ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่เคยพิชิต…มาราธอน (42.195 KM.)

Nuchsarin_C
G-Able
Published in
2 min readMay 3, 2023

คำว่า วิ่งมาราธอน หลายคน คงคุ้นหู แต่สำหรับคนที่ไม่เคยออกกำลังกายเลย การไปวิ่ง จำนวน 42.195 กิโลเมตร เป็นอะไรที่ท้าท้ายมาก

การเขียน Medium ครั้งแรกนี้ อยากแชร์ประสบการณ์ส่วนตัว จากการไปพิชิตมาราธอน ครั้งแรก และครั้งเดียวในชีวิต เพราะ ตอนนี้ยังไม่มีแผนจะไปครั้งที่ 2 เลยจ้า ^_^

ปกติเป็นคนไม่ได้ออกกำลังกายเลย ก็เลยเริ่มวิ่งจาก 5 KM. ก่อน แล้วก็ขยับมาเป็น 10 KM. วิ่งอยู่ 2 ปี ก็ขยับมาเป็น 21 KM. (ฮาร์ฟ) วิ่งระยะฮาร์ฟ เกือบ 3 ปี เพราะด้วยภารกิจที่มีมากมายทำให้รู้สึกว่าไม่พร้อมไปมาราธอนสักที ตัดสินใจอยู่นานว่าจะลงมาราธอนแรกงานไหน และแล้ว ก็เลือกที่จอมบึง (ราชบุรี) โดยมีหลาย ๆ คนบอกว่า มาราธอนแรกควรมาเริ่มที่นี่ เพราะว่าสนามไม่ยาก และมีกองเชียร์ที่น่ารัก มากมายตลอดเส้นทาง

แต่แล้ว ก็มีเรื่องไม่คาดฝัน เกิดขึ้น ก่อนแข่ง

3 สัปดาห์ก่อนแข่ง มีเหตุต้องแอดมิท รพ. เป็นกระเพาะอาหารอักเสบ ทั้งถ่ายท้อง อาเจียนและหน้ามืด ทำให้ต้องนอน รพ. 2 วัน หนึ่งคืน ออกจาก รพ. หมอให้กินอาหารอ่อน ๆ ปรับกระเพาะและลำไส้ เวลาซ้อมวิ่งจะเพลีย ๆ ไม่ค่อยมีแรง

2 สัปดาห์ก่อนแข่ง เจอฝุ่น pm.2.5 มาก่อกวน ซ้อมยาวไม่ค่อยได้ แสบจมูกและหายใจไม่ค่อยทัน การซ้อมกระท่อนกระแท่นมาก เรียกว่าร่างไม่พร้อม ซ้อมไม่ถึงก็ได้ เดิมเคย(แอบ)ตั้งเป้าไว้ อยากจบมาราธอนแรกภายใน 6 ชม. แต่พอประเมินแล้ว ขอเอาแค่จบทัน cut off พอละกัน

วันแข่ง

ตื่นเต้นนิดหน่อย (จริงหรา) เหมือนนอนหลับ ๆ ตื่น ๆ จริง ๆ กลัวตื่นไม่ทัน เพราะที่พัก กับสนามห่างกันมาก ประมาณ 30 กว่ากิโล ใช้เวลาเดินทาง ครึ่ง ชม.

ตั้งนาฬิกาปลุก 12.45 (เที่ยงคืนสี่สิบห้า) แต่ตื่นตั้งแต่เที่ยงคืน รถตู้นัดออกจากที่พัก 02.20 (เราไปกับทัวร์วิ่ง) ไปถึงจุดสตาร์ท ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองจะวิ่งจบไหม แต่เราเชื่อมั่นในบั๊ดดี้ ซึ่งทำหน้าที่เป็นหัวลากจำเป็นให้ ว่าจะพาเราจบ เราเริ่มที่บล็อค E (คิดว่าเป็นบล็อคสุดท้าย) สัญญาณปล่อยตัวดัง เริ่มวิ่งไปพร้อมกัน

ตั้งแต่ กม. ที่ 1–20 วิ่งเฉลี่ยที่เพช 8.30 ถึง 9 ตามที่ซ้อมมา บาง กม. วิ่งเร็วไปบั๊ดดี้ก็คอยเตือนว่าให้ผ่อน เพราะมาราธอน ไม่ใช่ฮาร์ฟ เดี๋ยวจะหมดแรง

กม. ที่ 20–28 ยังรักษาเพชไว้ได้ แต่เหมือนเริ่มจะหมดแรง เริ่มเจ็บหัวเข่า และฝ่าเท้า

กม. ที่ 29–35 เริ่มมีอาการมากขึ้น เริ่มวิ่ง สลับเดิน และคิดว่าจะหมดแรงช่วงนี้ เพราะที่ซ้อมมาจะหมด กม. ที่ 30 (เคยซ้อมยาว 35 km. ครั้งนึง ตอนนั้นเดินยาว ๆ เลยจ้า)

แต่พอเลย กม. ที่ 35 ไป เหมือนมีก๊อก 2 อาจเป็นเพราะเจลต่าง ๆ ที่กินเข้าไป รวมถึงกินเกลือแร่ตามที่บั๊ดดี้แนะนำ ส่งผลให้เรามีแรงวิ่งอีกครั้ง เริ่มวิ่งแซงนักวิ่งหลาย ๆ คน ที่เริ่มเดิน และวิ่งเร็วขึ้นมีเพช 7 กว่า ๆ ด้วย

2 กม.สุดท้าย (41–42) แต่ก็รู้สึกยาวนานมาก เจอช่างภาพหลายสำนักให้กำลังใจ แต่พูดเหมือนกันเลยว่า สู้ ๆ เหลืออีก 2 กิโล ผ่านช่างภาพไปหลายที่ ก็บอกเหลืออีก 2 km. เลยรู้สึกว่าเป็น 2 km. ที่ยาวนานมาก

พอเหลือ 500 เมตรสุดท้าย กำลังใจมาแล้ว สปิ้นเข้าเส้น ไปด้วยเพช 7 ต้น ๆ โดยจบในเวลา chip time 6.16 ชม.ส่วน gun time 6.21 ชม.

ปล. ขอขอบคุณ

1. บั๊ดดี้ ซึ่งเป็นโค้ช (จำเป็น) และผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ

2. เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ นักวิ่ง ทั้งเพจ 42.195 และกลุ่มอื่น ๆ เพื่อนในกล่ม line และเพื่อนใน บริษัท ที่ช่วยกันป้ายยาว่าให้ไปมาราธอนได้แล้ว ซึ่งถือเป็นการผลักดัน (แบบทางอ้อม)

3. ขอบคุณ ขา ทั้ง 2 ข้าง และความมุ่งมั่นของตัวเอง ที่ทำให้มาราธอนครั้งนี้สำเร็จซะที

4. สุดท้ายขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านจนจบนะคะ

บทสรุป

การทำอะไร เกินขีดจำกัดของตนเอง ก็ถือเป็นความท้าทายอย่างที่สุด ทั้งนี้ เราต้องมีวินัย ขยันฝึกซ้อม และทำให้ได้ตามเป้าหมาย เมื่อสำเร็จ จะเป็นความภูมิใจ มากมายจริง ๆ ^_^

--

--