รีแบรนด์ ไม่ใช่แค่เปลี่ยนโลโก้

Poom Pairothpongpun
LifeatRentSpree
Published in
3 min readOct 4, 2019

--

ถ้าโลโก้ไม่ใช่แบรนด์ งั้นโลโก้คืออะไร?

หากลองไปค้นหาขั้นตอนในสร้างโลโก้บน Google เราจะเจอ

  • ขั้นตอนการออกแบบโลโก้ที่ดี
  • วิธีการเลือกฟอนต์
  • สีที่โลโก้ควรมีและความหมายของสีบนโลโก้
  • ข้อควรทำควรทำและข้อห้าม
  • ตัวอย่างโลโก้มาแรงในปีนี้

แต่ละข้อที่กล่าวมาข้างบนมีความสำคัญกับงานออกแบบทั้งสิ้น แต่เป็นเพียงการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกที่มองเห็นด้วยตาเปล่าเท่านั้น

สิ่งที่มองไม่เห็น? สิ่งเหล่านั้นคือความรู้สึก ประสบการณ์ ความเชื่อมั่นจากลูกค้าและคนในทีมที่มีต่อบริษัทตั้งแต่วันแรกที่ก่อตั้ง รวมถึงแรงขับเคลื่อนที่ทำให้คนในทีมอยากออกจากบ้านมาทำงานทุกๆวัน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยมีการพูดถึง แต่มีความสำคัญอย่างมากต่อบริษัทหรือองค์กร จะเห็นได้ว่าสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นไม่สามารถถ่ายทอดผ่านโลโก้ได้ แต่มาจากทุกๆองค์ประกอบของแบรนด์

“โลโก้เป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ ใช้เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ของบริษัทของเรา”

ทำไม RentSpree ถึงต้องรีแบรนด์?

แบรนด์ต้องเริ่มจากภายใน

ก่อนที่จะมีการรีแบรนด์ในครั้งนี้ เราได้มีการส่งแบบสอบถามให้คนในทีมและลูกค้าของบริษัท มีสองคำถามที่ได้คำตอบที่น่าสนใจนั่นคือ

โลโก้บริษัทคืออะไร? คนในบริษัทส่วนใหญ่พอจะตอบได้ว่าโลโก้คืออะไร แต่ลูกค้าส่วนน้อยที่ตอบถูก สิ่งที่เราเรียนรู้จากเรื่องนี้คือ ลูกค้าส่วนใหญ่จำชื่อบริษัทได้ จำได้ว่าบริษัทเกี่ยวกับอะไร แต่ไม่สามารถจำได้ว่าโลโก้ของบริษัทหน้าตาเป็นอย่างไร

“เพียง 20% ของลูกค้า Apple สามารถวาดโลโก้ของบริษัทได้ใกล้เคียง”
— อ้างอิงจาก Branded in Memory ของ Signs.com

โลโก้มีความหมายอะไรต่อคุณ? เกือบทุกคนในทีมใช้เวลานานมากในการคิดหาคำตอบ แต่ก็คงไม่แปลกใจเพราะตอนเราสร้างโลโก้ครั้งแรก เราไม่ได้นึกถึงความหมายที่มีต่อคนในทีมเลย

“โลโก้ไม่มีความหมายต่อคนในทีมเพราะเราสร้างมันจากผลิตภัณฑ์อย่างเดียว”

การเติบโตและเปลี่ยนแปลงของบริษัท

ไม่ว่าจะเป็น Startup เล็กหรือใหญ่ แนวทางในการดำเนินธุรกิจจะมีการพัฒนาหรือปรับเปลี่ยนเพื่อให้เข้ากับโอกาสใหม่ๆที่มีเข้ามาอยู่เสมอ บริษัท RentSpree ในวันนี้ก็แตกต่างจากเมื่อสามปีที่แล้วเช่นเดียวกัน

บริการตัวแรกของ RentSpree คือเว็บไซต์หาบ้านเช่าผสานกับระบบเช็คเครดิตอัตโนมัติ ช่วยให้ผู้เช่าสามารถสมัครเช่าบ้านได้ง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น โลโก้แรกที่เราเลือกใช้จึงเป็นรูปหมุดปักบนแผนที่ บริการนี้ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากผู้เช่า แต่สิ่งที่ท้าทายกว่าคือการทำให้เจ้าของบ้านยอบรับในตัวบริษัท ทำให้เราเห็นช่องทางใหม่คือจับกลุ่มตลาดของเจ้าของบ้าน เราเริ่มพัฒนาตัวระบบเช็คเครดิตให้ดีไปอีกขั้น แก้ไขสโลแกนและหน้าของเว็บไซต์เพื่อให้เข้ากับตลาดกลุ่มนี้ พร้อมทั้งการเจาะตลาดผ่านองค์กรใหญ่ๆเพื่อช่วยในการจับตลาดในวงกว้าง

“โลโก้ไม่สามารถเป็นตัวแทนของผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาได้ตลอดเวลา”

สร้างโลโก้จากภายใน

การสร้างโลโก้ในครั้งนี้ เราตัดสินใจว่าต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญ 3 อย่างคือ

  1. RentSpree ที่ทุกคนในทีมอยากเห็นในอีก 3 ปีข้างหน้า
  2. คุณค่าของบริษัท (Values) ที่ต้องการส่งถึงลูกค้า
  3. โลโก้ที่สื่อถึงผลิตภัณฑ์ของบริษัท

โลโก้ = ทีม + ลูกค้า + ผลิตภัณฑ์

ขั้นตอนการรีแบรนด์ RentSpree

1. ระดมสมอง (Brainstorming)

เราเริ่มจากการจัดประชุมรวมทั้งทีมที่ประเทศไทยและสหรัฐอเมริกาเพื่อที่จะหา 5 คำที่สื่อถึงแบรนด์ของ RentSpree ได้ดีที่สุด เราแบ่งการประชุมเป็น 2 รอบ คือรอบระดมความคิด (Diverge) และรอบสรุปผล (Converge)

รอบระดมความคิด คือการเสนอไอเดีย โดยไม่มีการปิดกั้น ไม่มีการให้ความเห็น ไม่มีข้อเสนอแนะ เพื่อที่จะสร้างไอเดียให้มากที่สุด ในรอบนี้เราได้มาทั้งหมด 40 ไอเดีย หรือ 40 คำที่สามารถสื่อถึง RentSpree

รอบสรุปผล คือการปรึกษากันภายในทีม คำบางคำอาจจะต้องมีการอธิบายความหมายเพิ่มเติม หรือหากคำไหนใกล้เคียงกันก็จะรวมกันเพื่อป้องกันความสับสน จากนั้นทุกคนในทีมจะต้องเลือกคำที่สามารถแสดงถึงแบรนด์ RentSpree ได้ดีที่สุดคนละสามคำ

5 คำที่ได้รับการเลือกสูงสุดคือ Convenience (ความสะดวกสบาย), Trustworthy (ความน่าเชื่อถือ), Professional (ความเชี่ยวชาญ), Grow Together (การเติบโตไปด้วยกัน), และ Modern (ความทันสมัย)

เมื่อทุกคนในทีมเข้าใจตรงกันแล้วว่าอยากจะสร้าง RentSpree ให้ออกมาเป็นอย่างไร อยากจะมอบประสบการณ์แบบใดให้กับลูกค้า สิ่งแรกที่เราต้องทำขึ้นมาก็คือสัญลักษณ์ที่สะท้อนภาพในหัวของทุกคนออกมาให้ตรงความหมายของ 5 คำนี้มากที่สุด นั่นก็คือ สัญลักษณ์ของแบรนด์ (Brandmark)

2. แรงบันดาลใจ (Inspiration)

ขั้นตอนต่อมาคือการค้นหาและรวบรวมแรงบันดาลใจจากแบรนด์ทั่วโลก โดยเราให้ทีม Product Design สร้างบอร์ดบน Pinterest ขึ้นมาทั้งหมด 5 บอร์ดสำหรับคำ 5 คำที่เราเลือกกันไว้ตอนแรก จากนั้นแต่ละคนจะไป Pin ไอเดีย หรือสัญลักษณ์ที่คิดว่าเหมาะสมกับคำๆนั้นเข้ามาไว้ในบอร์ดเหล่านี้

หลังจากนั้นมาร่วมกันโหวต Pin ที่ดีที่สุดทั้งหมด 15 Pins แล้วปักไว้ที่บอร์ดแหล่งอ้างอิงสุดท้าย

3. โลโก้ (Logomark)

เราให้ Designer เริ่มกระบวนการออกแบบโลโก้จากแหล่งอ้างอิง ในขั้นตอนนี้เราได้โลโก้รูปตัว R พิมพ์ใหญ่และ r พิมพ์เล็กซึ่งเป็นตัวอักษรแรกของคำว่า RentSpree มากกว่า 20 รูปแบบที่แตกต่างกัน โดยเราได้เลือกรูปแบบที่สื่อความหมายได้ดีที่สุด 5 รูปแบบ

รูปแบบที่ดีที่สุด 5 แบบที่เลือกจากการออกแบบตามแหล่งอ้างอิง

4. สไตล์ของโลโก้ (Style Variations)

เรานำเอาโลโก้ทั้ง 5 แบบจากขั้นตอนที่แล้วมาปรับเปลี่ยนสไตล์ที่ใกล้เคียงกับต้นฉบับเพื่อใช้เป็นทางเลือกเพิ่มเติม โดยปรับโทนสี รูปร่าง หรือการจัดวางเล็กๆน้อยๆ ในขั้นตอนนี้เราได้โลโก้ออกมาให้เลือกมากกว่า 40 แบบ จากนั้นจึงร่วมกันลงคะแนนเพื่อเลือกรูปแบบที่ดีที่สุด ซึ่งสไตล์ที่ได้รับเลือกเป็นโลโก้รูปตัว r พิมพ์เล็กที่เกิดจากเครื่องหมายถูกยึดกับแกนกลาง ซึ่งแสดงถึงความน่าเชื่อถือ และความแข็งแกร่ง มั่นคง

โลโก้รูปตัว R ที่เกิดจากนำเส้นมาเรียงกันให้คล้ายลักษณะของแบบฟอร์ม
โลโก้รูปตัว R ที่มีกราฟแท่งประกอบ แสดงถึงบริการที่เกี่ยวกับข้อมูล
โลโก้รูปตัว r ที่เกิดจากเครื่องหมายถูกกับแกนกลาง (ตรงกลางคือแบบที่ได้รับเลือก)

4. รูปทรงของโลโก้ (Shape Variations)

หลังจากที่เราได้ลงคะแนนเพื่อเลือกสไตล์ของโลโก้ที่ดีที่สุดแล้ว เราลองปรับเปลี่ยนรูปทรงโดยรวมของโลโก้อีกครั้งเพื่อหาแบบที่ดูลงตัวที่สุด ซึ่งแบบที่ได้รับเลือกเป็นรูปทรงตัว r ที่มีหางยาวทะลุพื้นหลังออกไปแสดงถึงการเติบโตที่ไม่สิ้นสุด และพื้นหลังเป็นสี่เหลี่ยมแบบหมุน 45 องศาเพื่อความทันสมัย

รูปทรงทางเลือกของโลโก้ (ตรงกลางคือแบบที่ได้รับเลือก)

ก่อนจะถึงขั้นตอนสุดท้ายของการออกแบบโลโก้ เราวาดมันแบบละเอียดยิบระดับ pixel อีกหนึ่งรอบเพื่อให้มั่นใจได้ว่าโลโก้มีความสมดุลและคมชัด

5. สีของโลโก้ (Color Variation)

สีเป็นส่วนประกอบที่แสดงความรู้สึกได้ชัดเจนมากที่สุดในการออกแบบโลโก้ ดังนั้น ขั้นตอนสำคัญในการออกแบบโลโก้คือการเลือกสีที่เหมาะสมที่สุดทั้งกับตัวโลโก้เอง และกับความหมายที่เราต้องการสื่อสารออกไป เราได้ทดลองใส่สีต่างๆลงไปให้กับโลโก้มากกว่า 20 เฉดสี และผลสุดท้ายได้ออกมาเป็นสีฟ้าน้ำทะเล ซึ่งแสดงถึงความผ่อนคลายและความมั่นคง

ตัวอย่างสีที่ลองใส่ในโลโก้ (ตรงกลางคือสีที่ได้รับเลือก)

หลังจากผ่านขั้นตอนและออกแบบและการเลือกมากมาย เราจึงได้กลับมาทบทวนตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ว่าโลโก้นี้ยังคงความหมายของแบรนด์ทั้ง 5 คำที่ทุกคนเข้าใจตรงกันอยู่หรือไม่

องค์ประกอบต่างๆของโลโก้ที่สื่อความหมายตรงกับคำทั้ง 5 คำ

6. ข้อความบนโลโก้ (Wordmark)

หลังจากได้โลโก้มาแล้ว ขั้นตอนต่อมาก็คือการเลือกรูปแบบของตัวอักษรที่จะใช้แสดงข้างๆกับโลโก้เพื่อบอกชื่อของบริษัท การเลือกตัวอักษรนี้มีความสำคัญเช่นกัน เนื่องจากลักษณะความหนาบาง ความโค้งความเหลี่ยมของตัวอักษรแบบต่างๆสามารถสื่ออารมณ์และความหมายของแบรนด์ออกมาได้มากไม่แพ้ตัวโลโก้

ในขั้นตอนนี้เราได้ลองเลือกใช้ฟอนต์และการใช้ตัวพิมพ์ใหญ่พิมพ์เล็กหลากหลายแบบผสมกันได้ออกมามากกว่า 40 แบบและเลือกแบบที่ดีที่สุด

ฟอนต์และรูปแบบตัวอักษรที่ทดลองวางข้างโลโก้

หลังจากนั้นเรานำตัวอักษร rentspree ที่ได้มาแยกทีละตัว และสร้างเป็นรูปทรงแบบละเอียดในระดับ pixel อีกครั้ง โดยปรับความหนา ความโค้งของมุม และขนาดให้เหมาะสมสำหรับการนำมาเรียงต่อกันเป็นคำ

7. จบงาน (Finalize)

เราจัดเรียงตัวอักษรทั้งหมดที่สร้างขึ้นเป็นคำ และวางไว้ด้านข้างโลโก้ที่ออกแบบไว้ จากนั้นสร้างโลโก้ทั้งหมดอีกหนึ่งชุดเพื่อปรับเป็นสีโทนอ่อนสำหรับวางบนพื้นหลังสีเข้ม และนี่ก็คือสัญลักษณ์ของแบรนด์ที่สมบูรณ์แบบ

การรีแบรนด์ต้องทำอะไรอีกไหม?

จริงๆแล้วการออกแบบสัญลักษณ์หรือ Brandmark เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น หนทางยังอีกยาวไกลกว่าการรีแบรนด์จะเสร็จสมบูรณ์ เรายังต้องสร้างอัตลักษณ์ขององค์กร (Corporate Identity) สร้างมาตรฐานการสื่อสารแบรนด์ออกไปสู่สายตาของลูกค้า (Brand Communication) และยังมีองค์ประกอบอื่นๆอีกมากในการสะท้อนความเป็นแบรนด์ๆหนึ่งออกมา ที่ทั้งทีม, ลูกค้า, และผลิตภัณฑ์ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันภายใต้ชื่อ RentSpree นี้ได้

--

--