Ux design ที่ Gofive ทำอะไรบ้าง?

Phitchaya Thamrat
Gofive
Published in
2 min readJun 14, 2021

สวัสดีค่าา…พลอยนะคะ เป็น ux designer ที่บริษัท Gofive
จะมาแชร์ประสบการณ์ทดลองงานว่าได้ทำอะไรบ้าง มีอะไร Challenge เราบ้าง

ก่อนหน้านี้พลอยเป็น Graphic designer ในบริษัท agency โดยหลักๆ งานที่ทำก็จะเป็นงาน Graphic, Ads banner ซะส่วนใหญ่ จะมีได้ทำ Web design, Mobile App อยู่บ้าง ทำให้อยากย้ายสายมาทำ ux/ui design เต็มตัว

Gofive เป็นบริษัทที่ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ในการแก้ปัญหาให้กับธุรกิจคู่ค้า โดยแพลตฟอร์มหลักๆของที่นี่มีด้วยกัน 3 แพลตฟอร์มก็คือ Venio, empeo และ eTaxGo

ทำงาน 1 เดือนแรกเจออะไรบ้าง ?

อย่างที่ได้เกริ่นไปว่า Gofive มีแพลตฟอร์มหลักๆ ทั้งหมด 3 แพลตฟอร์ม และที่พลอยได้รับมอบหมายก็คือ empeo ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับบริหารงานบุคคลค่ะ

โดยปกติแล้วการทำงานของทีม Product ที่นี่ ux designer จะทำงานร่วมกับ Product Owner และ Product Dev ในการคิดและพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ ออกมา ซึ่งในเดือนแรกของการทำงานถือว่ามีความ challenge พอสมควร เนื่องจากในเดือนนี้ยังไม่มี Product Dev ทำให้เรายิ่งต้องทำความเข้าใจระบบ วางแผนทั้งการทำงาน และการคุยงานกับทีมอื่นๆ ให้ดีเพื่อให้ปิดงานในแต่ละ Sprint

แต่ถึงจะยังไม่มี Product Dev แต่มี Product Owner เข้ามาช่วยแพลนนิ่ง และซัพพอร์ตการทำงาน ทำให้ปิดงานในแต่ละ Sprint ไปได้

และข้อดีคือ ทำให้พลอยได้ลองคิดในมุม Business ได้เรียนรู้และเข้าใจระบบมากขึ้น

เริ่มต้นออกแบบ ux กับระบบที่ใหญ่และซับซ้อน พลอยทำอะไรบ้าง?

  • ทำความเข้าใจ flow ของระบบเดิมก่อน
    เนื่องจาก empeo เป็นระบบที่ค่อนข้างใหญ่ และมีความซับซ้อนมากก
    ดังนั้นพลอยคิดว่าการที่เราเป็น ux designer และต้องทำให้การใช้งานระบบง่ายเราต้องมีความเข้าใจ flow เดิมของระบบและเงื่อนไขต่างๆ ทั้งหมดก่อน
  • ทำความเข้าใจลูกค้า / user ที่ใช้ระบบ empeo
    นอกจากเข้าใจระบบเดิมแล้ว สิ่งที่เรียกได้ว่าสำคัญที่สุดของการเป็น ux designer พลอยคิดว่าเราต้องเข้าใจคนที่ใช้ระบบเราให้มากที่สุด เลยได้คุยกับทีม Customer success ที่คอยซัพพอร์ตลูกค้า เพื่อให้ได้รับ Feedback ปัญหาการ
    ใช้งานต่างๆ
  • กำหนด design system ขึ้นมา
    อีกหนึ่งความยากในการเข้ามาออกแบบระบบ empeo นั้นคือ ยังไม่มีการทำ design system ไว้ ตรงนี้พลอยก็ได้ทยอยออกแบบ design system เพื่อกำหนดไว้เป็น Guideline ให้ง่ายในการทำงานและการส่งต่องาน (แปะรูป)
  • การทำงาน คิดงานในแต่ละ sprint
    การคิดและออกแบบระบบ empeo ค่อนข้างมีหลายสิ่งที่ต้องคำนึงถึง เนื่องจากเป็นการทำระบบเดิมให้ดีขึ้น ข้อจำกัดที่เจอนั้นก็คือ จะแก้ ux อย่างไรให้ดีขึ้นแต่กระทบ Dev น้อยที่สุด เพื่อลดเวลาการทำงาน แต่สามารถแก้ปัญหาให้กับ user ได้ ให้ user ใช้งานระบบได้ง่ายขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะอยู่ที่ objective และ requirement แต่ละฟีเจอร์อีกด้วย โดยทั่วไปแล้ว Process ของการทำ ux นั้นก็จะแบ่งเป็น 5 ขั้นตอนหลักๆ
https://ogilvy.medium.com/the-ux-design-process-what-clients-need-to-know-d6ed00d0b977
  • ส่งงานต่อให้กับทีม dev และตรวจดีไซน์
    เมื่อครบ Sprint ก็จะมีการ Sprint Planning เพื่อส่งต่องานให้กับ dev พลอยก็จะออกแบบ UI State ให้ครบมากที่สุด เพื่อ dev สามารถเริ่มงานได้ง่าย และที่นี่ใช้ figma ในการทำงาน ดังนั้นการส่งต่อไฟล์ก็เป็นเรื่องที่สะดวกมากๆ ในส่วนของพลอยคือการตรวจดีไซน์ที่ dev ได้ทำออกมา

การที่ต้องตรวจดีไซน์ที่ dev ทำเสร็จออกมาแล้วนั้นเป็นเพราะว่าในตอนที่เราออกแบบนั้นเราคิดมาจาก Feedback และปัญหาต่างๆของ user การตรวจดีไซน์จะทำให้สิ่งที่เราคิดมาแล้วได้ Deliver ไปถึง user จริงๆ

ได้เรียนรู้อะไรจากช่วงทดลองงานที่นี่บ้าง?

• ได้เรียนรู้และคิดระบบที่มีความซับซ้อนมาก ถือว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างนึงเลย
• เข้าใจในมุมมอง business มากยิ่งขึ้น เห็นภาพมากขึ้นระหว่างการคิด business และการออกแบบ ux
• รู้สึกว่าได้ทำงานแบบเป็น ux/ui เต็มตัวมากขึ้น เพราะได้เก็บ feedback จากคนที่ใกล้ชิดลูกค้า และนำไปคิดออกแบบให้สามารถแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้

ก็ประมาณนี้แหละค่ะ ux designer การทำของให้ง่ายนั้น เป็นเรื่องที่ยาก
(มากด้วย ><) แต่ก็สนุก มันก็จะมีความภูมิใจเวลาที่สิ่งที่เราคิดออกไปแล้วมันสามารถทำให้ user แฮปปี้กับระบบมากขึ้น :)

--

--