ไทบ้าน X BNK 48 จากใจผู้สาวคนนี้ (2020,สุรศักดิ์ ป้องศร ธิติ ศรีนวล)

Wiwat Lertwiwatwongsa
FILMSICK
Published in
1 min readAug 1, 2020

พลอตเรื่องคือหุ่นยนต์จำนวนหนึ่งถูกส่งมาเรียนรู้ความเป็นมนุษย์กับมนุษย์ไทบ้านกลุ่มหนึ่งเพื่อเรียรู้ที่จะเป็นหุ่นยนต์ที่ดีขึ้น หุ่นยนต์กลุมนี้ถูกควบคุมโดยมนุษยืที่คิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์แต่ที่จริงเป็นหุ่นยนต์ยิ่งกว่าหุ่นยนต์จริงๆ และเครื่องอื่มน้ำเชื่อมผสมใบชาชนิดหนึ่ง

1. เอาจริงๆกลายเป็นว่าหนังได้ช่วยให้เราเข้าใจกระบวนการทุนนิยมขั้นสูงสุดในธุรกิจการขายความเป็นไอดอลโดยการพยายามให้เหล่า ‘สินค้า’ ในฐานะไอดอล ต้องมาเรียนรู้ความเป็นมนุษย์ ผ่านทางความฝัน การทำตามความฝัน การเรียนรู้ที่จะพัฒนาตัวเองและไปข้างหน้า เพื่อที่จะผลิตซ้ำนำมาขายมนุษย์ต่อไป ความเป็นมนุษย์เป็นสินค้าที่สินค้าต้องเสนอขาย ด้วยการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์กล่าวคือตัดขาดจากความเป็นมนุษย์ ไปเป็นสิ่งที่เหนือมนุษย์ แบบเดียวกับ Hatsune Miku ไอดอลที่มาจากคอมพิวเตอร์และจะมีชีวิตขึ้นมาได้ผ่านแฟนเพลงของเธอ พูดให้ถูกต้องคือมนุษย์เป็นคนสร้างความเป็นมนุษย์ให้หุ่นยนต์เพื่อนำสิ่งนั้นกลับมาขายมนุษย์ในฐานะของอภิมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความผ่องแผ้ว สะอาด บริสุทธิ์ เป็นทั้งสาวข้างบ้านและนางในฝัน

2.ในฐานะสายโซ่ทางธุรกิจ BNK ไม่สามารถเป็นBNK และเป็นตัวละครจริงหรือแม้แต่เป็นแคแรกเตอร์จริงๆได้ ทุกบทสนทนาก ากรพูดคุยจึงต้อง Keep Character ของตัวเองให้มากพอๆกับการที่จะไม่มากหรือน้อยไปกว่านั้น ในลักษณะเดียวกันการห้ามจับมือ หรือถ่ายรูป เพราะถ้าแปดเปื้อนความเป็นมนุษย์ อันหมายถึงอารมณ์ ความรู้สึก ความโกรธ เกลียด ความเผอเรอ การมีความรู้สึกส่วนบุคคล ก็จะไม่สามารถเป็นอภิมนุษย์ที่ผ่องแผ้วได้ มันจึงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่ BNK จะเป็นเพียงวัตถุที่ลอยไปลอยมาเพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้กับจิตใจของจาลอดหรืบักมืด หรือแม้แต่เจ๊ก้อง สสามัตวหลัก เนย แก้ว และโมบาย ทำหน้าที่โดยเป็นBNKไม่มากไม่น้อยกว่านั้น ราวกับว่าตัวตนของเธอไม่มีชื่อจริง(แบบเดียวกับการถูกริบชื่อใน Spirited Away) พวกเธอจึงเป็น แก้ว BNK โมบายล์ BNK และ เนย BNK ไม่มากหรือน้อยไปกว่านั้น ดังนั้น เมื่อหนังเรียกร้องมากกว่าที่BNK จะสามารถให้ได้ มันจึงไม่ได้รับการตอบสนอง เหมือนมีกล่องสวยๆบางชนิดที่วางอยู่ตรงกลาง มันจึงช่วยไม่ได้ ที่หนังจะไม่ให้เราเห็นว่าตัวละครคิดหรือรู้สึกอย่างไรในฐานะคนเฉพาะคนหนึ่ง แต่เป็นภาพแทนของBNK

3.ในขณะที่จาลอด ครูแก้ว ไอ้เหี้ยบักมืด เป็นมนุษย์ที่มีชีวิตชีวา ในขณะที่เจ๊ก้องก็เล่นไปตามบทบาทแบบนักแสดงที่ดี(แต่เป็นคนละจักรวาลกับความทึ่มๆตรงๆไปตรงมาและมีเสน่ห์แบบ บักเฮิร์บ หรือคนอื่นๆ) เมื่อพวกเขาต้องมารับบทผู้สร้างชีวิตปบบอื่นๆให้กับ BNK ที่ไม่ได้อยากมีชีวิตในฐานะชีวิตจำเพาะเจาะจงแต่เป็นชีวิตที่เป็นสากลและนำไปขายได้ใต้คำเบลอๆจำพวก เสียงของหัวใจ หรือโลกกว้างใหญ่ที่ต้องเรียนรู้ มันจึงช่วยไม่ได้เลยที่ถ้าหากตัดBNK ออกจากหนังทั้งหมด เรื่องก็ไม่ได้คืบหน้าไปไหน ยกเว้นความเอนจอยกับมุกเบี้ยบ้ายรายทางของจาลอดกับบักมืด ซึ่งเอาจริงๆ เส้นเรื่องของบักเซียงและบักป่องสนุกกว่าจริงๆ

4.ฉากไคลแมกซ์ของเรื่องนั้นงดงามยิ่ง เพราะมัคือการปะทะกันของความย้อนแย้งสุดขีด คือความเป้นมนุษย์ กับธุรกิจที่ขายความไม่เป็นมนุษย์ หหนังไปถึงระดับ Hatsune Miku จริงๆเมื่อผู้ชมต้องรับหน้าที่เติมเต็มความเป้นมนุษย์สร้างเสียงของมนุษย์ให้กับมนุษย์ที่ขายความเป้นมนุษย์แต่ถูกธุรกิจกีดกันความเป็นมนุษย์ด้วยการไม่สามารถเปล่งเสียงได้หากไม่ได้รับอนุญาต
ด้วยสิ่งเหล่านี้เองการแสดงที่ไปกันได้กับการเป็นมนุษย์หุ่นยนต์ของจ๊อบซังจึงเหมาะเหม็งมากๆ เพราะเขามไ่มีอะไรเลยนอกจาเมสเซนเจอร์ของต้นสังกัดที่มาบอกกฏ แสร้งว่าตัวเองเป็นมนุษย์ที่เข้าใจผู้อื่น แถมได้มีเส้นเรื่องส่วนตัวถึงระดับแต่งงาน แต่เขาเป็นมือที่ยืนมาของทุนนิยมที่กำกับBNKให้เป็นมนุย์แต่พอสมควร ความเป็นมนุษย์น้อยๆสามารถสอดรับกัคำเบลอๆที่ขายความยิ่งใหญ่ของความเป็นมนุษย์ได้มากกว่าจะเป็นมนุย์จริงๆ

5.สรุปคือมันมีความพยายามแล้ว แต่ก็เหมือนเพลงอีสานที่ร้องโดยคนที่ไม่รู้จักการออกเสียงภาษาอีสาน แต่ทำได้ดีมากๆ ในการหัดออกเสียง คือมันฟังดูไม่เลว แต่อยู่ห่างไกลจากความลึกซึ้งที่มากไปกว่านั้น
ได้โปรดรอดู ไทบ้าน3 หมอปลาวาฬ และเส้นเรื่องแยกของผีใบข้าวต่อไปงียบๆ

--

--