แชร์ประสบการณ์การทำงานที่ Health at home

Foil Khongsirisombat
Human Of Health At Home
3 min read2 days ago
Photo by Austin Distel on Unsplash

สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์การเป็น HR ครั้งแรกให้กับบริษัท Health at Home 🧑‍⚕️🏠

ต้องเกริ่นก่อนว่า การทำงานที่ Health at home เป็นการทำงานประจำครั้งที่ 2 ของเราค่ะ ในส่วนของงานแรกเราทำงานด้านการศึกษามาก่อน ในบทบาทของ Admissions assistant และ Admissions officer โดยทำหน้าที่ในการส่งนักเรียนต่างชาติไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ฟังดูแล้วบทบาทของเราในงานแรกอาจดูต่างออกไปจากงาน HR แต่จริงๆแล้วหน้าที่ความรับผิดชอบในงานแรกก็มีความสอดคล้องกับงาน HR อยู่บ้างค่ะ

โดยหน้าที่หลักๆของเราในการส่งนักเรียนไปเรียนต่อที่อังกฤษ เราในฐานะ Admissions assistant ถือเป็น key person ที่ดูแลนักเรียนตั้งแต่การรับ application form, Input ข้อมูลลงระบบ, พิจารณาว่าเด็กแต่ละคน meet requirement ของแต่ละมหาลัยมั้ย ไปจนถึงการส่ง offer letter ซึ่งล้วนเป็น process ที่คล้ายคลึงกับงานrecruit ในฐานะ HR

อีกทั้งเรายังได้มีประสบการณ์ในบทบาทของ Admissions officer ที่ทำงานในส่วนของการติดต่อสื่อสารกับ Agent โดยมีหน้าที่คอยแก้ปัญหาหลังบ้าน ทั้งแก้ปัญหาเรื่อง Visa, Delayed offer letter, พิจารณา Personal statement, สัมภาษณ์เด็กที่มีอายุไม่ถึงเกณฑ์, จัดการเรื่อง financial และ scholarship ซึ่งเรียกได้ว่าดูแลนักเรียนในทุกๆ process ก่อนที่จะส่งเด็กไป enroll กับมหาลัยนั้นๆ

จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้เรารู้ว่าจุดแข็งของเราคือการทำงานในส่วนของ admin + operation support และ งาน HR คือหนึ่งในงานที่เรามองว่า อาจจะตอบโจทย์ตัวเราเอง บวกกับตำแหน่ง HR เป็นที่ต้องการในหลายๆองค์กร ทำให้เรา prioritize role HR มาเป็นอีก 1 consideration ของเราค่ะ

แล้วเรามาเริ่มต้นบทบาท HR ครั้งแรก ที่ Health at home ได้ยังไง….

หลังจากลาออกจากงานประจำที่แรก เราเริ่มมองหางานที่จะได้ใช้ skills ต่างๆที่เราเคยทำมา ทั้งการทำหน้าที่เป็น admin support และงานอื่นๆที่พอจะนำสกิลเหล่านั้นมา adapt ได้ ซึ่ง role HR ก็เป็นอีก 1 role ที่เรามองหา ในตอนนั้นเรายื่นสมัครงานไปทั้งในบริษัทใหญ่และบริษัทสตาร์ทอัพในหลายๆสายงาน บวกกับอยากลองทำงานในบริษัทสตาร์ทอัพดูบ้างเพราะอยากเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างองค์กรสองรูปแบบ หลายๆคนอาจเคยได้ยินกิตติศัพท์ของบริษัทสตาร์ทอัพทั้งจากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทั้งความคิดเห็นทางด้านความมั่นคง ระบบการจัดการองค์กร กระทั่งแนวคิดที่บอกว่าสตาร์ทอัพอยู่กันเหมือนครอบครัว ซึ่งเราเองก็เป็น 1 ในคนที่ได้รับ feedback เหล่านั้นมาเหมือนกัน แต่พื้นฐานแล้วเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อคำรีวิว เลยอยากสัมผัสประสบการณ์ด้วยตัวเองมากกว่า

จนวันหนึ่งได้รับสายจากพี่ๆจาก Health at home ติดต่อมา phone screen ณ ตอนนั้นก็สารภาพตรงๆว่าไม่รู้จัก health at home มาก่อน แต่จากที่ฟังรายละเอียดงาน + JD ดูน่าสนใจ เพราะเป็นบริษัทที่ไม่เคยมี HR มาก่อน และ role นี้จะได้ทำงาน direct report กับผู้บริหารโดยตรง ซึ่งเรามองว่าอาจเป็นโอกาสในการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ท้าทาย และได้ลองทำหลายๆอย่างด้วยตัวเอง เลยตอบรับเข้าสัมภาษณ์ไป

ซึ่ง process การสัมภาษณ์ ณ ตอนนั้น รอบแรกจะเป็นการ phone screen เบื้องต้น เพื่อถาม motivation ในการมาสมัครงาน background check ดูทัศนคติและดูpersonalityคร่าวๆ และต่อมาจะเป็น online interview ซึ่งรอบนี้เราได้สัมภาษณ์กับ Co-Founder ของ Health at home หรือพี่วินนั่นเอง ก่อนหน้าการสัมภาษณ์เราก็ได้เตรียมตัว หาข้อมูลบริษัท ทั้งตามไปดู youtube ศึกษาจาก website บริษัท และหาข้อมูลรีวิวต่างๆดู จนมาถึงวันสัมภาษณ์ first impression จริงๆคือตื่นเต้นที่ได้สัมภาษณ์กับ management โดยตรง แต่สุดท้ายการสัมภาษณ์ก็ผ่านไปได้ด้วยดี รู้สึก enjoy และรู้สึกว่าพี่วินดูใจดีน่าจะทำงานด้วยกันได้55555555

หลังจากผ่าน online interview ไปสักพักก็มีพี่ๆจาก Health at home ติดต่อมานัดสัมภาษณ์ onsite ที่ออฟฟิศ ก็เลยตอบตกลงและลองไปดู ในรอบนี้จะเป็นการสัมภาษณ์กับ management team 3 คน ทั้งพี่วิน พี่ตั้ม พี่โอเจ บรรยากาศการสัมภาษณ์ก็ผ่านไปได้ด้วยดี พยายามตอบให้เป็นตัวเองมากที่สุด หลังจากสัมภาษณ์เสร็จก็รู้สึกว่าบรรยากาศที่นี่จริงๆแล้วเป็นกันเองมาก พี่ๆน่ารักเลยคิดว่าถ้าได้ที่นี่ก็โอเค จนสุดท้ายก็ได้รับ offer จริงๆก็เลยตัดสินใจ accept และตกลงเรื่องวันเริ่มงาน

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ผ่านมา 6 เดือนกว่าๆแล้วกับการทำงานที่ Health at home

ด้วยความที่เราเป็น HR คนแรกของบริษัท และงาน HR ก่อนหน้าผู้บริหารเป็นคนทำด้วยตัวเอง การจัดการระบบ HR หลังบ้านจึงยังไม่ได้มีระบบ support ขนาดนั้น บทบาทหน้าที่หลักๆในการเป็น HR ของเราจึงต้องทำการ Research และหาข้อมูลต่างๆด้วยตัวเองประกอบกับเรียนรู้จากพี่วินที่รับผิดชอบงาน HR มาก่อน เรียกได้ว่าทำงานร่วมกันและพัฒนาระบบต่างๆไปด้วยกัน ตั้งแต่การทำ employee database ที่เก็บรวบรวมฐานข้อมูลพนักงาน การทำ HRD, HRM ประกอบกับงาน HROD เรียกได้ว่าได้เรียนรู้และลองทำงาน HR ในทุกๆ Function แต่จะให้เล่าทุกพาร์ทเลยก็คงจะยาวเกินไป เราเลยเลือกพาร์ทที่ได้ลงมือทำมากที่สุดอย่างพาร์ท Recruit หรือการสรรหาพนักงานมาเล่าให้ฟัง

ด้วยความที่บริษัทเรากำลังอยู่ในช่วง Growth stage ทำให้อัตราการจ้างพนักงานใหม่เพิ่มขึ้นตลอดเวลา ซึ่งในระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา เราได้ recruit พนักงานใหม่ไปทั้งหมดถึง 13 ตำแหน่ง โดยตัวเราเองในฐานะ HR จะเป็น Key person ในการ run process ต่างๆ

โดยเริ่มตั้งแต่การรับ requirements และ JD จาก Hiring Manager พร้อมกับนำ JD ที่สมบูรณ์เผยแพร่ออกไปเป็น Job post ตาม Channel ต่างๆที่ Hiring Manager ต้องการ ประกอบกับพิจารณาตามความเหมาะสมของแต่ละตำแหน่งว่าควรใช้ Job board ตัวไหนเพื่อดึงดูด candidate ให้มาสมัครงานกับเรา ซึ่งในแต่ละตำแหน่งงานอาจมี channel ที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับว่า Platform ไหนที่เป็น pool ของ candidate ต่อมาจะเป็นการคัดเลือก resume และทำ phone screen เพื่อหา candidate ที่มี profile match ตาม requirement นั้นๆ มาสัมภาษณ์ใน process ต่อไป ระหว่าง process การสัมภาษณ์เราจะเป็นคนคอยติดต่อและ follow-up กับ candidate เพื่อคอยประสานงานเรื่อง meeting และ คอยให้ข้อมูลต่างๆกับ candidate จากนั้นเมื่อ candidate สัมภาษณ์ผ่านเรียบร้อยแล้ว เราจะทำการแจ้งผลการสัมภาษณ์และแจ้งข้อเสนอต่อไป

แต่หน้าที่ของ HR ไม่ได้จบแค่นั้น หลังจากที่ candidate ตอบรับ offer แล้ว หน้าที่ในการตกลงวันเริ่มงาน ขอเอกสารเพิ่มเติม ประสานงานระหว่างทีม และนำข้อมูลพนักงานเข้า database ล้วนเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของ HR ทั้งสิ้น นอกจากนี้ หลังจากที่ candidate ได้มาเป็นส่วนหนึ่งกับเราแล้ว หน้าที่ต่อจากนั้นคือการ support และให้ความช่วยเหลือพนักงานเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ซึ่งเรียกได้ว่า HR เป็นบุคคลหลักที่คอย support พนักงานตั้งแต่ก่อนเริ่มงานไปจนถึงตลอดชีวิตการทำงานของพนักงานเลยก็ว่าได้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่างาน recruit จะดูเหมือนเป็นงานหลักของ HR ตามที่คนส่วนมากเข้าใจ แต่จริงๆแล้ว การเป็น HR ในบริษัทๆหนึ่งยังมีอีกหลาย Function ที่เราต้องรับผิดชอบ ทั้งการดูแลสวัสดิการพนักงาน การทำเงินเดือน การออกเอกสารสำคัญ การแก้ปัญหาระหว่างองค์กร และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งสำหรับ 6 เดือนที่ผ่านมาในฐานะ HR เรามองว่าการบริการทรัพยากรบุคคลเป็นอีกหนึ่งส่วนที่แต่ละองค์กรไม่ควรมองข้ามและควรให้ความสำคัญพอๆกับส่วนอื่นๆในบริษัท เรามองว่าทรัพยากรคนเป็นปัจจัยหลักและเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนบริษัทและขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินต่อไปข้างหน้า อีกทั้งยังเป็นการรักษาสมดุลระหว่างพนักงานและองค์กรเพราะเราเชื่อว่าความเป็นอยู่ของพนักงานสัมพันธ์กับประสิทธิภาพในการทำงานเราจึงจำเป็นต้องใส่ใจและให้ความสำคัญกับการบริหารทรัพยากรบุคคลไม่น้อยไปกว่าส่วนอื่นๆในบริษัท

แล้วการเป็น HR คนแรกของบริษัท เฮลท์ แอท โฮม ได้เรียนรู้อะไรบ้าง

สำหรับโอกาสในการเป็น HR คนแรกของบริษัท เรามองว่าโอกาสนี้ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีที่ทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆและยังท้าทายให้เราพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งการที่ได้ทำงานใกล้ชิดกับผู้บริหารยังทำให้เราได้เห็นมุมมองและแนวความคิดต่างๆ ของเจ้าของธุรกิจ เราคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ไม่สามารถหาได้ในองค์กรใหญ่ จากที่เคยทำงานในองค์กรใหญ่มาก่อนเรามองว่าโอกาสในการเข้าถึงและการเสนอความคิดเห็นของเราให้ไปถึงผู้บริหารมีน้อยมากจนถึงเป็นไปไม่ได้เลยหากเราไม่ได้อยู่ในตำแหน่งระดับสูง แต่การได้ทำงานในองค์กรที่เป็น ธุรกิจสตาร์ทอัพ เรากลับสามารถเข้าถึงและสื่อสารกับผู้บริหารระดับสูงได้อย่างตรงไปตรงมา เรามองว่าจุดนี้ถือเป็น Turning point หลักๆที่ทำให้เรามองธุรกิจสตาร์ทอัพเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น นอกจากนี้ การได้ทำงานในบริษัท เฮลท์ แอท โฮม ยังเปรียบเสมือนศูนย์กลางที่รวบรวมคนเก่งจากหลายๆด้านไว้ด้วยกัน ที่เราสามารถเรียนรู้และขอคำแนะนำได้ตลอดเวลา

สุดท้ายแล้วการทำงานในบริษัทเฮลท์ แอท โฮม ใน 6 เดือนที่ผ่านมาถือเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สอนให้เราโตขึ้นไปอีก Step หนึ่ง ที่ได้ใช้ทั้งความคิด การตัดสินใจ และได้เรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆในทุกๆวัน

--

--