ความหลากหลายทางความคิด (Diversity of Thought)

เล่าเท่าที่รู้
G-Able
Published in
2 min readNov 13, 2023

ความหลากหลายทางความคิด หมายถึง เมื่อการที่ทีมงานมีคนที่มีความคิดต่างๆ นาๆ จากหลากหลายประสบการณ์และมุมมอง มันเป็นเหมือนกับส่วนผสมลับที่ทำให้บริษัทแข็งแกร่งขึ้น แต่เชื่อไหมครับ ความหลากหลายนี้มันสำคัญมากสำหรับบริษัทกว่าที่เราคิดซะอีก เพราะมันช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์และนำเสนอวิธีแก้ปัญหาที่ไม่ซ้ำใคร แปลกใหม่ เหมือนกับว่า มีทีมนักประดิษฐ์ที่พร้อมจะคิดนอกกรอบให้กับทุกปัญหาที่เข้ามาอยู่เสมอ

เวลาที่บริษัทมีพนักงานที่มาจากที่ต่างกัน มีความเชื่อที่ต่างกัน หรือมีประสบการณ์ชีวิตที่ไม่เหมือนกัน จะเห็นปัญหาและโอกาสในแบบที่ไม่เหมือนกันด้วย ทีมที่มีความหลากหลายแบบนี้เหมือนกับกล้องมองที่มีเลนส์หลายตัว ที่สามารถจับภาพทุกมุมได้อย่างชัดเจน กลับกัน บริษัทที่มีความคิดเดียวกันทั้งหมดจะตกอยู๋ในสถานการณ์เสี่ยงที่จะพลาดโอกาสดีๆ หรือไม่เห็นจุดอ่อนของตัวเอง

อีกอย่าง ความหลากหลายทางความคิด ยังช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในทีมงานด้วย พนักงานที่รู้สึกว่าความคิดเห็นของพวกเขาถูกรับฟังจริงๆ พวกเขาจะรู้สึกมีส่วนร่วมและมีความสุขมากขึ้นในการทำงาน นี่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของงานและลดอัตราการลาออกของพนักงานด้วย นอกจากนี้ ยังส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของบริษัท ลูกค้าในยุคนี้เขาไม่ได้ดูแค่สินค้าหรือบริการอย่างเดียวแล้ว แต่เขายังสนใจในวัฒนธรรมและค่านิยมของบริษัท บริษัทที่แสดงให้เห็นว่าตนเองเปิดรับความหลากหลายต่างกัน จะดึงดูดลูกค้าที่มองหาวิธีการแก้ปัญหาแบบใหม่และไอเดียการทำงานใหม่ๆ ด้วย

การแลกเปลี่ยนความคิดและมุมมองที่หลากหลาย มันไม่ได้แค่ทำให้บริษัทเจริญเติบโต แต่ยังช่วยให้ทุกคนได้เรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกัน นี่แหละคือความสำคัญของความหลากหลายทางความคิด ในโลกธุรกิจยุคใหม่ครับ

แต่เราจะรู้ได้ยังไงว่าบริษัทของเราเปิดรับความหลากหลายทางความคิดหรือไหม มีหลายวิธีที่จะสังเกตได้ครับ

1. ดูจากการประชุม: หากในการประชุม คนส่วนใหญ่ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นหรือทุกคนมักจะเห็นด้วยกับหัวหน้าเสมอ นี่อาจบ่งบอกว่าบริษัทหรือทีมเราไม่มีความหลากหลายทางความคิด ในทางตรงกันข้าม หากทีมงานมีการถกเถียงและแสดงมุมมองที่ต่างกันอย่างสร้างสรรค์ นี่แหละที่แสดงถึงความหลากหลายทางความคิดได้อย่างชัดเจน

2. สังเกตการตัดสินใจ: บริษัทที่มีความหลากหลายทางความคิด มักจะมีกระบวนการตัดสินใจที่รวมมุมมองจากหลายฝ่าย หากการตัดสินใจทำโดยคนกลุ่มเดียวหรือไม่มีการสอบถามความคิดเห็นจากทีมอื่น นั่นอาจเป็นสัญญาณของการขาดความหลากหลาย

3. วิเคราะห์การจ้างงาน: บริษัทที่มีความหลากหลายทางความคิด มักจะจ้างคนที่มีพื้นหลังและประสบการณ์ที่หลากหลาย หากพนักงานส่วนใหญ่มาจากประสบกาณ์ทำงานหรือความถนัดที่คล้ายกัน นั่นอาจบ่งชี้ถึงการขาดความหลากหลายได้

4. เสียงจากพนักงาน: บริษัทที่มีความหลากหลายทางความคิด มักจะให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของพนักงานอย่างสม่ำเสมอ หากมีช่องทางให้พนักงานแสดงความคิดเห็นและรับฟังอย่างจริงจัง แสดงว่าบริษัทของคุณมีมุมมองต่อการเปิดรับความหลากหลายที่ดี

5. ดูที่ผลลัพธ์และนวัตกรรม: บริษัทที่มีความหลากหลายทางความคิด มักจะมีผลงานและนวัตกรรมที่หลากหลายและตอบโจทย์ลูกค้าหลายกลุ่ม หากผลิตภัณฑ์หรือบริการมีความหลากหลายน้อยหรือไม่สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายได้ อาจเป็นสัญญาณของการขาดความหลากหลายทางความคิด

6. การประเมินความเสี่ยง: บริษัทที่มีความหลากหลายทางความคิด มักจะสามารถสังเกตเห็นและเตรียมความพร้อมสำหรับความเสี่ยงที่หลากหลายเช่นกัน หากบริษัทไม่สามารถระบุหรือตอบสนองต่อความเสี่ยงที่หลากหลายได้ ก็อาจเป็นสัญญาณของการขาดความหลากหลายทางความคิดได้เช่นกัน

7. วัฒนธรรมองค์กร: บริษัทที่มีความหลากหลายทางความคิด มักจะมีวัฒนธรรมที่เปิดกว้างและให้โอกาสทุกคนอย่างแท้จริง (ไม่ใช่แค่คำพูดหรือมีแค่นโยบายแต่ไม่ได้ปฎิบัติจริง) หากวัฒนธรรมองค์กรมีการแยกส่วนแยกทีมอย่างเห็นได้ชัดหรือไม่ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม นี่อาจเป็นสัญญาณของการขาดความหลากหลายทางความคิดได้

การสังเกตและประเมินเหล่านี้ช่วยให้เราเข้าใจถึงความหลากหลายทางความคิด ในบริษัทของเราและเมื่อรู้ว่ามีหรือไม่มีความหลากหลายนี้ เราก็สามารถดำเนินการเพื่อปรับปรุงและสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่หลากหลายได้ครับ

ตัวอย่างบริษัทไทยที่มีความหลากหลายทางความคิด

1. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล

· ความหลากหลายทางความคิด : ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นบริษัทข้ามชาติที่มีธุรกิจในหลายภาคส่วน เช่น โรงแรม, ร้านอาหาร และแบรนด์ไลฟ์สไตล์. บริษัทมีทีมผู้บริหารที่หลากหลายและมีวิธีการเข้าถึงตลาดระหว่างประเทศที่หลากหลาย

· ผลลัพธ์: วิธีการนี้ช่วยให้บริษัทขยายธุรกิจไปทั่วโลกได้อย่างสำเร็จ โดยเฉพาะในภาคส่วนของการบริการโรงแรม และปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมและความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. สยามซีเมนต์กรุ๊ป (SCG)

· ความหลากหลายทางความคิด : SCG เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทใหญ่ที่สุดในไทย มุ่งเน้นไปที่นวัตกรรมและการปฏิบัติงานอย่างยั่งยืน โดยสนับสนุนไอเดียใหม่ๆ และวิธีการทำงานที่แตกต่างภายในบริษัท

· ผลลัพธ์: ความมุ่งมั่นในนวัตกรรมและความหลากหลายทางความคิด ได้ทำให้ SCG เป็นผู้นำในด้านธุรกิจยั่งยืนในไทย โดยเน้นที่งานวิจัยและพัฒนาและโซลูชั่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ตัวอย่างบริษัทไทยที่ขาดความหลากหลายทางความคิด

1. การบินไทย (ในช่วงที่มีปัญหาทางการเงิน)

· การขาดความหลากหลายทางความคิด : การบินไทยเคยมีช่วงเวลาที่ไม่สามารถปรับตัวได้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมการบิน โดยยึดติดกับแนวคิดเดิมๆ และไม่รับการเปลี่ยนแปลง

· ผลลัพธ์: สายการบินมีปัญหาทางการเงินและการแข่งขัน บางส่วนเนื่องจากการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมช้าและขาดกลยุทธ์ที่เป็นนวัตกรรมเมื่อเทียบกับคู่แข่ง

2. ร้านค้าปลีกไทยขนาดกลางรายหนึ่ง (ขออนุญาตไม่เปิดเผยชื่อครับ)

· การขาดความหลากหลายทางความคิด : ร้านค้าปลีกขนาดกลางในไทยที่ยึดติดกับวิธีการค้าปลีกแบบดั้งเดิมและช้าในการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี

· ผลลัพธ์: บริษัทมีปัญหาในการแข่งขันกับคู่แข่งที่รวดเร็วและเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซและการตลาดดิจิทัลได้ดีกว่า ทำให้สูญเสียส่วนแบ่งตลาดและความเกี่ยวข้อง

จากตัวอย่างเหล่านี้ สามารถเห็นได้ว่าความหลากหลายทางความคิด มีอิทธิพลที่สำคัญต่อความสามารถของบริษัทในการปรับตัวและการสร้างนวัตกรรมใหม่ รวมถึงความสำเร็จโดยรวมในการเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด บริษัทที่เน้นความหลากหลายทางความคิด มักจะมีความยืดหยุ่นและสามารถเอาชนะคู่แข่งได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ว่าแต่…ทำไมในหลายบริษัท ผู้บริหารถีงไม่ค่อยให้ความสำคัญเท่าไหร่ ?

บางครั้งผู้บริหารระดับสูงอาจไม่ได้เน้นย้ำหรือสื่อสารให้เห็นถึงความสำคัญของความหลากหลายทางความคิด สาเหตุหลักๆ อาจมีดังนี้ครับ

1. ความคุ้นเคยกับวิธีการทำงานเดิม: ผู้บริหารบางคนอาจเคยชินกับวิธีการบริหารแบบดั้งเดิมที่มีการตัดสินใจจากกลุ่มคนเล็กๆ หรือตัวเอง พวกเขาอาจไม่เห็นประโยชน์ที่ชัดเจนของการมีมุมมองที่แตกต่างและความคิดใหม่ๆ ที่มาจากทีมงานที่หลากหลาย

2. ความกลัวความเปลี่ยนแปลง: การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรและการนำเสนอแนวทางใหม่ๆ อาจทำให้ผู้บริหารบางคนรู้สึกไม่สบายใจ พวกเขาอาจกลัวว่าการเปลี่ยนแปลงจะส่งผลกระทบต่อความสมดุลและมั่นคงขององค์กร

3. ขาดความเข้าใจในประโยชน์ระยะยาว: ผู้บริหารบางคนอาจไม่เข้าใจถึงประโยชน์ในระยะยาวของความหลากหลายทางความคิด เช่น การเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ การปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง หรือการสร้างนวัตกรรม

4. การต่อต้านจากภายใน: ในบางกรณี อาจมีการต่อต้านจากภายในองค์กรเองได้ ทั้งจากพนักงานหรือผู้บริหารระดับล่าง ที่อาจไม่เห็นด้วยหรือไม่พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง

การรับรู้และเน้นย้ำถึงความสำคัญของความหลากหลายทางความคิด ในธุรกิจจึงเป็นเรื่องที่ต้องถูกส่งเสริมและสนับสนุนโดยผู้บริหารทุกระดับ เพื่อให้บริษัทสามารถเติบโตและพัฒนาไปอย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว

บทสรุป

ความหลากหลายทางความคิด ในบริษัทมีความสำคัญยิ่งในการนำพาองค์กรสู่ความสำเร็จและการเติบโตในระยะยาว การสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมความหลากหลายนี้ต้องอาศัยวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้างและการมีทีมงานที่มีมุมมองและประสบการณ์ที่หลากหลาย การสื่อสารที่เปิดกว้างและการมีส่วนร่วมของพนักงานในการแสดงความคิดเห็นเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการนี้

พนักงานมีบทบาทสำคัญในการสร้างและสนับสนุนความหลากหลายทางความคิด ต้องมีความกล้าในการแสดงความคิดเห็นและแบ่งปันมุมมองใหม่ๆ ที่อาจแตกต่างจากคนอื่น นอกจากนี้ พนักงานยังควรมีส่วนร่วมในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำมุมมองที่สดใหม่และความคิดสร้างสรรค์มาสู่ทีมและองค์กร

การเข้าใจถึงความสำคัญของความหลากหลายทางความคิด และการมีส่วนร่วมของพนักงานทุกระดับในการส่งเสริมและปฏิบัติตามแนวคิดนี้ เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้บริษัทเจริญเติบโตและประสบความสำเร็จในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่หยุดยั้งอย่างแน่นอนครับ

แล้วพบกันใหม่บทความหน้าครับ

--

--