บุกออฟฟิศ Tech ยักษ์ใหญ่ใน Silicon Valley กัน #1

Putt Potsawee
LifeatRentSpree
Published in
5 min readJul 24, 2020

เมื่อกลางเดือนมกราคม 2020 ที่ผ่านมา ทีม RentSpree ประเทศไทยได้มีโอกาสไปเยี่ยม Head Office ของเราที่ LA เพื่อเรียนรู้ธุรกิจและพบกับตัวอย่าง user เราจึงได้ถือโอกาสนี้ไปเยี่ยมชม Office Tech บริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ ใน Silicon Valley อาทิ Google, Facebook, Airbnb หรือแม้แต่ Apple ในบทความนี้เราอยากมาแชร์ประสบการณ์ อินไซท์ต่างๆ ที่เราแอบไปเรียนรู้มาเล่าให้ฟังแต่ก่อนอื่นเราจะขอเล่า คร่าวๆ เกี่ยวกับบริเวณที่เรียกว่า Silicon Valley มันคือที่ไหนกันนะ

Silicon Valley คือที่ไหนหนอ

บริเวณที่เป็น Silicon Valley

ซิลิคอนวัลเลย์ ถ้าพูดถึงชื่อนี้จะหมายถึงบริเวณตอนใต้ของ San Francisco ตั้งแต่ Los Altos ยาวลงไปจนถึง San Jose เป็นบริเวณที่รวมบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลกมากกว่า 2000 บริษัท ถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีโลกเราเลยก็ว่าได้ โดยบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำมาตั้งแต่ปี 1960 โดยมีบริษัทที่เราคุ้นชื่ออย่าง HP หรือ Intel ได้ถือกำเนิดที่นี่ (จึงเป็นที่มาของชื่อ Silicon ที่อยู่ในชิปคอมพิวเตอร์) และในปัจจุบันบริษัท Software ใหญ่ๆ ล้วนมีสำนักงานใหญ่อยู่ในบริเวณนี้แทบทั้งหมด

Google

เริ่มจากบริษัทยักษ์สุดอย่าง Google ก่อนเลย เราได้ไปเยี่ยมชมแคมปัสที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ล่าสุด Google MP1 ที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม มีความทันสมัยให้เข้ากับคนรุ่นใหม่ และถึงแม้ว่าแคมปัสนี้จะไม่ใช่แคมปัสแรกที่ถูกก่อตั้งขึ้น แต่รับรองเลยว่ามีอะไรให้เรียนรู้และน่าสนใจมากกว่าที่คิดแน่นอน

อิ่มท้องแบบฟรีๆที่ Google

อย่างแรกเลยคือเรื่องอาหารของที่นี่ เรียกได้ว่าพนักงานทุกคนจะต้องอิ่มกันสุดๆ เพราะที่กูเกิลเค้า “อาหารทุกอย่างฟรีหมด!!” ใช่ครับ ฟรีหมด!! อ่านไม่ผิดแน่นอน ขึ้นชื่อว่ากูเกิลไม่ใช่แค่ฟรีธรรมดาแน่นอน ในแต่ละแคมปัสจะแบ่งเป็นตึกต่างๆ กระจายกันออกไป (MP1-MP5 ในบริเวณรอบๆนั้น) โดยในแต่ละตึกเนี่ยก็จะมีร้านอาหารที่แตกต่างกันออกไป วันไหนเราอยากกินอะไร หรืออยากกินอาหารแบบไหนเราก็สามารถเดินไปที่ตึกนั้นได้เลย

ยังครับ ยังไม่พอ! ระหว่างที่นั่งโซนออฟฟิศก็จะมีแพนทรี่ ที่เต็มไปด้วยขนมขบเคี้ยว ผลไม้ หรือเครื่องดื่มต่างๆ ซึ่งทาง Google เค้าก็ใส่ใจสุขภาพของพนักงาน อยากสนับสนุนให้คนดื่มน้ำหวานได้ดื่มน้ำหวานที่มีแคลลอรี่น้อย ตรงตู้แช่เย็นจึงมีการปิดฉากเบลอสำหรับชั้นวางเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเยอะๆ อย่างพวกน้ำอัดลม โค้ก แฟนต้า ซึ่งที่บ้านเรานิยมกินกันทุกคน ส่วนตรงที่ไม่ได้ถูกเบลอจะเป็นพวกโค้กซีโร่ที่มีน้ำตาลน้อย และดีต่อสุขภาพ เพราะกูเกิลเนี่ยเค้าเชื่อว่าถ้าเบลอเอาไว้บางทีคนเดินผ่านอาจจะไม่เห็น และไม่เกิดอาการอยากกินขึ้นมา

ตู้แช่จะเบลอร์ชั้นวางเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเยอะๆไว้ให้คนอยากหยิบอันที่มีน้ำตาลน้อยๆ

แต่งสวยคุมธีม

สิ่งที่สะดุดตาของแคมปัสนี้ก็คือ เค้าจะมีการตกแต่งมุมต่างๆ ไม่เหมือนกัน อย่างเช่นในรูปตัวอย่าง เค้าแต่งให้เป็นคอนเซ็ปต์ Motheboard เหมือนคอมพิวเตอร์ แต่เนื้อหาจะเกี่ยวกับการวาง Work-life Balance

นอกจากนี้ แต่ละตึกยังมีคอนเซ็ปต์ในการตกแต่งที่ต่างกันออกไป อย่างเช่นในภาพจะมีการตกแต่งเป็นคอนเซ็ปต์ธรรมชาติ ภายในก็จะถูกตกแต่งให้เหมือนเราอยู่ในป่า และมีต้นไม้มากมายอยู่ในแคมปัส รวมไปถึงชื่อของห้องประชุมก็ยังเป็นชื่อที่เกี่ยวกับธรรมชาติ เช่น Rain Forest เป็นต้น

ตึก Theme Rain Forest

Googler

ทีมงานของ Google เค้าจะเรียกตัวเองว่า Googler แต่ความคูลไม่หมดแค่นั้น ถ้าเป็นพนักงานเข้าใหม่ที่ยังทำงานไม่ถึง 6 เดือน จะเรียกตัวเองว่า Noogler (มาจาก New + Googler) ตรงนี้แหละที่สร้างความสะดวกสบายให้กับเหล่า Noogler เพราะเมื่ออยากขอความช่วยเหลือจาก Googler ในเรื่องที่ตัวเองไม่รู้ เช่น เอ๊ะ เปิด document อันนี้ยังไง เหล่า Noogler เค้าก็จะบอกว่า Please help, I’m a Noogler (ได้โปรดช่วยด้วย ฉันเป็นพนักงานใหม่) เหล่า Googler ก็จะเข้าใจได้ทันทีว่า พวกเขาเป็นพนักงานใหม่และต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ

นอกจากนั้น ยังมีคำที่เค้าเรียกพนักงานที่ลาออกไปแล้วด้วยนะ พวกเค้าเรียกคนเหล่านั้นว่า Xoogler (ย่อมาจาก Ex + Googler)

แม้สิ่งเหล่านี้ช่วยอำนวยความสะดวกมากมายให้กับเหล่า Googler แต่บรรยากาศที่เราสัมผัสได้จากการไปเยี่ยมชมก็คือ ทุกคนดูยุ่งกันตลอดเวลาถึงแม้เราจะไปตอนพักเที่ยง แต่ก็เห็นคนเดินขวักไขว่กันเต็มไปหมด ทุกคนดูรีบร้อนกินข้าวเพื่อที่จะรีบไปทำงานที่ตัวเอง และนี่แหละที่ทำให้บริษัท Google เติบโตได้อย่างรวดเร็ว เพราะเหล่า Googler นั้นทำงานกันอย่างเต็มที่ และมีประสิทธิภาพ

สิ่งหนึ่งที่เราได้เรียนรู้จาก Engineer ที่อยู่ใน Google ก็คือพวกเขาค่อนข้างแข็งแกร่งเรื่อง Documentation ถ้าใครทำงานสาย Dev ก็จะเห็นว่าเราใช้ product ต่างๆ ของ Google เยอะมาก ตั้งแต่ Google Map API, Google Analytics, Google Cloud เหล่านี้ทาง Google เค้ามี Documentation ไว้หมด เพราะว่าทาง Google เค้าให้ Engineer ที่พัฒนาส่วนต่างๆ เขียน Documentation ขึ้นมาเอง เราอยากใช้อะไรของ Google เราก็สามารถหาอ่าน Document ได้แทบจะทุกอย่าง (และอาจจะเพราะว่า Engineer เขียนเอกสารเองรึเปล่ามันจึงอ่านไม่ค่อยรู้เรื่องเลย)
สิ่งนี้เป็นข้อบังคับที่อยู่ในการประเมิน Engineer ของบริษัทยักษ์ใหญ่นี้ด้วยจ้า

โต๊ะ AR Apple Park

Apple

ถึงคราวของเหล่าสาวก Apple กันบ้าง เราจะพาไปเยี่ยมชมออฟฟิศ Apple ซึ่งตั้งอยู่โซน Cupertino เยื้องกับ Palo Alto บริษัท Apple ตั้งออฟฟิศอยู่ที่นี่มานานมากแล้ว (Apple IPO ไปตั้งแต่ปี 1980) แต่ความตื่นเต้นนั้นไม่ได้อยู่ที่ที่ตั้งแต่อยู่ที่เราจะได้เห็นตึกที่เป็นสถาปัตยกรรมอย่าง Apple Park หรือเรียกกันว่า ยานแม่ ศูนย์กลางใหม่ที่พึ่งเปิดเมื่อปี 2017 นี่เอง

Apple Park

เนื่องจากบริษัท Apple ค่อนข้างเคร่งครัดเรื่อง Privacy และ Trade Secret เราจึงไม่สามารถเข้าเยี่ยมชมภายในของ Apple Park ได้ ยกเว้นโซน Visitor Center ซึ่งมี Apple Shop ที่ใหญ่มาก ให้เราได้เข้าชมและเลือกซื้อสินค้า หรือของที่ระลึกจาก Apple เช่น เสื้อยืด totebag และหมวก ซึ่งมีขายที่ออฟฟิศแอปเปิ้ลเท่านั้น ใครที่แฟนตัวยงของ Apple อย่าลืมแวะเข้ามาซื้อสะสมกันนะครับ

เหล่าสินค้า

นอกจากนี้ยังมีโมเดลตึก Apple Park พร้อมทั้งมี iPad เตรียมไว้ให้ให้ผู้ที่สนใจอยากชมโมเดลแบบ AR (Augmented Reality) ได้ชมอย่างใกล้ชิด ซึ่งใครที่มาที่นี่ไม่ควรพลาดเด็ดขาดเลยนะครับ เพราะที่นี่เราสามารถเดินเข้าชมเองได้เลย โดยไม่ต้องขออนุญาต หรือรอให้พนักงานพาเข้าไปชมใดๆ ทั้งสิ้น

โต๊ะ AR
ข้างหน้า Apple Park

Infinite Loop

เป็นอีกหนึ่งโซนที่น่าสนใจเลยทีเดียวครับ เพราะเป็น Headquarter ดั้งเดิมของ Apple ในส่วนนี้เราได้เข้ามาเยี่ยมชมด้านใน แต่ถึงยังไงเราก็ไม่สามารถเข้าเยี่ยมชมโซนออฟฟิศได้อีกเช่นเคย ภายในแคมปัสจะมีจุดเด่นเป็น Quote ของ Steve Jobs พร้อมกับภาพ Potrait ของเขาสองภาพติดไว้ตรงข้ามกัน ภาพแรกเป็นภาพที่ Jobs ในวัยหนุ่มกำลังเปิดตัว Apple Machintosh และอีกภาพเป็นภาพของเขากำลังเปิดตัว Macbook Air ไม่กี่ปีก่อนที่ Steve Jobs จะเสียชีวิตลงในที่สุด

ขอบคุณภาพเพิ่มเติมจาก https://www.idownloadblog.com/2012/01/29/apple-remembers-jobs/

แว่วมาว่า Apple เค้าเคร่งครัดเกี่ยวกับเรื่องความลับของโปรดักซ์เป็นอย่างมากถึงขนาดว่า ถ้ามีการประชุมของพนักงาน 2 คน จะมีระบบภายในแจ้งว่าทั้งสองคนสามารถคุยเรื่องอะไรได้บ้าง และไม่สามารถคุยเรื่องอะไรได้ เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหลออกไป

Airbnb

มาถึง Air กันบ้าง เราจะมาเล่าความพิเศษของบริษัทนี้ให้ฟังกัน Airbnb ตั้งอยู่ละแวก Downtown ของ San Francisco เนื่องจากขนาดของบริษัทที่ค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับอีกสองบริษัทที่ได้เล่าไปด้านบน ทำให้ที่ตั้งของออฟฟิศสามารถตั้งอยู่บริเวณนี้ได้

เมื่อเราเดินทางไปถึง Headquarter ของ Airbnb ก้าวแรกที่เราเข้าไปนั้นสัมผัสได้ทันทีว่า การออกแบบและการตกแต่งภายในของทีนี่มีสไตล์เฉพาะตัวมากแต่ก็แอบแฝงไปด้วยความเรียบหรู อาจจะเป็นเพราะว่า Founder ผู้ก่อตั้ง Airbnbนั้นคนนึง มาจากสาย UX/Designer และนอกจากนี้แพลตฟอร์มของ Airbnb ยังเน้นการให้คนเข้าพักในบ้านที่ถูกออกแบบและตบแต่งอย่างสวยงามมีสไตล์ที่โดเด่น เพื่อ Disrupt ธุรกิจโรงแรมอีกด้วย

โซนทำงาน
ห้องเงียบและที่นั่งเล่นทำงาน
ห้องประชุมสุดล้ำ ที่ได้อิทธิพลมาจากภาพยนตร์ Dark Comedy คลาสสิก Dr. Strangelove

ออฟฟิศสุดเท่

เห็นออฟฟิศ Airbnb สวยขนาดนี้ ทางเราต้องยกนิ้วให้เลยครับ เพราะออฟฟิศของเค้าเริ่มแรกเป็นแค่โกดัง โรงงาน และ ห้างสรรพสินค้า ที่เก่าๆ แต่ถูกรีโนเวทและตกแต่งจนสวยขนาดนี้ เมื่อเข้ามาเราจะเห็นโถงออฟฟิศที่กว้างขวาง จนแอบคิดไม่ได้เลยว่า โถงออฟฟิศกว้างขนาดนี้เค้าคงลงทุนไปเท่าไหร่กันนะคงเยอะมากแน่ๆ แต่จากคำบอกเล่าเราก็พบว่าการขยายตัวของ Airbnb นั้นมีการบริหารที่ดีมาก ตอนแรกเริ่ม Airbnb นั้นเริ่มจากการเช่าตึกเพียงแค่ชั้นเดียว ส่วนชั้นอื่นๆนั้นเป็นเหมือนพื้นที่ร้าง ไม่มีใครสนใจ มีแค่ชั้นล่างสุดติดถนนเท่านั้นที่พอจะมีร้านเล็กๆ อยู่ หลังจากธุรกิจของ Airbnb เริ่มขยายตัว มีพนักงานมากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ Airbnb จึงค่อยๆ ขยายออฟฟิศ จากชั้นเดียว เป็นสองชั้น สามชั้นไปเรื่อยๆจนทั้งตึกได้กลายเป็นออฟฟิศของ Airbnb ทั้งหมด

โถงของออฟฟิศ Airbnb

โซนต่างๆ ของที่นี่จะมีการตกแต่งไปในทางเดียวกัน แต่ไม่เหมือนกันซะทีเดียว มีการตกแต่งที่ลงตัวเป็นอย่างมาก และที่น่าสนใจคือ การตกแต่งเลียบแบบบ้านดังๆที่เปิดให้เช่าใน Airbnb บางส่วนก็นำเอาบ้านดังๆ มาย่อขนาดทำเป็นที่นั่งเล่นและพักผ่อนของพนักงาน หรือทำเป็นของตกแต่งชิ้นใหญ่ๆ เน้นการแบ่ง space ในการใช้สอยพื้นที่ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับพวกเรามากทีเดียว

ภาพเหมือนของ Host คนแรกที่เปิดบ้านให้เช่า

อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ เค้าพยายามแสดงความเป็น Legacy ของบริษัท คือมีการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านการตกแต่งเพื่อให้พนักงานใหม่ หรือผู้ที่เข้าเยี่ยมชมสามารถเข้าใจเรื่องราวของของบริษัทได้อย่างง่ายดาย อย่างเช่น การนำรูปหน้าคนขนาดใหญ่มาติดตามฝาผนัง ซึ่งในส่วนนี้จากคำบอกเล่ามันคือรูปเสมือนของเจ้าของบ้าน หรือที่เรียกกันว่า Host ที่ทาง Airbnb ไปขอให้เค้าเปิดบ้านให้เช่าตอนเริ่มบริษัทเป็นบ้านหลังแรกๆ นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างกล่อง คอนเฟลค ที่หนึ่งในผู้ก่อตั้งได้ออกแบบกล่องมาเพื่อหาเงินเข้าบริษัทโดยรูปหน้ากล่องเนี่ย เป็นรูปเชิงล้อเลียนการหาเสียงเลือกตั้งสมัยโอบาม่า มาตั้งไว้ให้ชมกัน

บ้านที่เหมือนของจริงย่อส่วน และกล่องคอนเฟลคที่ใช้ประกอบการหาเสียงเพื่อหาเงินเข้าบริษัท

ข้าวอร่อยกินพร้อมกัน

มาต่อกันที่ความพิเศษของโรงอาหารกันต่อนะครับ ที่นี่เค้าจะเสิร์ฟแค่เซตเมนูเดียวต่อวันเท่านั้นซึ่งในเซตเมนูของเค้าเนี่ยจะมีอาหารไม่กี่อย่าง และจะเสิร์ฟในเวลาที่กำหนดเท่านั้น เพื่อให้ทุกคนได้ทานอาหารพร้อมๆ กัน และเพิ่มความสนิทสนมของพนักงานให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อที่จะได้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น ทำให้โรงอาหารของเค้าค่อนข้างแน่นขนัด มีคนนั่งเต็มทุกโต๊ะแทบจะไม่มีที่ว่างเหลือเลย เพราะเค้าบริการพนักงานเค้าแบบฟรีๆ วันที่เราไปเยี่ยมชมเราได้ลองทาน ข้าวไก่อบและซุป ซึ่งรสชาติใช้ได้เลยทีเดียว ซึ่งถ้าเราไม่ชอบเซตเมนูอาหารในวันนั้นเราสามารถเดินไปทานอาหารที่อีกแคมปัสถัดไปได้เลย เพราะแต่ละแคมปัสของเค้าจะเสิร์ฟเซตเมนูอาหารไม่เหมือนกันครับ

โซนนี้แต่งให้เหมือนกับบ้านที่เปิดให้เช่าใน Airbnb

ถัดมาจะขอเล่าบรรยากาศการทำงานให้ฟังนะครับ พนักงานที่นี่ค่อนข้างเป็นกันเอง ส่วนมากเท่าที่ผมเห็นพนักงาน Airbnb ทำงานกันเป็นกลุ่ม ไม่ว่าจะหันไปทางไหนเราก็จะเห็นพวกเค้าจับกลุ่มทำงานกันแทบจะทุกที่ สัมผัสได้ถึงความเป็นทีมเวิร์คมากๆ เวลาเดินสวนกันก็มักจะยิ้มทักทายกัน ถึงแม้งานจะดูยุ่งไปหมด แต่ทุกคนกลับดูสนุกและมีความสุขกับการทำงานมาก แต่ทีนี่เราจะเห็นการแบ่งทีมที่ค่อนข้างจะชัดเจนกว่า 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ที่กล่าวไปด้านบน อาจะเป็นเพราะขนาดของออฟฟิศแล้ทีมที่เล็กกว่า ทำให้ได้ความรู้สึกที่ต่างออกไป

--

--

Putt Potsawee
LifeatRentSpree

Lead Developer at RentSpree. Passionate programmer who specialized in Backend and Infrastructure.