ประสบการณ์ฝึกงาน UX/UI Designer ที่ DonutsBangkok

ฝึก2เดือนหรือ2ปี? สิ่งที่ได้จากการฝึกงานครั้งนี้มีมากเหลือเกิน!

Janjie Khemanij
Donuts Bangkok Family
4 min readAug 19, 2018

--

สวัสดีทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ปิดเทอมนี้แจนมีโอกาสได้ไปฝึกงานที่บริษัท Donuts Bangkok โดยแจนฝึกตำแหน่ง UX/UI Designer ของทีม Vibie ค่ะ แจนจะมาแชร์ประสบการณ์ในช่วงเวลา 2 เดือนของการฝึกงาน โดยบทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับ UX ไม่มาก ส่วนใหญ่จะเล่าประสบการณ์และความรู้สึกมากกว่านะคะ หากมีส่วนไหนผิดขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยค่า

สำหรับคนที่ไม่ทราบว่า UX และ UI คืออะไรจะอธิบายแบบคร่าว ๆ ว่า UX หรือ User experience เป็นประสบการณ์การใช้งาน/การเข้าถึงสิ่งนั้นๆของผู้ใช้ เช่น ความง่าย ส่วน UI หรือ User interface เป็นส่วนที่ผู้ใช้มองเห็น

แนะนำให้รู้จัก

แจนรับผิดชอบในส่วน UX/UI ของแอปพลิเคชั่น Vibie ค่ะ Vibie เป็น Live Streaming Community Application Platform ที่เน้นสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่าง user กับ caster เป็นพื้นที่แสดงความเป็นตัวของตัวเอง/แสดงความสามารถ ทุกคนสามารถติดตามบุคคลที่ตัวเองชื่นชอบ พูดคุยและส่งสติกเกอร์เป็นของขวัญ ได้เพื่อนใหม่และเจอกับสังคมใหม่ ๆ และภายในแอปมีกิจกรรมให้ได้ร่วมสนุกลุ้นรับของรางวัลมากมายอีกด้วย (ขายของ) หากใครสนใจสามารถดาวน์โหลดได้ที่ https://vibie.live/ เล่นได้ทั้ง ios และ andriod เลยนะคะ

งานที่ได้รับมอบหมาย

  • วันแรกของการฝึกงาน

วันที่มาฝึกงานวันแรก พี่เพชรที่เป็น Project manager ให้โหลดแอป Vibie มาใช้ดู ยอมรับเลยว่าแจนไม่เคยใช้แอปอะไรแบบนี้มาก่อนเลยและแอบไม่ชอบแอปประเภทแบบนี้ด้วย เพราะคิดว่าแอปไลฟ์จะมีแต่คอนเทนท์ไม่ดี (18+ โชว์นั่นนี่) แต่พอมาฝึกงานกับทีมนี้ก็ต้องใช้แอปที่ทีมตัวเองทำแล้วก็ต้องลองใช้แอปของเจ้าอื่นด้วยเพื่อศึกษาและเก็บข้อมูลมาเปรียบเทียบ/นำมาปรับพัฒนาไม่ให้ล้าหลังกว่าเจ้าอื่น ๆ ครั้งแรกที่ลองดูไลฟ์ในแอป Vibie ก็รู้สึกแปลก ๆว่าทำไมเราต้องมาดูนางพูดด้วยน้าาาา แต่พอลองเล่นไปเรื่อย ๆมันก็สนุกดีนี่นา แล้วคอนเทนท์ก็ไม่ได้ไปทางติดลบแบบที่เคยรู้สึกหรือเห็นมาด้วย

จากการได้ลองใช้แอปไลฟ์ของ Vibie และของเจ้าอื่นแล้ว แจนก็เก็บข้อมูลทำตารางเปรียบเทียบข้อแตกต่าง ก็เจอฟีเจอร์แปลก ๆที่เขามีแต่เราไม่มีก็ลิสต์ออกมาแล้วเราก็มาคิดว่าฟีเจอร์นี้มันดียังไง เล่นแล้วได้อะไร มันก็ฝึกให้เราได้วิเคราะห์ด้วย

  • งานในแต่ละสัปดาห์

งานหลัก ๆก็คือหยิบ task ใน backlog ที่อยู่ใน trello มาทำ บางงานเป็นส่วนย่อยๆของฟีเจอร์ที่มีอยู่แล้ว บางงานก็เป็นฟีเจอร์ใหม่ เราก็จะดู requirement ว่าฟีเจอร์นี้เกี่ยวกับอะไร ต้องการจะให้ผู้ใช้ทำอะไรกับมัน จากนั้นก็เขียนโฟลวของมันออกมา คิดว่าจะต้องมีอะไรบ้างในนั้น แล้วก็ลงมือทำ wireframe > UI > prototype ตามลำดับ

ทุกวันจันทร์จะมีการประชุมทีม เราก็จะมารีวิวงานของตัวเองที่ทำให้ทุกคนฟังแล้วเก็บ feedback กลับมาปรับปรุงงานที่เรารับผิดชอบ พอทำจนงานนั้นเสร็จเราก็จะไปหยิบงานใหม่มาทำต่อ จะทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ หากงานอันไหนออกแบบเสร็จแล้วเดฟจะเอาไปโค้ดก็ไปคุยกับเดฟและตรวจเชคว่าเขาทำตรงกับสิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า

โซนทำงานของทีม Vibie ก็จะนั่งรวม ๆ กันทุกฝ่าย

ฝึกงานครั้งนี้ได้อะไรบ้าง?

1.ได้ฝึกคิดวิเคราะห์
เมื่อก่อนเวลาจะออกแบบ UI อะไรสักอย่างก็จะไปหา Reference จากเว็บต่าง ๆ เช่น Pinterest, Dribbble, Behance แล้วก็เห็นว่าเอ้อสวยดีเนอะก็เอามาปรับใช้ให้เข้ากับงานที่เราทำอยู่ แต่ว่าเราไม่เคยตั้งคำถามเลยว่าทำไมเขาถึงออกแบบมาแบบนั้น เขาต้องการจะสื่ออะไรให้กับ user ทำไมเราถึงรู้สึกว่ามันสวย/ใช้งานง่าย ซึ่งพี่ที่เทรนแจนเขามักจะตั้งคำถามกับเราแล้วให้เราคิดแล้วลองวิเคราะห์ดูว่าเหตุผลมันคืออะไร ในทุกๆงานที่ได้รับผิดชอบ ถ้าหากว่ามี reference จากเว็บอื่นก็ต้องตั้งคำถามและวิเคราะห์ UI ที่เรานำมาใช้ประกอบกับงานด้วย นอกจากนี้ยังทำให้เราเป็นคนมีเหตุผลมากขึ้น จะทำอะไรหรือออกแบบอะไรต้องมีเหตุผลรองรับและคำนึงถึงการใช้งานด้วย ความเหมาะสมกับผู้ใช้ ไม่ใช่ว่าอยากได้แบบนั้นแบบนี้ตามใจตัวเอง หรือว่าเอาแค่ความสวยงามเท่านั้น

2.รอบคอบและละเอียด
Vibie จะมีกิจกรรมใหม่ ๆให้ user ได้เล่นและสนุกกับมันอยู่ตลอด บางกิจกรรมก็ต้องทำออกมาเป็นฟีเจอร์ใหม่ซึ่งเราก็ต้องมาดูว่าในฟีเจอร์นั้นที่จะทำ มีขั้นตอน/ทำอะไรบ้าง มีเงื่อนไขอะไรบ้าง แล้วเราค่อยมาออกแบบ ทำ wireframe/UI ให้เหมาะสม

ในช่วงแรกเรารับ requirement มาเราก็มีแบบในหัวละ ก็ร่างออกมาแล้วก็โยงเส้น ทำ prototype แบบคร่าว ๆ คิดว่าเอ้อคงจะครบแล้วตามที่เขาบอกเราก็ลงมือทำในโปรแกรม พอทำเสร็จแล้วไปคุยกับเดฟก็พบว่า อ้าว โฟลวมันไม่ครบนี่นา มันขาดไปอีกเงื่อนไขแล้วเราไม่ได้ทำ ก็ต้องมานั่งไล่ดูใหม่ว่าขาดอะไรผิดตรงไหนเราก็ทำเพิ่มหรือแก้ไขตรงจุดนั้น ก็ทำให้เรารอบคอบ ละเอียดและคิดเยอะมากขึ้น

3.ทำงานไม่หลุดประเด็น
ในการจะพัฒนาฟีเจอร์หรือคิดกิจกรรมอะไรสักอย่างจะต้องมีการกำหนดเป้าหมายของสิ่งที่จะทำว่าสิ่งที่เรากำลังจะทำเนี่ยจุดประสงค์มันคืออะไร เราทำไปเพื่ออะไร ทำแล้วจะได้อะไร ไม่ว่าจะเป็นทีมกิจกรรม ทีมดีไซน์หรือทีมเดฟก็ต้องมีเป้าหมายในการทำงานชิ้นนั้น ๆ เสมอ ในมุมของ UX/UI Designer ต้องคิดว่าเราจะออกแบบงานออกมายังไง เราจะสื่ออะไรออกไปและต้องการให้ user ได้อะไรจากการใช้งาน มันจะทำให้เราโฟกัสที่งานแล้วไม่หลุดประเด็น บางอย่างที่เราอยากให้มีแต่ว่ามันไม่เกี่ยวข้องกับเป้าหมาย/จุดประสงค์ ยังไม่จำเป็นต้องทำ ณ ตอนนี้ก็ตัดมันออกไปก่อน

4.ลำดับความสำคัญเป็น
งานใน backlog มันมีเยอะมาก ๆ เราก็มาวิเคราะห์ดูงานทั้งหมดที่จะต้องทำ งานไหนมันมีผลดีมีประโยชน์ต่อแอปมากที่สุด เช่น ถ้ามีฟีเจอร์นี้แล้วรายได้เพิ่มขึ้น /
จะประหยัดต้นทุน /กระตุ้นให้ user ใช้งานมากขึ้น เราก็จะหยิบงานนั้นมาทำก่อนแล้วค่อยไล่ลำดับลงไปเรื่อย ๆ เรายังสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานหรือสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันได้ด้วยว่าอะไรควรทำก่อน-หลัง

5.ได้ผลงาน
เนื่องจากทีมต้องการคิดฟีเจอร์อะไรสักอย่างเพื่อเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายและคืนกำไรให้กับ user จึงคิดว่าทุกการส่งสติกเกอร์ให้กับแคสเตอร์จะต้องได้อะไรกลับมา พี่เพชรก็คิดไว้ว่าจะได้เป็นตั๋วไปเปิดเพื่อลุ้นรางวัลในรูปแบบของกาชาปอง…
โจทย์ใหญ่ที่โยนมาให้แจนก็คือ “กาชาปองสุ่มรางวัล” จะเล่นยังไงก็ได้แล้วแต่แจนจะออกแบบเลย ให้อิสระในการคิดมาก ๆ แจนก็มาศึกษาดูว่ากาชาปองเนี่ยมันมีรูปแบบไหนบ้าง มีทั้งแบบการ์ด แบบวงล้อ และอื่น ๆอีกเยอะเลย และจุดที่สนุกของกาชาปองก็คือการได้ลุ้นว่าของข้างในมันจะออกมาเป็นอะไรหรืออีกนิดเดียวจะได้แล้ว

  • หลังจากที่หาข้อมูลมาว่ากาชาปองมีวิธีเล่นแบบไหนบ้าง ก็มาคิด story และร่าง wireframe คร่าว ๆของฟีเจอร์ มันก็จะออกแนวมินิเกมหน่อย ๆ แล้วก็ต้องออกแบบให้สอดคล้องกับตัวแอปด้วย นึกขึ้นได้ว่ามาสคอทของ vibie เป็นกระต่าย เวลาพูดถึงกระต่ายแจนจะนึกถึงไข่อีสเตอร์ ก็เลยคิดว่าเป็นกาชาปองที่เป็นไข่อีสเตอร์แล้วกัน ส่วนวิธีเล่นก็จิ้มที่ไข่รัว ๆ ให้ไข่ร้าวแล้วก็แตกออกมาเป็นของรางวัล
ดราฟแรกของกาชาปอง
  • พอเรารู้ว่าจะทำกาชาปองออกมาเป็นแบบไหนคร่าว ๆแล้ว ต่อมาก็เขียนโฟลวทั้งหมด การทำงานหลัก ๆที่ต้องมีคือแสดงหน้าหลัก กดเล่นเกม ดูรายชื่อคนที่ได้รางวัล ดูของรางวัลทั้งหมด หน้าเล่นเกม หน้ารับของรางวัล รวมถึงเงื่อนไขอื่น ๆอีก เช่น จำนวนตั๋วไม่พอเล่น หรือได้รางวัลแล้วอยากสละสิทธ์ ก็ต้องมาคิดให้ครบทุกเงื่อนไข หลังจากนั้นก็ดราฟไข่ที่ใช้สำหรับการเล่น แต่งเติมสีสันให้กับ UI และทำ prototype
UI ส่วนหนึ่งจากทั้งหมดของฟีเจอร์
  • เกมมันจะไม่สนุกถ้าขาดเสียงเพลงประกอบเวลาเล่น แจนเข้าไปหาเพลงประกอบและเสียงเอฟเฟคจาก Youtube Audio Libraly เราอยากให้คนเล่นรู้สึกสนุก ก็หาเพลงที่มีความน่ารักปนโจ้ะ ๆหน่อย เวลาเล่นจะได้สนุกและมันส์มือเวลากดที่ไข่ รวมถึงเสียงเอฟเฟคเวลาที่ได้ของรางวัลก็ต้องดูยิ่งใหญ่ถึงแม้ว่าบางรางวัลจะไม่ยิ่งใหญ่ก็ตาม แหะ หลังจากหาเพลงได้แล้วก็ต้องมาตัดเพลงให้เดฟสามารถเอาไปวนลูปในเกมได้อีกด้วย
  • หลังจากที่ทุกอย่างพร้อมเดฟจนพัฒนาไปจนเกือบสมบูรณ์ก็ทำการเทสว่าถูกต้องตามที่เราออกแบบไหม ขาดอะไรไปบ้าง และขั้นตอนสุดท้ายก็คือการตั้งชื่อฟีเจอร์หรือชื่อเกม คิดอยู่นานมากว่าจะชื่ออะไรดี กระต่ายนำโชค ไข่หรรษา ไข่เสี่ยงทาย Easter Bunny สุดท้ายมาจบที่ชื่อ Lucky Bunny เพราะเข้ากับแอปและฟังดูเสี่ยงโชคดี

Lucky Bunny แจนลงมือทำเต็มที่และสุดฝีมือ แต่ก็คิดว่าแจนยังทำออกมาได้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ด้วยเวลาที่มีน้อยนิด งานที่มีอยู่ล้นมือและต้องทำเองทั้งหมด ณ ตอนนั้น หลังจากที่ปล่อยฟีเจอร์นี้ออกไปก็มีการทำแบบสอบถามกับผู้ใช้งานจริง มี feedback กลับมาในหลาย ๆด้าน เช่น ความสวยงามของไข่ เสียงเพลงในหน้าแรกของเกม คำอธิบายไม่ชัดเจน ถ้ามีโอกาสและมีเวลาก็อยากจะปรับปรุงในจุดที่ยังไม่ดีมาก ๆเลยค่าา

6.Design Skills
ในการทำ UX/UI Design ครั้งนี้ไม่ได้ใช้แค่โปรแกรมสำหรับออกแบบ Interface เท่านั้น โปรแกรมตระกูล Adobe อื่น ๆ ก็ยังต้องใช้อยู่ ไม่ว่าจะเป็น Photoshop, Illustrator หรือ After effect เพราะว่าอยากได้อะไรต้องทำเองหมดเลย 5555 ทั้งไดคัทรูป ทำไอค่อน ทำอินโฟกราฟิก ดราฟชิ้นส่วนที่อยากได้ หรือแม้แต่โปรแกรมตัดเพลงก็ต้องใช้ บางอย่างที่ไม่เคยทำก็ได้มาเรียนรู้จากพี่ ๆที่นี่

ฝึกงานครั้งนี้แจนใช้ Adobe Xd ในการออกแบบ UI เพราะรู้สึกว่าใช้งานง่ายและสะดวก ซึ่งเขาปล่อยให้ใช้ฟรีแล้ว (เย้!) แต่ก็มีข้อจำกัดหลาย ๆ อย่างที่โปรแกรมฟรีทำไม่ได้ แจนขอลองใช้ของเสียเงินในคอมบริษัทแล้วพบว่าในส่วนของการทำ Prototype นั้นโหดมากมีให้เลือกใช้เยอะกว่ามากเลย การแสดงผล การล็อคตำแหน่งเมนูอะไรก็ทำได้ง่ายสะดวกมาก ๆเลย คงต้องทำงานเก็บเงินไว้ซื้อ Xd ตัวเต็มมาใช้บ้างแล้วล่ะ ฮี่ ๆ

7.Communication skills
เนื่องจากเวลาทำงานเราต้องโคงานกับฝ่ายอื่น ๆด้วย ต้องมีการสื่อสารที่ชัดเจนว่าต้องการอะไร อยากให้ทำแบบไหน จะตัดอะไรออก เมื่อต้องหยิบงานจาก backlog มาทำเราจะต้องคุยกับเจ้าของไอเดียนั้นหรือ Project manager ว่ามันเป็นยังไง อยากได้แบบไหน ต้องมีเงื่อนไขอะไรบ้าง ต้องคุยให้เคลียร์ เข้าใจตรงกันและชัดเจน เพื่อเวลานำไปออกแบบจะได้ตรงกับ requirement โดยเฉพาะเวลาที่ต้องคุยกับทีมเดฟ เราต้องอธิบายโฟลวการทำงานของฟีเจอร์ที่เราออกแบบ ,หน้าตาของ UI, animation หรือเงื่อนไขต่าง ๆ เราต้องพูดให้เขาเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการให้เขาทำเพื่อเวลาไปเขียนโค้ดจะไม่เกิดความผิดพลาดและต้องเสียเวลาแก้ไขมันอีกด้วย

นอกจากจะสื่อสารให้ชัดเจนแล้ว เรายังต้องพูดกับคนหลากหลายแบบด้วย การที่จะสื่อสารอะไรออกไปให้เขาเข้าใจเราก็จะใช้ภาษาพูดที่แตกต่างกันออกไปด้วย อย่างเช่น ถ้าคุยกับเดฟก็จะมีคำศัพท์เฉพาะทางกับการเขียนโค้ด แต่ถ้าไปคุยกับคนที่ไม่มีความรู้เรื่องด้านโค้ดเราก็ต้องใช้ศัพท์อื่นหรืออธิบายอีกแบบให้เขาเข้าใจเหมือนกัน

8.ความรู้ด้านอื่น ๆ นอกเหนือจาก Design
ที่นี่จะมีประชุม Weekly meeting กันทุกวันจันทร์ ทุก ๆทีมจะประชุมกันเรื่องเหตุการณ์ที่ผ่านมาในอาทิตย์นั้น ๆว่าติดปัญหาหรือมีอะไรเกิดขึ้นบ้างอะไร แต่ละคนในทีมก็จะมาเล่าว่าตัวเองทำงานอะไรไป แล้วอาทิตย์นี้จะทำอะไรต่อ ผลลัพธ์ของสิ่งที่ทำในอาทิตย์ก่อนหน้านี้เป็นยังไง ติดปัญหาอะไรแล้วจะมีวิธีการแก้ไขยังไง ทุก ๆฝ่ายจะแชร์การทำงานเราก็จะได้ฟังการทำงานของคนอื่น ๆและได้ความรู้ใหม่กลับมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำ Marketting การจัด Event ต่าง ๆภายในแอป รวมถึงการใช้ Firebase สำหรับดูข้อมูลของกิจกรรมต่าง ๆและยังสามารถนำข้อมูลมาใช้ในกระบวนการทำ user experience อีกด้วย ไว้แจนจะมาเขียนเล่าให้ฟังว่า Firebase คืออะไรแล้วมันจะเอาไปใช้กับการทำ UX ได้ยังไง (ถ้ามีเวลาเหลือนะคะ แหะ ๆ)

9.ทัศนคติและมุมมองใหม่ ๆ
การทำงานร่วมกับคนอื่นที่มีความหลากหลายทั้งสายอาชีพ ต่างเพศ ต่างอายุ ทำให้การทำงาน 1 งานเราจะได้มุมมองจากพี่ ๆและเพื่อน ๆในมุมที่แตกต่างกันออกไป ในตอนแรกเราถ้าเราทำงานคนเดียวเราก็จะมองงานที่ทำในมุมของตัวเองฝ่ายเดียว แต่พอเราได้ทำงานร่วมกับคนอื่นได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันมันก็ทำให้เราได้เห็นมุมมองอื่น ๆที่น่าสนใจและความคิด/ทัศนคติที่แปลกใหม่ที่เราไม่เคยนึกถึงมันมาก่อน ทำให้เราปรับมุมมองและพัฒนางานชิ้นนั้นให้มีความแปลกใหม่และไม่จำเจ

10.น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น

เห็นขนมเยอะแบบนี้ ถ้าช้าก็หมดอดกินนะจ๊ะ (ความไวเป็นของปีศาจ 5555)

ฝึกงานจบน้ำหนักขึ้นมา 2 กิโล!!! แผนที่ว่าปิดเทอมนี้จะลดความอ้วน/ลดน้ำหนักได้พังทลายไปแล้ว เนื่องจากที่บริษัทมีขนมขบเคี้ยวให้สตาฟได้กินกันอย่างอิ่มหมีพลีมัน โดยขนมจะมาส่งเดือนละ 2 ครั้ง พูดได้ว่านั่งทำงานไปไม่มีหิวอย่างแน่นอน แต่ว่าขนมมันก็จะหมดไวหน่อย เพราะว่าจำนวนสตาฟมีเยอะ นอกจากขนมแล้วก็ยังมีน้ำหวานรวมถึงอาหารกึ่งสำเร็จรูป ไข่ไก่ ขนมปังอีกด้วย ที่ออฟฟิศก็จะมีโซนครัวให้ทำอาหารกิน มีตู้เย็น ไมโครเวฟ เตาอบ กาต้มน้ำ อ่างล้างจานและภาชนะพร้อม เช้า ๆเวลาถึงออฟฟิศแล้วยังไม่ได้กินข้าวก็สามารถทำโจ้กกินได้หรืออยากจะทำขนมก็ทำได้เลย ดีงามมาก

ป้ะป๋าอารากาเนะซังกับแซลมอนของเขา

นอกจากขนมที่มีให้กินตลอดเวลาแล้ว ทุกสิ้นเดือนจะมีกินเลี้ยงของบริษัทกันด้วย เมื่อสิ้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาบริษัทเปิดตี้แซลมอนกัน ขุ่นพ่อซื้อแซลมอน 3-4 กิโล มาแร่ให้ลูก ๆได้กิน พร้อมกับหุงข้าว ทำข้าวปั้นหน้าแซลมอน คือมันดีงามมาก ส่วนเมื่อสิ้นเดือนกรกฎาคมไปเปิดตี้กินชาบูนางในกัน อิ่มหนำสำราญ กลับบ้านพุงยื่นซิบกางเกงแตกไปเลยจ้า

แซลมอนที่รักกกกกก

แซลมอนอีกแล้ว! นี่เป็นแซลมอนส่งท้ายแจนเนื่องจากครบกำหนดเวลาการฝึกงาน 2 เดือนแล้ว พี่เพชรก็ถามว่าอยากกินอะไรบอกมาเลยเดี๋ยวพี่พาไปเลี้ยง นี่ก็คิดอะไรไม่ออกคิดออกแต่แซลมอนที่รักก็บอกพี่เพชรไป พี่แกก็ไปซื้อมาให้กินร่วมกับพี่ ๆและเพื่อน ๆในทีมกันส่งท้ายแจน อร่อยและฟินมาก ๆ 55555

11.Macbook ใหม่
เหตุเกิดจากวันที่ทำบุญขึ้นออฟฟิศใหม่แจนเข้าใจผิดว่าจะไม่มีการทำงานในวันนั้นเลยไม่ได้แบกโน้ตบุ้คตัวเองไป แต่หลังจากทำบุญเสร็จแล้วก็ทำงานกันต่อจ้าแล้วจะทำงานยังไงไม่มีโน้ตบุ้คใช้ ??? พี่เพชรก็เอา macbook pro ของออฟฟิศที่ตั้งทิ้งไว้ไม่ได้ใช้งานมาให้แจนใช้แก้ขัดไปก่อน ตอนแรกที่ใช้ก็รู้สึกใช้ยากจัง ฮ่วย รู้สึกไม่ชิน จะกด copy ทีนิ้วก็ชิดจนนิ้วจะล็อคอยู่แล้ว! แต่ก็จำเป็นต้องใช้แหละหน่าก็ทนใช้ไป วันต่อมาก็ใช้ macbook pro เนี่ยแหละทำงานต่อเพราะโหลดงานอะไรมาเรียบร้อยแล้วก็ใช้ต่อได้เลย ไม่ต้องแบกโน้ตบุ้คของตัวเองที่หนัก 2.2 กิโลไปๆมาๆหลังแทบหักด้วย หลังจากนั้นก็ใช้แมคทำงานมาตลอดก็เริ่มชินกับมันละแล้วรู้สึกว่า เอ้อ มันไวดีแฮะ ทำงานลื่นปรื้ด ๆเลย เปลี่ยนหน้าจอฟึ้บฟับรวดเร็วทันใจ สีจอก็สดดีงามมากเวอร์ เปิด Ps Ai Xd พร้อมกันก็ไม่อืดไม่ค้าง น้ำหนักเครื่องก็เบาชักจะติดใจแล้วสิ

เกิดกิเลสอยากได้แมคบุ้คมาใช้ ก็หา UStore ของ KMUTT เลยจ้ะ ซึ่งมันลดราคาอยู่ลดเยอะมาก ๆ ควรค่าแก่การเสียเงิน ก็ปรึกษาคนที่บ้าน ปรึกษาเพื่อน ปรึกษาแฟนว่าควรจะซื่อรุ่นไหนดี อะไรยังไง

หลังจากที่ปรึกษาหาข้อมูลเรียบร้อยก็ทำการจองของ พอฝึกงานจบก็ไปซื้อมาใช้เลย แจนซื้อ Macbook pro 2017/RAM8 /SSD 256 GB และสายต่อ usb หัวอื่น ๆอีก เสียหายไปทั้งสิ้น 51,890 บาท ผ่อน 0% ก็ทำงานใช้หนี้กันไป~ พอได้ของดีมาใช้แล้ว มันก็คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปอยู่น้า

12.มิตรภาพ

ครอบครัว Donuts Bangkok และบ้านใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม

เด็กฝึกงานสายดีไซน์ของทีม Vibie มีแจนคนเดียวมาแบบโดดเดี่ยวเปล่าเปลี่ยวหัวใจ ทีมอื่นเขามีเด็กฝึกงานประมาณ 4–5 คนได้ แจนก็จะนั่งทำงานแบบเหงาหงอยหน่อย แต่ก็ได้เพื่อนใหม่ชื่อปลาดาวคนสวยที่มาฝึก HR แล้วนั่งอยู่โซนเดียวกันกับ Vibie แต่ว่าไม่ค่อยได้คุยกันสักเท่าไหร่เพราะเราจะอยู่กับงานดีไซน์และคุยกับพี่ ๆดีไซน์เป็นส่วนใหญ่ ฝึกเดือนที่2 ก็มีเพื่อนมาฝึก graphic กับ event planner 2 คน ก็ได้ตั้งวงเม้ามอยกับเพื่อนบ้างเพราะว่าเรียนมหาลัยเดียวกัน พี่ ๆที่นี่น่ารักและเป็นกันเองมาก เวลาติดปัญหาหรือต้องการอะไรก็บอกพี่ ๆได้หมดเลย อะไรที่ทำไม่เป็นหรือไม่เคยทำมาก่อนพี่ ๆก็จะวางงานที่ทำอยู่แล้วมาสอนให้ นอกจากนี้ยังได้เพื่อนใหม่จากแอป Vibie อีกด้วยนะ

ฝึกงานครั้งนี้ได้ทั้งความรู้ใหม่ ๆและมิตรภาพดี ๆกลับมาเพียบเลย ต้องกราบขอบคุณอารากาเนะซังที่ให้โอกาสแจนได้เข้ามาฝึกในสายงานที่แจนสนใจ ขอบคุณพี่เพชรและพี่เจมส์ที่คอยสอนงานและให้ความรู้ใหม่ๆกับแจน ขอบคุณพี่ฝ้ายที่เป็น UX/UI Designer มือใหม่แต่ความสามารถล้นหลามที่คอยช่วยเหลือ แนะนำ สอนอะไรหลายๆอย่างที่แจนทำไม่เป็น เป็นเพื่อนคุยเรื่องแมวและคอยดูแลแจนมาตลอดเวลาแจนป่วย ^^ ขอบคุณพี่ ๆคนอื่นที่ไม่ได้กล่าวถึงด้วย ได้ทำงานกับพี่ ๆเป็นอะไรที่สนุกและบันเทิงมาก ไม่เครียดเลย ขอบคุณที่ใจดีและดูแลเทคแคร์แจนมาเป็นเวลา 2 เดือน ขอบคุณมากๆเลยค่าา

ตอนนี้บริษัทย้ายมาอยู่ที่อาคารไชโยแล้วพื้นที่ที่ทำงานก็จะกว้างมาก ๆ ทุกทีมจะอยู่ชั้นเดียวกันหมดเลย อยากจะเดินไปคุยกับใครในทีมอื่นก็ไปได้สะดวก มีห้องประชุมเยอะมาก

หากใครสนใจอยากจะมาฝึกงานหรืออยากเป็นสตาฟที่ Donuts Bangkok ล่ะก็ ลองสมัครเข้ามาดูได้นะคะ HR ที่นี่น่ารักและเป็นกันเองมาก ๆเลยค่ะ สำหรับเด็กฝึกงานที่นี่มีค่าขนมและค่าเดินทางให้ด้วยนะ

--

--

Janjie Khemanij
Donuts Bangkok Family

UX/UI Designer 🍑 Alchemist SIT, KMUTT 🍑 JWC7 🍑YWC16