ตอนที่ 31 “จงเป็นสายลมแห่งทาจิกาวะ”
เชิงอรรถ
พระภิกษุห้ามวิ่งจริงหรือ?
การที่เราเห็นพระภิกษุเมื่อออกธุดงค์หรือไปในมาไหนด้วยการเดินเพียงอย่างเดียว จนเป็นภาพที่คุ้นชินกันวิ่งพระจะต้องห้ามวิ่ง ที่จริงแล้วเป็นเพียงธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบทอดกันมานาน โดยต้นตอมาจากเรื่องของนางวิสาขาที่ได้กล่าวว่า
ชน ๔ พวกเมื่อวิ่งจะดูไม่งาม ได้แก่
1. พระราชา ผู้ทรงประดับด้วยเครื่องอาภรณ์พร้อมสรรพ
2. บรรพชิต ผู้ครองผ้ากาสาวพัสตร์
3. สตรี ผู้ชื่อว่าเป็นหญิงทั้งหลาย นอกจากจะดูไม่งานแล้วถ้าเกิดอุบัติเหตุจน
เสียโฉม หรือพิการ จะทำให้เสื่อมเสียและหมดคุณค่า
4. ช้างมงคล ตัวประดับด้วยเครื่องอาภรณ์สำหรับช้าง
การที่พระวิ่งไม่ถือเป็นอาบัติแต่อาจจะทำให้ชาวบ้านที่เห็นเกิดติเตียนหรือดูไม่น่าเลื่อมใสเท่านั้นเอง
คิชฌกูฏ (Gridhakuta Hill)
เขาคิชฌกูฏ เป็นหนึ่งในห้าภูเขาที่ล้อมรอบกรุงราชคฤห์ ตั้งอยู่ที่แคว้นมคธ ปัจจุบันคือ จังหวัดนาลันทา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย
พระพุทธเจ้าโปรดที่ประทับบนเขาคิชฌกูฏีมาก เพราะเป็นที่สงบมีอากาศเย็นสบาย พระองค์ทรงดำเนินขึ้นลงเขาเพื่อบิณฑบาตทุกวัน เป็นที่ที่มีเหตุการณ์สำคัญต่างๆทางพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นมากมาย และยังเป็นที่ที่เทวทัตกลิ้งหินลงมาทับพระพุทธเจ้าอีกด้วย
เปโตรปฏิเสธพระเยซู
เมื่อพระเยซูถูกจับในสวนเกทเสมนี อัครสาวกทุกคนก็ทิ้งท่านไว้และหนีไปเพราะความกลัว แต่มี 2 คนเปลี่ยนใจและตามท่านไป คือเปโตร “กับสาวกอีกคนหนึ่ง”
เปโตรได้ตามดูอย่างห่างๆว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เมื่อพระเยซูถูกพิจารณาคดี แต่พอแสงจากกองไฟเริ่มสว่าง สาวใช้ที่เฝ้าประตูจึงเห็นหน้าเปโตรชัดขึ้น นางถามว่า “เจ้าเป็นสาวกคนหนึ่งของเขามิใช่หรือ?”
“เจ้าพูดอะไร? ข้าไม่รู้เรื่อง” เปโตรปฏิเสธและเดินหนีออกไปที่ประตูรั้ว สาวใช้อีกคนหนึ่งเห็นเขาก็พูดกับคนที่นั่นว่า “คนนี้อยู่กับเยซูชาวนาซาเร็ธ”
เปโตรปฏิเสธอีกพร้อมทั้งสาบานว่า “ข้าไม่รู้จักคนนั้น!”
เมื่อเปโตรเผยสำเนียงกาลิลีของตนออกมา จึงทำให้คนอื่นจับได้ว่าเขาโกหก “ใช่แน่ๆ เจ้าเป็นคนหนึ่งในพวกนั้น ฟังจากสำเนียงของเจ้าก็รู้”
เปโตรจึงสบถสาบานเป็นการใหญ่ว่า “ข้าไม่รู้จักคนนั้น!”
ทันใดนั้นไก่ก็ขัน…