Work-Life Balance or Work-Life Integration

Yok • Rawisara
Focal Solution
Published in
2 min readAug 19, 2019

สองแบบนี้แตกต่างกันยังไง หรือเราควรจะใช้แบบไหนกันแน่

หลายคนอาจจะเคยได้ยินการทำงานแบบ Work-Life Balance มากกว่าการทำงานแบบ Work-Life Integration การทำงานสองแบบนี้ค่อนข้างที่จะแตกต่างกัน ซึ่งความแตกต่าง เรามองว่าเป็นเรื่องของการทำงานที่เกี่ยวคล่องกับการใช้ชีวิต สองอย่างนี้ต่างกันยังไง หรือมีผลต่อเราอย่างไรบ้าง สามารถอธิบายคร่าวๆตามความเข้าใจ ได้ดังนี้

Work-Life Balance เป็นอย่างไร

Work-Life Balance คือ การสร้างความสมดุลระหว่าง การทำงาน กับการใช้ชีวิต โดยเวลาทำงานก็ทำอย่างเต็มที่และตั้งใจ หลังจากนั้นก็ได้ให้เวลาตนเองในการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการทำกิจกรรมอื่นๆ หรือทำในสิ่งที่ตนเองสนใจก็ตาม

Work-Life Integration เป็นอย่างไร

Work-Life Integration คือ การที่เราเอาการทำงานกับการใช้ชีวิตมารวมกัน โดยในทุกๆกิจกรรมของชีวิตจะมีเรื่องงานมาเกี่ยวข้องเสมอ เช่น ในขณะที่ทำกิจกรรมอื่นๆ ก็มักคิดถึงเรื่องงานไปด้วย

Work-Life Balance กับ Work-Life Integration ต่างกันอย่างไร

เหตุการณ์แรก: ในการตื่นเช้าทุกวันของนายเอ ต้องปลุกลูก ดูแลลูก ทานข้าว และนำลูกไปส่งที่โรงเรียน ก่อนที่จะขับรถไปทำงานต่อ โดยเมื่อไปถึงที่ทำงาน นายเอได้ตั้งใจทำงานตั้งแต่เช้าถึงเวลาพักเที่ยง ในช่วงเวลาพักเที่ยง นายเอได้อ่านข่าวหรือสิ่งที่ตนสนใจ หลังจากพักเที่ยงเสร็จ นายเอได้กลับมาทำงานต่อจนงานเสร็จงานอย่างตั้งใจและเต็มที่ หลังจากนั้น นายเอมักจะใช้เวลาในการดูแลลูก และเมื่อลูกปิดเทอม หรือมีวันหยุดที่ตรงกัน นายเอมักจะพาลูกและครอบครัวไปเที่ยว พักผ่อน และกลับมาทำงานอย่างตั้งใจอีกครั้งในวันปกติ

เหตุการณ์สอง: ในการตื่นเช้าทุกวันของนายเอ ต้องเปิดอีเมล ตอบอีเมล เช็คงานที่ต้องทำ และปลุกลูกเพื่อนำไปส่งที่โรงเรียน ในระหว่างทางนายเอ ได้นำอาหารไปรับประทานด้วย นายเอทำงานตั้งแต่ถึงที่ทำงาน จนกระทั่งลูกใกล้เลิกเรียน นายเอได้ไปรับลูกมารอตนที่ทำงาน และทำงานต่อถึงค่ำ หลังจากนั้นเขาได้พาลูกทำการบ้าน และเข้านอน ในขณะที่ตนก็ยังทำงานอย่างต่อเนื่อง และในวันหยุดพักผ่อน นายเอมักจะมีงานติดไปทำด้วยเสมอ

จากเหตุการณ์เหล่านั้น เหตุการณ์แรกเรามองว่าเป็น Work-Life Balance และในเหตุการณ์ที่สองเป็น Work-Life Integration ซึ่งจริงๆแล้ว เราไม่จำเป็นต้องทำแบบใดแบบหนึ่งในทุกๆวันก็ได้ เราสามารถปรับตัวหรือปรับตามสถานการณ์ที่พบเจอ เพราะการทำอย่างใดอย่างนึงมากเกินไปก็ไม่ดี หรือไม่ทำเลยก็ไม่ได้ เช่น เราสามารถปรับเหตุการณ์แรกของช่วงวันหยุด ที่ถ้าเกิดเหตุจำเป็นจริงๆ ต้องทำงาน หรือมีงานที่เร่งด่วนก็สามารถทำได้โดยอาจจะทิ้งช่องทางการติดต่อไว้ และเหตุการณ์ที่สองถ้างานไม่ได้เร่ง ยังมีช่วงเวลาในการทำที่มากพอ ก็สามารถแบ่งเวลาไปทำอย่างอื่นที่เราสนใจได้ ซึ่งก็อาจจะมีประโยชน์มากกว่า

อีกหนึ่งสิ่งที่มีผลต่อพฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบ Work-Life Balance หรือ Work-Life Integration ก็คือหน้าที่ และความรับผิดชอบของแต่ละคน บางคนไม่สามารถที่จะทำแบบใดแบบหนึ่ง หรือปรารถนาแบบใดแบบนึงได้ เช่น ถ้าเราเป็นหัวหน้า หรือเป็นผู้ที่ต้องแบกรับภาระในหลายๆเรื่อง บางครั้งเราก็ต้องทำงานไปด้วย และทำสิ่งอื่นไปด้วย หรือบางคนยังอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีครอบครัว ก็สามารถแบ่งเวลางาน กับเวลาการใช้ชีวิตได้อย่างชัดเจน สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับเวลา หน้าที่ และความรับผิดชอบที่ได้รับ ว่าเราควรที่จะใช้ชีวิตแบบใด ซึ่งเวลา ประสบการณ์ และการโตขึ้นในทุกวัน จะสอนตัวเราเองว่าสุดท้ายแล้วเราควรที่จะใช้ชีวิตแบบไหนกันแน่

--

--