[Review] UX Class Define “เจาะลึกใน Insight ออกแบบได้ตรงใจ User”

Natthar Boonnumchai
DesignCrunch
Published in
3 min readNov 21, 2017
Cr. UX Bangkok

แนะนำตัวกันก่อน เราชื่อฟู เราเป็นนักเรียนใน UX Class Batch # 1 ของ UX Bangkok

ทำความรู้จัก UX Class

UX Class แบ่งออกมา เป็น 5 คอร์สด้วยกัน เป็นคลาสต่อเนื่อง
1. Empathy
2. Define
3. Ideation
4. Prototype
5. Test

วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังว่าไปเรียนคลาส UX Class - Define แล้วได้อะไรกลับมาบ้าง

คลาสนี้จัดเมื่อวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 18–19 พ.ย. 2560 ที่ผ่านมา ณ บริษัทชอปสปอร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (ShopSpot.co.th)

ทางพี่ๆทีมผู้สอน UX Bangkok ได้จัดคลาส UX Class ในส่วนของ Define เป็นภาค 2 ต่อจากคลาสแรก คือ Empathy

ส่วนถ้าใครอยากรู้ว่า คลาสแรกที่ทาง UX Bangkok จัดขึ้นเป็นอย่างไร ได้เรียนรู้อะไรกันบ้าง ไปติดตามอ่านได้ จากลิงค์ที่แปะไว้ได้ด้านล่างเลยจ้า

เพื่อนๆหลายคนคงอยากจะรู้แล้วว่า UX Class ใน ส่วนของ Define เขาเรียนอะไรกันบ้างหละ ?

Schedule

เนื้อหาที่เรียนจะถูกแบ่งมาตามนี้เลย

วันเสาร์ที่ 18 พ.ย. 60

  1. Empathy Map
  2. Persona

วันอาทิตย์ที่ 19 พ.ย. 60

  1. User Journey Map
  2. Mental Model
  3. Use case

“เนื้อหาอัดแน่น เต็มคุณภาพ ครบครัน จริงๆ”

Warmup and Welcome

เช้าวันเสาร์ เป็นวันแรกของคลาส จะมีการเล่ากรณีศึกษาโดยพี่แจ็ค หนึ่งในทีมงาน UX Bangkok ครั้งนี้จะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม เราก็อยู่กลุ่ม 1 อีกเช่นเคย 5555 ดวงถ้าทางจะสมพงษ์กับเลขหนึ่ง 555

ภาพบรรยากาศในคลาสเรียน
ทุกคนอ่านข้อมูลและวิเคราะห์กันอย่างตั้งใจ

และให้ผู้เข้าร่วมได้อ่านข้อมูล Case Study จากนั้นให้ผู้เรียนได้สอบถามกับเจ้าของโปรเจ็ค

ภาพบรรยากาศการถามกับเจ้าของโปรเจ็ค

เมื่อซักถามเสร็จแล้วจะมีการพักกลางวันกันเถอะ

“กองทัพต้องเดิน ด้วยท้อง “

หลังจากที่เติมพลังด้วยพิซซ่ากันแล้ว… เราก็มาเรียนกันต่อ

Empathy Map

เมื่อเติมพลังกันแล้ว มาเรียนต่อกันช่วงบ่าย เราจะเรียนเรื่อง การทำ Empathy Map

และนี่คือหน้า Empathy Map

http://www.cormacmaher.com/wp-content/uploads/2017/05/Claires-Empathy-Map.png

Empathy Map ประกอบด้วยกัน 6 ส่วน
1. Think — คิดอย่างไร
2. Feel — รู้สึก
3. Do — ทำ
4. Say — คำพูดของผู้ถูกสัมภาษณ์ เช่น “ผมไม่กินเนื้อวัว”
5. Pain — Pain Point ของผู้ถูกสัมภาษณ์
6. Gain — สิ่งดีๆที่ผู้ถูกสัมภาษณ์ได้รับมา

เราจะนำข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์ User มาใส่ใน Empathy Map ประโยชน์ของการทำ Empathy Map เราจะเช็คกับตัวเองได้ว่า เราเข้าใจ ผู้ใช้ นั่นดีแล้วหรือยัง

ภาพสมาชิกในแต่ละกลุ่มกำลังทำ brainstorming เพือทำ Empathy Map กันอย่างตั้งใจ

เมื่อทุกกลุ่มทำ Empathy Map ทำกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมีการนำเสนอของแต่ละกลุ่ม ผู้เข้าร่วมคลาสจะได้ฟังเพื่อนๆตัวแทนกลุ่มนำเสนอ แต่ละคนก็มีการปล่อยมุกกันบ้าง และฟังคำแนะนำจากเหล่า UX Bangkok Coach

ภาพบรรยากาศการพรีเซ็น Empathy map ทุกคนนั่งฟังอย่างตั้งใจ

หลังจากนั้นเราเรียนเรื่องการทำ Persona กันต่อ

Persona

https://xtensio.com/user-persona/

Persona จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท

Marketing persona — จะเป็น persona ที่บอกถึงทัศนคติ ความรู้สึกนิดคิดของผู้ใช้ที่มีต่อสินค้า

Proto-Persona — จะเป็น persona ที่ได้รับบรีพจากทาง Business
สร้างขึ้นมาเอง ยังไม่มีการ Vaildate อย่างใด ถ้าพูดให้มันง่ายกว่านั้น คือ Persona แบบ Hyprothesis

UX Persona — เป็น persona ที่บอกถึงพฤติกรรมของผู้ใช้ ว่ามีปัญหาอะไรบ้าง คนๆนั้นมีลักษณะอย่างไร

ถามว่าทำไมต้อง Persona แล้วจะทำเมื่อไหร่

ทำ persona ขึ้นมาเพื่อสร้างโปรดัค จะเริ่มทำก็ต่อเมื่อ เราจะมีฟีเจอร์ใหม่ หรือจะสร้างโปรดัคขึ้นมาใหม่ ซึ่งจะตอบเหตุผลได้ว่า ทำไมเราต้องทำ Persona เพราะคนที่เป็น persona เขาจะได้งานระบบนั้นไงหละ

สิ่งที่จะ Focus คือ

1. Pattern ของแต่ละ Persona เป็นเรื่องสำคัญใช้ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะบุคคล
2. เราอยากรู้พฤติกรรมของ Persona ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ปฏิกริยาต่อสถานการณ์ต่างๆ

User Journey Map

https://uxmastery.com/how-to-create-a-customer-journey-map/

เราจะทำ User Journey Map เมื่อไหร่ ?

  1. ทำหลังจากที่ทำ Persona
  2. ต้องการที่จะออกแบบ Feature

แล้วทำขึ้นมาเพื่ออะไร ​?

ทำขึ้นเพื่อให้เราสามารถแจกแจงพฤติกรรมของเขาได้ แล้วสามารถสื่อสารกับคนในทีมได้ด้วยน่ะ

Mental Model

เมื่อได้ User Journey แล้วจะนำมาทำเป็น Mental Model หน้าตาจะประมาณนี้ เพื่ออธิบายการกระทำของแต่ละใน Stage ของ persona

http://karentaylorwrites.com/content-matters/how-building-mental-models-improved-results-for-national-instruments/

Use case

หลังจากที่ได้ Mental Model มาแล้วจะนำมาทำ Use Case ต่อ

https://en.wikipedia.org/wiki/Use_case
https://usabilitygeek.com/smart-ux-use-cases/

การเขียน Use Case จะเป็นการบอกรายละเอียด ขั้นตอนการกระทำของ User จะได้รู้ว่า Product จะมี Feature หรือ Service อะไรที่เกี่ยวข้องผู้ใช้บ้าง

ปิดท้ายด้วยการสอบ

สุดท้ายจะมีการสอบอีกเช่นเคย ข้อสอบที่มีความท้าทายเพื่อประเมิณผู้เข้าร่วมคลาสและเกณฑ์ที่สูงคะแนนสูงเสียดฟ้ามาก 555

สิ่งที่ได้รับจาก Class Define

  1. ได้เรียนรู้การทำ Empathy Map , Persona , User Journey Map , Mental Model และ Use case แต่ละขั้นตอนมีความเกี่ยวข้องกัน ถ้าทำผิดตั้งแต่ขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง จะได้รับผลกระทบทุกอย่าง
  2. เราได้รู้ว่า UX ไม่ใช่แค่การออกแบบ wireframe อย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ แต่ UX ต้องศึกษาพฤติกรรมของผู้ใช้ เพื่อให้เรารู้ใจและเข้าใจ User อย่างแท้จริง
  3. ได้รู้จักว่า เราต้อง Balance ระหว่าง User กับ Business
  4. ฝึกการนำเสนอ แต่…เราก็ยังพูดวนไปมา (ตื่นเต้นอยู่ดี 555)

ขอบคุณ

ขอบคุณพี่ๆทีมงาน UX ฺBangkok ทุกคน ที่จัดคอร์สดีๆแบบนี้ขึ้นมา เป็นการเรียนรู้ในแบบฉบับ “Learning by doing” ของจริง เรียกได้ว่า เปิดโลกของคนที่เป็นอาชีพนี้จริงๆ 555

ขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆทุกคน เรารู้สึกว่าที่นี่เป็นแหล่งรวมคนที่มีความสนใจในด้านเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะมีหลากหลายอาชีพก็ตาม แต่ทุกคนก็สนใจในเรื่องของ UX เรารู้สึกสนุกได้พูดคุยกับทุกๆคนๆ เพื่อนบางคนที่ยังไม่ได้คุย ในคลาสแรกเพราะมีการแบ่งห้อง มาคลาสนี้ได้รู้จักกันมากขึ้นอีก และทุกคนเป็นกันเองมากเลย

ปล.ส่วนเพื่อนๆคนไหนที่รอ UX Class Batch 2 ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ UX Bangkok เน้อ

แล้วพบกันใหม่ในคลาสหน้าเน้อ

--

--