยาวจนถึงเช้า
2. ข้อมูลการจัดอันดับที่เกี่ยวข้องกับบริการ/ผลิตภัณฑ์ของคุณ “ฉันคิดถึงวิธีการนี้โดยมีเหตุผล 3 ข้อ” ฟังดูน่าสนใจกว่าแค่ “ฉันคิดถึงวิธีการนี้”
- แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว 4 แห่งสำหรับการเที่ยวแบบวันเดียว
- 10 ข้อห้ามเมื่อพักในโรงแรม
3. เข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคผ่านสำนวนการรีวิวหรือการเขียนบันทึก จะทำให้คุณสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น
- ฉันทำห้องนั่งเล่นใหม่เพื่อสร้างบรรยากาศที่เหมาะกับการเรียน
- ครอบครัวของเราไปเที่ยวพักผ่อนที่จางเจียเจี้ย
4. ใช้สโลแกนตามฤดูกาลหรือเทศกาล เช่น วันคริสต์มาสหรือวันวาเลนไทน์ ซึ่งจะทำให้ CTR ของคุณเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
- วิธีการเป็นแฟนเจ้าเสน่ห์ในฤดูร้อนนี้
- วัตถุดิบอะไรมาแรงช่วงมีนาคม
5. ใช้สำนวนที่ให้ข้อมูลความรู้ที่ผู้อ่านต้องฉุกคิด คนเรามักต้องการอ่านต่อเมื่อรู้สึกว่าตัวเองพลาดหรือรู้น้อยกว่าผู้อื่นอยู่
- คุณพลาดสิทธิประโยชน์บัตรอะไรไปบ้าง
- การแอบบันทึกการสนทนาถือว่าถูกกฎหมายแค่ไหน
6. ใช้เนื้อหาที่สนุกและสร้างปฏิสัมพันธ์ เมื่อผู้บริโภคมีส่วนร่วมในโฆษณาของคุณมากขึ้นแล้ว ความภักดีต่อบริการ/ผลิตภัณฑ์ของผู้โฆษณาก็จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
- อยากรู้ว่าคู่หมายของคุณหน้าตาเป็นอย่างไรหรือไม่ ลองทำแบบทดสอบทางจิตวิทยานี้ดูสิ!
- คุณจะได้แต่งงานในปี 2562 หรือไม่ ค้นหาสเปคของคุณจากคำถาม 12 ข้อนี้!
7. ใส่ชื่อบุคคลสาธารณะเข้าไปในชื่อโฆษณา ที่จริงแล้วไม่จำเป็นต้องเป็นเซเลบหรือคนมีชื่อเสียงก็ได้ คุณสามารถอ้างอิงผู้เชี่ยวชาญ อย่างเช่น “จากผลวิจัย”
- มีลา คูนิส เผยความลับในการลดน้ำหนักหลังคลอดลูก
- “วิธีการใช้แอปบล็อกสแปม” ของเอมมา สโตน
*หากคุณใช้ “ชื่อโฆษณา” ที่ต้องการข้อมูลเพิ่้มเติม อาทิ “คำแนะนำ” “รีวิว” หรือ “การจัดอันดับ” จะต้องมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องในหน้าแรกด้วย
*ในการใช้ชื่อโฆษณาอย่าง “แพทย์จากฮาร์วาร์ดแนะนำ…” หรือ “การศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ใหม่เผย…” ข้อเท็จจริงเหล่านั้นต้องเป็นจริงและอธิบายได้อย่างชัดเจนในหน้าแรก
เพิ่มความสนใจและการมีส่วนร่วมด้วยรูปขนาดย่อเหล่านี้
เราขอสนับสนุนให้คุณนำเสนอบริการ/ผลิตภัณฑ์ของผู้โฆษณาโดยตรงในรูปขนาดย่อ แต่หากไม่สามารถทำได้ รูปขนาดย่อต้องมีสาระสำคัญของบริการ/ผลิตภัณฑ์ของผู้โฆษณา นอกจากนี้ ยิ่งชื่อโฆษณาและรูปขนาดย่อมีส่วนเกี่ยงข้องมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ CTR เพิ่มสูงขึ้นเท่านั้น
<ตัวอย่างรูปขนาดย่อ>
ลักษณะของรูปขนาดย่อ 3 ประการที่มี CTR สูง
- ใช้ภาพที่สว่างแจ่มใสและให้ความรู้สึกสดชื่น
รูปที่สว่างแจ่มใส อาทิ “หน้ายิ้ม” ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่ม CTR เท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่แจ่มใส สดชื่น และเป็นมิตรให้แก่บริการ/ผลิตภัณฑ์ของผู้โฆษณา
- ใช้พื้นที่รูปขนาดย่อให้มากที่สุด
ใช้รูปขนาดเต็มที่มีพื้นที่ว่างน้อยที่สุดเพื่อให้สามารถใช้พื้นที่ที่มีได้อย่างเต็มที่ ทำให้คุณได้รับความสนใจจากผู้ใช้มากขึ้นแม้ว่าจะใส่สีพื้นหลังเป็นสีพื้นสีเดียวก็ตาม
- ใช้บุคคลสาธารณะหรือจุดสังเกตที่เชื่อถือได้
คนเรามักจะมองรูปที่เป็นมิตรและคุ้นเคยเสมอ หากคุณใช้รูปทาวเวอร์บริดจ์ พิพิธภัณฑ์อังกฤษ หรือหอนาฬิกาเป็นรูปขนาดย่อสำรับโฆษณา “ดีลท่องเที่ยวในประเทศสหราชอาณาจักร” ไม่เพียงแต่โฆษณานั้นจะดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ แต่ยังช่วยเพิ่มความเข้าใจในบริการ/ผลิตภัณฑ์ของผู้โฆษณาได้อีกด้วย
นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว การใช้รูปประกอบหรือการเน้นรูปขนาดย่อบางส่วนด้วยลูกศรหรือวงกลมยังเป็นการช่วยเพิ่ม CTR ได้ด้วยเช่นกัน
< สะดวกยิ่งขึ้นด้วยบริการคลังภาพของ Dable >
คุณกังวลเรื่องการเลือกหรือสร้างรูปขนาดย่อให้ดูดีอยู่ใช่ไหม Dable มี “คลังภาพ” ให้ผู้โฆษณาเลือกใช้เพื่อช่วยลดทรัพยากรในการออกแบบ และช่วยสร้างรูปขนาดย่อที่เพิ่มประสิทธิภาพ CTR โดยผู้โฆษณาสามารถเข้าถึงรูปขนาดย่อคุณภาพสูงกว่าพันรูปจาก “คลังภาพ” ในเมนูของ “โฆษณาเนทีฟ” ได้ฟรีโดยปราศจากปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับคลังภาพ
คำถาม ฉันควรลงทะเบียนคอนเทนต์โฆษณากี่คอนเทนต์ต่อ 1 แคมเปญ
Dable แนะนำให้ลงทะเบียนโฆษณามากกว่า 1 ตัวเพราะความนิยมของโฆษณานั้นขึ้นอยู่ด้วยเพศ อายุ และความสนใจของผู้ใช้ หากคุณลงทะเบียนโฆษณาไว้หลากหลาย ความเป็นไปได้ที่จะได้รับความสนใจก็จะเพิ่มมากขึ้น (Dable แสดงโฆษณาที่มีประสิทธิภาพสูงผ่านการกำหนดคอนเทนต์ห้เหมาะสมที่สุด) แต่หากคุณลงทะเบียนโฆษณามากเกินไป อาจทำให้ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากในการสร้างเนื้อหา และยังทำให้บริหารจัดการประสิทธิภาพของแคมเปญยากขึ้นด้วย
ดังนั้นเราจึงแนะนำให้ดำเนินการดังต่อไปนี้
- ใช้รูปขนาดย่อ 2 ชุดและชื่อโฆษณา 2 ชื่อในการเริ่มต้น
- ใช้รูปขนาดย่อ 2 ชุดและชื่อโฆษณา 3 ชื่อ
- ใช้รูปขนาดย่อ 3 ชุดและชื่อโฆษณา 2 ชื่อ
โดยมีเนื้อหาโฆษณาสูงสุดไม่เกิน 10 ตัว
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชื่อโฆษณาและรูปขนาดย่อได้ที่นี่
ในตอนต่อไป “เทคนิคเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ” เราจะนำเสนอคำแนะนำในการสร้างหน้า Landing Page เพื่อเพิ่ม Conversion ทุกแรงสนับสนุนจากท่านช่วยขับเคลื่อนให้เราสร้างเนื้อหาและแบ่งปันวิธีการ optimize เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของแคมเปญ หากท่านมีคำถามหรือข้อกังวลเกี่ยวกับการกำหนดตั้งค่าแคมเปญ โปรดติดต่อ ad-th@dable.io