การฝึกงานที่ Health At Home

Earthz N Osirisz
Human Of Health At Home
3 min readAug 16, 2018

เนื่องจากผมไม่เคยเขียนบทความอะไรมาก่อนเลย อาจจะเขียนไม่ดีเท่าที่ควรก็ขออภัยล่วงหน้าเลยนะครับ555

มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า

บทความนี้จะว่าเป็นบทความรีวิวการฝึกงานที่ Health At Home ก็ว่าได้ ผมนั้นเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีปีที่3 ซึ่งเป็นปกติของมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ที่จะให้นักศึกษาไปฝึกงานกันในช่วงปิดเทอม แต่ว่าคณะของผมนั้นไม่ได้บังคับเรื่องการฝึกงาน แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าการเรียนในมหาวิทยาลัยอย่างเดียวเมื่อจบไปแล้วก็ยังไม่มีความสามารถพอจะแข่งขันกับคนที่มีประสบการณ์ฝึกงานและพวกที่มีความสามารถในการเขียนโปรแกรมระดับเทพๆได้ ผมจึงต้องขวนขวายตัวเองหาที่ฝึกงาน(จริงๆแล้วที่คณะก็มีให้ลงวิชาฝึกงานแต่ผมมองว่าทำไมจะต้องไปลงให้เสียเงินและเสียหน่วยกิตละเอาหน่วยกิตไปลงวิชาอื่นที่อยากเรียนดีกว่าและเก็บตังไปทำอย่างอื่นดีกว่า)

ออกค้นหาสำนักฝึกวิชา Vue.js

เมื่อผมตัดสินใจจะไม่ลงวิชาฝึกงานก็เกิดปัญหาขึ้นเลยว่าจะไปฝึกที่ไหน(ถ้าลงวิชาฝึกงานทางคณะจะช่วยหาที่ฝึกงานให้) ผมจึงต้องตะเวนหาที่ฝึกหลายที่เลย โดยผมตั้งใจจะไปฝึกงานกับบริษัทที่ใช้ Vue.js ในการทำงานเพราะตัวผมนั้นได้ศึกษามาบ้างและอยากจะเขียน Vue.js ให้แข็งมากกว่าตอนนี้ โดยได้หารายชื่อบริษัทที่ใช้ Vue.js มาได้แก่ Thoth Zocial, Sellsuki โดยได้ส่ง resume ไปทั้ง 2 ที่นี่แล้วแต่เหมือนว่าโชคชะตายังไม่เข้าข้างผมโดยไม่มีการติดต่ออะไรกลับมาเลย หลังจากนั้นผมเห็น True เปิดรับฝึกงาน Data science จึงได้สมัครไปเพราะว่าเทอมที่ผ่านมาผมก็ได้เรียนวิชา Big data analysis มาและก็มีความรู้สึกว่าการวิเคราะห์ข้อมูลนั้นก็เป็นเรื่องที่สนุกดีเหมือนกัน แต่พอส่งงานที่ทำเกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูลไปแล้วก็หายเงียบเช่นกัน และเหมือนฟ้ามาโปรดเมื่อเห็นโพสต์ “Health At Homeรับพนักงานประจำที่เขียน Vue.js” ในตอนนั้นก็รู้สึกว่าอาจจะมีความหวังก็ได้จึงลองส่ง resume เข้าไปขอฝึกงานโดยก็ลุ้นว่าขอให้เขารับฝึกงานด้วยเถอะเพราะช่วงเวลาตอนนั้นก็ใกล้จะปิดเทอมแล้วด้วยเวลาที่จะหาที่ฝึกงานก็แทบจะไม่เหลือแล้ว และก็รอติดต่อกลับ ระหว่างนั้นก็เลยสมัคร MFEC ไปเพราะเพื่อนสมัครก็คิดว่าถ้า Health At Home ไม่รับอีกก็คงไปฝึก MFEC ที่เป็นอีก 1 ความหวังถึงจะไม่ได้ฝึกในสิ่งที่ต้องการก็ยังดีกว่าไม่มีที่ฝึก(มีอีกประเด็นด้วยตรงที่เข้าไปดูในเว็บ Health At Home แล้วเห็นบริษัทอยู่แจ้งวัฒนะซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าจะเดินทางยังไงแต่ถ้าได้ยังไงก็ต้องไป แต่สุดท้ายตอนหลังก็ได้รู้ว่าทำงานที่จามจุรีสแควร์ส่วนที่อยู่นั้นเป็นบ้านของ CEOคือพี่ตั้ม คุณหมอโอป้านั่นเอง555)

โปสเตอร์รับสมัครงาน

ตอบรับ

และสุดท้าย Health At Home ได้ติดต่อกลับมาและทำการสัมภาษณ์แล้วก็รับเข้าฝึกงาน เป็นอะไรที่ฟินมากบอกเลย555 ตอนแรกก็งงๆอยู่เหมือนกันว่า Health At Home คือบริษัทอะไร555 พอถึงวันฝึกงานวันแรกบอกเลยตื่นเต้นมาก เกร็งสุดๆตอนมาถึงจาจุรีสแควร์เดินหา HANGAR ตั้งแต่ฝั่งร้านสมบูรณ์มาจนถึงฝั่ง Daiso เพราะว่าพี่เขาบอกว่าบริษัทอยู่ตรง Daiso เดินหาทีทั่วชั้นเลยกว่าจะเจอ555 พอมาที่ HANGAR แล้วได้เจอพี่ๆ แล้วก็ได้เริ่มอธิบายเกี่ยวกับบริษัทและเกี่ยวกับงานที่ทำก็รู้สึกได้เลยว่านี่แหละเป็นที่ๆคิดถูกมากที่มาฝึกและโชคดีมากที่พี่รับเข้ามาฝึกงาน พี่ๆทุกคนน่ารักและเป็นกันเองมา ดูแลดีสุดๆ ทำให้ลบภาพที่คิดว่าการทำงานมันโหดร้ายมากหายไปจนหมด

“ทำงานที่นี่สนุกมาก อยู่กันแบบพี่น้องแบบครอบครัว”

มีอยู่วันนึงผมง่วงก็เลยหาว พี่วิน(ผู้เป็นทุกๆอย่างให้กับบริษัท)ได้บอกว่าถ้าง่วงก็ไปนอนได้นะ ผมนี่อึ้งไปเลยนอนในเวลางานหรอ555 ทำได้ด้วยหรอไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ก็เลยคิดในใจเข้าข้างตัวเองว่าถ้าร่างกายมันไม่พร้อมทำงานไปมันก็ทำได้ไม่ดี555 แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไปนอนนะก็ลุกเดินสักพักก็หายง่วงและนั่งทำงานต่อ แต่มีช่วงนึงเหมือนกันที่พี่เตอร์(CTOของบริษัท)ป่วยจนไม่ได้เข้าออฟฟิศก็รู้สึกเคว้งเหมือนกันที่ต้องนั่งแก้ปัญหาด้วยตัวเองเป็นส่วนมาก แต่ผมเป็นคนที่ถ้าติดปัญหาอะไรมักจะแก้ด้วยตัวเองก่อนจนถ้ามันไม่ไหวแล้วจริงๆจึงขอความช่วยเหลือ แต่ตอนหลังก็รู้สึกว่ามันก็ได้ประสบการณ์จริงในการทำงานเหมือนกันว่าในชีวิตจริงมันไม่มีใครมานั่งสอนงานตลอดหรอก เข้ามาทำงานพี่เขาก็เอาโค๊ดให้ดูและก้เขียนตามแนวนั้นแหละติดอะไรก็ไปหาวิธีแก้เอา ทำให้ผมรู้สึกว่ามันก็คุ้มนะที่ได้เจอบรรยากาศการทำงานจริงๆด้วย ดีกว่าให้พี่มาคอยประกบตลอดว่าต้องทำแบบนี้ๆทำไม่ได้หรอเดะพี่ทำเอง หรือให้สอนให้บอกทันทีเลยเมื่อเจอปัญหามันก็จะไม่ได้ฝึกการแก้ปัญหาด้วยตัวเองเลย

ชีวิตในแต่ละวัน

อยู่ที่นี่พี่ๆทุกคนเลี้ยงดีมากๆเลยละ เลี้ยงข้าวเกือบทุกเย็น และยังมีขนมมาให้กินบ่อยๆเลย555 จนบางทีก็แอบคิดว่ากินกันบ่อยขนาดนี้บริษัทไม่ขาดทุนหรอ แต่มีอยู่วันนึงเป็นการประชุมครึ่งปี ก็มีแสดงรายได้ก็แบบโหได้มากขนาดนี้เลยหรอต่อเดือน ก็เลยไม่ค่อยแปลกใจแล้วที่กินกันดีขนาดนี้555 พี่ๆที่นี่ก็ชอบเล่น ROV 3 คน(พี่เตอร์ พี่คิว(Marketingที่วันแรกมามาดเข้มสุดๆ แต่จริงๆเป็นคนขี้เล่นมาก555) และ พี่นิ้ง(หัวหน้าoperatorและคอยจัดการเรื่องผู้ดูแลกับคนไข้)) แล้วผมก็ชอบเล่น เรามักจะเล่นกันตอนก่อนกินข้าวเสมอเพราะข้าวมาช้า555 และเล่นทุกครั้งก็หัวร้อน555 แต่ก็ชนะอยู่นะ ที่บริษัทยังมีบอร์ดเกมให้เล่นอีกด้วย เล่นกันทีก็กลับบ้าน3–4 ทุ่มตลอด555 เพราะมันสนุกจริงๆ ฝึกงานจบแล้วก็ยังอยากจะกลับไปเล่นอีกเลย แล้วก็ยังมีโต๊ะ pool ให้เล่นอีกด้วยผมมักจะเล่นตอนที่คิดงานไม่ออก หรือตอนทำงานเสร็จไปอย่างนึงก็ให้รางวัลกับตัวเองเป็นการผ่อนคลายและตอนเย็น ตอนว่าง ตอนอยากเล่น555 เยอะจัง จริงๆก็เล่นไม่เป็นเลยเคยแทงสนุ๊กเกอร์อยู่ครั้งนึงแทงลูกไปยังไม่โดนอีกลูกเลย แต่มาอยู่ที่นี่พี่เตอร์สอนจนเล่นเป็นเลยละ555 ชนะพี่เตอร์ด้วย555 (ปลื้มตรงนี้แหละ)

“มาทำงานที่นี่ได้เรียนรู้อะไรมากมายเลย ทั้งเรื่องงานและไม่เรื่องงาน “

และที่นี่ยังนำ Agile เข้ามาใช้ในการทำงานด้วยซึ่งผมเคยได้เรียนจากที่มหาวิทยาลัยมาบ้างแต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจพอได้มาทำงานที่นี่ก็ได้ใช้บ้าง ถึงจะไม่ได้มากแต่ก็เห็นภาพก็ทำงานแบบ Agile ได้ชัดเจนขึ้นมากขึ้น

tagที่ไว้ติดcardบนboard

และก็ยังได้ความรู้ด้าน Marketing จากพี่คิวมาบ้างด้วยซึ่งก็ไม่ได้คาดหวังไว้เลยถือเป็นโบนัสไป และยังมีโอกาสได้ไปงานแถลงข่าวการลงทุนของ เมืองไทยประกันชีวิตกับ Health At Home ด้วยเป็นประสบการณ์ออกสื่อความแรกเลยรู้สึกโชคดีมากที่ได้รับประสบการณ์แบบนี้ด้วย

ไปงานระดมทุนของเมืองไทยประกันชีวิต

Techsauce

ก่อนที่จะจบฝึกงานก็มีเรื่องที่เซอร์ไพรส์เหมือนกันเมื่อพี่ตั้มทักเข้ามาใน slack ว่าสนใจไปงาน Techsauce มั้ยบัตรมูลค่า 7000 ฿ ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคืองานอะไรแต่พี่ตั้มบอกว่ามาทำงานกับ startup ทั้งทีก็ควรไปดู และมีพี่อีกคน(จำไม่ได้555)บอกข้าวอร่อย555 จึงตัดสินใจไปแต่ไม่ใช่เพราะข้าวอร่อยหรือบัตรแพงนะ555 ไปเพราะว่าพี่ตั้มแนะนำให้ไปดูงาน startup

บัตรเข้างาน techsauce

ถือว่าเป็นอะไรที่โชคดีมากเลยที่ได้มาทำงานที่นี่ ได้ทั้งประสบการณ์ดีๆ และโอกาสดีๆต่างๆมากมาย มิตรภาพดีๆจากพี่ๆ ความอบอุ่นที่เหมือนครอบครัว

และยังมีการใช้ชีวิตในเมืองอีกด้วยซึ่งตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาผมมักจะเรียนอยู่แถบนอกเมืองตลอดนานๆถึงจะเข้ามาในเมืองแต่พอมาทำงานที่นี่ก็ต้องมาเจอคนเมืองเจอความวุ่นวายและการเดินทางที่เหนื่อย ความอันตรายในการใช้ชีวิต(เกือบโดนรถชนตอนข้ามถนนเพราะรถฝ่าไฟแดงมาดีที่มองไปเจอพอดีเลยรีบวิ่งเลยรอดได้หวุดหวิดเลยถือว่าโชคดีมาก) ผมคิดว่าถ้าไปทำงานที่อื่นอาจจะไม่ได้อะไรแบบนี้ก็ได้และก็คุ้มค่ามากที่ได้มาฝึกที่นี่ แล้วพี่วินกับพี่นิ้งก็ยังพาไปเลี้ยงเบียร์ด้วยนะ555 อร่อยดีปกติก็ไม่ค่อยกินหรอกแต่พี่เลี้ยงทั้งทีนะ(เสียดายที่ไม่มีรูป) ตอนฝึกงานที่นี่ก็โดนพี่ 2 คนแกล้งตลอดเลย555(พี่นิ้งกับ พี่หนึ่ง(operatorอีกคนที่ปากร้ายแต่ใจดีมาก555)) แต่แกล้งแบบเล่นๆ ผมก็ว่าสนุกดี อย่างน้อยก็ดีกว่าบรรยากาศตึงเครียดกัน ในตอนที่ฝึกงานก็เจออุปสรรค์เยอะเหมือนกัน เนื่องจากผมทำงานส่วน UI ซึ่งมีปัญหาเรื่อง design ที่ต้องเปลี่ยนบ่อยจากการ validate กับ user และยังเจอ JCI มา consult แอปให้ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนหลายรอบเลย แต่ก็สนุกดีนะและได้รู้ว่าการทำงานจริงๆมันก็ยังงี้แหละ และแล้ววันเวลาก็ผ่านไปไวเหมือนโกหกเมื่อฝึกงานมาจากครบ 2 เดือนแล้วก็ถึงเวลาที่เราจะต้องกลับไปเรียนแล้วก็รู้สึกใจหายอยู่เหมือนกันที่ใช้ชีวิตแบบนี้มาตลอด 2 เดือน แต่ว่าจะไม่ได้มาทำต่อแล้ว

เลี้ยงส่ง

ในวันสุดท้ายของการฝึกงานพี่ๆก็ได้เลี้ยงส่งด้วยกาพาไปเลี้ยง Fuku บุฟเฟต์แซลมอลอร่อยมาก ตอนแรกแกล้งเสนอพี่ไปว่า OISHI Grand ได้มั้ยราคามันแพงมากเกือบพันแหนะ พี่บอกว่าได้เฉย แต่ก็ด้วยความเกรงใจก็กิน Fuku ก็พอเหลือแค่ 599

อาหารที่ Fuku

และหลังจากกินกันเสร็จก็ยังกลับมาเล่นบอร์ดเกมและกินเบียร์กันส่งท้ายด้วย สนุกมากเลย และไม่อยากให้วันเวลาดีๆนี้ต้องผ่านไปเลย ปกติ HANGAR นั้น ปิด 4 ทุ่มแต่ว่าเป็นอะไรที่โชคดีมากมีคนมาเตรียมงานวันต่อไปเลยปิดเลทไป 5 ทุ่มกว่า ก็เลยเล่นเกมกันยาวเลยจบก็ประมาณ 5 ทุ่มครึ่ง พอลงมาจะไป MRT ก็งานเข้าทันทีเจ้าหน้าที่บอกรถหมดแล้วเวลาคันสุดท้าย 23.34 ดูเวลาตอนนั้น 23.38 และพี่วินก็อาสาว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวไปส่งโดยจอดรถอยู่ที่วัดหัวลำโพงพอเดินไปถึงรถก็พบกับความซวยเมื่อยางแบนเฉยเลยTT แยกย้ายเลย

ในเลข555มีน้ำตาซ่อนอยู่

ก็เลยนั่ง Taxi กลับกับพี่เตอร์แทน

ความรู้สึกตอนนั้นคือไม่อยากให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปเลย ขอบคุณจริงๆครับที่มอบโอกาสดีๆแบบนี้ให้และสำหรับประสบการณ์ดีๆที่ Health At Home ได้มอบให้ก็ถ้าถามว่าฝึกงานที่นี่ดีมั้ย บอกเลยดีมาก คุ้มค่ามาก ฝึกเลย

นอกจากนี้ก็ยังมีพี่นอร์ท เทพนอร์ท acoshift ที่เป็นเทพทั้ง vue.js และgolang ด้วย แต่พี่นอร์ทไม่ค่อยเข้าบริษัทเท่าไรเลยไม่ค่อยได้เจอ แต่ก็ได้ความรู้จากพี่นอร์ทมาหลายอย่างอยู่เหมือนกัน แล้วยังมีพี่OJ(สาวสวยผู้เป็นทุกอย่างตั้งแต่UI, UX, คนโปรโมทถ่ายโปสเตอร์ทุกชนิด ดูได้จากโปสเตอร์รับสมัครงานจากรูปแรก555) ซึ่งผมก็ทำเกี่ยวกับ UIจึงได้ทำงานกับพี่OJเกี่ยวกับการ design อยู่ จะ และมีอีก 1 คนไม่ใช่พี่ แต่เป็นน้องที่มาฝึกงานด้วยกัน น้องบอส(เด็กลาดกระบัง ปี2) เป็นเด็กที่ไฟแรงมาก และกระตือรือร้นต่องานสุดๆ นิสัยดี แล้วก็ได้ทำงาน อยู่ร่วมกัน กินข้าวด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน เรียกได้ว่าถ้าวันไหนไม่มานี่เหงาเลย555 ซึ่งก็ได้เป็นมิตรภาพใหม่อีกคนเช่นกัน

ได้อยู่ครบคนกับสักที

แล้วก็ที่นี่ฝึกงานไม่ได้ตังนะ มีแต่คนถามผมตลอดเลยฝึกงานที่นี่ได้ตังเท่าไรผมบอกไม่ได้ และก็มีคนถามต่อว่าแล้วจะดีได้ไง ให้เขาใช้งานฟรีๆหรอ ผมเลยตอบกลับไปว่า

“การฝึกงานคือการไปขอเขาฝึกงาน ไม่ใช่ไปขอให้เขาจ้างเราฝึกงาน ถ้าคิดว่าการฝึกงานจะได้เงินตอบแทนมันไม่ได้อะไรหรอก เราเข้าไปฝึกงานก็เป็นภาระอย่างนึงที่เขาจะต้องรับผิดชอบแล้ว ฉะนั้นเรื่องเงินอย่าได้พูดถึง และการฝึกงานสิ่งที่หวังตอบแทนจริงๆ มันคือประสบการณ์ต่างหากละ”

--

--