Future of Gaming: การทำเงินของธรุกิจเกม ในอนาคต
ฟัง Talk ของ Kavin Chou ผู้ก่อตั้ง Kabam บริษัททำเกมบนมือถือรายแรกๆที่ปัจจุบันมีรายได้ 360 million USD$ ต่อปี โดยเขาได้พูดในงาน a16Z Summit
เกริ่น
ปัจจุบันอุตสาหกรรมเกมได้เติบโตแซงหน้า ภาพยนต์และดนตรี เป็นที่เรียบร้อย ถ้าดูจากข้อมูลเหมือนท้ังยอดรวม และอัตราการเติบโตก็แซงไปไกลทีเดียว
3 รูปแบบการทำเงินในอุตสาหกรรมเกม ในปัจจุบัน
1.Make Games
สมัยก่อน คนทำเกมมักทำคนเดียวเดี่ยวๆ แต่ปัจจุบันการทำเกมซีเรียสมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างเกมส์ World of Warcraft มีทีมงาน 600 คน แต่สร้างรายได้มากกว่า 10Billion USD$
2.Professional Esports
ได้ของนักกีฬา Esport ตอนนี้ในอเมริกาสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 320,000 USD$ หรือประมาณ 10 ล้านบาทต่อปีเท่านั้นเอง
3.Game Streamer
นี่น่าจะเป็น Trend ที่เด่นชัดที่สุด อย่าง Facebook ตอนนี้ก็ Dedicate ให้ Game Streaming อย่างเด่นชัด (เดาว่าน่าจะเป็นการปูทาง เข้าสู่ตลาด VR/AR อย่างแน่นอน)
Ninja Streamer ชื่อดังที่ ณ วันนี้มีคน Subscribe อยู่ 2.4 M สร้างรายได้กว่า 500,000 USD ต่อเดือน หรือ 15 ล้านบาทต่อเดือน (ว้าว สูงกว่าค่าเฉลี่ยของนักกีฬา E-Sport อีก)
New Era of Monetization
ทั้งสามกลุ่มที่กล่าวมานั้น ยังถือว่าเป็นส่วนน้อยของประชากรที่เล่นเกม นักกีฬามืออาชีพ มีสัดส่วนเพียง 0.001% เท่านั้น หรือคนทำ Streamer ก็หารายได้จริงๆ ได้เพียง 0.33% พูดง่ายๆคือยังน้อยอยู่มาก
โดยสิ่งสำคัญของ Talk นี้ที่จะนำเสนอคือ Technology Blockchain ที่จะมาสร้างการเปลี่ยนแปลง คือทำให้ของในโลก Digital มันมีความ limited นั่นเอง
การซื้ออุปกรณ์ในเกม์จะกลายเป็น Asset ที่มีจำกัด ขายต่อได้ การซื้อตัวละครในเกม จะเกิดขึ้นเป็นธรุกิจใหม่ เหมือนเป็นตลาดใหม่ให้ Trade ขายของกัน
แน่นอนว่า Talk นี้อยากเน้นเรื่อง Blockchain ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลง ซึ่งผมก็เห็นด้วยว่า Blockchain คงจะมาแน่ๆ แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่า คือ Macro Trend ของตัว Gaming industry นี่แหละ
ณ วันนี้มีคนเล่มเกมอยู่ 2.4 พันล้านคน
คนที่เข้าถึงอินเตอร์เน็ต 4 พันล้านคน
ประชากรโลก 7 พันล้านคน
ถ้าดูแล้วผมก็คิดว่าตลาดเกมนี้ยังเติบโตได้อีกมาก แล้วก็ยังอยู่ในช่วง Early Stage เท่านั้นเอง คิดถึงสมัยเด็กๆที่ผมชอบเล่มเกมมาก เวลานั้นถ้าคิดอาชีพที่จะได้เล่มเกมทั้งวัน ก็มีเพียงพี่ที่ขายเกมที่ตู้กระจกในห้างเท่านั้นเอง แต่ปัจจุบันนี้การเล่มเกมแบบจริงจัง เรียกได้ว่าทำเป็นงาน Fulltime ได้เลยทีเดียว
ผมว่าธรุกิจที่จะเติบโตในยุคหน้า ในวันที่ประชากรใกล้ถึงจุดสูงสุดแล้ว โลก Analog อาจไม่ได้มี S Curve ใหม่มากเท่ากับโลก Digital อย่างแน่นอน
ด้วยรักและเคารพ
:->m’26
