[REVIEW] Consensus: Singapore 2018 — Volume การเทรดจากประเทศไทยไป Binance นั้นใหญ่ติด อันดับแรกๆ แล้วนะคะ!

BoNisa
Dcentralizer
Published in
4 min readSep 23, 2018
สำหรับ Ticket เข้างานครั้งนี้ต้องขอขอบคุณ Poramin Insom และ Zcoin Project ด้วยนะคะ

สวัสดีค่าทุกท่าน

หลังจากที่โบห่างหายจากการเขียน Blog ไปนาน เนื่องจากมีภาระกิจที่ต้องทำ แทบจะไม่มีเวลาให้ตัวเองเลย ซึ่งภาระกิจนั้น ทุกคนอาจจะทราบกันแล้ว คือโบได้เข้าไปช่วยกับทาง Ookbee U บริษัท Startup ที่โด่งดังของไทยเรา และ Yello Marketing Digital Global จากทางเกาหลี ในการจัดตั้งและดำเนินการ SIX Network ขึ้นมา ซึ่งเราก็ได้ระดมทุนสำเร็จไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ทั้งหมดนี้ใช้เวลาไปทั้งหมด 10 เดือนเต็มๆ กว่าโบจะเริ่มยุ่งน้อยลง มีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น และมีโอกาสได้ออกไปเจอผู้คนในวงการในต่างประเทศเป็นครั้งแรกที่งาน Consensus: Singapore 2018)

หลายคนอาจจะไม่รู้จักว่า ​Consensus คืออะไร ทำไมถึงมีความสำคัญกับตลาด Cryptocurrency ถึงเพียงนี้ โบขออนุญาตเกริ่นสั้นๆก่อนเข้าเรื่อง จะได้เข้าใจถึงความตื่นเต้นของพวกเราชาวคริปโต

Consensus คือ อีเว้นที่จัดโดย CoinDesk ซึ่งเป็น Media เกี่ยวกับตลาดคริปโตที่ถือได้ว่าติดชั้น Top 3 ของโลกเลยก็ว่าได้ซึ่งตัว CoinDesk เองนั้นจริงๆแล้วมี Back เป็น Digital Currency Group (VC ในตลาด Crypto จากฝั่ง US) ซึ่งก็เป็น Back เดียวกันกับ Genesis Global Capital และ Genesis Trading นั่นเอง ซึ่งทุกๆเดือน May ของทุกปี Coindesk จะจัดงานอีเว้นที่ชื่อว่า Consensus และในทุกปีจะมีคนดังของทั้งโลก Crypto และคนดังคนสำคัญจากโลกใกล้เคียงกันมาพูดในงาน รวมไปถึงผู้ร่วมงานที่ล้วนแล้วแต่เป็นคนสำคัญใน Ecosystem นี้ทั้งสิ้น เนื่องจากราคาค่าตั๋วแพงมากอยู่ในเฉลี่ย US$1,999 ต่อคน ซึ่งด้วยราคาค่าตั๋วขนาดนี้ คนที่จะร่วม attend นั้นล้วนแต่เป็นคนที่มาด้วยจุดประสงค์ในการทำธุรกิจในตลาดนี้ทั้งสิ้น ดังนั้นสิ่งที่พวกเค้าเหล่านี้คิดหรือจะทำในงานล้วนแล้วแต่มีผลกระทบต่อราคาของเหรียญต่างๆในตลาด Crypto ทั้งสิ้น

จำนวนผู้เข้าร่วมงาน Consencus ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา จริงๆตัวเลขจริงของปี 2018 มากกว่า 8,500 คนด้วยซ้ำ

แล้วโบก็โชคดี ที่ได้ตั๋วฟรี Sponsored by Poramin Insom and Zcoin Project มา ถ้าไม่ได้ฟรี คงไม่ได้มา (55+) และก็โชคดีมากที่ได้เจอคนที่มีประสบการณ์มากมายในตลาดนี้ หลังจากที่นั่งทำงานอยู่กับโต๊ะ ศึกษาเองจากโลกออนไลน์มานาน

Consensus: Singapore จริงๆแล้วเปรียบเสมือนงานย่อยของ Consensus หลักที่จัดขึ้นทุกเดือน 5 ของทุกปี ซึ่งโบไปงานที่สิงคโปร์ ก็รู้สึกว่ามันเล็กกว่าที่คิดไว้ แต่คราวนี้มีพี่พี่น้องน้องในวงการคริปโตไทยหลายคนได้ถ่ายรูปกับ Binance CEO ด้วยนะคะ (โบไม่ได้ถ่าย เพราะมัวแต่เม้า networking กับคนนั้นคนนี้อยู่) ข้อดีคือไปง่ายและถูกกว่า NYC เยอะเลย แต่งานมันก็เล็กกว่ามากเหมือนกัน Charkrid Th. บอกว่าเค้าไปงานที่เกาหลีแต่เป็นอีกอีเว้นนึง คนเยอะมาก networking นอกงานกันทั้งวัน ได้นามบัตรมานับร้อยใบทีเดียว (ไม่รู้โม้ปะ 55+)

ไปดู VDO ภายในงาน มันก็ดูโล่งๆนิดนึง คนส่วนใหญ่ออกไป Networking กันด้านนอกแล้ว โบมาสาย วันก่อนหน้า networking ดึกไปหน่อย :]

เนื่องจากโบมีส่วนเกี่ยวข้องใน SIX Network จึงได้รับ Private Dinner Invitation ซึ่งความ Cool ของ Dinner ในช่วงงาน Consensus นี้เราจะได้เจอกับคนดังๆในโลก Crypto ที่มี Impact ระดับโลกมากมาย และส่วนใหญ่แล้ว Deal ต่างๆก็เกิดขึ้นหลังงานทั้งสิ้น ถ้าจะพูดให้ถูก งาน Consensus จริงๆแล้วเริ่มตอน Dinner ไปจบตอนตีสี่และก็ Private brunch ระหว่างวันซักมากกว่า (เอาจริงๆ champaign, wine, beer ก็พร้อม serve ให้ investor มึนๆกันตั้งแต่ 10 โมงเช้า จะได้คุยดีลกันง่ายๆ 555+)

สิ่งนึงที่โบได้เรียนรู้จากการไปงานครั้งนี้คือ ทุกคนที่เป็นฝรั่งตะวันตกจะดีใจมาก ที่รู้ว่าเรามาจากไทยแลนด์ ทุกคนดูเหมือนจะตื่นเต้นและอยากรู้ว่าตลาดคริปโตในไทยเป็นยังไง เพราะรู้หรือไม่ค่ะว่า Volume การเทรดจากประเทศไทยไป Binance นั้นใหญ่ติด อันดับแรกๆ แล้วนะคะ! ภูมิใจจริงๆ ที่เราเป็นส่วนหนึ่ง (55+)

ใครจะรู้ อีกหน่อย Binance อาจจะอยากเข้ามา Acquire ใครซักคนในบ้านเราก็ได้ ^_^

นอกจากนี้โบก็ยังโชคดีที่ได้มีโอกาสแบบ random มาก ได้ sit down dinner ข้างๆกับ ​​Michael Moro, CEO of Genesis Capital ตอนแรกเราก็ไม่รู้จริงๆว่าเค้าเป็นใคร (รู้สึกบ้านนอกมาก) เรารู้ว่า Genesis Capital คืออะไรแต่ไม่รู้ว่า CEO หน้าตาเป็นอย่างไร (55+) เราก็คุยกับเค้าไปเรื่อยเปื่อยเลย ไม่ว่าจะเป็นสภาพการเมือง ฝนฟ้าอากาศ เศรษฐกิจในไทย เราก็ถามเค้าเรื่อง Regulation ต่างๆที่ US ก็ได้เรียนรู้ insight มาหลายอย่าง คุยนานมากกว่าจะรู้ว่าเค้าคือใคร (หน้าอายมากมาก)

สิ่งนึงที่ได้เรียนรู้จาก Michael Moro ก็คือ ETF ไม่มีทางจะเกิดได้เร็ววันนี้ และจากความเห็นส่วนตัวของเค้าเอง เค้ามองว่ามันจะไม่เกิด ถ้า SEC ชุดนี้ยังไม่ลาออก! เรื่องนี้เค้าก็ไม่ได้กล้าพูดในที่ public แต่เค้าบอกว่า ใครจะกล้าอนุมัติ หากมันแย่ขึ้นมาหล่ะ อยู่มาตั้งนาน ทำไมต้องมาเสี่ยงให้ตัวเองมี bad record ก่อนจะหมด termด้วย! โบคิดว่าเรื่องนี้น่าคิดมากมาก ถ้าเป็นแบบนี้จริงอาจจะต้องรอถึงปี 2020–2021เลยถึงจะมีความเป็นไปได้ว่า ETF จะกลับมาทำให้ตลาดร่าเริงอีกครั้ง (ซึ่งตอนนี้ตลาดก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะมี ETF ในเร็ววันอยู่แล้ว)

นอกจากนี้ Moro ยังบอกว่า (Genesis trading เป็น OTC ที่เรียกได้ว่าใหญ่ที่สุดในโลก Crypto แล้วก็ว่าได้) ลูกค้าของเค้าวาง buy order BTC ที่ 5,200–5,900 level ไว้เป็นปริมาณมาก แต่ในขณะเดียวกัน เค้ายังไม่เห็น significant buy order ETH เนื่องจากที่ทุกครั้ง ETH งัดหัวขึ้นจะมีคนขายใส่ทุกครั้ง (น่าสงสาร ETH จัง) และ ETH นั้นมี Supply มโหฬารในตลาดโดยที่ผู้ซื้อไม่จำเป็นต้องแย่งกันซื้อเลย

ความเห็นจากนักลงทุนคนอื่นๆที่โบได้พบเจอนั้น ก็จะพูดคล้ายๆกันหมดโดยเฉพาะ ETH นั้นน่าสงสารมาก “นักลงทุน” ส่วนมากได้มองว่า ETHEREUM นั้นไม่มีความจำเป็นต้องมี Native asset อย่าง Ether อีกต่อไป ก่อนหน้านี้ ICO นั้นต้องระดมทุนผ่าน Ether แต่ในความเป็นจริงแล้ว ICO ไม่มีความจำเป็นต้องระดมทุนโดยใช้ Ether นอกจากนี้ การวาง Tokenomic โดยการใช้ Gas เพื่อทำ transaction นั้นก็วางได้ไม่ถูกต้อง เนื่องจากมันก่อให้เกิด Economic abstraction ใน system ของ ETHEREUM เอง และตอนนี้จากการคุยกับคนเกิน 50 คนได้ในสามวัน ไม่มีใคร hold ETH แล้ว มีแต่คน Short ETH ที่ 50X Leverage (55+)

สำหรับโพสต่อไป โบจะโพส blog พูดสั้นๆเกี่ยวกับ Economic Abstraction ใน Ethereum Network (ถ้าพูดยาวๆจะให้ลุงมาพูด Charkrid Th.)

หลังจากที่ Jeremy Rubin ออกมาพูดว่า Ether นั้นมีทางเดียวคือไปที่ 0 ตอนแรกโบก็ไม่คิดว่ามันจะ 0 นะ แค่คิดว่ามันแย่แน่ scale ไม่ได้ แต่จริงๆ ใช่เลยมันมีเหตุผลให้กลายเป็น 0 ลองไปอ่านบทความกันก่อนแล้วมา discuss กันใน blog หน้าค่า ^_^

ภาพบรรยากาศในงาน Consensus: Singapore 2018

--

--