คำสารภาพ | มินะโตะ คะนะเอะ

Dr.Kanapon Phumratprapin
drtum
Published in
1 min readJul 28, 2020

เมื่ออ่านนิยายเล่มนี้จบ ในใจผมอุทานว่า …….

ผมไม่ได้อ่านนิยายมานานแล้ว ถ้าจำไม่ผิดเล่มสุดท้ายที่อ่านคือ The Perks of Being a Wallflower ซึ่งน่าจะผ่านมา 5 ปีได้แล้ว

การอ่านหนังสือ น่าจะเรียกได้ว่าเป็น “งานอดิเรก” อย่างเดียวในชีวิตของผมก็ว่าได้ (หนังสือ ในที่นี้รวมถึงการ์ตูน ด้วยนะครับ😂)

พอชีวิตเราวุ่นๆขึ้น มีเวลาอ่านหนังสือน้อยลง ผมเลยรู้สึกว่าเวลาจะอ่านหนังสือมันต้องได้เนื้อ ได้หนัง ได้อะไรบางอย่าง พอเป็นอย่างนั้นความรู้สึกที่อยากจะอ่านนิยาย หรือกลุ่ม Fiction มันก็น้อยลง เพราะคิดว่ามันเสียเวลา ใช้เวลาเยอะ แล้วก็ไม่รู้ว่าจะได้อะไรหรือเปล่า สู้เอาเวลาไปอ่าน Non-fiction พวก Business book ที่ได้อะไรเป็นเนื้อหนังเต็มๆน่าจะดีกว่า

แต่…เพื่อนสนิทผมคนหนึ่งก็มักบอกว่า

“อ่าน Non-fiction เยอะไปไม่ดีนะ อ่าน Fiction บ้าง ชีวิตจะได้ละมุนละไมขึ้น”

ประจวบกับวันก่อน ในระหว่างการเดินทางฝ่าไฟจราจรอันโหดร้ายในนครกรุงเทพนี้ ผมได้ฟัง Podcast ของ Readery ที่ได้พูดถึงนิยายของ มินะโตะ คะนะเอะ เมื่อได้ฟัง Podcast จบก็เลยรู้สึกว่าน่าอ่านมาก พอไปถามที่ร้านหนังสือที่อยู่ในตึก office ก็พบว่าหนังสือหมด (ยิ่งทำให้รู้สึกอยากอ่านไปกันใหญ่) พออีกวันเดินผ่านร้านหนังสืออีกแห่งก็พบว่า เหลือหนังสือ “คำสารภาพ” นี้เล่มสุดท้าย ผมก็เลยได้ซื้อมาไว้ทันที

เมื่อได้เปิดอ่าน “คำสารภาพ” ผมก็ยอมรับว่าแค่บทเปิดของเรื่อง ซึ่งราบเรียบ เป็นการเล่าแบบ Monologue ของคุณครูโมะริกุจิ ที่พูดในชั่วโมงโฮมรูมว่า ลูกสาว 4 ขวบของเธอนั้นที่พึ่งเสียชีวิต โดยเธอรู้ว่ามีเด็กนักเรียนในห้องนี้แหละเป็นคนฆาตกรรม แค่นี้มันก็ฮุคคนอ่านได้อย่างจังว่า เห้ย… แล้วไงเนี่ย

ส่วนที่ผมชอบเกี่ยวกับนิยายเล่มนี้

โลกนี้เป็นสีเทา ไม่มีใครถูก แล้วก็ไม่รู้ว่ามีใครผิดจริง..หรือเปล่า ?

เมื่อเรื่องนี้ได้ดำเนินไป จากคนที่เราตัดสินไปแล้วว่า เขาน่าจะผิด พอเรื่องราวได้ขยายต่อ ก็พบความเป็นเหตเป็นผลของที่มาในการกระทำนั้นๆ ทำให้เราก็แอบจะคิดว่า ที่เขาทำมันก็….มีเหตุผลนะ

ในท้ายเล่ม มินาโตะได้บอกว่า เทคนิคการเขียนของเธอนั้นคือ

สร้างประวัติและลักษณะนิสัยของตัวละคร ไม่ว่าจะมีบทเล็กน้อยแค่ไหน ไว้อย่างละเอียด เพราะ “หากสร้างที่มาที่ไปให้ตัวละครไว้อย่างดีแล้ว ตัวละครจะเดินเรื่องให้เอง”

ผมเห็นว่าเธอทำการบ้านตรงจุดนี้ได้ดีมาก ตัวละครทุกตัวของเธอที่ปรากฎขึ้นนั้น มีแรงจูงใจ ที่มีเหตุผลรองรับเป็นอย่างมาก จนทำให้ผู้อ่านเชื่อในโลกในนิยายของเธอ

เทคนิคการเล่า

เรื่องนี้มีการใช้เทคนิคการเล่าหลายแบบ โดย Timeline ของเรื่องเป็นการเล่าไปข้างหน้า ไม่ได้ตัดสลับไปมา แต่มีการใช้เทคนิคที่หลากหลาย มีการเล่าแบบ Narative, ผ่านการเขียนจดหมาย, การอ่านไดอารี่, การเล่าผ่านมุมมองของตัวละครเอง หรือแม้แต่บทสนทนาทางโทรศัพท์

ด้วยเทคนิคการเล่าที่แยบยล เปลี่ยนไปมาทุกบท ยิ่งทำให้รู้สึกทำให้การอ่านน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

ทวิสแล้วทวิสอีก ยิ่งกว่าเกลียว โปเต้

เรื่องราวที่เหมือนมันน่าจะคาดเดาได้ พออ่านบทต่อๆไป ทำไมมันคาดเดาไม่ได้หว่า มันบิดแล้วบิดอีก บิดจนกระทั่งบรรทัดสุดท้าย

สุดยอดครับ 🤩

ส่งท้าย

ผมวางนิยายหลังอ่านจบ แล้วก็มีรู้สึกว่ามีหลายอย่างที่ผู้เขียนได้ทิ้งอะไรไว้ให้คิดต่อ คงเหมือนหนังหลายๆเรื่องที่มีประเด็นให้กลับไปขบคิด

หลังอ่านจบ หนังสือเล่มนี้ไม่ได้ทำให้ชีวิตละมุนละไมขึ้น (ฮา) แต่มันก็ทำให้เรากระตุกคิดเรื่องราวหลายอย่างในสังคมรอบตัวเรามากขึ้นทีเดียว

ด้วยรักและเคารพ

:->m

ป.ล ใครเป็นแฟน มินะโตะ คะนะเอะ ฝากแนะนำผลงานอื่นๆที่ควรติดตามด้วยนะครับ 😇

--

--