ผมก็เคย “ไม่เชื่อ” ในบิตคอยน์

Kendo
Flipay
Published in
2 min readMar 17, 2019
บิตคอยน์ คือ ยากำจัดหนูยกกำลังสอง โดย วอร์เรน บัฟเฟต หนึ่งในเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก

ผมคิดว่ามีหลายคนที่ไม่เชื่อในบิตคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซี่ มองว่าบิตคอยน์เป็นการหลอกลวง มองว่าบิตคอยน์เป็นแหล่งซ่องสุมของคนกระทำความผิด คุณไม่ใช่คนเดียวที่คิดอย่างนั้น คนส่วนใหญ่ และผมก็เคยคิดเหมือนกับคุณ

คนมีชื่อเสียง และผู้รู้ในหลายๆแขนง ก็ยังลำบากในการทำความเข้าใจมัน ทวีตด้านล่างนี้สรุปได้ดีมากๆเกี่ยวกับเรื่องนี้

แปลง่ายๆ คนมีการศึกษาที่ดีส่วนใหญ่ ล้มเหลวที่จะซาบซึ้งในตัวบิตคอยน์ เพราะว่าเขาเก่งในด้านเดียว เพื่อที่จะเข้าใจบิตคอยน์คุณต้องเข้าใจ

  • เศรษฐศาสตร์
  • วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์
  • การถอดรหัส
  • ทฤษฎีเกมส์
  • ธนาคารกลาง
  • การกำกับดูแล
  • เศรษฐศาสตร์มหภาค
  • ความเสี่ยง
  • จิตวิทยา
  • เครือข่าย
  • เทคโนโลยีระบบกระจาย

เยอะขนาดนี้ งงไปเลยนะครับ ปัจจุบันผมก็ยังคงเรียนรู้อยู่ครับ และยังก็เข้าใจไม่หมด มีอะไรหลายๆอย่างให้ได้เรียนรู้ตลอดเวลา

มีหลายคนที่เคยไม่เชื่อในบิตคอยน์ และเปลี่ยนใจกลับมาเชื่อ หนึ่งในนั้น คือ เจมี่ ไดมอน ซีอีโอ ของ เจ.พี.​ มอร์แกน ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา

เดือนกันยายน 2017 : เขาบอกว่าบิตคอยน์ คือ สิ่งหลอกลวง

เดือนมกราคา 2018 : เขาออกมาพูดว่า เขาเสียใจที่เรียกบิตคอยน์ว่าสิ่งหลอกลวง และเขาเชื่อในเทคโนโลยีเบื้องหลังมัน

เดือนกุมภาพันธ์ 2019 : เจ.พี. มอร์แกน ออกคริปโตเคอร์เรนซี่ของตัวเอง ชื่อว่าเหรียญ JPM

และล่าสุดผมได้อ่านบทความจากสำนักพิมพ์ Forbes พูดถึง การกลับใจมาเชื่อในบิตคอยน์และคริปโต ของนักเขียนผู้หนึ่งซึ่งเขียนหนังสือเกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์ของ “เงิน” ผมเลยแปลมาให้ได้อ่านแบบง่ายๆ ดังนี้

ผู้สงสัยในตัวบิตคอยน์ยอมรับ เขาผิดพลาดอย่างหนักเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี่

บิตคอยน์ซึ่งราคาลดลง 80% จากจุดสูงสุด มีแนวโน้มที่จะสูญเสียผู้สนับสนุนที่มากกว่าที่มันได้รับตลอดปีที่ผ่าน ด้วยเหตุที่ว่านักลงทุนและนักเก็งกำไรจำนวนมากต้องลำบากกับการให้เหตุผลที่ดีกับความเชื่อของเขาในเทคโนโลยี ในช่วงที่การตอบรับต่อการใช้เทคโนโลยีหยุดชะงักลง และแผนการเฝ้ามองอย่างใกล้ชิดต่อบิตคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซี่ของธนาคารถูกหยุดพักไว้ชั่วคราว

ราคาบิตคอยน์พุ่งจากราคาน้อยกว่า 1,000 ดอลลาร์ ไปจนเกือบถึง 20,000 ในปี 2017 ทำให้บิตคอยน์ได้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์จำนวนมากตราหน้ามันว่าเป็นการหลอกลวง และแนะนำให้นักลงทุนที่สนใจหนีออกห่าง

ไม่นานมานี้ นักประวัติศาสตร์ทางเศษฐศาสตร์ชื่อดังคนหนึ่งพูดว่า เขาผิดพลาดอย่างหนักเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี่อย่างบิตคอยน์ และราคาบิตคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซี่ในตอนนี้ห่างไกลจากศูนย์มากๆ

เนล เฟอร์กูสัน ผู้เขียนหนังสือการกำเนิดของเงิน (The Ascent of Money) พูดที่งานสัมมนา The Australian Financial Review Business Summit ในช่วงต้นของเดือนนี้ เมื่อเขาถอนคำพูดในความเห็นก่อนหน้าของเขา ว่าบิตคอยน์และเทคโนโลยีที่มีพื้นฐานจากบล็อคเชน จะไม่เป็น “ความเพ้อเจ้ออย่างสมบูรณ์แบบ” อย่างที่เขาเคยตราหน้ามันไว้

“ผมโคตรผิดพลาด” เฟอร์กูสันพูด “ผิดพลาดที่คิดว่า มันจะไม่มีการนำมาใช้งาน สำหรับรูปแบบของเงินบนพื้นฐานของเทคโนโลยีบล็อคเชน”

ความเห็นเกี่ยวกับบิตคอยน์ล่าสุดของเฟอร์กูสันเกิดขึ้น หลังจากที่เขาแสดงความรู้ผิดหวังที่เขาไม่ฟังลูกชาวัยรุ่นของเขา แล้วซื้อบิตคอยน์ในช่วงปลายปี 2014 เขาบอกว่ามันเป็น “การตัดสินใจด้านการลงทุนที่แย่ที่สุดในชีิวิตของเขา”

ถ้าผมเชื่อฟังลูกชายของผม ผมคงได้เพิ่มมูลค่าในเงินดอลล่าจากการลงทุนประมาณ 45 เท่า หรือผมคงสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน 4,436% : เฟอร์กูสันเขียนไว้เมื่อสิ้นปี 2017

เป็นที่ชัดเจนว่า

เมื่อพูดถึงเทคโนโลยี ต้องเชื่อฟังเด็กวัยรุ่น

เฟอร์กูสัน เข้าร่วมวงกับรุ่นใหญ่หลายๆคนในวงการเทคโนโลยี ผู้ซึ่งได้พูดสนับสนุนบิตคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซี่ไม่นานมานี้ คนอย่าง แจ็ค ดอร์ซี่ ซีอีโอของทวิตเตอร์ (Twitter) อีลอน มัสค์ ซีอีโอของเทสล่า(Tesla) และผู้ร่วมก่อตั้งแอปเปิ้ล(Apple) สตีฟ วอซเนียก ผู้ซึ่งชื่นชมบิตคอยน์ และเทคโนโลยีเบื้องหลังของมัน และเถียงถึงเรื่องที่ว่าเหรียญดิจิทัลยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้น แล้วช่วงก่อตัว

แจ็ค ดอร์ซี่ (ซีอีโอของทวิตเตอร์)

สัปดาห์ที่ผ่านมา ดอร์ซี่ เปิดเผยว่า เขาเพิ่งเริ่มซื้อบิตคอยน์ในมูลค่า 10,000 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ โดยใช้โควต้าการลงทุนทั้งหมดของแคชแอพ (Cash App) ที่เขาเป็นเจ้าของ

อีลอน มัสค์ (ซีอีโอของเทสล่า)

มัสค์ ผู้ซึ่งทำให้ทุกคนตื่นเต้นในปีที่ผ่านมาว่าเขาอาจเข้าสู่วงการบิตคอยน์ ในเดือนนี้เขากล่าวถึงโครงสร้างของบิตคอยน์ว่า “ค่อนข้างล้ำ” โดยเพิ่มเติมว่า มันแทรกตัวผ่านการควบคุมทางการเงิน เงินกระดาษกำลังหมดไป และคริปโตเป็นทางเลือกที่ดีกว่าแผ่นกระดาษมากๆในการส่งมูลค่า นั่นเป็นส่ิงที่แน่นอน

ล่าสุดบิตคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซี่ได้รับความสนใจอีกครั้ง เมื่อเฟสบุ๊คตัดสินใจที่จะเริ่มพัฒนาสกุลเงินของตัวเอง เพื่อใช้ในสังคมออนไลน์และแพลตฟอร์มการส่งข้อความของพวกเขา ในขณะที่ธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง เจ.พี. มอร์แกน ก็กำลังพัฒนาโทเคนดิจิทัลบนพื้นฐานของเทคโนโลยีบล็อคเชนเช่นกัน เพื่ออำนวยความสะดวกในการโอนเงินระหว่างประเทศ

ปัจจุบันบิตคอยน์ถูกกักขังอยู่ในตลาดหมีที่มีระยะเวลานาน ด้วยมูลค่าที่หายไปประมาณ 4 แสนล้านดอลลาร์จากโลกของคริปโตเคอร์เรนซี่ ในช่วง 14 เดือนที่ผ่านมา

การพุ่งขึ้นของบิตคอยน์ในปี 2017 เป็นเพราะความคาดการณ์ในการลงทุนจากนักลงทุนสถาบันและการสนับสนุนจากธนาคารขนาดใหญ่ ที่คนคาดว่ากำลังจะมา แต่ปรากฏว่าในช่วง 2018 ไม่มีการลงทุนเหล่านั้นเกิดขึ้น นักลงทุนและนักเก็งกำไรก็ต้องรับความเหน็บหนาวกันไปตามๆกัน

ครับและนั้นก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของคนที่เปลี่ยนใจมาเชื่อในตัวบิตคอยน์ และคริปโตเคอร์เรนซี่ หวังว่าท่านผู้อ่านจะได้ความรู้ไม่มากก็น้อยจากบทความนี้

สุดท้ายผมอยากจบบทความนี้ ด้วยคำพูดของ CZ ซีอีโอของไบแนนซ์​ ตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก

“ไม่ใช่ทุกคนที่ใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ แต่มันก็มีมูลค่า เราไม่จำเป็นต้องให้ทุกคนมาใช้บิตคอยน์เพื่อให้มันมีมูลค่า”

แปลง่ายๆก็คือ ไม่จำเป็นต้องให้ทุกคนเชื่อในตัวบิตคอยน์ครับ คุณก็เช่นเดียวกัน แต่เพื่อประโยชน์ของตัวคุณเอง เราแนะนำให้มาเริ่มต้นเรียนรู้กันตั้งแต่ตอนนี้ครับ วันละนิดวันละหน่อย สู้ๆนะครับ :)

อ้างอิง : https://www.forbes.com/sites/billybambrough/2019/03/12/bitcoin-skeptic-admits-he-was-very-wrong-about-cryptocurrencies/amp/

สามารถติดตามเกร็ดความรู้เกี่ยวกับคริปโตได้ที่เพจของเราครับ Flipay

--

--

Kendo
Flipay
Editor for

Cryptocurrency Believer, Manga Lover, Education Supporter and Product Builder @flipayHQ