Pubic Speaking ที่ดี มีอะไรบ้าง?
หลายๆคนคงเคยประสบอาการตื่นเต้น สั่นเป็นเจ้าเข้าเวลาต้องพูดต่อหน้าสาธารณชนพูดต่อหน้าคนเยอะๆ หรือแม้กระทั่งการนำเสนอผลงานต่อผู้บริหาร แต่หากเรามีเทคนิคดีๆและฝึกฝนบ่อยๆ ก็จะสามารถพูดแบบ Public Speaking ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เรามาดูกันว่าเทคนิคนั้นมีอะไรบ้าง?? โดยที่เทคนิคนี้ทุกคนไม่ต้องจำเลย แค่อาศัยนิ้วมือของเราในการทำความเข้าใจ 6 นิ้วเท่านั้นเอง!!
ไปดูกันเลยดีกว่า ว่าทักษะการพูดแบบ Public Speaking มีอะไรบ้าง?
นิ้วมือแรก คือเลข 1 เรื่องของการยืนตัวตรง
การพูดในที่สาธารณะหรือพูดต่อหน้าพี่ๆผู้บริหาร เราต้องมีบุคลิกที่ดีคือ การยืนตัวตรงให้มั่นคง เพื่อให้น้ำเสียงที่ออกมามีคุณภาพ เสียงดังฟังชัด ไม่พูดไปคลิกสไลด์ไป ไม่พูดไปเดินไป จะทำให้น้ำเสียงและท่าทางของเราดูไม่มั่นใจได้
นิ้วมือสองนิ้ว หรือหมายเลข 2 หมายถึง Eye Contact นั่นเอง
การพูดคือการสื่อสารอย่างหนึ่ง จำเป็นที่ผู้พูดจะสื่อสารกับคนฟังด้วยการสบตาผู้ฟังด้วย เทคนิคตรงนี้สามารถฝึกง่ายๆด้วยการ Look Lock Talk เริ่มจาก
- Look มองผู้ฟังท่านใดท่านหนึ่งก่อน จากนั้นตามด้วย
- Lock สบตาผู้ฟังอย่างน้อย 3–5 วินาที ในกรณีมีผู้ฟังมากกว่า 1 ท่านให้กวาดสายตาให้ครบทุกท่าน
- Talk เมื่อสบตาผู้ฟังครบ 3–5 วินาที จึงค่อยเริ่มพูดเนื้อหา
หลักการที่ 3 การพูดของเราต้องไม่มีโทนเสียงเดียว ต้องมีเสียงสูง เสียงกลางและเสียงต่ำ
- เสียงสูง (Head Tone) คือเสียงสูงที่สุดที่เราจะพูดได้ ถ้านึกไม่ออกให้นึกถึงเสียงเวลาที่นักร้องหวีดเสียงหรือ improvised ขึ้นสูงในเพลงเพื่อเพิ่มบทเพลงนั้นให้มีพลังมากขึ้นนั่นเอง สามารถฝึกได้โดยออกเสียง “มดตัวเล็กนิ้ดนึง” ให้สูงที่สุด
- เสียงกลาง (Milddle Tone) คือเสียงพูดของเราในตอนปกติ ควรออกเสียงให้ชัดเจน เสียงดังฟังชัด ระดับความดังของเสียงไม่ถึงขนาดตะโกนแต่ก็ไม่เสียงเบาจนต้องถามซ้ำ สามารถฝึกพูดได้โดยการออกเสียง “ม้าตัวโต”
- เสียงต่ำ (Chest Tone) คือเสียงต่ำที่สุดที่เราจะออกเสียงได้ ให้นึกถึงละครจีนสมัยก่อนที่จะมีพระเอกชื่อ “อาฉี” ที่จะมีเสียงทุ้มต่ำสอดคล้องกับตัวละครที่หล่อเหลามากจนเป็นขวัญใจคนยุคนั้นจนมีฉายาว่า “อาฉีเสียงหล่อ” สามารถฝึกได้โดยออกเสียง “ช้างตัวใหญ่” ให้ต่ำที่สุดเท่าที่เราจะออกเสียงได้ เสียงจะสั่นจนรับรู้ได้ถึงการสั่นช่วงอก จึงมีชื่อเรียกว่า Chest Tone นั่นเอง
สำหรับการพูดในชีวิตจริงของคนเรา ถ้าไม่อยากเป็นคนพูดเสียงเดียวหรือ Monotone เราควรฝึกพูดโดยใช้น้ำเสียงสูง-กลาง-ต่ำให้เหมาะสม เพราะแต่ละสถานการณ์มีการออกเสียงไม่เหมือนกัน เช่น สถานการณ์ที่เราต้องขอโทษลูกค้า ต้องใช้เสียงโทนต่ำเพื่อแสดงความเชื่อมั่น การใช้เสียงสูงเพื่อนำเสนอ solution เพื่อให้เกิดความตื่นเต้น น่าสนใจ เป็นต้น
เรื่องที่ 4 หั่นหมู หั่นผักยังเป็นจังหวะ การพูดก็เช่นเดียวกัน
การพูดก็ต้องมีจังหวะหยุด จังหวะเน้นเสียง เพื่อให้การพูดน่าสนใจและไม่ติดกันเป็นพรืดดด… เราคงเคยได้ยินคนพูดติดกันรัวๆๆ แบบนั้นคนฟังอย่างเราเองยังรู้สึกหายใจตามไม่ทันและอาจทำให้ผู้ฟังไม่อยากฟังต่อ เพราะฟังไม่ทันและจับใจความสำคัญไม่ทันอีกด้วย
“หยุด” การพูดด้วยมือทั้ง 5 นิ้วของเรา ว่าด้วยเรื่องของจังหวะการ “หยุด” ในการพูด
ลองสังเกตในงานประกาศรางวัล เวลาพิธีกรพูดว่า
“และรางวัลที่ 1 ในค่ำคืนนี้ ได้แก่….” จากนั้นพิธีกรก็จะหยุดพูดเพื่อให้ดนตรีขึ้นมาเพื่อบิ้วอารมณ์คนฟังให้ตื่นเต้น !!!
หรือแม้กระทั่งเวลาที่สส.อภิปรายหาเสียงบนเวที เขาก็จะมีจังหวะหยุด
“จริงไหมพ่อแม่พี่น้อง….!!!” “นโยบายแบบนี้ สะใจดีไหมครับ พี่น้องงง…..!!!”
การหยุดเพื่อให้มี death air หรือความเงียบเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องผิดมหันต์ในการพูด บางคนกลัว death air เพราะเกิดความเงียบ แต่อันที่จริง Death air ที่มาถูกที่ ถูกเวลาก็อาจเปิดโอกาสให้ผู้ฟังได้ตื่นเต้น ได้ใช้เวลาคิดหาคำตอบ หรือได้ส่งเสียงเฮ ทำให้การพูดมีสีสันมากขึ้นได้
เรื่องสุดท้าย นิ้วมือ 6 นิ้ว นิ้วที่ 6 ตัดทิ้ง!!! ทำไมต้องตัดทิ้ง เพราะนิ้วที่ 6 หมายถึง “Non-word” หรือคำพูดที่ไม่มีความหมาย
ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดและจะพูดเพื่อออออ… เช่น “อ่า…” “เอ่ออออ….” “อะไรประมาณนี้อ่ะค่ะ/ครับ” คำพูดเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องพูดหรือใช้ในการสื่อสาร และถ้านำมาใช้ในการพูดมากเกินไปจะทำให้เสียงเหล่านี้กลายเป็น “Noise” หรือ “สิ่งรบกวน” ในการสื่อสารจนรบกวน message หลักที่เราต้องการสื่อสารได้ เปรียบเสมือนเรานั่งดูทีวีแล้วมีสัญญาณรบกวนเส้นๆแทรกเป็นพักๆ เราก็รู้สึกรำคาญนั่นเอง ดังนั้นในการพูด เราจึงควรระวังไม่ให้มี “Non-word” หรือคำที่ไม่มีความหมายเหล่านี้มากจนเกินไป
อย่างไรก็ตาม การพูดในที่สาธารณะเป็น “ทักษะ” เมื่อเป็นทักษะก็หมายถึงคุณต้องมีการฝึกฝน เราคงไม่สามารถพูดในที่สาธารณะครั้งเดียวแล้วจะเกิดความคล่องแคล่ว ได้ แต่การฝึกฝนนั้นต้องอาศัยความตั้งใจอย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่องและยาวนานมากพอก็จะทำให้ทักษะการพูดในที่สาธารณะของคุณดีขึ้นเรื่อยๆได้นั่นเอง
สำหรับท่านที่สนใจเรื่องการฝึกฝนการพูดในที่สาธารณะ สามารถติดตามการเปิดลงทะเบียนหลักสูตร Public Speaking กับทีม OCD ได้เร็วๆนี้ แล้วพบกัน!!