Google Trend กับ การทำนายราคาบิตคอยน์ และผองเพื่อน

Charkrid Th.
Dcentralizer
Published in
6 min readJan 6, 2018

พอดีวันนี้นึกขำๆ ครับ..​ ลองใช้เครื่องมือสุดที่รักนักการตลาดสายดิจิทัล หรือ Google Trend มาเสิช เทียบความดังของคีย์เวิด ต่างๆ ในโลกของ Cryptocurrency ดูครับ ปรากฎว่าสิ่งที่ค้นพบมัน.. “เฮ้ย! น่าสนใจกว่าที่คิด” และน่าจะพอสามารถเอาไปประเมินราคาตลาดของ “หวยบล็อกเชน” แต่ละตัวในช่วงนั้นได้พอสมควรเลยครับ เอ้า.. ใครสนใจก็อ่านกันยาวหน่อยนะครับ แต่ถ้าใครขี้เกียจสามารถข้ามไปที่ ข้อ3 ได้เลยครับ

https://trends.google.com/trends/explore?q=bitcoin,%2Fm%2F0vpj4_b,ethereum,ripple อันนี้เป็นตัวอย่างที่ลองเอา Keyword Bitcoin, Cryptocurrency มาค้นหาดู

ท้าวความนิดนึง

จากโพสที่แล้ว “เรื่องมูลค่าบิตคอยน์มีค่าแค่ไหนกันนะ” จริงๆ ผมตั้งใจจะสื่อสารให้คนที่กำลังตื่นเต้นกับตลาดขาขึ้นของการลงทุนใน Crypto currency, ICOs ทั้งหลายได้กระตุกมาตั้งสติหน่อยๆ เพราะเรามองเห็นสัญญาน Correction หรือปรับตัวขาลงหลายๆ อย่างในช่วงก่อนสิ้นปีที่ผ่านมา.. (มันก็ปรับลงจริงๆ นั่นแหละ) ไม่ได้ตั้งใจหาสูตรทำ Valuation จริงๆ ร้อกกก ;) ทีนี้มีเพื่อนๆ บางคนทักมาว่า โพสนั้นมัน Subjective ไปหน่อย อยากอ่านอะไรแบบจับต้องได้.. เลยเอามาเขียนต่อเป็นภาค2 ครับ

โพสนี้ว่าด้วยเรื่องของราคา ไม่ใช่มูลค่า

คำว่า “มูลค่า” หรือ Value (แบบใครเล่นหุ้น ก็จะมีแนว Value Investor ใช่ม้า) สะท้อนให้เห็นราคาที่แท้จริง ของธุรกิจ หรือสิ่งของนั้นๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน (เช่นการทำกำไร, การเติบโต, Economy of Scale, ฯลฯ)

คำว่า “ราคา” คือราคาตลาด หรือ Market Price เป็นราคาของการซื้อ-ขาย กันในสถานที่ ที่เค้าเปิดให้คนมาแลกเปลี่ยนกันได้ หรือที่เรียกว่า Exchange ครับ เช่น BTCUSD = $14,000 หมายความว่า ถ้าเอาบิตคอยน์หนึ่งเหรียญมาแลกเป็นเงิน US Dollar จะมีมูลค่าเท่านี้ ณ.ช่วงเวลาหนึ่ง.. เป็นเรตที่ไว้แลกกันจะมาเป็นคู่เสมอ และแต่ละ Exchange ก็มี Demand, Supply ไม่เท่ากัน ราคาก็เลยไม่จำเป็นต้องเท่ากันไงครับ

โดยราคาตลาดนี้ อาจจะอ้างอิงกับมูลค่า หรือไม่อ้างอิงก็ได้ (จริงๆ มันก็ไม่เคยอิงนั่นแหละ แต่ก็จะเกาะๆ ไป) จะขึ้นหรือลงก็จากความต้องการในการซื้อ-ขาย บ้าง, จากเจ้าลากบ้าง, จากข่าวบ้าง, โดยมีสิ่งมีชีวิตที่สำคัญที่ทำให้ตลาดอยู่รอดมาทุกยุค ทุกสมัย ที่เรียกว่า “เม่า” ครับ 55

ส่วน มูลค่า หรือ Fundamental ของ Cryptocurrency จะใช้อะไรเป็นหลักในการคิด?
ตอนที่คิด ในหัวผมก็ไล่ไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เอาไปเทียบกับ Fundamental แบบของตลาด Forex ที่ถูกคุมโดยการ “แถลงข่าว” ของเหล่าธนาคารกลางตามวันที่ในรอบปฎิทินทั้งหลาย.. จนถึงสูตรคณิตศาสตร์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับ Network Effect แบบ Metcalfe’s law ที่ใช้ประเมินมูลค่า Network effect ของพวก internet ด้วยสูตร n² … ไปจนถึงการประเมินมูลค่าของ blockchain network หรือ node ต่างๆ ที่อ้างอิงกับ Sharding blockchain ที่ vitalik buterin ผู้ก่อตั้ง Ethereum บอกว่าน่าจะอยู่ในสัดส่วนของ O(k * log(k)) แล้วยังไม่นับวิธีของนักการเงินที่ผสมผสานวิธีประเมิน Business Valuation กับการเงินเข้าด้วยกันอีก (อันนี้รอน้องโบ Nisanart Thadabusapa มาเล่าให้ฟัง เพราะพี่โบ๊ตขี้เกียจอ่าน ^ ^)

ปวดหัวไหมล่ะ(มรึง)..

“ถ้ายาก แปลว่าผิด!” พี่โบ๊ตไม่ได้กล่าว แต่พี่โจน จันได กล่าว..
คือจริงๆ ถ้าหาสูตรมาแล้วสบายใจ ก็ทำต่อไปเถอะครับ แต่สุดท้าย มูลค่า ของเหรียญ หรือ Token ก็จะเป็นไปตามกลไกตลาดอยู่ดี

ทีนี้ ผมก็เห็นกระแสข่าว และเซียนๆ ในโซเชียลทั้งหลาย พากันทำนายโลกของคริปโตในปี 2018 ว่าจะเป็นยังไง ราคาตัวไหนจะไปอยู่ที่แค่ไหน เลยทำให้เกิดคำถามว่า..​ เค้าประเมินกันจากอะไร? ดูกราฟ หรือว่า นั่งเทียน.. อ่าน Whitepaper หรือว่า ซื้อมันไปมั่วๆ .. ก็เลยเกิดคำถามขึ้นมาในหัวครับว่า “แล้วถ้าจะประเมินราคา ณ ช่วงนั้นๆ ในโลกของคริปโตเราจะดูยังไงดี? นั่นคือที่มาของโพสนี้ครับ

1. ประเมินราคาจากกราฟ

ศาสตร์ของกราฟเป็นเรื่องที่ลึกซึ้ง เป็นทั้งศิลปะและวิทยาศาสตร์ครับ แต่ละคนก็มีเครื่องมือที่ชอบใช้ต่างกันออกไป วิธีการส่วนตัวที่ผมใช้เป็นหลักในการประเมินก็เป็นการนับ Wave ง่ายๆ ครับ โดยทำคู่ไปกับการใช้เครื่องมือพวก Fibonanci projection, Fibonanci retracement เป็นหลัก, และพวก RSI, EMA ทั้งหลายเป็นตัวประกอบ.. ยากมั้ย? ก็ไม่ยาก แล้วก็ไม่ง่าย

แต่หลายคนถ้าไม่มีพื้นฐาน พออ่านมาแค่สี่บรรทัดนี้มันก็จะงงๆ หน่อย.. พี่โบ๊ตก็เป็นคนขี้เกียจ ก็ขอติดเรื่องการอ่านกราฟ เอาไว้ครั้งต่อๆ ไปเช่นเคย (แต่ถ้าไม่เอามาโพส ก็ไม่ต้องแปลกใจนะครับ 55) ใครสนใจเรื่องนี้จริงๆ มีอาจารย์เก่งๆ หลายท่านเลยในประเทศไทย อย่างลุงฉโลก หรือ อ.วันชัย ไปติดตามกันเองดีกว่าครับ

วิธีการดูกราฟนี้ ผมจะใช้เป็นอย่างแรกเลยสำหรับตลาด Crypto ก่อนจะอ่านข่าวอีก เพราะเราเชื่อใน “ประวัติ” ที่มันสะท้อนออกมาและมองต่อไปว่าจะเป็นยังไงต่อ ผ่านกราฟ มากกว่า.. อย่างรูปด้านล่างนี้ก็เป็นบางส่วนที่เวลาผมวิเคราะห์ ก็จะบันทึกเอาไว้ บางทีพอผ่านไปสักช่วงนึง เอามาเทียบกับข้อมูลปัจจุบัน ก็จะใช้เรียนรู้ได้ครับ ว่าวิธีมองของเราพอไปได้มั้ย ถ้ามันไม่เป็นอย่างที่วิเคราะห์ เพราะอะไร..​

ปล. จากโพสนี้ BTC ก็ปรับตัวย่อลงมาจริงๆ นิดนึง จาก High ที่ 19k ลงมาที่ 11k แล้ว Sideway แถวๆ 14–15k USD
https://www.tradingview.com/x/rSDp5TNt/ 5 Jan 2018 — อันนี้เป็นภาพอัพเดทวันนี้ ต่อเนื่องจากด้านบน จะเห็นว่าตลาดปรับตัวลง เด้ง Sideway abc แบบที่โพสไปนั่นแหละ (ดูเส้นแท่งเทียนที่เกิดจริง เทียบเส้นน้ำเงินที่ลากเอาไว้.. แต่ว่า abc มันอาจจะไม่เด้งแรงเท่าที่วาดเท่านั้นเอง (พี่โบ๊ตก็แม่นเหมือนกันนะพอจะใบ้หวยได้ 555)
หรือโพสนี้ ต้นธันวา ผมมองราคา Ethereum ไว้ว่ามันน่าจะเด้งไปเกือบ $1000 ช่วงต้นปี แล้วปรับตัวเล็กน้อยก่อนไปต่อ.. ณ.วันนี้ ETH ก็เด้งไปประมาณพันนึงพอดีครับ มีจุด Correction ที่มาเร็วกว่าที่คาดไปหน่อย (ก่อนปีใหม่ คนขายเอาเงินไปใช้ อันนี้เป็น Fundamental อย่างนึงครับ) ทั้งหมดนี้เป็นการวิเคราะห์จากกราฟล้วนๆ ดูเสร็จในห้านาที ไม่ได้อาศัยข่าว หรือปัจจัยพื้นฐานด้านอื่นประกอบเลย

2. ประเมินราคาจากข่าว

ข่าวจะเป็นสิ่งที่ผมสนใจน้อยกว่ากราฟ เพราะตอนที่ข่าวออกมา ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นไปแล้ว และหลายๆ ครั้งเป็นการตั้งใจให้ข่าว เพื่อให้เจ้าของหรือเจ้ามือทำกำไร.. ดังนั้นข่าวจึงชอบมาพร้อมกับดอยและเม่า ^ ^”

แต่ในโลกของ Crypto Currency ข่าวก็มีความน่าสนใจไม่น้อยครับ เพราะถ้าไม่มีข่าวให้อ่าน เดี๋ยวเราจะเบื่อ.. เอร้ย ม่ายช่ายย แต่ข่าวทำให้เกิด Awareness และเมื่อคนสนใจแล้ว ก็จะแห่กันเข้ามา (หรือออกไป) หรือทำอะไรบางอย่างกับ Google เพื่อค้นหาข้อมูลให้มากขึ้น ซึ่งถ้าตามปัจจัยพื้นฐานของ Blockchain ที่มีลักษณะคล้าย Social Network แล้ว การเพิ่มขึ้นของคนที่สนใจใน Network.. จะสะท้อนมูลค่าที่เพิ่มขึ้นได้แน่นอนครับ เป็นพื้นฐาน “ฟันธง!”

อันนี้เป็นข่าวตอนที่ เหรียญ IOTA บอกว่าจะ Partnership กับ Microsoft กับ Samsung.. ถึงสุดท้ายจะออกมาพบว่าเป็น ข่าวลวง.. แต่เหรียญมันก็ยังขึ้นไปอีกเฮือกใหญ่ๆ แสดงถึง Network effect กับราคาเหรียญ

หรือ เมื่อ นาย ก. ได้รับข่าวว่าบิตคอยน์ราคาขึ้นไปกว่า 10 เท่าในปี 2017.. สิ่งที่นาย ก. ทำคือ อาจจะเริ่มเอาคีย์เวิดไปค้นหาในกูเกิล..​ (หรือเอาไปถามเพื่อนในแชต) แล้วก็เกิดอาการตื่นทอง เริ่มเปิด Wallet และทำการ Trade..

หรือถ้าใครจำช่วงที่มีข่าว Bitcoin จะ Segwit2x เดือน Nov ที่ผ่านมา จะพบว่าเป็นข่าวใหญ่ที่มีคน Viral ไปทั่วโลก และคนให้ความสนใจกันเยอะ (เพราะอยากได้เหรียญเพิ่ม) ทำให้เป็นจุดที่ราคาของ Bitcoin “ถูกปั่น” ไปถึงจาก $6000 ไป $9000+ ถึงแม้จะออกมาประกาศพลิกล้อค แล้ว Correction ไปหนึ่งสัปดาห์

พอมาคิดได้แบบนี้ผมเลยมาคิดว่า เอ.. แล้วถ้าเราเอาเครื่องมือที่มันวันสะท้อนการค้นหาของคน หลังจากที่คนสนใจเรื่องใดเรื่องนึงแล้ว (จะเริ่มเอาจริงแล้ว) มาใช้เป็นตัววัดสะท้อนราคาจะเป็นยังไงนะ.. นั่นก็เลยเกิดการทดลองด้วย Google Trend ตามโพสนี้ครับ

3. พึ่งค้นพบ! ลองประเมินราคา Bitcoin ด้วย Google Trend

อย่าเข้าใจผิดว่าโพสนี้ Sponsor by Google นะครับ แต่สิ่งที่ผมชื่นชอบมากกว่าข่าว ที่ไม่รู้มีคนอ่านกี่คนต่อข่าวคือ ภาพรวมของข้อมูล.. และเราต้องขอบคุณ Google ที่ทำการ Organize Big Data เหล่านั้นออกมาให้เราเข้าถึงกันได้อย่างง่ายๆ ในเจ้าเครื่องมือ Google Trend ที่ใช้วิเคราะห์ Trending Search Keyword สำหรับคนที่ทำ Content Marketing ครับ

และอันนี้ตามที่กล่าวไปเป็นไอเดียสนุกๆ ที่ผมนึกขึ้นมาได้ เลยเอามาทำการทดลองดูครับว่า Google Trend จะสามารถใช้เป็นตัวแทนของจิตวิทยามวลชน ในการทำนายราคา Cryptocurrency ได้หรือไม่” เผื่อมีใครสนใจจะเอาไปทำการทดลองที่ลงลึกกว่านี้ หรือลองเอาไปทำบอตสนุกๆ ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ :)

สมมุติฐาน: ช่วงตลาดขาขึ้น มีการทำข่าวมาก+คนทำการเสิชข้อมูลมากด้วยคีย์เวิดนั้น / ช่วงตลาดขาลง ข่าวจะลดลง+คนจะกังวลใจและเสิชข้อมูลด้วยคีย์เวิดนั้นลดลง

และเมื่อลองทำ Keywords comparison เรื่อง Crypto currency บน Google Trends อันนี้คือผลลัพธ์แรกครับ

เส้นสีฟ้าคือ สัดส่วนของคนที่ Search คำว่า Bitcoin… พอผมสังเกตกราฟของมัน ก็พบว่ามันคล้ายๆ กับราคาของกราฟ BTCUSD จริงๆ พอสมควรครับ ก็เลยคิดว่าน่าขุดให้ลึกกว่านี้

แค่จาก Google Trend เสิชแรกของผม ก็มี Finding น่าสนใจหลายอย่าง ดังนี้ครับ
- คนทั่วเสิชคำว่า Bitcoin มากที่สุด จนเหมือนกับ Bitcoin เป็นตัวแทนของ Blockchain และ Cryptocurrency ทั้งหมด- คำว่า Cryptocurrency เป็นคำที่ใช้เยอะในรัสเซีย คนรัสเซียไม่ค่อยหาคำว่า Bitcoin :) น่าจะด้วยเรื่องภาษามั้งครับ Krypto! กระดกลิ้นรัวๆ 55
- คนจีนสนใจ Ethereum มาก (สีเหลือง) น่าจะเกี่ยวข้องกับตลาด ICOs ในจีนร้อนแรงมากๆ ครับ (อันนี้ยังไม่ได้ลองเทียบกับคีย์เวิดอื่นๆ เช่น Bitcoin Cash, หรือ Jihan Woo นะครับ
- อื่นๆ Africa, Saudi arabia สนใจ บิตคอยมากอันดับต้นๆ ของโลกเช่นกัน
- ช่วง 2–3 สัปดาห์ที่ผ่านมา Trend ของ Ripple (เส้นเขียวในรูป) พุ่งชนะ Ethereum, Litecoin
-ประเทศไทย ยังอยู่ในเรดาห์ ครับ :)

จากนั้น ลองเอาตัว Google Trend มาเทียบกับราคาจริงๆ ของ Bitcoin ในช่วงปี 2017 เท่ากันนะครับ

เส้นสีฟ้าคือ Google Trend คำว่า Bitcoin.. เอ มันคล้ายๆ กับราคาจริงอยู่เหมือนด้านขวาอยู่เหมือนกันนะ
ก็เลยลองเอามาเข้า Photoshops ครับ scaling ให้สัดส่วนพอๆ กัน แล้วจับมาซ้อนกันซะ เพื่อวิเคราะห์ต่อไป

และนี่คือผลลัพธ์ ของ Google Trend ที่เอามาจับกับราคาบิตคอยน์ครับ

Google Trend on Bitcoin price

จากรูปพอทำให้สัดส่วน 100% พอๆ กัน พบ Findings ที่น่าสนใจหลายอย่างเลยครับ

  • ช่วงตั้งแต่ต้นปี 2017 ถึง Aug 2017 เป็นช่วงที่มีคนค้นหา “Bitcoin” เทียบกันแล้ว “สูงกว่า” ราคาของ Bitcoin ช่วงนั้น (ช่วงนั้น 1 BTC ประมาณ $2,500 USD ครับ)
  • ช่วงกลางเดือน Aug2017 เป็นจุดที่มีการ “ตัดกัน” ของกราฟ Google Trend กับเส้นราคาของ Bitcoin ที่เห็นได้ชัด “ครั้งแรก” ของปี 2017 และ.. ถ้าใครที่นับ Wave จะเห็นนะครับว่าเดือนสิงหาคม-กันยายน จัดว่าเป็น Wave1 ของ Bitcoin ในปีที่ผ่านมา (คือเห็นแล้วแหละว่าเริ่มมาแบบแน่ๆ แล้ว)
  • ราคาของ Bitcoin เริ่มสูงกว่า เส้น Google Trend ช่วงเดือนตุลาคม แสดงออกถึง Market ที่เริ่มมีคนกระโจนเข้าไปเล่นทำราคาเกินกว่า Trend ของข่าวและการค้นหา
  • เดือน Nov ถ้าใครจำได้ เป็นเดือนที่หลายคนบอกว่า “บ้าไปแล้ว” คือราคาบิตคอยน์ พุ่งไปเกิน $6,000 หลายๆ คนมองกราฟบิตคอยน์ ณ.เวลานั้นว่ามันอยู่ใน Wave5 แล้วด้วยซ้ำ (พอดีหาภาพที่เคยวิเคราะห์ไว้ช่วงเดือนนั้นไม่เจอแล้วครับ เปลี่ยนโทรศัพท์) และหลายคนมองว่าเดือนนั้น Bitcoin จะเตรียม Correction ราคาครับ (รวมทั้งผมที่คิดแบบนั้นด้วย)
  • แต่ถ้าตาม Google Trend พี่แกบอกว่า เดือนนั้นจำนวนข่าวและคนค้นหา.. อยู่ดีๆ มีการหักหัวขึ้นแบบเกือบจะ 90 องศา เลยครับ.. อาการแบบนี้ คือแสดงออกถึงการมี Viral อะไรสักอย่างที่เป็นระดับ Global Viral ครับ
  • ช่วงกลางเดือน Nov ถึง ต้น Dec 2017 มี จุดที่ข่าว Viral เด้งไปตัดกับเส้นราคาที่ว่าสูงกว่าเส้น Trend ช่วงก่อนหน้านี้ไปแล้ว “อีกหนึ่งครั้ง” และช่วงนี้นั่นเอง ที่เราเห็นราคาของ Bitcoin Go to the moon… คือโตไปอีกสามเท่า จาก $6,000 ไปเป็น $18,000
  • Wave ทั้งหมดของปี 2017 ที่เคยถูกวิเคราะห์กันว่าน่าจะจบ Wave5 ช่วงกลางปีแล้ว ถูกยุบรวมกันเป็น Year Wave3 อันเดียว.. ตั้งแต่ช่วงเดือน Oct-ต้น Dec
  • ดูจุด “ตัดขึ้น1” และ “ตัดลง1” ที่อยู่ในภาพนะครับ ถ้าสมมุติว่าเข้าไป ซื้อและขาย ตามการทดลองนี้ จะได้กำไรทั้งหมดประมาณ 17,500–6,500 หรือ 1.69 เท่า
  • สำหรับจุด “ตัดขึ้น2” เป็นจุดที่ผมเรียกว่า Over the moon คือ มันเกินความจริงไปมาก และเป็นจุดที่รู้สึกเป็นห่วง เลยมาเขียน Blog โพสไว้อันที่แล้วครับ (ราคา $16.5k-$19.5k ) ซึ่งหลังจากนั้นตลาดก็ Correction สักพักตามที่เคยวิเคราะห์ไป
  • สมมุติแบบเดิม ถ้าคุณเข้าซื้อตามจุด “ตัดขึ้น2” และขายที่ “ตัดลง2” จะได้กำไรใกล้เคียง 0 พอดีครับ เพราะเหมือนเป็นเฮือกสุดท้ายของปีที่เร็วมากๆ (wave5 อันนี้แค่สัปดาห์เดียว) และแน่นอนว่ามีเม่าพอสมควรที่พึ่งตื่นทอง และกระโจนตลาดดอยช่วงนี้เช่นกัน
  • ในช่วงปลาย Dec จนถึงต้นปีนี้ เป็นช่วงที่ตลาด Bitcoin ปรับตัวหรือ Correction จะเห็นว่ากระแสข่าวตกฮวบพอสมควรครับ ตรงนี้น่าจะสะท้อนถึงจิตวิทยามวลชนที่เวลาตลาดไม่ดี คนจะไม่ค่อยอยากพูดถึงมัน ^^!
  • แต่การที่ราคา Bitcoin ไม่ร่วงตาม แต่ Correction อยู่หมายความว่า เม่าขายทิ้ง และมีคนมาไล่เก็บของแทนอยู่ไงครับ
  • จริงๆ ในหัวมี idea ที่ใช้พวก Computer vision อยากจะเอามาจับอีกหลายอย่างเหมือนกัน แต่ขี้เกียจทำต่อแล้วครับ แค่นี้ก็พอได้ไอเดียบางอย่าง 55
  • สรุปได้ว่า ตลาดนี้อ้างอิงกับ “ข่าว” และ People Network อย่างมีนัยสำคัญ
  • และถ้าใครคุ้นเคยกับ Jitta line อาจจะไปทำการทดลองต่อใช้ Google Trend มาจับเป็นเหมือน Fair price จะได้หรือไม่

ลองมาดูกันต่ออีกนิด.. หลายๆ คนที่ดู Technical ใช้เส้น Trend line ตัดขึ้นตัดลง บอกจุดซื้อขาย อย่างในภาพนี้ผมลองใส่ EMA 7,14,28 ในกราฟ D1 ดูครับ

ถ้าตาม Trend line จะมีจุดตัดให้ซื้อสองครั้ง ช่วงกลางเดือน Sep กับ กลางเดือน Nov / ซึ่งทั้งสองจุดตัดนี้ก็ปรากฎขึ้นใน Google Trend เช่นกัน (ลูกศรเขียว) อาจใช้ช่วยสนับสนุนกันได้ครับ

แต่ข้อเสียของ Trend line ถ้าใครคุ้นกับ Technical อยู่แล้วก็คือ.. บางทีเราเห็นมันตัดขึ้นไปแล้ว สักพักอยู่ดีๆ มันเปลี่ยนทิศ เส้นก็เปลี่ยน กลายเป็นไม่ตัดได้อยู่บ่อยๆ เลยนะครับ.. คือมันเป็นเส้นที่ถ้ามาดูทีหลังจะถูกเป๊ะไปหมด แต่ระหว่างทางนี่… ขอไม่กล่าวถึงดีกว่าครับ เคยโดนไปหลายดอกแล้ว 55

#2 Ripple

อะลองดูกันอีกสักตัวที่กำลัง Moon อยู่ตอนนี้นะครับ.. Ripple! หรือ XRP นั่นเอง ว่าความร้อนแรงเป็นยังไงบ้างแล้ว

อากู๋บอกว่า ความร้อนแรงใน Week นี้ด้าน Viral, Search ก็ยัง New High อยู่

ลองเอามาปะด้วย Photoshops เหมือนเดิมดีกว่าครับ เทียบกับราคาจริงๆ ของ XRPUSD ใน Timeframe 1 ปี เท่ากัน

XRPUSD เทียบกับ Google Trend ในปี 2017

Findings ที่ผมมองมีดังนี้ครับ

  • ช่วงต้นเดือน May2017 มีการเคลื่อนไหวราคาครั้งแรก และเกิดจุดตัดอันนึงของราคาว่าเริ่มขึ้น Wave1 แล้วนะ (น่าจะเป็นช่วงเดียวกับที่ Ripple เข้า Fintech ของ Digital Venture ใต้ร่ม SCB รึเปล่าครับ?? ขี้เกียจจะเช็คละเอียดนะ)
  • หลังจากนั้นก็มีข่าวเรื่อยๆ แต่เป็นข่าวแบบไม่ได้ Viral มากครับ เหมือนเป็นการสะสมกำลังตั้งแต่เดือน Jun2017 เป็นต้นไป
  • จุดหักของ Google Trend สำคัญอันแรกคือตรง “ตัดขึ้น1” วันที่ 3 Dec 2017 ตอนนั้นถ้าใครเข้าไปดูราคา จะพบว่าราคายังไม่เด้งนะครับ Week 3–10 Dec 2017 ราคายังเลี้ยงอยู่แถวๆ $0.25 USD.. แต่ Google Trend ส่ง Signal บางอย่างมาตั้งแต่วันที่ 3 แล้วว่ามันมี Something Viral Happened!:)
  • มีจุดตัดลงสั้นๆ นิดนึงตรง “ตัดลง1” เป็นช่วงที่ราคาพุ่งจาก 0.25 เป็น 0.85 ผมคิดว่าเป็นจุด Correction เล็กๆ ที่เกิดจากคนตกใจว่า เฮ้ย.. ราคาพุ่งแล้วเว้ยย แล้วมีบางคนขายทำกำไร..
  • ถ้าใครซื้อขายตามการทดลองนี้จะได้กำไร 3 เท่ากว่า รอบแรกครับ
  • แต่ภายในสัปดาห์เดียว วันที่ 17 Dec 2017 คนก็ยัง Moon ต่อกับ Ripple ครับ พุ่งทะลุ $1 USD ขึ้น Wave5 และเกิด Extended wave5 ไปที่ประมาณ $3 ณ.วันนี้ที่เขียน (วันที่ 6 Jan 2018)
  • แล้วจะเป็นยังไงต่อ.. ไม่ใช่เป็นการทำนายนะครับ แต่จากภาพที่ผมทำมาจะเห็นว่า เส้น Google Trend Line ยังขึ้นไปต่ออยู่แต่ไปในแนวที่มีอัตราเร่งแผ่วลง ในทางกลับกันในช่วง Super moon (ตั้งแต่เกิน $1 USD) นี้ ราคามันสัดส่วนเกิน Trend ไปเยอะแล้วครับ (เหมือนกับตลาดจะยังตื่นเต้นและยังรับราคาดอย.. (อุ๊บส์) กันอยู่)
  • คหสต. ผมคิดว่าถ้าไม่มีการทำข่าวกันต่อ หรือบริษัทมีแผนสร้างสรรค์เกมบุก อย่างต่อเนื่องในเดือนนี้ ตลาดก็จะ Correction สักแป๊บนึงครับ แล้วค่อยมาดูกันกับความสร้างสรรค์ว่าเค้าจะเดินเกมส์ยังไงต่อ.. ก็ติดตามกันต่อไปครับ :)

เป็นยังไงกันบ้างครับกับการทดลอง Google Trend อันนี้ คิดว่าคงเห็นภาพบางอย่างว่า Keywords Trend ส่งผลยังไงกับ “ราคา” ของ Cryptocurrency

โพสนี้ขอจบเท่านี้ก่อน เพราะเหนื่อยแล้ว ^ ^!

Disclaimer : อยากจะย้ำอีกรอบนะ ว่าโพสนี้เกิดมาจาก idea สนุกๆ ที่ผมปิ๊งขึ้นมา เลยเอามาลองเล่นดู ไม่ได้หมายความว่าสามารถใช้เป็นเครื่องมือได้จริงๆ น้า.. ใครอยากเอาไปเล่น ก็บริหารความเสี่ยงกันเองนะครับ

ทิ้งท้าย

มีนิทานอยู่เรื่องนึงครับ พึ่งแต่งตอนนี้เลย.. กาลครั้งหนึ่งมีนักวิชาการมากมาย พยายามหาสูตรของจักรวาล.. สุดท้ายพวกเขาเอามาอวดกันที่งานประชุมวิชาการ แล้วแต่ละคนก็กลับบ้านไปพร้อมกับความภูมิใจและความสุขที่ได้คิดอะไรสักอย่างขึ้นมา.. แต่ก็ไม่มีสักคนที่มีสมการที่ตรงพอดีแป๊ะ.. จบ

เพราะตลาดเกิดจากความต้องการแลกเปลี่ยนของคน.. และจักรวาลของตลาดประกอบไปด้วยการเกิดดับของความโลภของมนุษย์โลก อย่ามัวไปเสียเวลาค้นหาสูตรบนความซับซ้อน เลยครับ..

ชีวิตมันควรจะง่ายๆ เอาเวลาไปอยู่กับคนที่เรารักดีกว่าครับ (จบปิ้งงง)

Namaste,
Boat

ปล. ถ้าจะมีตัวเลขที่สะท้อนการจัดเรียงของจักรวาลได้ และใช้ดูตลาดได้ดีทีเดียว.. ก็คงจะเป็น Fibonanci ratio นะครับ (ไว้ต่อโอกาสหน้านะ วันนี้เหนื่อยแล้ว อิอิ บายย)

อื่นๆ ที่สนใจอยู่ อยากชวนพี่ๆ น้องๆ โปรแกรมเมอร์ ที่สนใจมาสนทนากันครับ

  • Bot สำหรับทำ Exchange Arbitrage , Lending Bot, Bot อื่นๆ
  • อัตราการเติบโตของตลาดในเชิงประชากร : จำนวนการเติบโตของ Wallet Address ที่เพิ่มขึ้น ต่อ ค่าเฉลี่ย Wallet Address ที่มีต่อคน = Active people who use/trade cryptocurrency
  • อัตราการเติบโตของตลาดในเชิงมูลค่าการ Trade / Volatility กับการประเมินมูลค่า
  • รูปแบบของข่าว ที่ทำให้ราคาขึ้น + การต่อเข้ากับ Trading View ในรูปแบบที่มีประโยชน์กว่าเดิม
  • การ Valuation ICOs
  • Blockchain applications, Type of tokens กับ real world disruption

--

--