BIG POTENTIAL

ศักยภาพแกร่งยกทีม

Teerasak Thaluang
Daily Grow-up
1 min readMar 9, 2023

--

ผู้เขียน: Shawn Achor | ผู้แปล: อนุชยาน์ มนทการติวงศ์
สำนักพิมพ์ เชนจ์พลัส
246 หน้า

หนังสือเล่มนี้นำเสนอแนวคิดใหม่ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ “ระบบเชิงบวก (Positive System)” ซึ่งรวบรวมจากงานวิจัยของผู้เขียนกว่า 8 โครงการ ซึ่งเชื่อว่า ศักยภาพและความสำเร็จของเรานั้น เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับความสำเร็จของคนอื่นแทบทั้งสิ้น

ผู้เขียนเปิดเรื่องด้วยการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจของฝูงหิ่งห้อยเพศผู้ในป่าชายเลน พวกมันเปล่งแสงพร้อมกันจนสว่างจ้าเพื่อดึงดูดความสนใจของหิ่งห้อยเพศเมีย เพราะการเปล่งแสงตามลำพังนั้นไม่อาจสร้างแรงดึงดูดเท่ากลุ่มหิ้งห้อยที่แปล่งแสงพร้อม ๆ กันได้ ความสำเร็จในการหาคู่ของพวกมันจึงต้องอาศัยแสงของตัวอื่นร่วมด้วย

ดังนั้นหากเราสามารถช่วยเหลือผู้อื่นให้พบศักยภาพของตัวเองและเปล่งแสงเจิดจ้าออกมาได้มากเท่าไหร ทั้งเราและเขาก็จะสว่างเฉิดฉายมากขึ้นเท่านั้น

ความสามารถของเราเพียงลำพังอาจทำให้เราประสบความสำเร็จได้ในระดับหนึ่ง แต่หากเราต้องการที่จะประสบความสำเร็จในระดับที่สูงขึ้น เราต้องให้ความสนใจกับผู้คนรอบตัวให้มากขึ้นครับ

แต่การที่เราจะทำให้ทั้งตัวเราและหิ่งห้อยรอบ ๆ ตัวเปล่งแสงสว่างได้นั้น เราต้องสร้างสิ่งที่เรียกว่า “วงจรอันดีงาม (Virtuous Cycle) ขึ้นมา ซึ่งเป็นวงจรของการสะท้อนกลับเชิงบวกให้เกิดขึ้น เปลี่ยนตัวเองให้เป็น “ขั้วพลังด้านบวก” ด้วยการเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งศักยภาพขั้นสูง (Seeds of Big Potential) ใน 5 ด้านด้วยกัน

รายล้อม (Surround)
เป็นการพาตัวเองเข้าไปอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่คิดบวกและมีควาสุข ถึงแม้ว่าการรายล้อมไปด้วยกลุ่มคนเหล่านี้ อาจไม่ได้การันตีว่าเราจะมีความสุข แต่มันช่วยเพิ่มโอกาสในการมีความสุขของเราอย่างมีนัยสำคัญ

มองหาคนที่จะดึงสิ่งที่ดีที่สุดของคุณออกมาไม่ใช่ทำให้คุณเกิดความเครียด อ่านหนังสือที่ช่วยยกระดับจิตใจและสร้างแรงบันดาลใจ

สร้างเครือข่ายและสานสัมพันธุ์กับกลุ่มคนที่หลากหลาย ด้วยการหาจุดความสมดุลระหว่างการให้และการรับ ไม่ควรเอาแต่ขอความช่วยเหลือหรือให้จนตัวเองต้องลำบาก

ขยายอำนาจ (Expand)
คือการให้อำนาจผู้คนรอบข้างคุณได้มีโอกาสเป็นผู้นำ รับฟังความคิดของเขาอย่างให้เกียรติ กระตุ้นให้เขาอยากมีส่วนร่วมและปราถนาอยากเป็นผู้นำ ทำให้พวกเขามองเห็นคุณค่าและความหมายในงานของพวกเขา ด้วยคำถามที่ว่า “’งานของคุณกำลังช่วยพัฒนาชีวิตของผู้อื่นได้อย่างไร”

ยกระดับ (Enhance)
คือการรู้จักชื่นชมผู้อื่น เพราะการชื่นชมและให้กำลังใจเป็นเหมือนดั้งการเติมเชื้อเพลิงของผลลัพธ์และความสำเร็จในอนาคต พยายามมองที่จุดแข็งของเขา ชื่นชมในสิ่งที่เขาทำได้ดีอย่างจริงใจโดยไม่เปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะการเปรียบเทียบคือการชื่นชมด้วยการทำร้ายผู้อื่น บางครั้งการแสดงความชื่นชมที่ดีที่สุดคือการบอกกับเขาว่าคุณเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรหลังจากได้รับคำแนะนำจากเขา และการชื่นชมที่ดีนั้นยังต้องกล่าวถึงคนอื่น ๆ ที่มีส่วนช่วยให้เขาประสบความสำเร็จด้วย

แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายถึงว่า เราไม่ควรให้คำวิจารณ์กับคนอื่นนะครับ แต่เราความหาความสมดุลของพลังบวกจากการชื่นชมและพลังลบที่อาจเกิดขึ้นจากการให้คำวิจารณ์ให้เหมาะสม

ป้องกัน (Defend)
คือการสร้างเกราะป้องกันตัวเองจากอิทธิพลของพลังด้านลบ การป้องกันนี้ไม่ใช่การกำจัดอารมณ์เชิงลบของเรา เพราะสิ่งที่อยู่ตรงข้ามความสุขอาจไม่ใช่ความทุกข์หรือความเศร้า หากแต่มันคือ การสูญเสียความรู้สึกถึงความหมายในชิวิต

เราอาจหลีกหนีจากพลังงานด้านลบไม่ได้แต่เราอาจลดทอนมันลงได้ ด้วยการงดรับสื่อใด ทั้งจากโซเซียลมิเดียร์ โทรศัพท์ โทรทัศน์เป็นเวลา 1 ชั้วโมงก่อนและหลังตื่นนอน

ฝึกแสดงความขอบคุณสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เมื่อคุณเจอสิ่งที่เลวร้ายลองนึกถึงสิ่งดี ๆ 3 เรื่อง ที่เกิดขึ้นในวันที่ผ่านมาแทน

อย่าเริ่มต้นบทสนทนาด้วยการบอกกับคนอื่นว่า “ทำไมฉันเหนื่อยขนาดนี้” เพราะมันเป็นการส่งพลังด้านลบ ให้คุณหายใจลึก ๆ และพูดทักทายว่า “ดีใจยังที่ได้คุยกับคุณ” แทน

สร้างทัศนคติในแง่บวกกับความเครียดและเปลี่ยนความเครียดนั้นให้กลับเป็นความท้าทายแทนที่จะเป็นอุปสรรค ด้วยแนวคิดของศิลปะการป้องกันตัวแบบ “ไอกิโด” โดยการเปลี่ยนทิศทางของพลังงานที่เข้ามาไปสู้สิ่งใดก็ตามที่มีความหมายต่อคุณ

ถ้าคุณเครียด ลองค่อย ๆ ถาตัวเองว่า ทำไมคุณถึงเครียด เพราะเบื้องหลังสิ่งที่กระตุ้นความเครียดนั้นมักมีบางอย่างที่สำคัญซ่อนอยู่

รักษา (Sustain)
การบ่มเพราะเมล็ดพันธุ์เป็นการสร้างการบวนการแห่งการเติบโต แต่การจะรักษาไว้ซึ่งการเติบโตนั้น เราต้องเข้าใจก่อนว่า “ศักยภาพสูงสุดนั้นเป็นเป้าหมายที่เคลื่อนที่ได้”

ดังนั้นการรักษาความก้าวหน้าให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง คุณต้องสร้างและรักษาวงจรอันดีงามแห่งแรงผลักดันด้านบวกนี้ไว้ให้ได้อย่างต่อเนื่อง

กุญแจสำคัญคือเราต้องเปลี่ยน “การเดินทางแห่งหน้าที่” ให้เป็น “การเดินทางแห่งความหมาย” ให้ได้ครับ เปลี่ยนสิ่งที่เราทำให้เชื่อมโยงกับสิ่งที่มีความหมายสำหรับเรา

โดยรวมหลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้จบ ผมรู้สึกว่าท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน การพยายามพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นนั้นเป็นสิ่งสำคัญก็จริง แต่การช่วยให้คนรอบ ๆ ตัวของคุณเก่งขึ้นด้วยนั้น น่าจะเป็นทางเดียวที่ทำให้เราสามารถรอดพ้นและฟันฝ่าอุปสรรคที่ท้าท้ายเข้ามาอย่างต่อเนื่องไปได้ ลองถามตัวเองว่า “วันนี้เราได้ส่งต่อพลังบวก ไปให้คนรอบข้างของคุณบ้างแล้วหรือยัง” ถ้าคำตอบคือยัง อย่ามัวรออยู่เลยครับ หันไปหาคนที่อยู่ใกล้ ๆ คุณ นึกถึงสิ่งดี ๆ ที่เขาทำและลองบอกขอบคุณเขา เท่านี้คุณก็จะกลายเป็นผู้สร้างพลังขั้วบวกแล้วละครับ

ขอบคุณที่ติดตามครับ

--

--

Teerasak Thaluang
Daily Grow-up

Engineer | Father | Reader and Giver for daily grow-up