เรียนรู้งานในโลก Health-tech startup กับ Health At Home
กาลครั้งหนึ่ง
ผมเป็นหนุ่มสาย Marketing คนหนึ่งที่ทำงานประจำในองค์กรไม่แสวงหากำไรเพื่อสังคม แต่อย่างที่หลายๆคนรู้ งาน Marketing นั้นเปลี่ยนแปลงเร็วมาก คนที่จะเป็น Marketer ก็ต้องพัฒนาและอัพเดทตัวเองอยู่ตลอดเวลา
“ถ้าคุณฉลาดที่สุดในห้อง แสดงว่าคุณอยู่ผิดห้อง”
บริษัท Startup ขึ้นชื่อเรื่องสภาพแวดล้อมที่มีคนเก่งและการแข่งขันสูง ผมจึงตัดสินใจอยากจะกระโดดเข้ามา environment แบบนี้เพื่อการเรียนรู้
วันหนึ่งในปลายปี 2018
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ก็ไม่รีรอ ผมขอนัดเจอ “พี่ตั้ม” Founder ของ Health At Home บริษัท Health-tech Startup บริการจัดส่งผู้ดูแลถึงบ้านแบบจิ๊ดๆ
“ผมขอเข้ามาทำงานที่บริษัทพี่สัปดาห์ล่ะ 1 วันได้ไหม? ไม่ต้องให้เงินผมก็ได้ แค่อยากเข้ามาช่วยงานเพื่อการเรียนรู้”
3 สัปดาห์ถัดมา ผมได้เข้ามาทำงานทันที…
(สุดท้ายก็ได้ค่าตอบแทนด้วย >.<)
ทำอะไรในบริษัท?
เนื่องจากผมเข้ามาช่วงเดือนสุดท้ายก่อนที่ “คิว” Marketing คนเก่าจะออก ผมจึงได้เรียนรู้งานจากคิวอยู่พักหนึ่ง แล้วก็ลุยเดี่ยวทำเอง
สิ่งที่ได้ลองทำหลักๆก็ประมาณนี้
- Lead Bullseye framework for growth
- Ads Optimization (Facebook, Google ads, Youtube ads, Line timeline ads, etc.)
- Increase effectiveness of marketing channels by tracking user funnel and calculate CAC, LTV, Retention rate, blah blah
นอกจากนี้ ยังได้เสพย์ประสบการณ์ Sprint Meeting, Townhall ของ startup ช่วยเปิดโลกกว้างของผมไปอีกขั้น
วัฒนธรรมภายใน Heath At Home
ผมชอบตรงที่พี่ตั้มเป็นคนจริงจังเรื่องการสร้างวัฒนธรรมองค์กรดี มีการพูดย้ำทุกสัปดาห์ และ Evaluate ด้านวัฒนธรรมด้วย
บริษัทเน้น 3 ด้าน Innovation, Empathy, Speed
แต่ถ้าเอาแบบชีวิตจริง วัฒนธรรมภายในที่ผมสัมผัสได้มีประมาณนี้
- เปิดโอกาสทดลอง = ผมได้รับอิสระให้ทดลองอะไรก็ได้อย่างเต็มที่ พี่ตั้มตั้งเป้าหมายของบริษัท (OKR) และโยนงบมาให้ ซึ่งทำให้เวลาวางแผนมันก็คิดนอกกรอบได้หมดเลย สร้างสรรค์ดี
- สนุก= อิทธิพลของ Founder มีผลกับวัฒนธรรมองค์กรมากๆ และผมว่า พี่ตั้มพี่วิน เป็นคนสนุก มันจึงทำให้บริษัทมีความสนุกตลอดการทำงาน บางครั้งก็มีการแกล้งกัน ชอบตัดต่อหน้าตลกๆมาโชวใน Townhall, เอาหุ่นคนไข้มาใส่เสื้อยืดบริษัท lol
- ความเท่าเทียม = เจ้าของบริษัทกับน้องฝึกงาน นั่งโต๊ะแบบเดียวกันเป๊ะ ใครจะเข้าไปพูดคุยกับคนไหนก็ได้ ไม่มีลำดับชนชั้น
- ปรับตัวไว = เป็นองค์กรที่มีการเปลี่ยนแปลงไวมาก ในการทำงาน 7 เดือนของผม ผมเจอโลโก้บริษัท 3 แบบ, ปรับเป้า OKR 3 ครั้ง, พนักงานใหม่มากกว่า 10 คน, ย้ายโต๊ะทำงาน 1 ครั้ง เรียกได้ว่าคุณต้องเคยชินกับการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
- ความโปร่งใส = บริษัทเปิด Data room ให้พนักงานเข้าไปเห็นรายรับ, กำไร, จำนวนลูกค้า, ฯลฯ เวลาผมถามคำถามพี่ตั้มเรื่องการระดมทุน ทิศทางบริษัท หรืออื่นๆ พี่ตั้มก็เล่าให้ฟัง มันทำให้เรารู้สึกสบายใจเพราะบริษัทเชื่อใจเรา
- รับผิดชอบชีวิตตัวเองให้ดี = ไม่มีเวลาตอกบัตรเข้างาน บางครั้งจะออกไปนั่งทำงานข้างนอกก็ได้ บริหาร work-life balance ของตัวเองให้ดี แต่ว่าก็ต้องรับผิดชอบงานให้เสร็จนะ บางครั้งพี่ตั้มของานมาตอนสี่ทุ่ม ก็ตามนั้น…
Health At Home สอนอะไรผม?
มีหลายบทเรียนที่ได้รับ จากการมาร่วมงาน 7 เดือน แต่ถ้าให้ผมเลือกได้ข้อเดียวเกี่ยวกับการเป็น entrepreneur ผมคงเลือก
“วัฒนธรรมองค์กรไม่ได้เกิดขึ้นเอง คุณต้องตั้งใจสร้างมัน”
คำสอนนี้คุณอาจจะเห็นได้ตามหนังสือ startup ทั่วไป แต่สิ่งที่ผมได้รับคือ ประสบการณ์จริงที่สัมผัสได้ในบริษัทนี้
หมดเวลาแล้ว ชั้นคงต้องไป แต่สิ่งที่เหลือในใจยังอยู่
สุดท้ายนี้ อยากขอบคุณ
ขอบคุณพี่ตั้มกับพี่วิน ที่ให้โอกาสผมเข้ามาเรียนรู้งาน ได้ลองทำงานจริง และเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี
ขอบคุณคิว ที่สอนงาน แม้จะแค่ระยะสั้นๆ แต่ก็ได้เรียนรู้หลายสิ่งมาก
ขอบคุณทีมงาน Health At Home สำหรับการเพื่อนร่วมงานที่ดี น้องๆสนุกมาก บางคนก็ตลกๆ บางคนก็เพี้ยนๆ บางคนก็หลุดๆ แต่รวมๆแล้วทำงานดีอย่างน่าอบอุ่น
ขอบคุณ Dtac Accelerate สำหรับโต๊ะปิงปอง โต๊ะพูล และออพฟิตทำเลทอง