ผมได้ยินชื่อหนังสือเล่มนี้จาก Post ของพี่รวิศ (เจ้าของผงหอมศรีจันทร์) ที่เขียนถึงคุณฤทธิ์ ธีระโกเมน เจ้าของเอ็มเคสุกี้ครับ ซึ่งที่เป็นโพสต์ที่ผมนั่งอ่านหลายรอบเลยครับ โดยคุณฤทธิ์แนะนำหนังสือดี ๆ ที่น่าสนใจมากหลายเล่มเลยครับ
Post ต้นฉบับที่นี่

หนังสือเล่มแรกที่ผมอ่านจบ คือ Strategy that works เขียนโดย PwC Consulting ที่ผมเลือกเล่มนี้มาอ่านเป็นเล่มแรกเนื่องจากผมมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งซึ่งเคยเป็นพนักงานของบริษัท PwC Consulting (ประเทศไทย)ครับ เป็นเพื่อนที่รักและนับถือในการทำงานที่เก่งมาก ๆ คนหนึ่ง จึงเป็นเหตผลให้ผมอ่านเล่มนี้เป็นอันดับแรกครับ

และก็ไม่ผิดหวังเลย หนังสือเล่มนี้มีแก่น ก็คือ การช่วยให้องค์กรสามารถลดช่องว่างระหว่างแผนกลยุทธและการนำไปปฏิบัติจริงครับ โดยหนังสือจะใช้คำว่า
“Strategy — To — Execution Gap” โดยหนังสือบอกว่าบริษัทที่เป็นเลิศนั้นจะต้องมีแผนกลยุทธที่สอดคล้องไปกับ “ขีดความสามารถเฉพาะของบริษัท” ที่บริษัทอื่น ๆ เลียนแบบได้ยาก หรือเลียนแบบไปก็ไม่คุ้ม ถึงจะทำให้บริษัทประสบความสำเร็จอย่างนะเบิดเถิดเทิง สามารถสร้างผลตอบแทนได้แบบมหาศาล และเป็นคนกำหนดเกมส์เองได้

โดยหนังสือจะแบ่งเป็น 5 ขั้นตอนในการสร้าง Strategy that works ครับ

  1. ยึดมั่นในอัตลักษณ์และตัวตนของธุรกิจ(Commit to An Identity)
    บริษัทต้องชัดเจนว่าตัวเองเป็นใครและเรากำลังจะเป็นใคร รวมถึงต้องตอบคำถามให้ได้ว่า How we choose to create value in the marketplace ซึ่งตรงนี้คือการสร้างขีดความสามารถเฉพาะของบริษัท และที่สำคัญต้องไม่วิ่งตามทุกโอกาส หรือขยายตลาดไปในธุรกิจที่ตนไม่มีความชำนาญ หรือไม่มีโอกาสที่จะชนะ หรือไม่สอดคล้องกับขีดความสามารถเฉพาะของตัวเอง
  2. เปลี่ยนกลยุทธสู่ภาคปฏิบัติ (Translate The Strategic Into The Everyday)
    ผู้บริหารต้องรู้จักพัฒนาและเชื่อมโยงขีดความสามารถต่าง ๆ ขององค์กร เช่น กระบวนการ, ทักษะความรู้ของแต่ละหน่วยงาน, Tools ต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อให้เกิดการทำงานที่ต่อเนื่องและสร้างความสามารถที่มีลักษณะเฉพาะขององค์กรขึ้นมา โดยที่ต้องไม่ยึดถือตามบริษัทอื่นๆในอุตสาหกรรมเดียวกัน สร้างตัวชี้วัดของตัวเองขึ้นมา
  3. ผลักดันวัฒนธรรมองค์กรให้เวอร์ค (Put Your Culture to Work)
    ทำความเข้าใจวัฒนธรรมองค์กรของตัวเองให้ถ่องแท้ มองหาอุปนิสัยเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ในวัฒนธรรมองค์ที่สอดคล้องไปกับขีดความสามารถเฉพาะของบริษัทและใช้ประโยชน์จากอุปนิสัยเหล่านี้เพื่อสร้างจุดแข็งให้กับธุรกิจ โดยสื่อสารให้คนนำไปปฏิบัติและเข้าใจเป้าหมายเดียวกัน
  4. ลดค่าใช้จ่ายเพื่อการเติบโตให้ถูกทาง (Cut Costs To Grow Stronger)
    มีไกด์ไลน์ในการแนะนำว่าสัดส่วนการลงทุนควรเป็นอย่างไรบ้าง โดยให้เน้นการลงทุนไปในส่วนที่จะสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งทางธุรกิจ ลงทุนในส่วนที่เป็นการพัฒนาขีดความสามารถเฉพาะ และตัดค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ไม่จำเป็น
  5. อนาคตเรากำหนดเอง (Shape Your Future)
    หน้าที่หลักของผู้บริหารก็คือ การมุ่งเน้นพัฒนาขีดความสามารถเฉพาะของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ หาวิธีการและแนวทางใหม่ ๆ ในการขยายตลาดและธุรกิจของตัวเองที่ต้องเน้นเรื่องความสอดคล้องส่งเสริมกันและกันไม่ใช่แค่เพิ่มรายได้ หรือไล่ตามการแข่งขันกับคู่แข่งหรือกับตลาดเพียงอย่างเดียว ให้มองที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าโดยการสร้าง Value ให้มากขึ้น ๆ

ฟังดูเนื้อหาก็ค่อนข้างคล้ายกับหนังสือธุรกิจอื่น ๆ หลายเล่มแต่เนื้อหาภายในมีการยก Case Study ที่น่าสนใจมาก ๆ ทั้งบริษัทอย่าง Hiaer, IKEA, Amazon, LEGO และอื่น ๆ อีกเพียบ ซึ่งผมว่าสรุปดีมาก ๆ และหนังสือพยายามโน้มน้าวว่าแนวคิดเรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ที่มีความแตกต่างจากแนวคิดการพัฒนาธุรกิจเดิม ๆ อย่างมีนัยสำคัญ มี Research รองรับสมกับจัดทำโดยบริษัท Consult ระดับโลกครับ เป็นหนังสือที่ดีมาก ๆ เล่มหนึ่งครับ และคิดว่าจะแนะนำคนอื่นต่อแน่นอนครับ

สรุปเนื้อหาที่เจ๋ง

  1. Case Study ของบริษัทต่างๆ ที่มีการวิเคราะห์อย่างละเอียด สอดคล้องกับแนวคิดหลักของหนังสือ
  2. Framework ในการสร้างกลยุทธที่ใช้ได้จริง 5 ขั้นตอน และ Blueprint การทำ Budgeting เพื่อให้บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันที่ดี

เหมาะกับใคร

  1. CEO หรือ Management ระดับสูง
  2. เจ้าของกิจการ
  3. ผู้สืบทอดกิจการ ที่พ่อแม่เริ่มไว้ใจให้บริหารบ้างแล้ว

เขียนโดย
จอมทรัพย์ (ลิงค์) สิทธิพิทยา
(Facebook: Jomzup)

  • Co Founder & CEO บริษัท Exzy
  • TEDxBangkok Speaker 2016
  • Special Lecturer ด้าน Innovation & Technology
  • Golf & Sport Lover

--

--

Jomzup Link
Effective Entrepreneurs

Co-Founder and CEO of Exzy Co., Ltd. Strong opinions and shared thoughts on design, business, and tech.