JourneyD : Jobs fill your pocket. Adventures fill your soul.
but my job fills both my pocket and my soul!
ทุกคน! เราปิ้วนะ ตอนนี้ปิ้วทำงานอยู่ที่โกลบิชตำแหน่ง CSR Project Coordinator ให้กับโครงการที่ชื่อว่า JourneyD ซึ่งนับได้ว่าเป็น CSR Project ที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทในตอนนี้!
แล้วโครงการ JourneyD คืออะไร ? Journey D แปลได้ 2 อย่างทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ “ดี” ที่เป็นภาษาไทยก็คือ การเดินทางที่ดี ไปเจอสถานที่ดี ๆ อาหารดี ๆ หรืออีกนัยหนึ่งที่เป็นภาษาอังกฤษก็คือ “D” ที่ย่อมาจากคำว่า Development (การพัฒนา) หรือเรียกเต็ม ๆ ว่า Journey of Development นั่นเอง
ซึ่ง JourneyD เป็นโครงการ CSR ของสายการบิน Thai Airasia ที่ต้องการสนับสนุนเรื่องการท่องเที่ยวชุมชนอย่างยั่งยืน (Sustainability for Community-based tourism) ซึ่งเป็นการแสดงความรับผิดชอบที่สายการบินเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีส่วนทำให้สถานที่ท่องเที่ยวและชุมชนมีความเสื่อมโทรมลง โดยโครงการนี้เป็นการเข้ามาทำงานกับชุมชนเพื่อให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง และสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ “ความยั่งยืน” ที่เราพูดถึง คือการถ่ายทอดความรู้และทักษะที่จำเป็นให้แก่พวกเขา ทั้งนี้เพื่อให้ทุกองค์กรได้นำความรู้ ความถนัดเฉพาะด้านนั้น ๆ ของตัวเองมอบให้แก่ชุมชน ในปีนี้จึงมีหลายองค์กรได้รับโอกาสให้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการ JourneyD และแน่นอนว่า “Globish” เราก็เป็นหนึ่งในองค์กรเหล่านั้น
แล้วโกลบิชทำอะไร ? เรามีส่วนเข้าไปทำงานเพื่อช่วยเสริมสร้างทักษะ และความกล้าในการสื่อสารภาษาอังกฤษของชาวบ้าน เป้าหมายคือ ความกล้าคิด กล้าที่จะตอบคำถามเวลามีชาวต่างขาติเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่
สำหรับตัวโครงการภาพรวม มีพื้นที่ที่เราลงไปทำงานทั้งหมด 4 ชุมชน คือ บ้านผาหมี เชียงราย, บ้านโคกเมือง บุรีรัมย์, เกาะกลาง กระบี่ และชุมชนพรหมโลก นครศรีธรรมราช ซึ่งเราจะลงพื้นที่ทั้งหมด 20 ครั้งภายใน 7 เดือนนี้และโปรแกรมการท่องเที่ยวก็จะต่างกันออกไปตามฤดูกาล เช่น เก็บลิ้นจี่เดือนมิถุนายน ดำนาเดือนพฤษภาคม ปลูกป่าชายเลนก่อนน้ำขึ้น เรียนทำขนมจากแม่ ๆ ในหมู่บ้าน และอื่น ๆ อีกมากมาย
ก่อนที่จะมารู้จักโครงการนี้ เราก็ไม่เข้าใจว่า CBT (Community based tourism) หรือการท่องเที่ยวชุมชนเป็นยังไง แต่พอได้มาลงพื้นที่ สำหรับปิ้วมันก็คือ Concept การเที่ยวบ้านญาติ แต่ไม่ได้มาท่องเที่ยวหรูหรา หลับสบายเหมือนนอนโรงแรม คุณจะเจออากาศร้อน ฝนตก ห้องนอนที่ไม่มีห้องแอร์ แต่ขณะเดียวกันญาติ ๆ ผู้ใหญ่ทุกท่านก็ยินดี และเต็มใจที่จะพาเราไปเที่ยวที่สวย ๆ แถวนั้น และพร้อมที่จะทำกับข้าวอร่อยสุดฝีมือให้เรากิน การท่องเที่ยวชุมชนคือการเปลี่ยนบรรยากาศไปใช้วิถี Slow Life กับญาติที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไปสัมผัสความมืดและความเงียบในช่วงเวลาแค่สองทุ่ม ลืมตาตื่นพร้อมกับเสียงไก่ขัน ปั่นจักรยานดูไร่นา สวนลิ้นจี่ มังคุด ซึมซับบรรยากาศที่หาไม่ได้ในกรุงเทพ
สำหรับคนที่เที่ยว backpack บ่อย ๆ อาจจะไม่ Wow ซึ่งปิ้วเองตอนอยู่ในหมู่บ้านก็อาจจะรู้สึกเฉย ๆ นะ แต่พอกลับมานั่งอยู่ที่สนามบินเราจะคิดถึงบรรยากาศที่นั่น คิดถึงแม่ๆ ลุงๆ ป้าๆ ที่นั่น
ในส่วนของการทำงาน ตอนแรกที่ได้งานนี้ ปิ้วทั้งตื่นเต้นและกลัว เพราะปกติเราเป็นคนชอบเที่ยว แต่! เที่ยวก็เที่ยวอย่างเดียวไง ไม่ได้ต้องมานั่งคิดงานก็เลยชอบ พอมีเรื่องงานเข้ามาเกี่ยวแล้ว ก็แอบกลัวใจเหมือนกันว่าจะเบื่อ แล้วก็สงสัยว่าตัวเองจะทำได้หรือเปล่า เพราะดูโครงการมันใหญ่มาก! แต่พอได้ไปชุมชนจริง ๆ ได้เจอชาว-บ้านเราก็จะตื่นเต้นเสมอ เมื่อโอกาสมันอยู่ตรงหน้าแล้วเราก็เลยตัดสินใจรับโครงการนี้โดยไม่ลังเล
ความท้าทายของการทำงานนี้ คือการจัดเตรียมสื่อและเนื้อหาให้เหมาะสมสำหรับทุกชุมชน เพราะในแต่ละชุมชน ผู้เข้าร่วมก็จะมีความหลากหลาย ทั้งเรื่องอายุและพื้นฐานทางด้านภาษาอังกฤษ ที่มีตั้งแต่เด็ก 5–6 ขวบจนถึงบรรดาแม่ ๆ อายุเกือบ 50–60 เราต้องพยายามปรับปรุงเนื้อหาให้เข้าใจง่าย แต่ในขณะเดียวกันผู้เรียนก็ต้องสามารถนำความรู้ไปใช้ได้จริง
นอกจากนี้ เรายังต้องปรับปรุงวิธีการสอน และวิธีการที่จะดึงดูดให้ผู้เข้าร่วมสนุกไปกับกิจกรรมภาษาอังกฤษอีกด้วย! ปิ้วรู้สึกดีใจที่ปิ้วตอบรับงานโครงการนี้ เพราะมันคือโอกาสที่เราจะได้ทำในสิ่งที่เรารัก และมีรายได้ไปด้วย ถึงแม้ว่าจะมีความกังวล และต้องเจอความท้าทายอีกหลายอย่าง แต่มันก็มีความสุขดีนะ